พอนทีซิตี
พอนทีซิตีอะพาร์ตเมนต์ | |
---|---|
ข้อมูลทั่วไป | |
สถานะ | สร้างเสร็จ |
ประเภท | ที่อยู่อาศัย |
ที่ตั้ง | เบเรีย โจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ |
พิกัด | 26°11′26″S 28°3′25.5″E / 26.19056°S 28.057083°E |
แล้วเสร็จ | 1975 |
ความสูง | |
หลังคา | 173 เมตร (567.6 ฟุต) |
ข้อมูลทางเทคนิค | |
จำนวนชั้น | 55 |
ลิฟต์ | 8 |
การออกแบบและการก่อสร้าง | |
สถาปนิก | แมนเฟร็ด เฮอร์เมอร์ (Manfred Hermer) |
ข้อมูลอื่น | |
ที่จอดรถ | มี |
พอนทีซิตี (อังกฤษ: Ponte City)[1] เป็นตึกระฟ้าในย่านชานเมืองเบเรีย ในนครโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ ติดกับฮิลโบรว อาคารสร้างขึ้นใน ค.ศ. 1975 มีความสูง 173 เมตร (567.6 ฟุต) จำนวน 55 ชั้น ถือเป็นอาคารที่อยู่อาศัยที่สูงที่สุดในทวีปแอฟริกา อาคารมีรูปลักษณะเป็นทรงกระบอก ตรงกลางเปิดโล่งเพื่อให้มีแสงเข้ามาภายใน ตรงกลางเป็นที่รู้จักในชื่อ "เดอะคอร์" (the core) เป็นช่องว่างสูงขึ้นมาเหนือพื้นหินที่ไม่ได้ระดับ ในสมัยที่อาคารพึ่งสร้างแล้วเสร็จ พอนทีซิตีเป็นที่ต้องการเนื่องมาจากสถานที่ตั้งและทิวทัศน์นครโจฮันเนสเบิร์กที่ชมได้จากบนอาคาร ต่อมาในคริสต์ทศวรรษ 1980 ตอนปลาย จนถึงทศวรรษ 1990 อาคารกลับกลายมามีชื่อทางลบจากเหตุอาชญากรรมและการขาดการบำรุงรักษา นับจากนั้นมา อาคารได้รับการดูแลปรับปรุงและกลับมาสู่สภาวะที่ปลอดภัยแล้ว
ป้ายไฟนีออนยอดอาคารเป็นป้ายที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกใต้ ปัจจุบันเป็นป้ายโฆษณาของบริษัทโทรคมนาคม โวดาคอม[2] และก่อนหน้านั้นจนกระทั่งปี 2000 ป้ายนี้เป็นป้ายโฆษณาของโคคาโคล่ามาก่อน[3]
ประวัติศาสตร์
[แก้]นักออกแบบหลักของอาคารพอนทีซิตีคือ แมนนี เฟิลด์แมน (Mannie Feldman) ร่วมกับคณะคือ แมนเฟร็ด เฮอร์เมอร์ (Manfred Hermer) และ ร็อดนี กรอสส์คัปฟ์ (Rodney Grosskopff)[4][5] ร็อดนีเป็นคนที่ตัดสินใจสร้างอาคารให้เป็นรูปทรงกระบอก เป็นตีกระฟ้าทรงกระบอกตึกแรกในแอฟริกา[6] ในเวลานั้น กฎหมายนครโจฮันเนสเบิร์กบังคับให้ครัวและห้องน้ำต้องมีหน้าต่างเปิดสู่ภายนอก ร็อดนีจึงออกแบบอาคารให้ภายในโล่ง ทำให้แสงสามารถเข้ามาสู่ภายในอาคารได้จากทั้งสองทาง[6] ที่ชั้นล่างของอาคารเป็นพื้นที่ค้าขาย และในแปลนแรกเริ่มมีแผนจะสร้างสโลปสกีในร่มบนพื้นที่ 3,000-ตารางเมตร (32,000-ตารางฟุต) ส่วนในของใจกลางอาคาร[6] ที่ตั้งของอาคารอยู่ห่างไป 35 นาทีจากท่าอากาศยานนานาชาติโออาร์ แทมโบ และอยู่ในระยะทางเดินเท้าได้จากย่านใจกลางเมืองเช่น ย่านมาร์เก็ต (Market) และ ซิวิก (Civic) ด้วยระยะห่างเพียง 5 กิโลเมตร (3.1 ไมล์)[2]
การเสื่อมถอย
[แก้]ในปลายคริสต์ทศวรรษ 1980 กิจกรรมจากกลุ่มอาชญากรรมทำให้อัตราการเกิดอาชญากรรมในอาคารและย่านโดยรอบพุ่งสูง[2] ในทศวรรษ 1990 มีหลายกลุ่มอาชญากรรมที่ย้ายเข้ามาอาศัยในอาคาร และทำให้อาคารไม่ปลอดภัยอย่างหนัก จากนั้นมา พอนทีซิตีจึงกลายมาเป็นสัญลักษณ์ของอาชญากรรมและซากความเสื่อมถอยของนคร (urban decay) ในย่านเบเรีย (Berea) ที่ครั้งหนึ่งเป็นย่านนานาชาติ ใจกลางของอาคารเต็มไปด้วยซากปรักหักพังที่ก่อตัวสูงถึง 5 ชั้น ในขณะที่เจ้าของอาคารปล่อยให้อาคารทรุดโทรมลงเรื่อย ๆ[6][7]
ในกลางคริสต์ทศวรรษ 1990 ได้มีข้อเสนอให้เปลี่ยนอาคารนี้เป็นเรือนจำระฟ้าแทน[2]
นิวพอนที
[แก้]ในเดือนพฤษภาคม 2007 พอนทีได้เปลี่ยนเจ้าของและมีการเสนอโครงการพัฒนาอาคารขึ้นใหม่ในชื่อโครงการ "นิวพอนที" ("New Ponte") โดย เดวิด เซลแวน (David Selvan) และ นัวร แอดดีน อัยยูบ (Nour Addine Ayyoub) ภายใต้บริษัทของอัยยูบ ชื่อ อินเวสตาเก็น (Investagain) วางแผนจะฟื้นคืนอาคารขึ้นใหม่ทั้งหมด[8] แผนการพัฒนาประกอบด้วยที่อยู่อาศัยรวม 467 ยูนิต, พื้นที่การค้า และพื้นที่เพื่อนันทนาการ ในสองสามปีถัดมา กรมพัฒนาโจฮันเนสเบิร์ก (Johannesburg Development Agency) วางแผนที่จะลงทุนราว 900 ล้านแรนด์ในพื้นที่รอบพอนทีซิตี เช่น เอลลิสพาร์ก เช่นเดียวกับย่านฮิลโบรวและเบเรีย บางส่วนเพื่อเตรียมการสำหรับฟุตบอลโลกฟีฟ่า ปี 2010
กระนั้นวิกฤติสินเชื่อซับไพรม์เป็นผลให้ธนาคารไม่ให้เงินทุนแก่โครงการ ทำให้การคืนชีพอาคารไม่สำเร็จ โครงการถูกยกเลิกและอาคารถูกส่งคืนความเป็นเจ้าของแก่เคมปสตันกรุ๊ป (Kempston Group)[8]
ในปัจจุบัน
[แก้]ในปี 2017 อาคารได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งหมด และได้รับการยอมรับว่าเป็นที่อยู่อาศัยที่ "เป็นที่ต้องการ" และ "ราคาเหมาะสม" ประชากรในอาคารมีรายงานว่าเป็นคนแอฟริกันผิวสี 80% และยังมีผู้อพยพจากประเทศอื่นด้วย[9]
ในวัฒนธรรมสมัยนิยม
[แก้]หนึ่งในฉากตอนท้ายของภาพยนตร์ปี 2009 เรื่อง District 9 เป็นการถ่ายทำที่อาคารพอนทีซิตี[10] ผู้กำกับ ฟิลิป บูม ได้สร้างภาพยนตร์สารคดีเรื่อง Ponte Tower บันทึกเรื่องราวของอาคารนี้[11] อินกริด มาร์เทินส์ (Ingrid Martens) สร้างสารคดี Africa Shafted: Under one Roof ขึ้น โดยถ่ายทำทั้งหมดแค่ในลิฟต์โดยสารของพอนทีซิตี รวมระยะเวลาสองปีครึ่ง[12] ฉากต่อสู้ในภาพยนตร์ปี 2016 เรื่อง Resident Evil: The Final Chapter ถ่ายทำที่นี่เช่นกัน[13]
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Pampalone, Tanya (2009). "The Full Ponte". Maverick. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 มีนาคม 2015. สืบค้นเมื่อ 25 สิงหาคม 2014.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 2.3 Davie, Lucille (9 พฤศจิกายน 2007). "Ponte: revival of a Joburg icon". southafrica.info. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 พฤษภาคม 2009. สืบค้นเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2009.
- ↑ "Ponte City Apartments". Emporis. 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 กุมภาพันธ์ 2013. สืบค้นเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2009.
- ↑ Chipkin, Clive M. (2008). Johannesburg Transition: Architecture & Society from 1950. STE Publishers. ISBN 978-1-919855-88-2.
- ↑ "Editor's comment" (PDF). Housing in Southern Africa: หน้า 3. มกราคม 2006. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 25 พฤษภาคม 2006. สืบค้นเมื่อ 4 มีนาคม 2010.
- ↑ 6.0 6.1 6.2 6.3 Hanes, Stephanie (12 กุมภาพันธ์ 2008). "Ponte City – a South African landmark – rises again". The Christian Science Monitor. สืบค้นเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2009.
- ↑ Smith, David (11 พฤษภาคม 2015). "Johannesburg's Ponte City: 'the tallest and grandest urban slum in the world' – a history of cities in 50 buildings, day 33". The Guardian. สืบค้นเมื่อ 19 กันยายน 2020.
- ↑ 8.0 8.1 Pampalone, Tania (16 ธันวาคม 2008). "Ponte project crashes". Mail & Guardian Online. สืบค้นเมื่อ 21 พฤศจิกายน 2009.
- ↑ Simon Usborne (4 กุมภาพันธ์ 2017). "'The building creaks and sways': life in a skyscraper". the Guardian.
- ↑ Sailer, Steve (21 สิงหาคม 2009). "Neill Blomkamp's Giant Apartheid Metaphor". iSteve.com. สืบค้นเมื่อ 23 สิงหาคม 2009.
- ↑ Bloom, Philip (12 ตุลาคม 2012). Ponte Tower. สืบค้นเมื่อ 17 กันยายน 2018.
- ↑ "I'M Original | Media that Matters". africashafted.com (ภาษาอังกฤษ). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 กรกฎาคม 2017. สืบค้นเมื่อ 17 กันยายน 2018.
- ↑ Lenora Brown, Ryan (21 กุมภาพันธ์ 2017). "The South African Building That Came to Symbolize the Apocalypse". The Atlantic.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]
สถิติ | ||||
---|---|---|---|---|
สมัยก่อนหน้า ไฮพอยต์ฮิลโบรว |
อาคารที่อยู่อาศัยที่สูงที่สุดในแอฟริกา 173 ม. (567.5′) 1975 – ปัจจุบัน |
ในตำแหน่ง | ||
สมัยก่อนหน้า คาร์ลทันเซนเทอร์ |
อาคารที่มีจำนวนชั้นมากที่สุดในแอฟริกา 54 ชั้น 1975 – 2019 |
สมัยต่อมา เดอะเลโอนาร์โด |