ข้ามไปเนื้อหา

การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก Cloud computing)
แผนผังของการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ

การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ (อังกฤษ: cloud computing) เป็นลักษณะของการทำงานของผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ผ่านอินเทอร์เน็ต ที่ให้บริการใดบริการหนึ่งกับผู้ใช้ โดยผู้ให้บริการจะแบ่งปันทรัพยากรให้กับผู้ต้องการใช้งานนั้น การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ เป็นลักษณะที่พัฒนาขึ้นต่อมาจากความคิดและบริการของเวอร์ชัวไลเซชันและเว็บเซอร์วิซ โดยผู้ใช้งานนั้นไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในเชิงเทคนิคสำหรับตัวพื้นฐานการทำงานนั้น[1]

ความหมาย

[แก้]

สถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาให้คำจำกัดความ "cloud" ว่า มันเป็นอุปลักษณ์ จากคำในภาษาอังกฤษที่แปลว่า เมฆ[2] กล่าวถึงอินเทอร์เน็ตโดยรวม[3] ในรูปของโครงสร้างพื้นฐาน (เหมือนระบบไฟฟ้า ประปา) ที่พร้อมให้บริการกับผู้ใช้งานเมื่อมีความต้องการใช้[4] ผู้ให้บริการการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆส่วนใหญ่ จะให้บริการในลักษณะของเว็บแอปพลิเคชัน โดยให้ผู้ใช้ทำงานผ่านเว็บเบราว์เซอร์ ขณะเดียวกันซอฟต์แวร์และข้อมูลทั้งหมดจะถูกเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์ของผู้ให้บริการ

การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆนั้น ถูกอธิบายถึงโมเดลรูปแบบใหม่ของเทคโนโลยีสารสนเทศในการใช้งานบนอินเทอร์เน็ตที่เน้นการขยายตัวได้อย่างยืดหยุ่น สามารถที่จะปรับขนาดได้ตามความต้องการของผู้ใช้ และมีการจัดสรรทรัพยากร[5][6] โดยเน้นการทำงานระยะไกลอย่างง่าย ที่ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นโครงสร้างพื้นฐาน[7]

ตัวอย่างของการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆที่เป็นที่รู้จัก เช่น ยูทูบ โดยที่ผู้ใช้สามารถเก็บวิดีโอออนไลน์ได้ โดยไม่ต้องมีความรู้ในการสร้างระบบวิดีโอออนไลน์ หรือ ในระบบ[[เครือข่ายสังคมออนไลน์ต่างๆ เป็นต้น

การบริการบนระบบ

[แก้]

การบริการบนระบบการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆสามารถ แบ่งรูปแบบของชั้น ดังนี้

  • การให้บริการซอฟต์แวร์ หรือ Software as a Service (SaaS)

จะให้บริการการประมวลผลแอปพลิเคชันที่แม่ข่ายของผู้ให้บริการ และเปิดให้การบริการทางด้านซอฟต์แวร์ต่างๆ

  • การให้บริการแพลตฟอร์ม หรือ Platform as a Service (PaaS)

เป็นการประมวลผล ซึ่งมีระบบปฏิบัติการ และการสนับสนุนเว็บแอปพลิเคชันเข้ามาร่วมด้วย

  • การให้บริการโครงสร้างพื้นฐาน หรือ Infrastructure as a Service (IaaS)

เป็นการให้บริการเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน มีประโยชน์ในการประมวลผลทรัพยากรจำนวนมาก

  • บริการระบบจัดเก็บข้อมูล หรือ data Storage as a Service (dSaaS)

ระบบการจัดเก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ไม่จำกัด รองรับการสืบค้นและการจัดการข้อมูลขั้นสูง

  • บริการร่วมรวมลำดับความเชื่อมโยง หรือ Composite Service (CaaS)

คือส่วนทำหน้าที่รวมโปรแกรมประยุกต์ หรือจัดลำดับการเชื่อมโยงแบบ workflow ข้ามเครือข่าย รวมถึงการจัดการด้านความปลอดภัย

การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ กับ เครือข่ายเชื่อมโยงการกระจายทรัพยากร

[แก้]

ข้อแตกต่างระหว่าง การประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ (Cloud Computing) และ เครือข่ายเชื่อมโยงการกระจายทรัพยากร (Grid Computing) กล่าวคือ การประมวผลแบบกริด จะเป็นการแบ่งบันทรัพยากรร่วมกันระหว่างบุคคลและองค์กร โดยจะถูกกำหนดและควบคุมภายใต้กฎขององค์กรที่เรียกว่า องค์กรเสมือน (Virtual organization) โดยทั้งสองอย่างนี้จะเหมือนกันมาก ในแง่ที่เป็นการทำงานร่วมกันของคอมพิวเตอร์หลายตัว จนเป็นเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยที่ผู้ใช้ระบบไม่ต้องมีทรัพยากรที่มากไป มีลักษณะเป็นธิน ไคลเอน (Thin client) โดยการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ จะเน้นผู้ใช้เป็นหลัก ส่วนเครือข่ายเชื่อมโยงการกระจายทรัพยากร จะเน้นไปที่ระบบมากกว่า

ระบบการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆ ในภาครัฐ

[แก้]

โดยระบบการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆในภาครัฐ จะสามารถลดช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยี ในการดำเนินงานของภาครัฐได้ จะช่วยให้การบริการต่อ ภาคประชาชน หรือ Government to Citizen (G2C) ภาคธุรกิจ หรือ Government to Business (G2B) ภาคราชการ หรือ Government to Employee (G2E) และภาครัฐ หรือ Government to Government (G2G) ด้วยกัน มีการบริการที่มีความรวดเร็วมากขึ้น

รูปแบบระบบการประมวลผลแบบกลุ่มเมฆในภาครัฐ

[แก้]
  • ระบบรัฐบาลแบบกลุ่มเมฆ(เปิด)สาธารณะ (Government Public Cloud)

จะใช้เป็นทางเลือกสำหรับงานทั่วไป ที่สามารถเปิดเผยข้อมูลออกสู่สาธารณะได้ โดยมีผู้ให้บริการเป็นผู้ดูแลระบบ

  • ระบบรัฐบาลแบบกลุ่มเมฆปิดส่วนตน (Government Private Cloud Dedicated)

จะมีความคล้ายกับระบบรัฐบาลแบบกลุ่มเมฆ(ปิด)ส่วนตัว (Government Private Cloud) ซึ่งใช้เป็นทางเลือกเฉพาะงานภายในกลุ่มขององค์กรนั้นๆ จะไม่เปิดเผยข้อมูลออกสู่สาธารณะ โดยมีผู้ให้บริการเป็นผู้ดูแลระบบ แต่ศูนย์ข้อมูลจะตั้งอยู่ในประเทศของรัฐที่เป็นผู้ใช้ระบบ เนื่องจากการป้องกันปัญหาด้านความปลอดภัยในความเป็นส่วนตัว

  • ระบบรัฐบาลแบบกลุ่มเมฆส่วนตนเฉพาะ (Government Private Cloud Self Hosted)

เป็นการสร้างพื้นที่ระบบของตนเอง ขึ้นเป็นเจ้าของ ซึ่งวิธีการนี้จะได้ระบบตามความต้องการของภาครัฐเอง

  • ระบบรัฐบาลแบบกลุ่มเมฆส่วนตนเอง (Government Private Cloud Hosted)

ระบบ และแบนด์วิดท์จะเป็นของภายในประเทศทั้งหมด รัฐเป็นผู้ดูแลบริการเอง

ผลกระทบทางสังคม

[แก้]

ความร่วมมือระหว่างสมาชิกในชุมชนเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในอนาคตของระบบ P2P ที่เน้นผู้ใช้ทั่วไป; พวกเขาจะเปิดเผยศักยภาพทั้งหมดของตนก็ต่อเมื่อมีโหนดจำนวนมากจัดหาทรัพยากร อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันมีผู้ใช้จำนวนมากในเครือข่าย P2P ที่ใช้ทรัพยากรที่โหนดอื่นจัดหาให้ แต่ไม่ได้จัดหาทรัพยากรใดๆ ด้วยตนเอง[8][9] (สิ่งนี้มักเรียกว่า "ปัญหาผู้ใช้ฟรี" )

เครือข่ายเพียร์ทูเพียร์บางเครือข่าย (เช่น Freenet) ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและการไม่เปิดเผยตัวตนสูงมาก ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าเนื้อหาของข้อความถูกซ่อนจากการดักฟัง และตัวตน/ที่ตั้งของผู้เข้าร่วมจะถูกซ่อนไว้[10][11] การเข้ารหัสคีย์สาธารณะสามารถใช้สำหรับการเข้ารหัส การตรวจสอบข้อมูล การอนุญาต และการรับรองความถูกต้องของข้อมูล/ข้อความ

ผลกระทบทางการเมือง

[แก้]

แม้ว่าสามารถใช้เครือข่ายเพียร์ทูเพียร์เพื่อวัตถุประสงค์ทางกฎหมายได้ แต่เจ้าของลิขสิทธิ์ได้ดำเนินคดีกับเครือข่ายเพียร์ทูเพียร์สำหรับการเผยแพร่เนื้อหาที่มีลิขสิทธิ์[12][13] เครือข่ายเพียร์ทูเพียร์เกี่ยวข้องกับการถ่ายโอนข้อมูลจากผู้ใช้รายหนึ่งไปยังอีกรายหนึ่งโดยไม่ต้องใช้เซิร์ฟเวอร์กลาง บริษัทที่พัฒนาแอปพลิเคชันเพียร์ทูเพียร์มีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีทางกฎหมายมากมาย ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับกฎหมายลิขสิทธิ์[14][15]

การศึกษาโดยสหภาพยุโรปเปิดเผยว่าการดาวน์โหลดอย่างผิดกฎหมายอาจนำไปสู่การเพิ่มยอดขายเกมโดยรวม เนื่องจากมีการเรียกเก็บเงินสำหรับคุณลักษณะหรือระดับเพิ่มเติมในเกมใหม่ บทความสรุปว่าการละเมิดลิขสิทธิ์ส่งผลเสียต่อการเงินในภาพยนตร์ ดนตรี และวรรณกรรม การศึกษานี้อิงจากข้อมูลที่ได้จากผู้เข้าร่วมเกี่ยวกับการซื้อเกมและการใช้เว็บไซต์ดาวน์โหลดที่ผิดกฎหมาย มีความพยายามที่จะขจัดอิทธิพลของคำตอบที่ผิดพลาดและไม่ถูกต้อง

อ้างอิง

[แก้]
  1. Danielson, Krissi (2008-03-26). "Distinguishing Cloud Computing from Utility Computing". Ebizq.net. สืบค้นเมื่อ 2010-08-22.
  2. "NIST.gov - Computer Security Division - Computer Security Resource Center". Csrc.nist.gov. สืบค้นเมื่อ 2010-08-22.
  3. "Writing & Speaking". Sellsbrothers.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-10-03. สืบค้นเมื่อ 2010-08-22.
  4. "The Internet Cloud". Thestandard.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2010-02-11. สืบค้นเมื่อ 2010-08-22.
  5. "Gartner Says Cloud Computing Will Be As Influential As E-business". Gartner.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-11-14. สืบค้นเมื่อ 2010-08-22.
  6. Gruman, Galen (2008-04-07). "What cloud computing really means". InfoWorld. สืบค้นเมื่อ 2009-06-02.
  7. "Cloud Computing: Clash of the clouds". The Economist. 2009-10-15. สืบค้นเมื่อ 2009-11-03.
  8. "Everything You Need to Know About P2P Networks". www.morpher.com. สืบค้นเมื่อ 2024-11-29.
  9. "Peer to Peer Network". teachcomputerscience.com. สืบค้นเมื่อ 2024-11-29.
  10. "Peer-To-Peer". networxsecurity.org. สืบค้นเมื่อ 2024-11-29.
  11. "How Peer-To-Peer Proxy Networks Keep Big Data Honest?". www.rswebsols.com. สืบค้นเมื่อ 2024-11-29.
  12. "Peer-to-Peer File Sharing and Copyright Law". www.dartmouth.edu. สืบค้นเมื่อ 2024-11-29.
  13. "What Is File Sharing & How Does It Work?". www.filemail.com. สืบค้นเมื่อ 2024-11-29.
  14. "Pornography, Technology, and Process: Problems and Solutions on Peer-to-Peer Networks". www.copyright.gov. สืบค้นเมื่อ 2024-11-29.
  15. "IAAL: What Peer-to-Peer Developers Need to Know about Copyright Law". www.eff.org. สืบค้นเมื่อ 2024-11-29.