โฉมงามกับเจ้าชายอสูร
โฉมงามกับเจ้าชายอสูร (ฝรั่งเศส: La Belle et la Bête) เป็นเทพนิยายโบราณดั้งเดิม ฉบับแรกซึ่งเป็นภาษาฝรั่งเศส ประพันธ์โดย มาดาม ใน พ.ศ. 2283 ฉบับที่มีชื่อเสียงที่สุด คือฉบับที่ได้รับการย่อเรื่องของมาดามวีย์เนิฟ ใน พ.ศ. 2299 โดย มาดามฌานน์-มารี เลอแปรงซ์ เดอ โบมง ฉบับภาษาอังกฤษฉบับแรกได้ออกมาใน พ.ศ. 2300 [1]
หลากหลายฉบับของนิทานเรื่องโฉมงามกับเจ้าชายอสูร ได้เป็นที่รู้จักดีในยุโรป[2] ยกตัวอย่าง ในประเทศฝรั่งเศส Zémire et Azor เป็นฉบับโอเปราของนิทานเรื่องนี้ ประพันธ์โดย Marmontel และจัดการบรรเลงโดย Grétry ใน พ.ศ. 2314 ฉบับโอเปรานี้ได้รับชื่อเสียงอย่างมากในศตวรรษที่ 19.[3] ฉบับนี้เป็นฉบับที่ใช้โครงร่างของฉบับมาดามฌานน์-มารี เลอแปรงซ์ เดอ โบมง
บทสรุป
[แก้]พ่อค้าผู้ร่ำรวยผู้หนึ่งอาศัยอยู่ในเมืองกับลูกสาวสามคน ลูกสาวคนสุดท้องได้รับการตั้งชื่อว่า เบลล์ (แปลว่าสวยงาม ในภาษาฝรั่งเศส: Belle) เพราะว่าเธอเป็นเด็กที่มีจิตใจดีและบริสุทธิ์ พ่อค้าผู้มั่งมีผู้นั้นในที่สุดก็ได้สูญเสียทรัพย์หลวงใหญ่ที่เขามี ความโชคร้ายของเขานั้น ทำให้เขากับลูกทั้งสาม ต้องย้ายที่พักอาศัยไปอยู่แถบชนบท หลังจากการอาศัยอยู่กับความลำบากผ่านมาเป็นปีๆ นี้แล้ว พ่อค้าเขาได้รับข่าวว่าเรือสรรพสินค้าที่เขาเคยส่งออกขายในอดีต ได้กลับเข้ามาสู่ท่าเรือ ซึ่งเป็นเรือที่หนีเจ้าหนี้มาได้ ดังนั้นพ่อค้าผู้นั้นได้ตัดสินใจว่า เขาจะไปดูในเมืองว่าเรือนี้ยังมีอะไรเหลือให้เขาและลูกอยู่ ก่อนที่เขาจะจากลูกๆ ในชนบทไปในเมือง เขาได้ถามลูกๆ ว่าอยากได้ของขวัญอะไร ลูกคนโตทั้งสองได้บอกพ่อของพวกเธอว่าพวกเธอประสงค์เครื่องเพชร และชุดสวยงาม โดยคิดว่าพ่อจะต้องกลับมาพร้อมกับความร่ำรวย เบลล์ลูกสาวสุดท้อง อยากได้แค่เพียงดอกกุหลาบเพียงดอกเดียว เพราะไม่มีกุหลาบโตแถวชนบท พอพ่อค้าได้ถึงท่าเรือ เขาก็ได้เจอกับความผิดหวัง เพราะเรือสรรพสินค้านั้น ได้ถูกเจ้าหนี้ยึดไปเสียแล้ว ซึ่งทำได้เขาไม่มีเงินที่จะซื้ออะไรให้ลูกของเขาเลย
ระหว่างการเดินทางกลับของเขา พ่อค้าได้หลงทางในป่า เขาเข้าไปในปราสาท โดยการที่ต้องการหาที่พักอาศัย พอเดินเข้าไปข้างใน เขาได้พบว่าในข้างใน ได้มีโต๊ะที่มีอาหารและเครื่องดื่มมากมาย ซึ่งพ่อค้ารู้ทันทีเลยว่าเจ้าของปราสาทต้องจัดไว้ให้ พ่อค้าจึงรับของเหล่านี้โดยการรับประทาน ระหว่างที่เขากำลังจะเดินกลับจากปราสาท พ่อค้าก็ได้เจอ สวนดอกกุหลาบ และเขาจำได้ทันทีเลยว่า กุหลาบเป็นสิ่งที่เบลล์ต้องการ ในขณะที่เขากำลังเด็ดดอกกุหลาบ เขาก็ได้พบเจอกับอสูร ซึ่งทำให้พ่อค้ารู้เลยว่า ดอกกุหลาบคือสิ่งที่อสูรรักและหวงมาก อสูรตัดสินใจว่าจะลงโทษการกระทำของพ่อค้า ด้วยการขังพ่อค้าโดยไม่มีวันปล่อย พ่อค้าขอร้องอสูรอิสรภาพ โดยบอกอสูรว่าที่เขาทำลงไป ก็เพราะเขาต้องการทำให้ลูกสาวของเขา เขาอยากได้ดอกกุหลาบเป็นของขวัญให้ลูกคนเล็ก เมือฟังแล้ว อสูรก็ปล่อยพ่อค้า โดยมีข้อแม้ว่าพ่อค้าจะต้องนำตัวลูกสาวเขามาแทนที่ตน
พ่อค้าโศกเศร้ามาก แต่เขายอมทำสิ่งที่อสูรต้องการ เมือกลับมาถึงบ้าน พ่อค้าพยายามปกปิดเรื่องที่เกิดขึ้นจากเบลล์ แต่เบลล์เธอก็จับได้ และยินยอมที่จะไปเป็นนักโทษในปราสาทของอสูร เพราะเธอรู้ผิดที่ว่าเธอเป็นผู้ที่ต้องการกุหลาบนั้นตั้งแต่ทีแรก ในปราสาท เบลล์ได้รับการเลี้ยงดูและการเอาใจใส่อย่างดีงามมาก โดยได้รับเป็นแขกชั้นสูง อสูรได้มอบชุดสวยงามและอาหารอย่างดีให้เธอ อสูรได้สนทนากับเบลล์ทุกๆ คืน และทุกๆ คืน อสูรได้ขอเบลล์สมรส แต่ถูกปฏิเสธทุกครั้ง และทุกครั้งที่เธอปฏิเสธการสมรส เธอก็ได้ฝันเห็นถึงเจ้าชายโฉมงาม ผู้ที่ต้องการอยากรู้ว่าด้วยเหตุใดเธอถึงทำเช่นนี้กับเขา เบลล์ไม่คิดว่าเจ้าชายโฉมงามจะมีการเกี่ยวข้องกับอสูร (เธอไม่คิดว่าเป็นคนเดียวกัน) เธอกลับคิดว่าอสูรได้กักขังเจ้าชายโฉมงามไว้ในปราสาท เพราะฉะนั้น เบลล์จึงค้นหาทุกซอกทุกมุมในปราสาท แต่ไม่เคยเจอเจ้าชายโฉมงามในฝันของเธอเลย
ในที่สุด เบลล์ก็เกิดอาการคิดถึงบ้าน และอ้อนวอนให้อสูรปลดปล่อยเธอไปหาครอบครัวเธอ อสูรทำตามใจเบลล์ แต่ต้องสัญญาว่าจะกลับมาภายในหนึ่งสัปดาห์ เบลล์ให้คำสัญญา และกลับบ้านพร้อมกับกระจกวิเศษและแหวนวิเศษ กระจกวิเศษนี้สามารถทำให้เธอมองเห็นผ่านความเงา และเห็นความเป็นอยู่ของปราสาท ส่วนแหวนวิเศษมีเวทมนตร์ที่ทำให้เธอกลับมาปราสาทได้ โดยต้องหมุนแหวนในนิ้วนางสามรอบ พอถึงบ้านพี่สาวทั้งสองได้เห็นเบลล์อยู่สุขสบายกว่าพวกเธอ และมีเสื้อผ้าที่หรูหราใส่ พวกเธอจึงริษยาน้องสาวขึ้นมาทันที ด้วยไฟริษยาและรู้ว่าเบลล์ต้องกลับภายในหนึ่งสัปดาห์ พี่สาวทั้งสองจึงเล่นละครแกล้งร้องไห้ร่ำไรไม่ให้เบลล์กลับไปปราสาท ด้วยสัญชาตญาณที่ดีของเบลล์ เธอจึงตัดสินใจไม่กลับ
เบลล์เกิดรู้สึกไม่ดีที่ผิดสัญญากับอสูร และใช้กระจกวิเศษมองดูว่าอสูรเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อมองในกระจก เธอได้เห็นว่าอสูรกำลังนอนใกล้จะตายด้วยความอกหัก อยู่ที่สวนกุหลาบตรงที่พ่อเธอเคยแอบเด็ดไว้ เมื่อเห็นภาพที่อนาถตาแล้ว เธอจึงใช้แหวนวิเศษกลับไปหาอสูรที่ปราสาททันที
เมื่อเบลล์ถึงสวนดอกกุหลาบ อสูรก็ได้สิ้นชีวิตแล้ว เธอร้องไห้เศร้าโศกเสียใจ และพูดเสียงแผ่วเบาหลายๆ รอบ ว่าเธอรักอสูร แต่เมื่อน้ำตาเธอหยดลงบนอสูร อสูรก็ได้ฟื้นคืนชีพกลับมา และร่างกายเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงกายเป็นเจ้าชายโฉมงาม (เจ้าชายผู้เดียวกันที่เคยมาเยือนในฝันเบลล์) เจ้าชายผู้นี้เลยเล่าเรื่องให้เบลล์ฟังว่า กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว นางฟ้าสาปให้เขากลายเป็นอสูรที่อัปลักษณ์น่าเกลียดน่ากลัว หลังจากที่ปฏิเสธให้ความช่วยเหลือเธอ ซึ่งหนีฝนมา นางฟ้าบอกเจ้าชายว่า วิธีเดียวที่จะทำให้คำสาปหายคือการหารักแท้ โดยที่ไม่ใช่รูปโฉม
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Jeanne-Marie Leprince de Beaumont, Beauty and the Beast (อังกฤษ)
- ↑ Heidi Anne Heiner, "Tales Similar to Beauty and the Beast เก็บถาวร 2017-07-28 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน" (อังกฤษ)
- ↑ Thomas, Downing. Aesthetics of Opera in the Ancien Régime, 1647-1785. Cambridge: Cambridge UP, 2002. (อังกฤษ)
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- SurLaLune Fairy Tale Pages: The Annotated Beauty and the Beast เก็บถาวร 2017-02-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (อังกฤษ)
- "Beauty and the Beast: folktales of Aarne-Thompson type 425C (อังกฤษ)
- Cinderella Bibliography - includes an exhaustive list of B&tB productions in books, TV and recordings (อังกฤษ)
- 20 "MercerMayer" illustrations เก็บถาวร 2009-09-16 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (อังกฤษ)
- Theatre Cedar Rapids Beauty and the Beast Production Photo Gallery เก็บถาวร 2010-03-11 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน - (อังกฤษ)
- Beauty and the Beast fairy tale with Edmund Dulac illustrations เก็บถาวร 2009-02-19 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (อังกฤษ)
- Full text of Beauty and the Beast from "The Fairy Book"[ลิงก์เสีย] (อังกฤษ)
- Original version and psychological analysis of Beauty and the Beast เก็บถาวร 2009-01-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน (อังกฤษ)