ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กุสโก"
Luckas-bot (คุย | ส่วนร่วม) ล r2.7.1) (โรบอต เพิ่ม: gl:Cuzco |
ล r2.7.1) (โรบอต เพิ่ม: ang:Cosco |
||
บรรทัด 32: | บรรทัด 32: | ||
[[af:Cusco]] |
[[af:Cusco]] |
||
[[an:Cuzco]] |
[[an:Cuzco]] |
||
[[ang:Cosco]] |
|||
[[ar:قوسقو]] |
[[ar:قوسقو]] |
||
[[ast:Cusco]] |
[[ast:Cusco]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 14:54, 20 กุมภาพันธ์ 2555
นครกุสโก * | |
---|---|
แหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก | |
ตัวเมืองกุสโก | |
ประเทศ | เปรู |
ประเภท | มรดกทางวัฒนธรรม |
เกณฑ์พิจารณา | (iii), (iv) |
ประวัติการขึ้นทะเบียน | |
ขึ้นทะเบียน | 2526 (คณะกรรมการสมัยที่ 7) |
* ชื่อตามที่ได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีแหล่งมรดกโลก ** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก |
กุสโก (สเปน: Cusco หรือ Cuzco; เกชัว: Qusqu) เป็นชื่อเมืองที่ตั้งอยู่ในเทือกเขาแอนดีสส่วนที่อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเปรู โดยอยู่บนความสูงประมาณ 3,300 เมตร เมืองกุสโกเคยเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิอินคา หลังจากสเปนมายึดครองและตั้งเมืองหลวงใหม่ที่ลิมา กุสโกก็ลดความสำคัญลง แต่หลังจากที่มีการค้นพบมาชูปิกชูในปี พ.ศ. 2454 เมืองกุสโกก็กลับกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ จนในปี พ.ศ. 2526 องค์กรยูเนสโกได้ประกาศให้เป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรม
ประวัติ
ยุคอินคา
เมืองกุสโกเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิอินคา ตามตำนานของอินคา เมืองกุสโกถูกสร้างโดยปาชากูตี ผู้ซึ่งทำลายเมืองเก่าและสร้างกุสโกใหม่ให้เป็นศูนย์กลางแห่งอาณาจักรอินคาที่ยิ่งใหญ่ แต่จากหลักฐานทางโบราณคดีบ่งชี้ว่าเมืองนี้ได้ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นตั้งแต่สมัยก่อนปาชากูตีแล้ว
เมืองถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนคือกุสโกตอนบน (Hanan) และกุสโกตอนล่าง (Urin) ซึ่งถูกแบ่งย่อยต่อไปอีกเป็น 4 เขต (suyu) ได้แก่ ชินไชย์ซูยู (เขตตะวันตกเฉียงเหนือ) อันตีซูยู (เขตตะวันออกเฉียงเหนือ) กุนตีซูยู (เขตตะวันตกเฉียงใต้) และกูยาซูยู (เขตตะวันออกเฉียงใต้) ถนนจากทั้งสี่ส่วนนี้เชื่อมต่อไปถึงสี่ภาคของอาณาจักร ผู้นำของแต่ละภาคจะต้องสร้างบ้านในเขตเมืองกุสโกและเข้ามาอาศัยอยู่ทุกปี หลังจากสมัยของจักรพรรดิปาชากูตี เมื่อกษัตริย์สิ้นพระชนม์ บัลลังก์จะตกเป็นของพระราชโอรส แต่ดินแดนของกษัตริย์จะถูกแบ่งกันในหมู่พระราชวงศ์พระองค์อื่น ๆ ดังนั้นจักรพรรดิพระองค์ใหม่จึงต้องขยายดินแดนใหม่เพิ่มให้กับจักรวรรดิ
ยุคหลังโคลัมบัส
ฟรันซิสโก ปีซาร์โร ผู้ซึ่งเอาชนะจักรพรรดิแห่งอินคาได้เดินทางมาถึงเมืองกุสโกอย่างเป็นทางการในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2077 หลังจากนั้นมีการสร้างสถาปัตยกรรมใหม่ ๆ ที่เป็นการผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมอินคาและอิทธิพลของศิลปะสเปนหลายแห่ง เช่นโบสถ์ซานตากลารา
อ้างอิง
- Terence N. D'Altroy, The Incas, Blackwell Publishing, 2002, หน้า 109-115.