ข้ามไปเนื้อหา

ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ชาลส์ แบบบิจ"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
แก้ไขชื่อ, แปลภาษาอังกฤษบางจุด และสร้างลิงค์ไปหาเอดา
บรรทัด 3: บรรทัด 3:
[[ไฟล์:Babbage - On the economy of machinery and manufactures, 1835 - 5864499.tif|thumb|''On the economy of machinery and manufactures'', 1835]]
[[ไฟล์:Babbage - On the economy of machinery and manufactures, 1835 - 5864499.tif|thumb|''On the economy of machinery and manufactures'', 1835]]


== big hi ==
'''ชาลส์ แบบเบจ''' ({{lang-en|Charles Babbage}}) เกิดวันที่ [[26 ธันวาคม]] ปี [[ค.ศ. 1791]] ([[พ.ศ. 2334]]) ที่[[แคว้นอังกฤษ|อังกฤษ]] ในครอบครัวของนายธนาคาร แบบบิจเติบโตมาในยุคที่อังกฤษเป็นมหาอำนาจ และกำลังอยู่ในช่วง[[การปฏิวัติอุตสาหกรรม]] โดยรัฐบาลสนับสนุนให้ทุนการพัฒนาในสาขาต่าง ๆ อย่างเต็มที่. แบบบิจศึกษาระดับมหาวิทยาลัยที่ [[ทรินิตี้ คอลเลจ]] [[มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์]] ที่คณะ[[คณิตศาสตร์]] (Mathematical Laboratory)

ช่วงเป็นนักศึกษา เขารวมกลุ่มกับเพื่อน ทำ induction of the Leibnitz notation for the Calculus ขึ้นจนมีชื่อเสียง ทำให้มหาวิทยาลัยต้องเปลี่ยนหลักสูตรการเรียนการสอน. พอเรียนจบ แบบเบจก็ตัดสินใจเป็นอาจารย์ต่อที่คณะ. ในปี [[ค.ศ. 1814]], แบบเบจสมรสกับ Geogiana Whitmore [[นักคณิตศาสตร์]]หญิงคนเก่งคนหนึ่งในยุคนั้น

ในทางคณิตศาสตร์ แบบเบจเน้นศึกษาด้าน[[แคลคูลัส]]เป็นพิเศษ ปี [[ค.ศ. 1816]] ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น Fellow ของ Royal Society ปี [[ค.ศ. 1820]] เขาตั้งชมรมด้าน[[ดาราศาสตร์]]ขึ้น พร้อม ๆ กับเริ่มทำงานวิจัยสำคัญของเขาในยุคต้น ที่ทำให้เขาโด่งดังมากคือ Difference Engine (ใช้ Newton's method of successive differences) ในปี [[ค.ศ. 1828]] แบบเบจได้รับแต่งตั้งให้เป็น the Lucasian Chair of Mathematics at Cambridge (เหมือนกับ [[ไอแซก นิวตัน|เซอร์ ไอแซก นิวตัน]] และ [[สตีเฟ่น ฮอว์คิง]]) ต่อมา แบบเบจขยายงานมาศึกษาเครื่องวิเคราะห์ (Analytical Engine) เพื่อสร้างเป็น เครื่องจักรที่สามารถรองรับการคำนวณทุกชนิด (ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นต้นแบบของเครื่องคอมพิวเตอร์) แต่ก็เป็นเพียงทฤษฎีเท่านั้น เพราะเขาไม่สามารถสร้างออกมาในช่วงที่เขามีชีวิตอยู่ เนื่องจากมีคนไม่เห็นด้วยมากมาย เพราะความคิดของเขาทันสมัยเกินกว่าเทคโนโลยีในยุคนั้น จนทุก ๆ คนคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ จึงโดนตัดงบวิจัยในปี [[ค.ศ. 1832]] แต่แบบเบจก็ฝืนทำต่อแบบไม่มีงบประมาณ จนทำไม่ไหว จนต้องปิดโครงการนี้ไป ในปี [[ค.ศ. 1842]]

พอปี [[ค.ศ. 1856]], แบบเบจก็เริ่มมีฐานะขึ้นมาจากงานอื่นๆ เพราะนอกจากเป็นนักคณิตศาสตร์แล้ว เขาก็ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน[[ดนตรี]] [[การเมือง]] และ[[เศรษฐกิจ]] อีกด้วย (เป็น a Celebrated Policial Economist แห่งยุค) เขาจึงเอาเงินทุนมาลงทุนทำวิจัยด้านเครื่องวิเคราะห์ต่อ แต่ก็ต้องทำและแก้หลายครั้ง จนเขาเสียชีวิตไปในปี [[ค.ศ. 1871]] (แล้วลูกชายเขามาสานต่อ) ช่วงก่อนตาย เขาเขียนหนังสือชื่อดัง (ดังยุคหลัง) ชื่อ ''Passages from the life of a Philosopher'' เพราะในปีที่เขาเสียชีวิต โลกยังไม่ค่อยรู้จักเขา เครื่องวิเคราะห์ของเขาไม่มีคนสนใจลงมือสร้างเป็นชิ้นเป็นอัน จนกระทั่งอีกประมาณ 40 ปีต่อมา หลังจากเขาตาย มีคนเอางานเขาไปเผยแพร่จนเป็นที่ชื่นชม แล้วคนยุคหลังก็นำสมองของเขา (ที่ดองเอาไว้ใน[[แอลกอฮอล์]]) มาผ่าเพื่อศึกษาความสามารถในการคิดของเขา (ถูกนิยามไว้ว่าเป็นหนึ่งในนักคิดที่ลึกซึ้งที่สุดแห่งศตวรรษ)

ตลอดเวลาที่มีชีวิตอยู่ แบบเบจเชื่อว่า โลกเรานี้สามารถวิเคราะห์ทำนายได้ (a world where all things were dutifully quantified and could be predicted) โดยได้รับความสนับสนุนจาก[[เอดา เลิฟเลซ]]ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทในวงการว่า ถ้าจิตใจมนุษย์สามารถเข้าใจพฤติกรรมของอนุภาคเล็กๆ มันจะอธิบายทุกอย่างได้ (if a mind could know everything about particle behavior, if could describe everything: nothing would be uncertain, and the future, as the past, could be present to our eyes) ปี ค.ศ. 1856, แบบบิจเสนองาน "Table of Constants of the Nature and Art" ที่อ้างว่า รวบรวมข้อเท็จจริงทุกอย่าง สำหรับอธิบายศาสตร์ทางวิทย์และศิลป์ ด้วยตัวเลข

แบบเบจชอบไฟมาก ขนาดลองเอาเตาอบมาอบตัวเองเล่นที่ 265 [[องศาฟาเรนไฮต์]]เป็นเวลา 5-6 นาที หรือพยายามปีนภูเขาไฟเวซูเวียส เพื่อที่จะไปดูลาวาเดือด ๆ

== ดูเพิ่มที่อับดุล ลา ==
* [[วิทยาการคอมพิวเตอร์]]
* [[วิทยาการคอมพิวเตอร์]]
* [[คณิตศาสตร์]]
* [[คณิตศาสตร์]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 19:36, 3 กุมภาพันธ์ 2563

ชาลส์ แบบเบจ (26 ธันวาคม พ.ศ. 2334 - 18 ตุลาคม พ.ศ. 2414)
On the economy of machinery and manufactures, 1835

big hi