ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระยาพิชัยดาบหัก"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Rawinwichphongsulee (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
แทนที่เนื้อหาด้วย "* หมวดหมู่:บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2284 หมวดหมู่:บุคคลจ..."
บรรทัด 1: บรรทัด 1:
*
{{กล่องข้อมูล บุคคลตามอาชีพ
| main_occupation =
| image = Phraya Pichai.jpg
| imagesize =
| caption = อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก<br>หน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์
| other_name = จ้อย, นายทองดีฟันขาว
| nationality = ไทย
| occupations = ขุนนางฝ่ายทหารใน[[สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี]], เจ้า[[เมืองพิชัย]]
| genre =
| subjects =
| period = พ.ศ. 2310 - พ.ศ. 2325
| notable_works = ขุนศึกสำคัญของ[[สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี]]ในการร่วมกอบกู้เอกราชหลัง[[การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง]] (พ.ศ. 2310 - 2313), เจ้าเมืองพิชัย (พ.ศ. 2313-2325), ออกสู้รบกับกองทัพโปสุพลาจนดาบหักเป็นสองท่อน (พ.ศ. 2316), สละชีวิตตนเองเป็นราชพลี (พ.ศ. 2325)
| influences =
| influenced =
| website =
| personal_info = ข้อมูลส่วนตัว
| birth_date = พ.ศ. 2284
| birth_place = บ้านห้วยคา [[เมืองพิชัย]] [[กรุงศรีอยุธยา]]
| death_date = 7 เมษายน พ.ศ. 2325
| death_place = เมืองธนบุรี [[อาณาจักรรัตนโกสินทร์ (สมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์)]]
| father = ไม่ปรากฏนาม
| mother = ไม่ปรากฏนาม
| spouse =
| footnotes =
| wiki_links = [[:หมวดหมู่:ขุนนางในสมัยกรุงธนบุรี]] }}


'''พระยาพิชัยดาบหัก''' เป็นขุนนางในสมัย[[อาณาจักรอยุธยา|อยุธยาตอนปลาย]]และ[[อาณาจักรธนบุรี|ธนบุรี]] ปรากฏชื่อใน[[พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา|พระราชพงศาวดาร]]เนื่องจากเป็นทหารเอกคู่พระทัยของ[[สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี]] และเป็นผู้มีส่วนกอบกู้เอกราชของชาติไทยหลัง[[การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง]] มีชื่อเสียงอย่างยิ่งจากความกตัญญูกตเวทีและความกล้าหาญ<ref>สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย. (2512). '''ที่ระลึกพิธีเปิดอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก ณ หน้าศาลากลาง จังหวัดอุตรดิตถ์ 20 กุมภาพันธ์ 2512'''. พระนคร : โรงพิมพ์มงคลการพิมพ์. หน้า 3</ref>

เดิมท่านชื่อ จ้อย เกิดที่บ้านห้วยคา [[อำเภอพิชัย]] [[จังหวัดอุตรดิตถ์]] ในสมัยปลาย[[กรุงศรีอยุธยา]] ศึกษาอยู่กับท่านพระครูวัดมหาธาตุหรือวัดใหญ่ เมืองพิชัย ภายหลัง จ้อยได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นทองดี หรือ ทองดีฟันขาว มีความสามารถและชื่อเสียงอย่างยิ่งทั้งทางเชิงมวยและเชิงดาบ จนได้เข้ารับราชการกับ[[สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี]] ตั้งแต่ครั้งดำรงตำแหน่งเป็นพระยาตาก ต่อมานายทองดีได้รับแต่งตั้งเป็นองครักษ์มีบรรดาศักดิ์เป็น "หลวงพิชัยอาสา" เมื่อรับราชการมีความดีความชอบจึงได้รับแต่งตั้งเป็น เจ้าหมื่นไวยวรนาถ พระยาสีหราชเดโช และพระยาพิชัย ผู้สำเร็จราชการครอง[[เมืองพิชัย]] ซึ่งรับพระราชทานเครื่องยศเสมอเจ้าพระยาสุรสีห์ ตามลำดับ

ภายหลังข้าศึกยกทัพมาตีเมืองพิชัย 2 ครั้ง ในการรบครั้งที่ 2 พระยาพิชัยถือดาบสองมือออกต่อสู้จนดาบหักไปข้างหนึ่ง และรักษาเมืองไว้ได้ ดังนั้นจึงไดัรับสมญานามว่า "พระยาพิชัยดาบหัก"

== ประวัติ ==
=== วัยเยาว์ ===
พระยาพิชัยดาบหัก เดิมชื่อ จ้อย เกิดในปี [[พ.ศ. 2284]] ที่บ้านห้วยคา เมือง[[พิชัย]] จังหวัดอุตรดิตถ์ มีพี่น้อง 4 คน แต่เสียชีวิตไป 3 คน เด็กชายจ้อยมีนิสัยชอบชกมวยมาตั้งแต่เยาว์วัย บิดาได้พร่ำสอนเสมอ ถ้าจะชกมวยให้เก่งต้องขยันเรียนหนังสือด้วย เมื่ออายุได้ 14 ปี บิดานำไปฝากกับท่านพระครูวัดมหาธาตุ เมืองพิชัย จ้อยสามารถอ่านออกเขียนได้จนแตกฉานและซ้อมมวยไปด้วย

ต่อมาเจ้าเมืองพิชัยได้นำบุตร (ชื่อเฉิด) มาฝากที่วัดเพื่อร่ำเรียนวิชา เฉิดกับพวกมักหาทางทะเลาะวิวาทกับจ้อยเสมอ เขาจึงตัดสินใจหนีออกจากวัดขึ้นไปทางเหนือโดยมิได้บอกพ่อแม่และอาจารย์ เดินตามลำน้ำน่านไปเรื่อยๆ เมื่อเหนื่อยก็หยุดพักตามวัด ที่วัดบ้านแก่ง จ้อย ได้พบกับครูฝึกมวยคนหนึ่งชื่อ เที่ยง จึงฝากตัวเป็นศิษย์แล้วเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นทองดี ครูเที่ยงรักนายทองดีมากและมักเรียกนายทองดีว่านายทองดี ฟันขาว (เนื่องจากท่านไม่เคี้ยวหมากพลูดังคนสมัยนั้น) ด้วยความสุภาพเรียบร้อย และขยันขันแข็งเอาใจใส่การฝึกมวยช่วยการงานบ้านครูเที่ยงด้วยดีเสมอมา ทำให้ลูกหลานครูเที่ยงอิจฉานายทองดีมาก จนหาทางกลั่นแกล้งต่างๆ นานา นายทองดี ฟันขาว เห็นว่าอยู่บ้านแก่งต่อไปคงลำบาก ประกอบครูเที่ยงก็ถ่ายทอดวิชามวยให้จบหมดสิ้นแล้วจึงกราบลาครูขึ้นเหนือต่อไป{{อ้างอิง}}

=== ชื่อเสียง ===
เมื่อเดินถึงบางโพได้เข้าพักที่วัดวังเตาหม้อ (ปัจจุบันคือ[[วัดท่าถนน]]) พอดีกับมีการแสดง[[งิ้ว]] จึงอยู่ดูอยู่เจ็ดวันเจ็ดคืน นายทองดี ฟันขาว สนใจงิ้วแสดง ท่าทางหกคะเมน จึงจดจำไปฝึกหัดจนจดจำท่างิ้วได้ทั้งหมดสามารถกระโดดข้ามศีรษะคนยืนได้อย่างสบาย จากนั้นก็ลาพระสงฆ์วัดวังเตาหม้อขึ้นไป[[ท่าเสา]] ขอสมัครเป็นลูกศิษย์ครูเมฆซึ่งมีชื่อเสียงในการสอนมวย ครูเมฆรักนิสัยใจคอจึงถ่ายทอดวิชาการชกมวยให้จนหมดสิ้น<ref>ทรงพล นาคเอี่ยม. (2550). ''การเปลี่ยนแปลงของความหลากหลายในเชิงศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวไทย : กรณีศึกษามวยไทยสายพระยาพิชัยดาบหัก''. ปริญญานิพนธ์ กศ.ม. (พลศึกษา). กรุงเทพฯ: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ</ref> ขณะนั้นนายทองดี ฟันขาว อายุได้ 18 ปี ต่อมาได้มีโอกาสชกมวยในงานไหว้[[พระแท่นศิลาอาสน์]] กับนายถึก ศิษย์เอกของครูนิล นายถึกไม่สามารถป้องกันได้ ถูกเตะสลบไปนานประมาณ 10 นาที ครูนิลอับอายมากจึงท้าครูเมฆชกกัน นายทองดี ฟันขาว ได้กราบอ้อนวอนขอร้อง ขอชกแทนครูเมฆและได้ตลุยเตะต่อยจนครูนิลฟันหลุดถึง 4 ซี่ เลือดเต็มปากสลบอยู่เป็นเวลานาน ชื่อเสียงนายทองดี ฟันขาว กระฉ่อนไปทั่วเมืองทุ่งยั้ง ลับแล พิชัย และเมืองฝาง นายทองดีอยู่กับครูเมฆประมาณ 2 ปี ก็ขอลาไปศึกษาการฟันดาบที่เมือง[[สวรรคโลก]] ด้วยความฉลาดมีไหวพริบ เขาใช้เวลาเพียง 3 เดือน ก็เรียนฟันดาบสำเร็จเป็นที่พิศวงต่อครูผู้สอนยิ่งนัก หลังจากนั้นก็ไปเที่ยวเมืองสุโขทัยและเมืองตากระหว่างทางได้รับศิษย์ไว้ 1 คน ชื่อบุญเกิด ([[หมื่นหาญณรงค์]])<ref>[http://www.watrajkrueh.com/History7.htm รับตำแหน่งหลวงพิชัยอาสา - Watrajkrueh::วัดราชคฤห์]</ref><ref>[http://www.watrajkrueh.com/History17.htm หมื่นหาญณรงค์ นักรบคู่ใจ - Watrajkrueh::วัดราชคฤห์]</ref> โดยเมื่อครั้งที่บุญเกิดถูกเสือคาบไปนั้น ทองดีได้ช่วยบุญเกิดไว้โดยการแทงมีดที่ปากเสือ จนเป็นที่ร่ำลือไปทั่ว{{อ้างอิง}}

=== รับราชการ ===
[[ไฟล์:พระยาพิชัย.jpg|thumb|ภาพเขียนพระยาพิชัยต่อสู้กับพม่าเมื่อครั้งศึกโปสุพลายกทัพมาตีเมืองพิชัยจนดาบหัก]]
เมื่อท่านเดินทางถึงเมืองตาก ขณะนั้นได้มี[[พิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา]]ที่วัดใหญ่เจ้าเมืองตาก [[สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี]]จัดให้มีมวยฉลองด้วย นายทองดี ฟันขาว ดีใจมากเข้าไปเปรียบมวยกับครูห้าวซึ่งเป็นครูมวยมือดีของเจ้าเมืองตากและมีอิทธิพลมาก นายทองดี ฟันขาว ใช้ความว่องไวใช้หมัดศอกและเตะ[[ขากรรไกร]]จนครูห้าวสลบไป เจ้าเมือง[[ตาก]]จึงถามว่าสามารถชกนักมวยอื่นอีกได้หรือไม่ นายทองดี ฟันขาว บอกว่าสามารถชกได้อีก เจ้าเมืองตากจึงให้ชกกับครูหมึกครูมวยร่างสูงใหญ่ ผิวดำ นายทองดี เตะซ้ายเตะขวา บริเวณขากรรไกร จนครูหมึกล้มลงสลบไป{{อ้างอิง}}

เจ้าเมืองตากพอใจมากให้เงิน 3 [[ตำลึง]] และชักชวนให้อยู่ด้วย นายทองดี ฟันขาว จึงได้ถวายตัวเป็น[[ทหาร]]ของเจ้าเมืองตาก (สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี) ตั้งแต่บัดนั้น เป็นที่โปรดปรานมากและได้รับยศเป็น "หลวงพิชัยอาสา" เมื่อเจ้าเมืองตากได้รับพระราชทานโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระยาวชิรปราการ ครองเมือง[[กำแพงเพชร]] หลวงพิชัยอาสาได้ติดตามไปรับใช้อย่างใกล้ชิดและเป็นเวลาเดียวที่พม่ายกทัพล้อม [[กรุงศรีอยุธยา]]{{อ้างอิง}}

พระยาวชิรปราการพร้อมด้วยหลวงพิชัยอาสา และทหารเข้าสู้รบกับทัพพม่าหลายคราวจนได้รับชัยชนะ ได้ช้างม้าอาหารพอสมควร สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้รับการต้อนรับจากประชาชนและยกย่องขึ้นเป็นผู้นำ เมื่อกอบกู้เอกราชได้แล้ว สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีขึ้นเป็นกษัตริย์ปกครอง[[กรุงธนบุรี]]และได้โปรดเกล้าฯ ให้หลวงพิชัยอาสา เป็นเจ้าหมื่นไวยวรนาถ เป็นทหารเอก[[ราชองครักษ์]]ในพระองค์{{อ้างอิง}}

ในปี [[พ.ศ. 2311]] พม่าได้ยกทัพมาอีก 1 หมื่นคน สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีพร้อมด้วยหมื่นไวยวรนาถได้เข้าโจมตีจนแตกพ่าย และได้มีการสู้รบปราบ[[สภาพจลาจลหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง|ก๊ก]]ต่าง ๆ อีกหลายคราว เมื่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีเสด็จกลับ[[กรุงธนบุรี]] โปรดตั้งเจ้าหมื่นไวยวรนาถเป็น "พระยาสีหราชเดโช" มีตำแหน่งเป็นนายทหารเอกราชองครักษ์ตามเดิม สุดท้ายเมื่อปราบ[[ชุมนุมเจ้าพระฝาง]]ได้แล้ว สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีได้ทรงปูนบำเหน็จความชอบให้ทหารของพระองค์โดยทั่วหน้า ส่วนพระยาสีหราชเดโช (จ้อย หรือ ทองดี ฟันขาว) นั้น ได้โปรดเกล้าฯ บำเหน็จความชอบให้เป็นพระยาพิชัยปกครองเมือง[[พิชัย]]อันเป็นบ้านเกิดเมืองนอนแต่เยาว์วัย{{อ้างอิง}}

ในปี [[พ.ศ. 2313]] - [[พ.ศ. 2316|2316]] ได้เกิดการสู้รบกับกองทัพพม่าอีกหลายคราว พอสิ้นฤดูฝนปีมะเส็ง [[พ.ศ. 2316]] โปสุพลายกกองทัพมาตีเมืองพิชัย "ศึกครั้งนี้พระยาพิชัยจับ[[ดาบ]]สองมือคาดด้าย ออกไล่ฟันแทง[[พม่า]]อย่างชุลมุน ณ สมรภูมิบริเวณ วัดเอกา จนเมื่อพระยาพิชัยเสียการทรงตัว ก็ได้ใช้ดาบข้างขวาพยุงตัวไว้ จนดาบข้างขวาหักเป็นสองท่อน" กองทัพโปสุพลาก็แตกพ่ายกลับไป เมื่อวันอังคาร เดือนยี่ แรม 7 ค่ำ ปีมะเส็ง [[พ.ศ. 2316]] (ตรงกับวันที่ [[7 มกราคม]] [[พ.ศ. 2316]]){{อ้างอิง}}

=== ถวายชีวิตเป็นราชพลี ===
[[ไฟล์:พระปรางค์ พระยาพิชัยดาบหัก วัดราชคฤห์.jpg|200px|thumb|พระปรางค์วัดราชคฤห์วรวิหาร สถานที่บรรจุ[[อัฐิ]]ของพระยาพิชัยดาบหัก]]
เมื่อปี [[พ.ศ. 2325]] หลังจากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชถูกสำเร็จโทษ<ref>''พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา'', กรุงเทพฯ : สำนักวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ กรมศิลปากร, 2548, หน้า 230</ref> [[สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก]]เล็งเห็นว่าพระยาพิชัยเป็นขุนนางคู่พระทัยสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีที่มีฝีมือและซื่อสัตย์ จึงชวนพระยาพิชัยเข้ารับราชการในแผ่นดินใหม่ แต่พระยาพิชัยไม่ขอรับตำแหน่งด้วยท่านเป็นคนจงรักภักดีและซื่อสัตย์ต่อองค์[[สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช]] และถือคติที่ว่า "ข้าสองเจ้าบ่าวสองนายมิดี" จึงขอให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกสำเร็จโทษตนเป็นการถวายชีวิตตายตาม[[สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช]]{{อ้างอิง}}

หลังจากท่านได้ถูกสำเร็จโทษ สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้[[ปราบดาภิเษก]]เป็นปฐมกษัตริย์แห่ง[[ราชวงศ์จักรี]]เฉลิมพระนามว่า[[พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช]] พระองค์จึงได้มีรับสั่งให้สร้าง[[พระปรางค์]]นำอัฐิของท่านไปบรรจุไว้ ณ [[วัดราชคฤห์วรวิหาร]] ซึ่งพระปรางค์นี้ก็ยังปรากฏสืบมาจนปัจจุบัน{{อ้างอิง}}

พระยาพิชัยดาบหักได้สร้างมรดกอันควรแก่การยกย่องสรรเสริญให้สืบทอดมาถึงปัจจุบันได้แก่ ความซื่อสัตย์สุจริต ความกตัญญูกตเวที ความเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดกล้าหาญ รวมถึงความรักชาติ ต้องการให้ชาติเจริญรุ่งเรืองมั่นคงต่อไป{{อ้างอิง}}

== อนุสรณ์ ==
พระยาพิชัยดาบหัก นับเป็นวีรชนของชาติ ผู้ร่วมกู้เอกราชของชาติไทยในสมัยเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สองและเป็นชาวอุตรดิตถ์ ดังนั้นจึงได้มีการสร้างอนุสรณ์สถาน รวมถึงการนำนามของท่านไปใช้ตั้งชื่อสถานที่ราชการสำคัญเพื่อรำลึกถึงวีรกรรมของท่านขึ้น ตัวอย่างของอนุสรณ์สถานและสถานที่เหล่านี้ เช่น

;อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก ณ ศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์
[[ไฟล์:Phraya Phichai Dap Hak Monument 1970 7.jpg|thumb|150px|left|พิธีสมโภชอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก‬ ใน พ.ศ. 2513]]

เพื่อระลึกถึงเกียรติในเรื่องความองอาจ กล้าหาญ รักชาติ และเสียสละของท่าน ชาวจังหวัดอุตรดิตถ์จึงได้พร้อมใจกันสร้างอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหักแห่งแรก เพื่อประดิษฐานหน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2513 ซึ่งต่อมาอนุสาวรีย์ดังกล่าวได้เป็นภาพจำตัวแทนบุคคลของพระยาพิชัยในวัฒนธรรมร่วมสมัย

[[ไฟล์:Phraya Phichai Dap Hak Monument 1970 2.jpg|thumb|150px|ภาพพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณพระยาพิชัยดาบหัก ในพิธีปลุกเศกเหรียญพระยาพิชัยดาบหัก‬ ณ ปรำพิธีหน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. 2513]]

โดยอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก หน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ เกิดขึ้นจากความต้องการของประชาชนชาวจังหวัดอุตรดิตถ์มาช้านาน ต่อมาในสมัยนายเวทย์ นิจถาวร เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด มีพ่อค้า ประชาชน ร่วมกันบริจาคทรัพย์เป็นทุนก่อสร้าง โดยไม่มีงบประมาณแผ่นดินของทางหน่วยงานราชการมาเกี่ยวข้อง ทุนทรัพย์ทั้งหมดเกิดจากกำลังศรัทธาของชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยมีพิธีอัญเชิญโกศดวงวิญญาณพระยาพิชัยดาบหัก (แทนอัฐิ) ตามโบราณประเพณี เมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2510 มีพิธีวางแผ่นศิลาฤกษ์แท่นฐานอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2511 โดยมี นายถวิล สุนทรศารทูล ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานพิธี

สำหรับองค์พระยาพิชัยดาบหักนั้น ปั้นโดยกรมศิลปากร โดยมีอาจารย์สนั่น ศิลากร เป็นประติมากร และเมื่อดำเนินการแล้วเสร็จได้มีพิธีเปิดอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 ณ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ โดยมีนายพ่วง สุวรรณรัฐ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธี<ref>กระทรวงมหาดไทย. (2513). '''หนังสือที่ระลึกพิธีปลุกเศกเหรียญพระยาพิชัยดาบหัก‬ ณ ปรำพิธีหน้าศาลากลาง จังหวัดอุตรดิตถ์ 31 มกราคม 2513'''. กรุงเทพฯ : (ม.ป.ท.)</ref>

[[ไฟล์:Phraya Phichai Dap Hak Monument 1970 5.jpg|thumb|150px|left|นาย[[พ่วง สุวรรณรัฐ]] ปลัด[[กระทรวงมหาดไทย]] เป็นประธานในพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณพระยาพิชัยดาบหัก ณ ปรำพิธีหน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ พ.ศ. 2513]]

ในระหว่างวันที่ 7 - 13 มกราคม ของทุกปี จังหวัดอุตรดิตถ์ได้กำหนดให้มีการจัดงานเพื่อระลึกถึงวีรกรรมของท่าน ถือเป็นงานประจำปีของจังหวัดอุตรดิตถ์ เรียกชื่องานว่า "งานพระยาพิชัยดาบหักและงานกาชาด" โดยจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ถือเอาวันที่ 7 มกราคม ของทุกปี เป็นวันเปิดงานพระยาพิชัยดาบหักฯ โดยอ้างอิงตามพระราชพงศาวดาร ที่ระบุวันซึ่งพระยาพิชัยออกสู้รบกับกองทัพโปสุพลาจนดาบหักสองท่อนตามปฏิทินสุริยคติ

;อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก ณ พิพิธภัณฑ์บ้านเกิดพระยาพิชัยดาบหัก อ.พิชัย

ในปี พ.ศ. 2545 ประชาชนได้ร่วมใจกันจัดสร้างอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก ปางนั่งครองเมือง ประดิษฐานด้านหน้าสถูปทรงปรางค์ ณ พิพิธภัณฑ์บ้านเกิดพระยาพิชัยดาบหัก แห่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของอำเภอพิชัย ในหมู่ที่ 4 และหมู่ที่ 6 บ้านห้วยคา ตำบลในเมือง อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อรำลึกถึงเมื่อครั้งที่ท่านได้เป็นผู้สำเร็จราชการครองเมืองพิชัยในสมัยธนบุรี นอกจากนี้ในวันที่ 7 เมษายน หน่วยงานราชการพร้อมทั้งประชาชนชาวพิชัยจะมีการจัดพิธีสักการะบวงสรวงดวงวิญญาณพระยาพิชัยดาบหัก เป็นประจำทุก ๆ ปี เพื่อรำลึกถึงวันที่พระยาพิชัยดาบหักถูกประหารชีวิตเมื่อครั้งสิ้นแผ่นดินพระเจ้าตากสินมหาราชอีกด้วย<ref>คมชัดลึก. (2561). '''ลูกหลานชาวพิชัยสำนึกรักษ์ ถิ่นกำเนิด'พระยาพิชัยดาบหัก''''. [ออน-ไลน์]. แหล่งที่มา : http://www.komchadluek.net/news/regional/320159</ref>

;อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก ณ [[เมืองสวางคบุรี|หัวทุ่งสมรภูมิสวางคบุรี]] อ.เมืองอุตรดิตถ์

[[ไฟล์:Phraya Phichai Dap Hak in Wat Khung Taphao 01.jpg|thumb|150px|อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก ณ [[เมืองสวางคบุรี|หัวทุ่งสมรภูมิสวางคบุรี]]]]

เพื่อระลึกถึงวีรกรรมและความกล้าหาญของท่าน ที่ได้เคยร่วมรบเคียงคู่พระวรกายสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ได้พร้อมใจกันสร้างอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหักแกะสลักจากไม้[[ตะเคียน]]โบราณองค์แรก ประดิษฐานบริเวณหน้า[[วัดคุ้งตะเภา]]หันหน้าสู่[[เมืองสวางคบุรี|ทุ่งสมรภูมิสวางคบุรี]] เพื่อรำลึกถึงอดีต[[เมืองสวางคบุรี]]ในสมัย[[กรุงศรีอยุธยา]]ตอนปลายซึ่งเคยเป็นพื้นที่ ๆ ท่านได้มาฝึกมวยกับครูเมฆแห่งบ้านท่าเสา-คุ้งตะเภา ในวัยเด็ก และเป็นพื้นที่เกิดวีรกรรมการปราม[[ชุมนุมเจ้าพระฝาง]]แห่ง[[เมืองสวางคบุรี]] เป็นชุมนุมสุดท้ายใน[[สมัยธนบุรี]] รวมถึงยังเป็นสถานที่ท่านได้รับเลื่อนยศเป็นพระยาพิชัยผู้สำเร็จราชการครองเมืองพิชัย รับพระราชทานเครื่องยศเสมอเจ้าพระยาสุรสีห์ ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในพระราช[[พงศาวดาร]]<ref> ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). '''สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ ๒๔๕ ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'''. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม. ISBN 978-616-543-334-1</ref>

[[ไฟล์:Monument of King Taksin in Wat Kungtapao 2559 3.jpg|thumb|150px|left|ฯพณฯ ศาสตราจารย์ นพ.[[เกษม วัฒนชัย]] [[องคมนตรี]] เป็นประธานในพิธีบวงสรวงวางศิลาฤกษ์อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก ณ [[เมืองสวางคบุรี|หัวทุ่งสมรภูมิสวางคบุรี]]]]

โดยอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก ณ หัวทุ่งสมรภูมิสวางคบุรี เกิดขึ้นจากความต้องการของประชาชนและผู้เคารพศรัทธาในความกล้าหาญของท่านมาช้านาน ต่อมาในวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 ประชาชนชาวจังหวัดอุตรดิตถ์ได้พร้อมใจกันจัดพิธีเชิญดวงวิญญาณพระยาพิชัยดาบหัก (แทนอัฐิ) ตามโบราณประเพณี และมีพิธีวางศิลาฤกษ์อนุสาวรีย์ฯ โดยมี ฯพณฯ [[ศาสตราจารย์]] นพ.[[เกษม วัฒนชัย]] [[องคมนตรี]] เป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ ต่อมาประชาชนได้นำไม้โบราณมาแกะสลักเป็นอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหักจากไม้ตะเคียนองค์แรกขนาดเท่าครึ่งเพื่อประดิษฐานในบริเวณดังกล่าวให้ประชาชนผู้เคารพศรัทธาได้ระลึกถึงวีรกรรมความกล้าหาญเสียสละของท่าน ในปี พ.ศ. 2561<ref> สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3. (2561). '''อุตรดิตถ์-นำต้นตะเคียนแกะสลักเป็นรูปพระยาพิชัยยืนถือดาบคู่ใจ'''. [ออน-ไลน์]. แหล่งที่มา : http://news.ch3thailand.com/local/63924</ref>

;ศาลพระยาพิชัยดาบหัก ณ เมืองพิชัย

ในอำเภอพิชัยซึ่งเป็นบ้านเกิดของพระยาพิชัยดาบหักในสมัยอยุธยาตอนปลาย และเป็นเมืองที่ท่านเคยผู้สำเร็จราชการครองเมืองพิชัยในสมัยธนบุรี ประชาชนชาวอำเภอพิชัยต่างยังคงมีความเคารพศรัทธาในวีรกรรมและความกล้าหาญของท่านเป็นอย่างยิ่ง จึงได้มีการสร้างศาลเพื่อระลึกถึงพ่อพระยาพิชัยดาบหักในสถานที่ต่าง ๆ

อย่างไรก็ดีศาลที่มีความเก่าแก่และสำคัญกับชาวพิชัยมายาวนานมี 2 แห่ง คือ ศาลท่านพ่อพระยาพิชัยดาบหัก ณ วงเวียนหลังสถานีรถไฟพิชัย อำเภอพิชัย สร้างเป็นมณฑปจตุรมุขเปิดโล่งทั้งสี่ด้าน และศาลท่านพ่อพระยาพิชัยดาบหัก ณ หน้าวัดมหาธาตุ ตำบลในเมือง อำเภอพิชัย ทั้งสองแห่งมีความเก่าแก่และเป็นที่เคารพนับถือของชาวพิชัยมาช้านาน สันนิษฐานว่าสร้างมาก่อนปี พ.ศ. 2513

=== พิพิธภัณฑ์===
;พิพิธภัณฑ์พระยาพิชัย ศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์

[[ไฟล์:Schwert von Uttaradit (Nachbildung des Schwertes von Phraya Phichai).JPG|thumb|150px|right|พิพิธภัณฑ์อนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก หน้าศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์]]

ในบริเวณด้านข้างอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก ณ ศาลากลางจังหวัดอุตรดิตถ์ มีการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์พระยาพิชัย โดยงบประมาณภาครัฐบางส่วน และบางส่วนจากจิตศรัทธาของประชาชนจังหวัดอุตรดิตถ์ ในปี พ.ศ. 2539 ด้านซ้ายของอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก สร้างอาคาร "พิพิธภัณฑ์ดาบเหล็กน้ำพี้ใหญ่ที่สุดในโลก" โดยจัดสร้างและแสดงดาบเหล็กน้ำพี้ขนาดใหญ่ ที่มีน้ำหนัก 557.8 กิโลกรัม ฝักดาบทำด้วยไม้ประดู่ ฝังลวดลายมุกหุ้มปลอกเงินสลักลาย และด้านขวาของอนุสาวรีย์พระยาพิชัยดาบหัก สร้างอาคาร "พิพิธภัณฑ์พระยาพิชัย" ภายในเก็บรวบรวมประวัติของพระยาพิชัยดาบหัก รวมทั้งแบบจำลองสนามรบ และวิถีชีวิตผู้คนเมืองอุตรดิตถ์ในสมัยอยุธยาตอนปลาย รวมทั้งเครื่องมือเครื่องใช้ในสมัยโบราณ โดยสถาปัตยกรรมภายนอกนั้นเป็นแบบทรงไทยประยุกต์ โดยมีจุดเด่นที่กรอบซุ้มประตูทางเข้านำมารูปแบบมาจากวิหารวัดดอนสัก อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นวิหารเก่าแก่ในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย

;พิพิธภัณฑ์บ้านเกิดพระยาพิชัยดาบหัก อ.พิชัย

แม้ในตำนานประวัติของพระยาพิชัยดาบหัก จะระบุบ้านเกิดของท่านว่าอยู่ที่บ้านห้วยคา เมืองพิชัย แต่ก็ไม่เหลือร่องรอยตำแหน่งบ้านเกิดของท่านแล้วในปัจจุบัน ทำให้ต่อมาเมื่อ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 หน่วยงานภาครัฐและประชาชนที่เคารพศรัทธาในวีรกรรมของท่าน จึงได้พร้อมใจกันสร้างพิพิธภัณฑ์บ้านเกิดพระยาพิชัยดาบหัก ในเนื้อที่สาธารณประโยชน์ ประมาณ 326 ไร่ บนพื้นที่ หมู่ที่ 4 และหมู่ที่ 6 บ้านห้วยคา ตำบลในเมือง อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ภายในพื้นที่จัดสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์เป็นเรือนทรงไทย มีการจัดแสดงชีวประวัติพระยาพิชัยดาบหักและมรดกทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น และมีการจัดสร้างสถูปทรงปรางค์ที่จำลองจากพระปรางค์ซึ่งเป็นสถานที่ประดิษฐานอัฐิของท่านในวัดราชคฤห์ [[กรุงเทพมหานคร]]<ref>คมชัดลึก. (2561). '''ลูกหลานชาวพิชัยสำนึกรักษ์ ถิ่นกำเนิด'พระยาพิชัยดาบหัก''''. [ออน-ไลน์]. แหล่งที่มา : http://www.komchadluek.net/news/regional/320159</ref>

=== นามสถานที่ ===
* โรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์
* ม.พัน.7 ค่ายพิชัยดาบหัก อำเภอเมือง จังหวัดอุตรดิตถ์

== ในวัฒนธรรมร่วมสมัย ==
*[[สโมสรฟุตบอลจังหวัดอุตรดิตถ์]] มีสัญลักษณ์เป็นรูปพระยาพิชัยดาบหัก และมีฉายาว่า ''"ดาบหักพิฆาต"''
*พ.ศ. 2560 [[บัวขาว บัญชาเมฆ]] รับบทเป็นพระยาพิชัยดาบหักในภาพยนตร์ไทยเรื่อง ''[[ทองดี ฟันขาว]]''<ref>[http://www.manager.co.th/Entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9580000072392 ชมลีลาแอกชันสุดซี้ด! ของ "บัวขาว" จากหนัง "นายทองดีฟันขาว"]</ref>

== อ้างอิง ==
<div style="overflow:scroll;height:200px;">
{{รายการอ้างอิง|2}}
</div>

== ดูเพิ่ม ==
* [[สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี]]

== หนังสืออ่านเพิ่มเติม ==
* พระยาศรีสัชนาลัยบดี. (2511). '''ประวัติพระยาพิชัยดาบหัก เรียบเรียงโดย พระยาศรีสัชนาลัยบดี อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ พระณรงค์ฤทธี (ชาย ดิฐานนท์)'''. พระนคร : โรงพิมพ์ส่วนท้องถิ่น
* ธีระวัฒน์ แสนคำ. (2558). '''สวางคบุรีศรีคุ้งตะเภา : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชกับสมรภูมิสวางคบุรี-คุ้งตะเภา อนุสรณ์ ๒๔๕ ปี แห่งการสถาปนาวัดคุ้งตะเภา'''. อุตรดิตถ์ : สำนักงานสภาวัฒนธรรมจังหวัดอุตรดิตถ์ กระทรวงวัฒนธรรม. ISBN 978-616-543-334-1
* ศิริวรรณ คุ้มโห้. "พระยาพิชัยดาบหัก." ''บุคคลสำคัญของชาติ เล่ม ๑.'' กรุงเทพฯ : เดอะบุ๊คส์, [ม.ป.ป.]. หน้า 43-46. ISBN 978-974-394-229-7

== แหล่งข้อมูลอื่น ==
{{wikiquote}}
* {{commonscat-inline|Phraya Phichai|พระยาพิชัยดาบหัก}}
*{{cite web | last=ขำฉา | first=วิลาวัลย์ | title=รายการฐานข้อมูลท้องถิ่น เรื่อง พระยาพิชัยดาบหัก. อุตรดิตถ์:รายงานวิชาเอก บรรณารักษศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์ ปี 4 | website=[[มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์]] | date= 2550 | url=http://human.uru.ac.th/Major/LIB1/Present_Report/pichai.pdf | format=[[PDF]]| accessdate=}}

{{อายุขัย|2284|2325}}
[[หมวดหมู่:บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2284]]
[[หมวดหมู่:บุคคลที่เกิดในปี พ.ศ. 2284]]
[[หมวดหมู่:บุคคลจากจังหวัดอุตรดิตถ์]]
[[หมวดหมู่:บุคคลจากจังหวัดอุตรดิตถ์]]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 13:32, 19 กุมภาพันธ์ 2562