ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต"
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ล ย้อนการแก้ไขที่อาจเป็นการทดลอง หรือก่อกวนด้วยบอต ไม่ควรย้อน? แจ้งที่นี่ |
ยาวไป ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ blanking |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
วคิดเอาเองแล้วแต่ความเข้าใจ |
|||
{{อินเทอร์เน็ต|expanded=General}} |
|||
'''การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต''' ({{lang-en|Internet Access}}) หมายถึงการเชื่อมต่อผู้ใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล หรือคอมพิวเตอร์ใดๆ หรืออุปกรณ์มือถือ หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์เข้ากับระบบอินเทอร์เน็ตที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงบริการต่างๆในอินเทอร์เน็ตได้ (เช่น[[อีเมล]]และ[[เวิลด์ไวด์เว็บ]]) [[ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต]] (Internet Service Provider, ISP) เสนอการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตให้ประชาชนทั่วไปผ่านทางเทคโนโลยีต่างๆที่มีความหลากหลายของอัตราการส่งสัญญาณข้อมูล (ความเร็ว) |
|||
[[File:Internet Connectivity An Overview.svg|thumb|รูปแบบการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในแต่ละวิธีและเทคโนโลยีที่ใช้]] |
|||
ผู้บริโภคใช้งานอินเทอร์เน็ต, ในช่วงต้นก่อนที่จะกลายเป็นที่นิยม, ผ่านทางโทรฯเข้า (dial-up) ซึ่งเป็นการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในทศวรรษที่ 1980 และ 1990. ในช่วงทศวรรษแรกของศตวรรษที่ 21 ผู้บริโภคจำนวนมากใช้เทคโนโลยีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตแบบ[[บรอดแบนด์]]ทำให้สามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้เร็วขึ้น |
|||
บทความหลัก: WiMAX และ IEEE 802.1 |
|||
==ประวัติ== |
|||
ในช่วงต้นถึงกลางทศวรรษที่ 1980, การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่คือจากเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและคอมพิวเตอร์ลูกข่ายเชื่อมต่อโดยตรงกับ[[แลน|เครือข่ายท้องถิ่น]]หรือจากการเชื่อมต่อแบบ dial-up ที่ใช้โมเด็มและสายโทรศัพท์แบบแอนะล็อก. LANs มักจะทำงานที่ 10 Mbit/s และเติบโตเพื่อสนับสนุน 100 และ 1000 Mbit/s ในขณะที่โมเด็มมีอัตราส่งข้อมูลเพิ่มขึ้นจาก 1,200 และ 2,400 บิต/วินาทีในช่วงปี 1980, เป็น 28 และ 56 kbit/s โดยช่วงกลางถึงปลายปี 1990 ตอนแรกการเชื่อมต่อแบบ dial-up ทำจาก terminal หรือคอมพิวเตอร์ที่ใช้ซอฟต์แวร์จำลองเป็น terminal ต่อไปยังเซิร์ฟเวอร์ของ LANs การเชื่อมต่อแบบ dial-up แบบนี้ไม่ได้รองรับการใช้งานแบบ end-to-end ของ[[โพรโทคอลอินเทอร์เน็ต]] แต่รองรับเฉพาะ terminal to host เท่านั้น การแนะนำตัวของเซิร์ฟเวอร์การเข้าถึงเครือข่าย (network access servers, Nass) สนับสนุนโพรโทคอลสายอนุกรมอินเทอร์เน็ต ( Serial Line Internet Protocol,SLIP) และต่อมาโพรโทคอลแบบจุดต่อจุด (point-to-point protocol, PPP) ได้ขยายโพรโทคอลของอินเทอร์เน็ตและทำให้ผู้ใช้ dial-up ได้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตได้เต็มรูปแบบ แต่ยังมีข้อจำกัดที่อัตราข้อมูลที่ต่ำอยู่ |
|||
การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยบรอดแบนด์มักจะถูกเรียกสั้นๆว่าบรอดแบนด์และเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตแบบความเร็วสูง เป็นบริการที่ให้อัตราบิตสูงกว่าการใช้โมเด็ม 56 กิโลบิต/วินาทีอย่างมาก ในแผนบรอดแบนด์แห่งชาติสหรัฐอเมริกาของปี 2009, Federal Communications Commission (FCC) กำหนดเข้าถึงบรอดแบนด์เป็น "อินเทอร์เน็ตที่ always onและเร็วกว่าแบบ Dial-Up" แม้ว่า FCC จะกำหนดมันแตกต่างกันตลอดปีที่ผ่านมา. คำว่า บรอดแบนด์แต่เดิมอ้างถึงการสื่อสารหลายความถี่เมื่อเทียบกับ narrowband หรือเบสแบนด์. บรอดแบนด์ในปัจจุบันเป็นคำทางการตลาดที่บริษัทโทรศัพท์, เคเบิลทีวีและอื่น ๆ ใช้ในการขายผลิตภัณฑ์อัตราข้อมูลสูงของตนในราคาสูงขึ้น |
|||
บรอดแบนด์ให้เข้าถึงที่ให้ประโยชน์ต่อบริการอินเทอร์เน็ตเช่น: |
|||
*ท่องเว็บทั่วโลกได้เร็วขึ้น |
|||
*ดาวน์โหลดได้เร็วขึ้นของเอกสาร, ภาพ, วิดีโอ, และไฟล์ขนาดใหญ่อื่น ๆ |
|||
*มีบริการมากขึ้นเช่น โทรศัพท์, วิทยุ, โทรทัศน์, videoconferencing และ |
|||
เครือข่ายส่วนตัวเสมือนจริงและการบริหารจัดการระบบจากระยะไกล |
|||
*เล่นเกมออนไลน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกมที่มีผู้เล่นด้วยกันจำนวนมากที่มีบทบาทการเล่นออนไลน์ที่ต้องการปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้เล่นอย่างมาก |
|||
เทคโนโลยีบรอดแบนด์ที่มีการใช้งานอย่างกว้างขวางที่สุดคือ ADSL และสายเคเบิล เทคโนโลยีใหม่รวมถึง VDSL และ[[ใยแก้วนำแสง]] ทำให้ผู้ใช้บริการได้อัตราการรับส่งเร็วกว่าเดิมมาก การสื่อสารด้วยใยแก้วนำแสงในขณะที่เมื่อก่อนใช้ในอาคารและบนขอบถนนเท่านั้นได้มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงสำหรับผู้ใช้ทั่วไปโดยการรับส่งข้อมูลที่อัตราสูงมากในระยะทางที่ยาวมากและมีประสิทธิภาพมากกว่าเทคโนโลยีลวดทองแดง |
|||
ในพื้นที่ไม่ได้รับการบริการโดย ADSL หรือสายเคเบิล บางองค์กรชุมชนและรัฐบาลท้องถิ่นกำลังติดตั้งเครือข่าย Wi-Fi. อินเทอร์เน็ตไร้สายและอินเทอร์เน็ตดาวเทียมมักจะใช้ในชนบท หรือพื้นที่ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาหรือบริเวณที่ยากที่จะให้บริการอื่นๆ ที่ที่อินเทอร์เน็ตแบบมีสายไม่สามารถใช้งานได้อย่างง่ายดาย |
|||
เทคโนโลยีใหม่ถูกนำไปใช้สำหรับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอยู่กับที่ (stationary) และโทรศัพท์มือถือรวมถึง [[วายแมกซ์|WiMAX]], LTE และไร้สายอยู่กับที่ เช่น Motorola Canopy. เริ่มต้นประมาณ 2006, การเข้าถึงบรอดแบนด์มือถือจะพร้อมให้ใช้เพิ่มขึ้นที่ระดับผู้บริโภคด้วยเทคโนโลยี "3G" และ "4G" เช่น HSPA, EV-DO, HSPA + และ LTE |
|||
==ความพร้อมใช้งาน== |
|||
นอกจากการเข้าถึงจากที่บ้าน, โรงเรียนและสถานที่ทำงาน การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอาจเข้าถึงจากสถานที่สาธารณะเช่นห้องสมุดและอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่มีอยู่ ห้องสมุดบางแห่งให้พื้นที่สำหรับการเชื่อมต่อแล็ปท็อปของผู้ใช้ไปยังเครือข่ายท้องถิ่น (LANs) |
|||
จุดเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไร้สาย(Wireless Internet access points)มีพร้อมให้ใช้ในสถานที่สาธารณะเช่นห้องโถงสนามบินในบางกรณีเพียงสำหรับการใช้งานช่วงสั้น ๆ ในขณะที่รอ บางจุดอาจให้คอมพิวเตอร์แบบหยอดเหรียญ. ศัพท์ต่างๆที่ถูกนำมาใช้เช่น "ตู้อินเทอร์เน็ตสาธารณะ", "จุดเข้าถึงสาธารณะ" และ "โทรศัพท์เว็บหยอดเหรียญ" โรงแรมหลายแห่งยังมีเทอมินอลสาธารณะ ตามปกติมีค่าธรรมเนียมการใช้ |
|||
ร้านกาแฟ ห้างสรรพสินค้าและสถานที่อื่น ๆ มีการเชื่อมต่อไร้สายมากขึ้นกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เรียกว่าฮอตสปอตสำหรับผู้ใช้ที่นำอุปกรณ์ของตัวเองที่ใช้งานแบบไร้สายมาเองเช่นแล็ปท็อปหรือ PDA บริการเหล่านี้อาจจะฟรีสำหรับทุกคน หรือฟรีกับลูกค้าเท่านั้น หรือเสียค่าใช้จ่าย ฮอตสปอตไม่จำเป็นต้องถูกจำกัดเฉพาะพื้นที่ปิดเท่านั้น วิทยาเขตทั้งหรือสวนสาธารณะหรือแม้กระทั่งเมืองทั้งเมืองสามารถเปิดใช้งานได้ ความพยายามในระดับรากหญ้าได้นำพาชุมชนไปสู่เครือข่ายไร้สาย |
|||
นอกจากนี้การเข้าถึงบรอดแบนด์มือถือช่วยให้สมาร์ตโฟนและอุปกรณ์ดิจิทัลอื่น ๆ เพื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจากที่ตั้งใดๆที่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือโทรฯออกได้ ภายใต้ขีดความสามารถของเครือข่ายของมือถือนั้น |
|||
==อัตราการส่งข้อมูล== |
|||
{| class="infobox bordered;" style="font-size:90%" |
|||
|+ <small>[[Data rate units]] ([[SI prefix|SI]])</small> |
|||
|- style="text-align:left;" |
|||
|| '''หน่วย''' |
|||
|| |
|||
|| '''สัญลักษณ์''' |
|||
|| '''บิต''' |
|||
|| '''ไบต์''' |
|||
|- |
|||
| กิโลบิตต่อวินาที || (10<sup>3</sup>) || kbit/s || 1,024 bit/s || 128 bytes/s |
|||
|- |
|||
| Megabit/s || (10<sup>6</sup>) || Mbit/s || 1,024 kbit/s || 128 kB/s |
|||
|- |
|||
| Gigabit/s || (10<sup>9</sup>) || Gbit/s || 1,024 Mbit/s || 128 MB/s |
|||
|- |
|||
| Terabit/s || (10<sup>12</sup>) || Tbit/s || 1,024 Gbit/s || 128 GB/s |
|||
|- |
|||
| Petabit/s || (10<sup>15</sup>) || Pbit/s || 1,024 Tbit/s || 128 TB/s |
|||
|- |
|||
| colspan="5" | |
|||
|- style="text-align:left;" |
|||
|| '''Unit''' |
|||
|| |
|||
|| '''Symbol''' |
|||
|| '''Bits''' |
|||
|| '''Bytes''' |
|||
|- |
|||
| กิโลไบต์ต่อวินาที || (10<sup>3</sup>) || kB/s || 8,192 bit/s || 1,024 bytes/s |
|||
|- |
|||
| Megabyte/s || (10<sup>6</sup>) || MB/s || 8,192 kbit/s || 1,024 kB/s |
|||
|- |
|||
| Gigabyte/s || (10<sup>9</sup>) || GB/s || 8,192 Mbit/s || 1,024 MB/s |
|||
|- |
|||
| Terabyte/s || (10<sup>12</sup>) || TB/s || 8,192 Gbit/s || 1,024 GB/s |
|||
|- |
|||
| Petabyte/s || (10<sup>15</sup>) || PB/s || 8,192 Tbit/s || 1,024 TB/s |
|||
|} |
|||
อัตราบิตสำหรับโมเด็ม dial-up เรื่มจากเพียง 110 บิต/วินาทีในช่วงปลายทศวรรษ 1950 ถึงสูงสุด 33-64 กิโลบิต/วินาที (V.90 และ V.92) ในปลายปี 1990. การเชื่อมต่อ dial-up โดยทั่วไปต้องใช้สายโทรศัพท์เท่านั้น การบีบอัดข้อมูลสามารถเพิ่มอัตราบิตอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับการเชื่อมต่อแบบ dial-up โมเด็มจาก 220 (V.42bis) ถึง 320 (V.44) kbit/s. อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพของการบีบอัดข้อมูลเป็นตัวแปรค่อนข้างขึ้นอยู่กับ ประเภทของข้อมูลที่กำลังถูกส่งมา และขึ้นอยู่กับสภาพของสายโทรศัพท์และปัจจัยอื่น ๆอีกมาก ในความเป็นจริงอัตราการส่งข้อมูลโดยรวมไม่ค่อยเกิน 150 กิโลบิต/วินาที. |
|||
เทคโนโลยีบรอดแบนด์จัดหาอัตราบิตสูงกว่าแบบ dial-up มาก โดยทั่วไปจะไม่กระทบกับการใช้โทรศัพท์ปกติ อัตราขั้นต่ำของข้อมูลและเวลาแฝงสูงสุดถูกใช้ในความหมายของบรอดแบนด์ตั้งแต่ 64 kbit/s ถึง 4.0 Mbit/s. ในปี 1988 มาตรฐาน CCITT ที่กำหนดว่า "บริการบรอดแบนด์" ต้องใช้ช่องทางส่งผ่านที่มีความสามารถในการสนับสนุนบิต อัตราที่สูงกว่าอัตราการขั้นต้นตั้งแต่ประมาณ 1.5 ถึง 2 Mbit/s. รายงานปี 2006 ขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) นิยามบรอดแบนด์ไว้ว่ามีอัตราการดาวน์โหลดข้อมูลเท่ากับหรือเร็วกว่า 256 กิโลบิต/s. และในปี 2010 Federal Communications Commission (FCC) กำหนด "Basic บรอดแบนด์" ว่าเป็นการส่งข้อมูลความเร็วอย่างน้อย 4 Mbit/s ดาวน์โหลด (จากอินเทอร์เน็ตไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้) และ 1 Mbit/s อัปโหลด (จาก คอมพิวเตอร์ของผู้ใช้กับอินเทอร์เน็ต). แนวโน้มก็คือการเพิ่มเกณฑ์ของความหมายของบรอดแบนด์เพิ่มขึ้นเมื่อบริการข้อมูลที่สูงขึ้นกว่าเดิมพร้อมใช้งาน |
|||
อัตราการส่งข้อมูลของโมเด็ม dial-up และบริการบรอดแบนด์ "ไม่สมมาตร" หมายถึงอัตราการส่งข้อมูลจะสูงมากตอนดาวน์โหลด (ไปยังผู้ใช้) สูงกว่าตอนอัปโหลด (ไปยังอินเทอร์เน็ต) |
|||
อัตราการส่งข้อมูล, รวมทั้งที่ให้ไว้ในบทความนี้, มักจะถูกกำหนดและลงโฆษณาในแง่ของอัตราการดาวน์โหลดสูงสุดหรือจุดสูงสุด(พีค) ในทางปฏิบัติอัตราการส่งข้อมูลสูงสุดเหล่านี้ไม่ค่อยน่าเชื่อถือสำหรับลูกค้า. อัตราการส่งข้อมูลที่เกิดขึ้นจริงแบบ end-to-end จะลดลงเนื่องจากปัจจัยหลายประการ. คุณภาพการเชื่อมโยงของสื่อกลางทางกายภาพที่แปรตามระยะทาง, และสำหรับการเข้าถึงแบบไร้สาย จะขึ้นกับภูมิประเทศ, อากาศ, สิ่งก่อสร้างที่บดบัง, ตำแหน่งเสาอากาศและการรบกวนจากแหล่งวิทยุอื่น ๆ คอขวดเครือข่ายอาจมีอยู่ที่จุดใดก็ได้บนเส้นทางจาก end-user ไปยังเซิร์ฟเวอร์ระยะไกลหรือบริการที่กำลังถูกนำมาใช้ และไม่เพียงแต่จะเกิดขึ้นที่จุดเชื่อมโยงแรกหรือจุดสุดท้ายก่อนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตของ end-user เท่านั้น |
|||
ผู้ใช้หลายคนอาจแชร์การเข้าถึงผ่านทางโครงสร้างพื้นฐานเครือข่ายร่วมกัน เนื่องจากผู้ใช้ส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้ความสามารถในการเชื่อมต่อเต็มรูปแบบตลอดเวลา กลยุทธ์การรวมตัวนี้ (เรียกว่าบริการแข่งขัน) มักจะทำงานได้ดีและผู้ใช้สามารถระเบิดออกเพื่ออัตราการส่งข้อมูลที่เต็มที่อย่างน้อยในช่วงเวลาสั้น อย่างไรก็ตาม การใช้ไฟล์ร่วมกันแบบ peer-to-peer (P2P) และวีดิทัศน์แบบส่งต่อเนื่องคุณภาพสูงจะต้องการอัตราการส่งข้อมูลที่สูงทำให้ต้องขยายระยะเวลาออกไป ซึ่งจะละเมิดข้อสมมติฐานของบริการแบบนี้และสามารถก่อให้เกิดการบริการที่จะกลายเป็น oversubscribed เป็นผลให้เกิดความแออัดและประสิทธิภาพแย่ โพรโทคอล TCP รวมถึงกลไกการควบคุมการไหลที่เค้นกลับโดยอัตโนมัติเพื่อให้ได้แบนด์วิธกลับคืนระหว่างการแออัดของเครือข่าย สิ่งนี้ให้ความเป็นธรรมในแง่ที่ว่าผู้ใช้ทุกคนที่ประสบความแออัดจะได้รับแบนด์วิธน้อยลง แต่ก็สามารถทำให้ลูกค้าหลายรายหัวเสียและเป็นปัญหาสำคัญสำหรับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ในบางกรณีจำนวนแบนด์วิธที่มีจริงอาจจะลดลงต่ำกว่าเกณฑ์ที่จำเป็นในการสนับสนุนการให้บริการโดยเฉพาะอย่างยิ่งเช่นการประชุมทางวิดีโอหรือวิดีทัศน์แบบส่งต่อเนทาองสดได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้การบริการไม่พร้อมใช้งาน |
|||
เมื่อการจราจรติดขัดขนาดหนัก ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตจงใจที่จะเค้นกลับแบนด์วิดท์จากบางระดับชั้น (class) ของผู้ใช้หรือจากบางบริการโดยเฉพาะ วิธีนี้เรียกว่า traffic shaping และการใช้อย่างมั่นใจที่จะได้คุณภาพที่ดีขึ้นของการบริการสำหรับการบริการในเวลาที่สำคัญบนเครือข่ายที่วุ่นวายมาก อย่างไรก็ตาม ถ้าใช้มากเกินไปสามารถนำไปสู่ความกังวลเกี่ยวกับความเป็นธรรมและความเป็นกลางของเครือข่ายหรือแม้กระทั่งค่าใช้จ่ายของการเซ็นเซอร์เมื่อบางชนิดของการจราจรถูกปิดกั้นอย่างรุนแรงหรืออย่างสิ้นเชิง |
|||
==เทคโนโลยี== |
|||
เทคโนโลยีการเข้าถึงโดยทั่วไปใช้โมเด็มซึ่งจะแปลงข้อมูลดิจิทัลให้เป็นแอนะล็อกเพื่อการส่งผ่านเครือข่ายอนาล็อกเช่นเครือข่ายโทรศัพท์และสายเคเบิล. |
|||
===เครือข่ายพื้นที่ท้องถิ่น=== |
|||
เครือข่ายพื้นที่ท้องถิ่น (LANs) จัดให้มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไปยังคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่น ๆ ในพื้นที่จำกัด เช่นบ้าน, โรงเรียน, ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์หรืออาคารสำนักงาน, ที่มักจะมีอัตราข้อมูลค่อนข้างสูงที่อยู่ในช่วงปกติ 10-1000 Mbit/s มีทั้งแบบใช้สายและไร้สาย LANs Ethernet บนสายเกรียวคู่และ Wi-Fi เป็นสองเทคโนโลยีส่วนใหญ่ที่ใช้ในการสร้างระบบแลนในวันนี้ แต่ ARCNET, Token ring, LocalTalk, FDDI, และเทคโนโลยีอื่น ๆ ถูกนำมาใช้ในอดีตที่ผ่านมา |
|||
การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ในวันนี้คือผ่าน LAN, มักจะเป็น LAN ขนาดเล็กมากที่มีเพียงหนึ่งหรือสองอุปกรณ์ที่ต่อกัน และในขณะที่แลนเป็นรูปแบบสำคัญของการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต สิ่งนี้สร้างคำถามถึงวิธีการและอัตราการส่งข้อมูลที่ LAN จะเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตทั่วโลก เทคโนโลยีที่อธิบายไว้ด้านล่างจะถูกใช้เพื่อทำการเชื่อมต่อเหล่านี้ |
|||
====Dial-up access==== |
|||
{{Listen |
|||
|filename = Dial up modem noises.ogg |
|||
|title = "เสียงจากโมเด็ม Dial up" |
|||
|description = ตัวอย่างเสียงของ[[dial-up|dial-up modem]] ขณะกำลังพยายามสร้างการเชื่อมโยงกับ[[ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต|ISP]]ท้องถิ่นเพื่อเข้าระบบ[[อินเทอร์เน็ต]] |
|||
|pos=right}} |
|||
การเข้าถึงแบบ Dial-Up ใช้โมเด็มและโทรศัพท์ที่ทำงานกับ public switched telephone network (PSTN) เพื่อเชื่อมต่อกับโมเด็มของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต โมเด็มฝั่งผู้ใช้แปลงสัญญาณดิจิทัลของคอมพิวเตอร์เป็นสัญญาณแอนะล็อกที่เดินทางผ่านสายโทรศัพท์ท้องถิ่นจนถึงชุมสายของบริษัทโทรศัพท์หรือ central office (CO) จากนั้นหลังจากทำการตรวจสอบบัญชีผู้ใช้ว่าถูกต้องจึงจะเชื่อมโยงผู้ใช้เข้ากับระบบอินเทอร์เน็ต |
|||
การดำเนินงานแบบ dial-up จะใช้ช่องความถี่เดียว และจะครอบครองสายโทรศัพท์แต่ผู้เดียวและเป็นหนึ่งในวิธีที่ช้าที่สุดของการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต แบบ Dial-Up มักจะเป็นเพียงรูปแบบของการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่มีอยู่ในพื้นที่ชนบทเพราะมันไม่จำเป็นต้องมีโครงสร้างพื้นฐานใหม่นอกเหนือจากเครือข่ายโทรศัพท์ที่มีอยู่แล้ว โดยปกติการเชื่อมต่อ dial-up ความเร็วจะไม่เกิน 56 กิโลบิต/วินาทีโดยใช้โมเด็มที่ทำงานที่อัตราการส่งข้อมูลสูงสุด 56 กิโลบิต/วินาที (ดาวน์ลิงก์) และ 34 หรือ 48 kbit /วินาที (อัพลิงก์). |
|||
===การเข้าถึงด้วยบรอดแบนด์=== |
|||
คำว่าบรอดแบนด์หมายถึงเทคโนโลยีการเข้าถึงข้อมูลอินเทอร์เน็ตที่ให้อัตราการรับส่งที่สูง เทคโนโลยีเหล่านี้ใช้สายไฟหรือสายเคเบิลใยแก้วนำแสงในทางตรงกันข้ามกับ[[บรอดแบนด์ไร้สาย]]จะอธิบายต่อไป |
|||
====multilink dial-up==== |
|||
multilink dial-up ให้แบนด์วิดท์ที่เพิ่มขึ้นโดยการนำการเชื่อมต่อแบบ dial-up สองคู่สายหรือมากกว่า มาเชื่อมกัน (bonding) และปฏิบัติกับการบอนดิ้งนี้เหมือนกับเป็นช่องทางการเชื่อมต่อวงจรเดียว. ดังนั้น มันจึงต้องการสองชุดหรือมากกว่าของโมเด็ม, สายโทรศัพท์และบัญชี dial-up เช่นเดียวกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ที่สนับสนุน Multilinking - และแน่นอนค่าใช้จ่ายและข้อมูลจะต้องเป็นสองเท่าหรือมากกว่าด้วย ตัวเลือกนี้ได้รับความนิยมในเวลาสั้น ๆ สำหรับผู้ใช้ระดับไฮเอนด์ ก่อนที่ ISDN, DSL และเทคโนโลยีอื่น ๆ จะพร้อมใช้ Diamondและผู้ขายอื่น ๆ ได้สร้างโมเด็มพิเศษเพื่อสนับสนุน Multilinking นี้. |
|||
====เครือข่ายบริการดิจิทัลแบบบูรณาการ (ISDN)==== |
|||
Integrated Services Digital Network (ISDN) หรือบริการโทรศัพท์แบบสวิตช์ที่สามารถขนส่งเสียงและข้อมูลดิจิทัล เป็นหนึ่งในวิธีการที่เก่าแก่ที่สุดในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต. ISDN ถูกใช้สำหรับการประชุมทางเสียง/วิดีโอและการประยุกต์ใช้ข้อมูลบรอดแบนด์. ISDN เป็นที่นิยมมากในยุโรป แต่พบได้น้อยในอเมริกาเหนือ การใช้งานสูงสุดในปลายยุค 1990 ก่อนที่จะมี เทคโนโลยี DSL และเคเบิลโมเด็ม. |
|||
อัตราพื้นฐาน ISDN ที่รู้จักกันคือ ISDN-BRI, มีสอง"bearer"หรือ "B"แชนแนลที่ความเร็ว 64 กิโลบิต/วินาที ช่องทางเหล่านี้สามารถใช้แยกกันสำหรับเสียงหรือเซลล์ข้อมูลหรือบอนด์เข้าด้วยกันเพื่อให้บริการ 128 kbit/s หลายๆ ISDN-BRI สามารถผูกมัดร่วมกันเพื่อให้ได้อัตราการส่งข้อมูลสูงกว่า 128 กิโลบิต/วินาที อัตรา ISDN ประถมที่รู้จักกันเป็น ISDN-PRI มี 23 ช่อง bearer (64 kbit/s แต่ละ bearer ) ทำให้ได้อัตราการส่งข้อมูลรวม 1.5 Mbit / s (มาตรฐานสหรัฐ) สาย ISDN E1 (มาตรฐาน European) มี 30 ช่อง bearer ทำให้อัตราการส่งข้อมูลรวม 1.9 Mbit/s |
|||
====วงจรเช่า==== |
|||
วงจรเช่าเป็นการกำหนดให้สายเคเบิลสายใดสายหนึ่งให้ผู้เช่าได้ใช้แต่เพียงผู้เดียว ผู้ใช้อาจเป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต, ธุรกิจและองค์กรขนาดใหญ่อื่น ๆ ใช้ในการเชื่อมต่อระบบแลนหรือเครือข่ายมหาวิทยาลัยเข้ากับอินเทอร์เน็ต โดยใช้โครงสร้างพื้นฐานของเครือข่ายโทรศัพท์ทั่วไปหรือผู้ให้บริการอื่น ๆ สายเคเบิลดังกล่าว อาจเป็นลวดทองแดง, ใยแก้วนำแสงและวิทยุ, วงจรเช่าถูกนำมาใช้เพื่อให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตโดยตรง |
|||
เทคโนโลยี T-carrier ให้บริการตั้งแต่ 1957 และให้อัตราการส่งข้อมูลที่หลากหลายจาก 56 และ 64 กิโลบิต/วินาที (DS0) ถึง 1.5 เมกะบิต/วินาที (T1 หรือ DS1) ถึง 45 Mbit/s (DS3 หรือ T3) สาย T1 ขนส่ง 24 ช่องเสียงหรือข้อมูล (24 DS0s) ดังนั้นลูกค้าอาจใช้บางช่องเป็นข้อมูลและที่เหลือเป็นเสียงหรือใช้ทั้ง 24 ช่องเป็นข้อมูลอย่างเดียว สาย DS3 (T3) ขนส่ง 28 ช่อง DS1 (T1). เศษของ T1 ยังมีให้บริการในรูปของทวีคูณ DS0 เพื่อให้อัตราการส่งข้อมูลระหว่าง 56 ถึง 1500 kbit/s. สาย T-carrier ต้องใช้อุปกรณ์ termination พิเศษที่อาจจะแยกออกจากหรือรวมอยู่กับเราเตอร์หรือสวิทช์หรืออาจจะหาซื้อหรือเช่าจาก ISP. ในประเทศญี่ปุ่นมาตรฐานเทียบเท่าคือ J1/J3. ในทวีปยุโรปที่มีมาตรฐานแตกต่างกันเล็กน้อย, E-carrier. ให้ 32 ช่องผู้ใช้ (64 กิโลบิต/วินาที) บน E1 (2.0 Mbit/s) และ 512 ช่องผู้ใช้หรือ 16 E1s บน E3 (34.4 Mbit/s) |
|||
Synchronous Optical Networking (SONET ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา) และ Synchronous Digital Hierarchy (SDH, ในส่วนที่เหลือของโลก) เป็นโพรโทคอลมัลติเพล็กมาตรฐานที่ถูกใช้เพื่อขนส่งกระแสข้อมูลดิจิทัลอัตราบิตสูงผ่านใยแก้วนำแสงที่ใช้แสงเลเซอร์หรือแสงที่มีธรรมชาติเหมือนกันอย่างสูงจากไดโอดเปล่งแสง (LEDs). ที่อัตราการส่งต่ำ ข้อมูลยังสามารถถูกโอนผ่านทางอินเตอร์เฟซไฟฟ้าได้ หน่วยพื้นฐานของเฟรมคือ OC-3c (แสง) หรือ STS-3c (ไฟฟ้า) ซึ่งขนส่งที่ 155.520 Mbit/s ดังนั้น OC-3c จะขนส่งสาม OC-1 (51.84 Mbit /s) payloads ซึ่งแต่ละ payloads มีความจุมากพอที่จะรวม DS3 ได้เต็ม. อัตราการส่งข้อมูลที่สูงกว่าจะถูกส่งใน OC-3c ทวีคูณของสี่ ทำให้ได้ OC-12c (622.080 Mbit/s), OC-48C (2.488 Gbit/s), OC-192c (9.953 Gbit/s) และ OC-768c (39.813 Gbit/s) "C" ในตอนท้ายของ OC ย่อมาจาก "concatenated (ต่อกัน)" และแสดงกระแสข้อมูลเดียวแทนที่จะเป็นหลายกระแสข้อมูลที่ถูก multiplexed |
|||
1, 10, 40, และ 100 จิกะบิตอีเธอร์เน็ต (GbE, 10 GbE, 40 GbE และ 100 GbE) มาตรฐาน IEEE (802.3) ยอมให้ข้อมูลดิจิทัลถูกส่งผ่านสายทองแดงที่ระยะทางถึง 100 เมตรและผ่านใยแก้วนำแสงที่ระยะทางไป 40 กม. |
|||
====การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเคเบิล==== |
|||
เคเบิลอินเทอร์เน็ตหรือการเข้าถึงด้วยเคเบิลโมเด็มให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านสาย coaxial ใยแก้วไฮบริดที่เดิมพัฒนาขึ้นมาเพื่อขนส่งสัญญาณโทรทัศน์ สายทองแดงหรือใยแก้วนำแสงอาจเชื่อมต่อโหนดไปยังสถานที่ของลูกค้าที่จุดเชื่อมต่อที่รู้จักกันว่าเคเบิลดรอพ ในระบบเคเบิลโมเด็ม ทุกโหนดสำหรับสมาชิกเชื่อมต่อไปยังสำนักงานกลางของบริษัทเคเบิล ที่รู้จักกันว่าคือ "head end" แล้วบริษัทเคเบิลจะเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยใช้ความหลากหลายของวิธีการ -. ปกติจะใช้สายเคเบิลใยแก้วนำแสงหรือดาวเทียมดิจิทัลและการส่งสัญญาณไมโครเวฟ. เหมือน DSL, เคเบิลบรอดแบนด์ให้การเชื่อมต่ออย่างต่อเนื่องกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต. ช่วงดาวน์โหลด, ทิศทางสู่ผู้ใช้, อัตราบิตสามารถมากสุดได้ถึง 400 Mbit/s สำหรับการเชื่อมต่อธุรกิจ, และ 100 Mbit/s สำหรับการบริการที่อยู่อาศัยในบางประเทศ. ช่วงอัปโหลด, ออกมาจากผู้ใช้, มีความเร็วตั้งแต่ 384 กิโลบิต/วินาทีจนถึง 20 Mbit/s. การเข้าถึงแบบเคเบิลบรอดแบนด์มีแนวโน้มที่จะให้บริการลูกค้าที่เป็นธุรกิจน้อยกว่าเพราะเคเบิลทีวีที่มีอยู่มีแนวโน้มที่จะให้บริการอาคารที่อยู่อาศัยมากกว่าและอาคารเพื่อการพาณิชย์ไม่ค่อยมีการเดินสายโคแอกเชียลภายในอาคาร. นอกจากนี้เนื่องจากสมาชิกเคเบิลบรอดแบนด์แชร์สายท้องถิ่นเดียวกัน, การสื่อสารอาจถูกดักไว้โดยสมาชิกที่อยู่ใกล้เคียง สายเคเบิลเครือข่ายให้รูปแบบการเข้ารหัสอย่างสม่ำเสมอสำหรับการเดินทางของข้อมูลไปและกลับจากลูกค้า แต่แผนการเหล่านี้อาจจะถูกขัดขวาง. |
|||
====Digital Subscriber Line (DSL, ADSL, SDSL และ VDSL)==== |
|||
{{DSL technologies}} |
|||
{{main|Digital subscriber line}} |
|||
บริการ Digital Subscriber Line (DSL) ให้การเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ ซึ่งแตกต่างจาก dial-up, DSL สามารถทำงานได้โดยใช้สายโทรศัพท์เพียงคู่สายเดียวโดยไม่ได้ขัดขวางการใช้งานปกติของสายโทรศัพท์สำหรับการโทรโทรศัพท์เสียง. DSL ใช้ความถี่สูงในขณะที่ความถี่(เสียง)ต่ำจะถูกใช้สำหรับการสื่อสารโทรศัพท์ปกติ. โดยความถี่ต่ำจะถูกแยกออกมาด้วยตัวกรองที่ติดตั้งในสถานที่ของลูกค้า |
|||
DSL เดิมหมายถึง "digital subscriber loop" ในด้านการตลาดการสื่อสารโทรคมนาคม, คำว่า DSL เป็นที่เข้าใจอย่างกว้างขวางว่าหมายถึง Asymmetric Digital Subscriber Line (ADSL) เนื่องจากเป็นชนิดของ DSL ที่ถูกติดตั้งมากที่สุด การรับส่งข้อมูลในทิศทางให้กับลูกค้า (ดาวน์โหลด)ของการบริการ DSL สำหรับผู้บริโภคทั่วไปมักจะมีตั้งแต่ 256 กิโลบิต/วินาทีถึง 20 Mbit/s ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยี DSL, สภาพสายและการดำเนินการของระดับบริการ. ใน ADSL, การรับส่งข้อมูลในทิศทางของผู้ให้บริการ (อัปโหลด) จะต่ำกว่าในทิศทางให้กับลูกค้า (ดาวน์โหลด) จึงเรียกว่าไม่สมมาตร. เทียบกับ symmetric digital subscriber line (SDSL) ดาวน์โหลดและอัปโหลดมีอัตราการส่งข้อมูลเท่ากัน. |
|||
Very-high-bit-rate digital subscriber line (VDSL หรือ VHDSL, ITU G.993.1) เป็นมาตรฐานของ DSL ที่ได้รับการอนุมัติในปี 2001 ที่มีอัตราการส่งข้อมูลถึง 52 Mbit/s ดาวน์โหลดและ 16 Mbit/s อัปโหลด บนสายทองแดง และสูงถึง 85 Mbit/s ทั้งดาวน์โหลดและอัปโหลดบนสายโคแอกเชียล. VDSL สามารถรองรับการใช้งานเช่นโทรทัศน์ความละเอียดสูงเช่นเดียวกับการให้บริการโทรศัพท์ (Voice over IP) และ การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตโดยทั่วไปผ่านการเชื่อมต่อทางกายภาพคู่สายเดียว |
|||
VDSL2 (ITU-T G.993.2) เป็นรุ่นที่สองและเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของ VDSL. ได้รับการอนุมัติในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2006 มันสามารถที่จะให้อัตราการส่งข้อมูลเกิน 100 Mbit/s พร้อมกันทั้งในทิศทางอัปโหลดและดาวน์โหลด แต่อัตราการส่งข้อมูลสูงสุดจะประสบความสำเร็จในช่วงประมาณ 300 เมตรและประสิทธิภาพจะลดทอนไปตามระยะทางและการลดทอนสัญญาณที่เพิ่มขึ้น |
|||
====วงแหวน DSL==== |
|||
DSL Rings (DSLR) หรือ วงแหวน DSL ที่นำ DSL หลายวงจรมาผูกติดกัน คือโครงสร้างวงแหวนที่ใช้เทคโนโลยี DSL ผ่านสายโทรศัพท์ทองแดงหลายคู่สายที่มีอยู่มาผูกติดกันเพื่อให้มีอัตราการส่งข้อมูลสูงสุดถึง 400 Mbit/s. |
|||
====[[ใยแก้วนำแสง]]ไปถึงบ้าน==== |
|||
Fiber-to-the-home (FTTH) เป็นหนึ่งในสมาชิกของครอบครัว Fiber-to-the-x (FTTx) ได้แก่ Fiber-to-the-building (FTTB), Fiber-to-the-premises (FTTP ), Fiber-to-the-desk (FTTD), Fiber-to-the-curb (FTTC) และ Fiber-to-the-โหนด (FTTN). วิธีการเหล่านี้ทั้งหมดนำข้อมูลมาใกล้ชิดกับผู้ใช้ด้วยใยแก้วนำแสง ความแตกต่างระหว่างแต่ละวิธีการส่วนใหญ่ก็คือวิธีการที่จะทำอย่างไรจะนำใยแก้วนำแสงให้ใกล้ชิดกับผู้ใช้มากที่สุด วิธีการจัดส่งทั้งหมดเหล่านี้มีความคล้ายคลึงกับระบบไฮบริด fiber-coaxial (HFC) ที่ใช้เพื่อการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยสายเคเบิล |
|||
ใยแก้วนำแสงสามารถให้อัตราการส่งข้อมูลที่สูงขึ้นมากในระยะทางที่ไกลกว่ามาก อินเทอร์เน็ตที่มีความจุสูงส่วนใหญ่และแบ็คโบนของเคเบิลทีวีจะใช้เทคโนโลยีใยแก้วนำแสง จากนั้นข้อมูลจะถูกเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีอื่น ๆ (DSL, เคเบิลทีวี, โทรศัพท์บ้าน) สำหรับการส่งมอบสุดท้ายให้กับลูกค้า. |
|||
====อินเทอร์เน็ตตามสายไฟ==== |
|||
อินเทอร์เน็ตตามสายไฟหรือที่เรียกว่า Broadband over power lines (BPL) ทำการขนส่งข้อมูลอินเทอร์เน็ตบนตัวนำไฟฟ้าที่ถูกใช้สำหรับการส่งกระแสไฟฟ้าด้วย เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานของสายไฟฟ้าที่ได้กระจายออกไปอย่างกว้างขวางอยู่แล้ว เทคโนโลยีนี้สามารถให้คนที่อยู่ในชนบทและในพื้นที่ประชากรอยู่อาศัยน้อยสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยในแง่ของอุปกรณ์การส่ง, สายเคเบิลหรือสายไฟ อัตราการส่งข้อมูลจะไม่สมมาตรและมีความเร็วทั่วไปตั้งแต่ 256 กิโลบิต/วินาทีถึง 2.7 Mbit/s. |
|||
เพราะระบบเหล่านี้ใช้บางส่วนของคลื่นความถี่วิทยุที่ถูกจัดสรรให้กับบริการการสื่อสารแบบออกอากาศอื่น ๆ, การรบกวนระหว่างการบริการด้วยกันเป็นปัจจัยสำคัญในการใช้งานของระบบการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านทางสายไฟ. มาตรฐาน IEEE P1901 ระบุว่าโพรโทคอลสายไฟทั้งหมดจะต้องตรวจสอบการใช้งานขนส่งกระแสไฟฟ้าที่ใช้อยู่และหลีกเลี่ยงการเข้าไปรบกวนกับงานนั้น |
|||
การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยสายไฟได้มีการพัฒนาได้เร็วกว่าในยุโรปมากกว่าในสหรัฐเนื่องจากความแตกต่างทางประวัติศาสตร์ในปรัชญาการออกแบบระบบไฟฟ้า สัญญาณข้อมูลจะไม่สามารถผ่านหม้อแปลง Step-Down ที่ใช้อยู่ จึงต้องใช้ repeater มาติดตั้งในหม้อแปลงไฟฟ้าแต่ละตัว. ในสหรัฐอเมริกาหม้อแปลงให้บริการกลุ่มเล็ก ๆ ของบ้านหนึ่งหรือสองสามหลัง ในยุโรปมันเป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับหม้อแปลงไฟฟ้าค่อนข้างใหญ่เพื่อให้บริการกลุ่มขนาดใหญ่ 10-100 บ้าน ดังนั้นเมืองสหรัฐฯโดยทั่วไปต้องใช้ repeater มากกว่าเมืองในยุโรปในขนาดเมืองที่เท่ากัน. |
|||
====ATM และ Frame Relay==== |
|||
Asynchronous Transfer Mode (Asynchronous) และ Frame Relay เป็นมาตรฐานเครือข่ายบริเวณกว้างที่สามารถใช้เพื่อให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้โดยตรงหรือเป็น building blocks ของเทคโนโลยีการเข้าถึงอื่น ๆ ตัวอย่างเช่นการใช้งานหลายๆ DSL ใช้เลเยอร์เอทีเอ็มบนชั้น bitstream ระดับต่ำเพื่อเปิดทางให้หลายเทคโนโลยีที่แตกต่างกันสามารถทำงานบนการเชื่อมโยงเดียวกันได้ ลูกค้าระบบแลนโดยทั่วไปจะถูกเชื่อมต่อกับสวิตช์ ATM หรือโหนด Frame Relay ด้วยวงจรเช่าที่มีอัตราการส่งข้อมูลที่มีความเร็วที่หลากหลาย |
|||
เนื่องจากการถือกำเนิดของ Ethernet บนใยแก้วนำแสง การใช้กันอย่างแพร่หลายของ MPLS, VPNs และบริการบรอดแบนด์เช่นเคเบิลโมเด็มและ DSL, ทำให้ ATM และ Frame Relay ไม่ได้มีบทบาทที่โดดเด่นอย่างที่เคย |
|||
====การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วย[[บรอดแบนด์ไร้สาย]]==== |
|||
บรอดแบนด์ไร้สายจะถูกใช้เพื่อให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทั้งแบบอยู่กับที่และแบบเคลื่อนที่ |
|||
=====วาย-ฟาย===== |
|||
[[ไฟล์:Wifi logo.jpg|thumb|โลโก้ Wi-Fi]] |
|||
บทความหลัก: Wi-Fi, Wireless LAN, และ 802.11 |
|||
Wi-Fi เป็นชื่อที่นิยมสำหรับ "แลนไร้สาย" ที่ใช้หนึ่งในมาตรฐาน IEEE 802.11. Wi-Fi เป็นเครื่องหมายการค้าของ Wi-Fi Alliance. บ้านทั่วไปและธุรกิจมักจะใช้ Wi-Fi เพื่อเชื่อมต่อแล็ปท็อปและสมาร์ตโฟนเข้ากับอินเทอร์เน็ต ฮอตสปอต Wi-Fi อาจพบได้ในร้านกาแฟและสถานประกอบการต่างๆที่สาธารณะอื่น ๆ Wi-Fi ใช้ในการสร้างเครือข่ายไร้สายมหาวิทยาลัยและทั่วเมืองในบริเวณกว้าง. |
|||
เครือข่าย Wi-Fi ถูกสร้างขึ้นโดยการใช้เราเตอร์ไร้สายที่เรียกว่าจุดเชื่อมต่อ(access point หรือ AP) ทำให้การเชื่อมต่อแบบคอมพิวเตอร์กับคอมพิวเตอร์เพื่อเป็นเครือข่าย Wi-Fi แบบ "เฉพาะกิจ" เกิดขึ้นได้. เครือข่าย Wi-Fi จะเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตขนาดที่ใหญ่กว่าโดยใช้ DSL, เคเบิลโมเด็มและเทคโนโลยีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอื่น ๆ . ข้อมูลมีความเร็ว 6-600 Mbit/s ระยะทางของบริการ Wi-Fi ค่อนข้างสั้นโดยปกติ 20-250 เมตรหรือ 65-820 ฟุต. อัตราการส่งข้อมูลและระยะทางค่อนข้างแปรไปตาม Wi-Fi โพรโทคอล, สถานที่, ความถี่, อาคารและการรบกวนจากอุปกรณ์อื่น ๆ การใช้เสาอากาศแบบทิศทางและด้วยความระมัดระวังด้านวิศวกรรม, Wi-Fi สามารถขยายการใช้งานไปเป็นระยะทางถึงหลายกิโลเมตรดู "ISP ไร้สาย" ด้านล่าง |
|||
=====ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สาย===== |
|||
ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตไร้สายมักจะใช้ระบบ Wi-Fi 802.11 ต้นทุนต่ำเพื่อเชื่อมโยงสถานที่ที่อยู่ห่างไกลเข้าด้วยกัน แต่อาจจะใช้ระบบสื่อสารทางวิทยุพลังงานสูงอื่น ๆเพื่อเชื่อมโยงได้เช่นกัน |
|||
802.11b แบบดั้งเดิมเป็นบริการวายฟายรอบทิศทางที่ไม่มีใบอนุญาตที่ถูกออกแบบให้มีระยะบริการระหว่าง 100 และ 150 เมตร (300-500 ฟุต). โดยเน้นสัญญาณวิทยุโดยการใช้ 802.11b เสาอากาศทิศทางเดียวสามารถทำงานได้อย่างน่าเชื่อถือด้วยระยะทางหลายกิโลเมตร (ไมล์) แม้ว่าความต้องการเทคโนโลยีของเส้นสายตาถูกขัดขวางการเชื่อมต่อในพื้นที่ที่มีภูมิประเทศที่เป็นภูเขาหรือป่าทึบมากๆ นอกจากนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับการเชื่อมโยงแบบใช้สาย, การเชื่อมต่อแบบไร้สายจะมีความเสี่ยงด้านการรักษาความปลอดภัย (ยกเว้นว่าจะใช้โพรโทคอลรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง) อัตราการส่งข้อมูลจะช้าลงอย่างมีนัยสำคัญ (2-50 เท่า); และเครือข่ายยังมีเสถียรภาพน้อยลงอันเนื่องมาจากการรบกวนจากอุปกรณ์ไร้สายและจากเครือข่ายอื่น ๆ อีกทั้งปัญหาสภาพอากาศและปัญหาแนวเส้นสายตาอีกด้วย |
|||
การติดตั้งแบบไร้สายของ ISP ในพื้นที่ชนบทมักจะไม่ได้ทำในเชิงพาณิชย์และจะถูกแทนที่โดยการงานปะติดปะต่อกันของระบบที่สร้างขึ้นโดยการติดตั้งเสาอากาศของมือสมัครเล่นบนเสาวิทยุและหอคอย, ไซโลเก็บเกษตร, ต้นไม้สูงมากๆ หรือวัตถุอะไรก็ได้ที่มีความสูง ปัจจุบันมีบริษัท ที่ให้บริการนี้จำนวนของมาก |
|||
เทคโนโลยี Canopy ของโมโตโรล่าและเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะอื่น ๆ นำเสนอการเข้าถึงแบบไร้สายไปยังตลาดในชนบทและพื้นที่อื่น ๆ ที่ยากที่จะเข้าถึงด้วยบริการ Wi-Fi หรือ [[วายแมกซ์|WiMAX]] |
|||
====วายแมกซ์==== |
|||
บทความหลัก: WiMAX และ IEEE 802.16 |
|||
WiMAX (Worldwide Interoperability for Microwave Access) คือชุดของการใช้งานร่วมกันของมาตรฐาน IEEE 802.16 ซึ่งเป็นครอบครัวของมาตรฐานเครือข่ายไร้สายที่ได้รับการรับรองโดย WiMAX Forum. WiMAX เปิดการใช้งาน "ส่งมอบกิโลเมตรสุดท้ายของการเข้าถึงบรอดแบนด์ไร้สายเพื่อเป็นทางเลือกแทนเคเบิลและ DSL". เดิม IEEE 802.16 มาตรฐานนี้ปัจจุบันเรียกว่า "WiMAX อยู่กับที่" ได้รับการตีพิมพ์ในปี 2001 และให้อัตราการส่งข้อมูล 30 ถึง 40 เมกะบิตต่อวินาที . การสนับสนุนการทำงานขณะเคลื่อนที่ถูกเพิ่มเข้ามาในปี 2005. ในปี 2011 ถูกปรับปรุงให้มีอัตราการส่งข้อมูลได้ถึง 1 Gbit/s สำหรับสถานีอยู่กับที่. WiMax เสนอระบบเครือข่ายในพื้นที่เมือง(แมน) มีรัศมีสัญญาณประมาณ 50 กิโลเมตร (30 ไมล์), ไกลกว่า Wi-Fi เครือข่ายแลนไร้สายทั่วไปที่มีระยะเพียง 30 เมตร (100 ฟุต) สัญญาณ WiMAX ยังมีประสิทธิภาพในการเจาะผนังอาคารมากกว่าของ Wi-Fi |
|||
====ดาวเทียมบรอดแบนด์==== |
|||
อินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม VSAT ในประเทศกานา |
|||
บทความหลัก: อินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม |
|||
ดาวเทียมสามารถให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตแบบอยู่กับที่ แบบพกพาและแบบโทรศัพท์มือถือ มันเป็นหนึ่งในรูปแบบที่แพงที่สุดของการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แต่อาจจะเป็นทางเลือกเดียวที่มีอยู่ในพื้นที่ห่างไกล. ข้อมูลอัตราของดาวน์โหลดมีตั้งแต่ 2 กิโลบิต/วินาที ถึง 1 Gbit/s และของอัปโหลดมีตั้งแต่ 2 กิโลบิต/วินาทีถึง 10 Mbit/s การสื่อสารผ่านดาวเทียมมักจะต้องมีเส้นของสายตาที่ชัดเจน และจะไม่ทำงานได้ดีถ้าผ่านต้นไม้และพืชผักอื่น ๆ และจะได้รับผลกระทบจากความชื้น ฝนและหิมะ (เรียกว่า rain fade) และอาจจำเป็นต้องมีเสาอากาศทิศทางขนาดใหญ่พอสมควรและต้องเล็งให้ตรงที่สุด |
|||
ดาวเทียมในวงโคจร geostationary Earth orbit (GEO) ทำงานในตำแหน่งที่คงที่ที่ 35,786 กิโลเมตร (22,236 ไมล์) เหนือเส้นศูนย์สูตรของโลก แม้ที่ความเร็วของแสง (ประมาณ 300,000 กิโลเมตรต่อวินาทีหรือ 186,000 ไมล์ต่อวินาที) ก็จะใช้เวลาหนึ่งในสี่ของวินาทีสำหรับสัญญาณวิทยุในการเดินทางจากโลกไปยังดาวเทียมและกลับมา เมื่อเกิดความล่าช้าในการสวิตชิ่งและการเปลี่ยนเส้นทางอื่น ๆ ที่เพิ่มเข้ามาอีกทั้งความล่าช้าจะเป็นสองเท่าเพื่อให้สามารถส่งทั้งขาไปและขากลับ ทำให้ความล่าช้าทั้งหมดเป็นได้ถึง 0.75-1.25 วินาที ความล่าช้าแฝงนี้มีขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับรูปแบบอื่น ๆ ของการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่มีศักยภาพทั่วไปที่ช่วง 0.015-0.2 วินาทีเท่านั้น เวลาแฝงที่ยาวสามารถทำให้การใช้งานบางอย่างเช่นการประชุมทางวิดีโอ, Voice over IP, เกมหลายผู้เล่นและการควบคุมระยะไกลของอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องมีการตอบสนองในเวลาจริงไม่สามารถทำได้ผ่านดาวเทียม. การปรับแต่งด้วย TCP และ เทคนิคการเร่งความเร็วของ TCP สามารถบรรเทาปัญหาเหล่านี้ได้บ้าง ดาวเทียม GEO ไม่ครอบคลุมบริเวณขั้วโลกของโลก. HughesNet และ Viasat เป็นระบบ GEO |
|||
ดาวเทียมในวงโคจรโลกต่ำ (Low Earth orbit (LEO) ต่ำกว่า 2,000 กิโลเมตรหรือ 1,243 ไมล์) และวงโคจรโลกกลาง (Medium earth orbit (MEO) ระหว่าง 2000 ถึง 35,786 กิโลเมตรหรือ 1,243 ถึง 22,236 ไมล์) มีความเหมือนกันน้อย, ดำเนินงานที่ระดับความสูงต่ำกว่าและจะไม่อยู่ในตำแหน่งที่คงที่เหนือแผ่นดิน ระดับความสูงที่ต่ำกว่าให้เวลาแฝงต่ำและให้การใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบโต้ตอบเรียลไทม์มีความเป็นไปได้ ระบบ LEO รวม Globalstar และ Iridium. ดาวเทียม O3b Constellation นำเสนอเป็นระบบ MEO ที่มีความล่าช้า 125 ms. COMMStellation™ เป็นระบบ LEO วางแผนจะเปิดตัวในปี 2015 คาดว่าจะมีความล่าช้าจากเพียง 7 ms .. |
|||
====บรอดแบนด์เคลื่อนที่==== |
|||
เครื่องหมายบริการสำหรับ GSMA |
|||
บทความหลัก: บรอดแบนด์เคลื่อนที่ |
|||
บรอดแบนด์เคลื่อนที่เป็นศัพท์ทางการตลาดสำหรับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตไร้สายผ่านเสาโทรศัพท์มือถือไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์, ไปโทรศัพท์มือถือ (เรียกว่า "เซลล์โฟน" ในอเมริกาเหนือและแอฟริกาใต้) และไปอุปกรณ์ดิจิทัลอื่น ๆ ที่ใช้โมเด็มแบบพกพา. บริการบางอย่างของโทรศัพท์มือถือช่วยให้อุปกรณ์มากกว่าหนึ่งสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยใช้การเชื่อมต่อแบบเซลลูลาร์เซลล์เดียวโดยใช้กระบวนการที่เรียกว่า tethering โมเด็มอาจจะถูกสร้างไว้ในคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป, ในแท็บเล็ต, ในโทรศัพท์มือถือและในอุปกรณ์อื่น ๆ หรืออาจเพิ่มเข้าไปในอุปกรณ์บางอย่างที่ใช้คาร์ดในเครื่องพีซี, โมเด็ม USB และที่ USB sticks หรือ dongles หรือโมเด็มไร้สายแยกส่วน |
|||
หยาบๆ ทุก ๆ สิบปีเทคโนโลยีใหม่ของโทรศัพท์มือถือและโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงในธรรมชาติของพื้นฐานของการบริการ, เทคโนโลยีการส่งผ่านที่ไม่ย้อนกลับที่เข้ากันได้, จุดสูงสุดของอัตราความเร็วที่สูงขึ้น, คลื่นความถี่ใหม่, ช่องแบนด์วิดท์ที่กว้างขึ้นมีความพรอมใช้งานได้ การเปลี่ยนเหล่านี้จะเรียกว่า generation ครั้งแรกที่ให้บริการข้อมูลบนมือถือได้อยู่ในช่วงยุคที่สอง (2G) |
|||
{| class=wikitable cellspacing=0 style="float:left; margin-top:5px; margin-right:5px; line-height:1.2em" |
|||
|+ style="padding-bottom:1px;" |[[2G|Second generation (2G)]] <span style="font-weight:normal">from 1991:</span> |
|||
|- style="font-style:italic; padding-top:1px; padding-bottom:1px; line-height:0.9em; font-size:90%;" |
|||
| style="font-weight:normal; border:solid 1px white; border-right:inherit; background-color:white;" align=right|Speeds in kbit/s |
|||
! colspan=2 style="font-weight:normal; border-bottom:solid 1px #888888;" |down and up |
|||
|- |
|||
| style="border:solid 1px white; border-right:inherit; background-color:white;" |• [[Circuit Switched Data|GSM CSD]] |
|||
|align="center" colspan=2 | 9.6 kbit/s |
|||
|- |
|||
| style="border:solid 1px white; border-right:inherit; background-color:white;" |• [[Cellular digital packet data|''CDPD'']] |
|||
|colspan=2 align=center | up to 19.2 kbit/s |
|||
|- |
|||
| style="border:solid 1px white; border-right:inherit; background-color:white;" |• [[General Packet Radio Service|GSM GPRS]] (2.5G) |
|||
|colspan=2 align=center | 56 to 115 kbit/s |
|||
|- |
|||
| style="border:solid 1px white; border-right:inherit; background-color:white;" |• [[Enhanced Data Rates for GSM Evolution|GSM EDGE]] (2.75G) |
|||
|colspan=2 align=center | up to 237 kbit/s |
|||
|} |
|||
{| class=wikitable cellspacing=0 style="float:left; margin-top:5px; margin-right:5px; line-height:1.2em" |
|||
|+ style="padding-bottom:1px;" |[[3G|Third generation (3G)]] <span style="font-weight:normal">from 2001:</span> |
|||
|- style="font-style:italic; padding-top:1px; padding-bottom:1px; line-height:0.9em; font-size:90%;" |
|||
| style="font-weight:normal; border:solid 1px white; border-right:inherit; background-color:white;" align=right|Speeds in Mbit/s |
|||
! style="font-weight:normal; border-bottom:solid 1px #888888;" |down |
|||
! style="font-weight:normal; border-bottom:solid 1px #888888;" |up |
|||
|- |
|||
| style="border:solid 1px white; border-right:inherit; background-color:white;" |• [[W-CDMA (UMTS)|UMTS W-CDMA]] |
|||
|colspan=2 align=center|0.4 Mbit/s |
|||
|- |
|||
| style="border:solid 1px white; border-right:inherit; background-color:white" |• [[High Speed Packet Access|UMTS HSPA]] |
|||
|align=center | 14.4 |
|||
|align=center | 5.8 |
|||
|- |
|||
| style="border:solid 1px white; border-right:inherit; background-color:white" |• [[UMTS-TDD|UMTS TDD]] |
|||
|colspan=2 align=center style="border-bottom:solid 1px #888888;" |16 Mbit/s |
|||
|- |
|||
| style="border:solid 1px white; border-right:inherit; background-color:white" |• [[CDMA2000|CDMA2000 1xRTT]] |
|||
|align=center | 0.3 |
|||
|align=center | 0.15 |
|||
|- |
|||
| style="border:solid 1px white; border-right:inherit; background-color:white" |• ''[[CDMA2000|CDMA2000 EV-DO]]'' |
|||
|style="border-bottom:solid 1px #888888;" |2.5–4.9 |
|||
|style="border-bottom:solid 1px #888888;" |0.15–1.8 |
|||
|- |
|||
| style="border:solid 1px white; border-right:inherit; background-color:white" |• [[Evolved EDGE|GSM EDGE-Evolution]] |
|||
|align=center | 1.6 |
|||
|align=center | 0.5 |
|||
|- |
|||
|} |
|||
{| class=wikitable cellspacing=0 style="float:left; width:auto; max-width:281px; margin-top:5px; margin-right:0px; line-height:1.3em" |
|||
|+ style="padding-bottom:1px;" |[[4G|Fourth generation (4G)]] <span style="font-weight:normal">from 2006:</span> |
|||
|- style="font-style:italic; padding-top:1px; padding-bottom:1px; line-height:0.8em; font-size:90%;" |
|||
| colspan=2 style="font-weight:normal; border:solid 1px white; border-right:inherit; background-color:white;" align=right|Speeds in Mbit/s |
|||
! style="font-weight:normal;" |down |
|||
! style="font-weight:normal;" |up |
|||
|- |
|||
| style="border:solid 1px white; background-color:white;" |• |
|||
| style="border:solid 1px white; border-right:inherit; background-color:white;" |[[HSPA+]] |
|||
| align=center |21–672 |
|||
| align=center nowrap |5.8–168 |
|||
|- valign=top |
|||
| style="border:solid 1px white; background-color:white;" |• |
|||
| nowrap style="border:solid 1px white; border-right:inherit; background-color:white;" |[[Mobile WiMAX]] (802.16) |
|||
| align=center |37–365 |
|||
| align=center |17–376 |
|||
|- |
|||
| style="border:solid 1px white; background-color:white;" |• |
|||
| style="border:solid 1px white; border-right:inherit; background-color:white;" |[[3GPP Long Term Evolution|LTE]] |
|||
| align=center nowrap |100–300 |
|||
| align=center |50–75 |
|||
|- valign=top |
|||
| style="border:solid 1px white; background-color:white;" |• |
|||
| style="border:solid 1px white; background-color:white; border-right:inherit;" |[[LTE-Advanced]]: |
|||
| align=center nowrap colspan=2 | |
|||
|- |
|||
| style="border:solid 1px white; background-color:white;" | |
|||
| style="border:solid 1px white; border-right:inherit; background-color:white;" |• moving at higher speeds |
|||
| align=center colspan=2 |100 Mbit/s |
|||
|- |
|||
| style="border:solid 1px white; background-color:white;" | |
|||
| style="border:solid 1px white; border-right:inherit; background-color:white;" |• not moving or moving at lower speeds |
|||
| align=center colspan=2 |up to 1000 Mbit/s |
|||
|- |
|||
| style="border:solid 1px white; background-color:white;" |• |
|||
| style="border:solid 1px white; border-right:inherit; background-color:white;" |''[[IEEE 802.20|MBWA]] (802.20)'' |
|||
| align=center colspan=2 |80 Mbit/s |
|||
|- |
|||
|} |
|||
อัตราการส่งข้อมูลดาวน์โหลด (มาที่ผู้ใช้) และอัปโหลด (ไปยังอินเทอร์เน็ต) ดังกล่าวข้างต้นเป็นจุดสูงสุดหรืออัตราสูงสุดและผู้ใช้มักจะได้สัมผัสกับอัตราการส่งข้อมูลที่ต่ำกว่า |
|||
WiMAX ถูกพัฒนามาเพื่อส่งมอบบริการไร้สายอยู่กับที่เพิ่มแบบไร้สายเคลื่อนที่เข้ามาในปี 2005. CDPD, CDMA2000 EV-DO และ MBWA จะไม่ได้รับการพัฒนาอย่างจริงจังอีกต่อไป |
|||
ในปี 2011, 90% ของประชากรโลกอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ให้บริการ 2G, ในขณะที่ 45% อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีบริการ 2G และ 3G |
|||
====บริการแจกจ่ายหลายจุดท้องถิ่น==== |
|||
Local Multipoint Distribution Service (LMDS) เป็นdkiเข้าถึงเทคโนโลยีบรอดแบนด์ไร้สายที่ใช้สัญญาณไมโครเวฟในการดำเนินงานระหว่าง 26 GHz และ 29 GHz. เดิมถูกออกแบบมาสำหรับการส่งโทรทัศน์ดิจิทัล (DTV) มันถูกพิจารณาว่าเป็นเทคโนโลยีไร้สายอยู่กับที่, หนึ่งจุดไปหลายจุดสำหรับการใช้ในกิโลเมตรสุดท้าย อัตราข้อมูลอยู่ในช่วง 64 กิโลบิต/วินาทีถึง 155 Mbit/s. ระยะทางจะถูกจำกัดโดยทั่วไปที่ประมาณ 1.5 ไมล์ (2.4 กิโลเมตร) แต่สามารถเชื่อมโยงได้ถึง 5 ไมล์ (8 กิโลเมตร) จากสถานีฐานมีความเป็นไปได้ในบางสถานการณ์ . |
|||
LMDS ถูกพบว่ามีศักยภาพทั้งในด้านเทคโนโลยีและการพาณิชย์ต่ำกว่ามาตรฐาน LTE และ WiMAX |
|||
==การกำหนดราคาและการใช้จ่าย== |
|||
การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตจะถูกจำกัดโดยความสัมพันธ์ระหว่างการกำหนดราคาและทรัพยากรมนุษย์ที่สามารถจ่ายได้ เกี่ยวกับทรัพยากรมนุษย์ ประมาณว่า 40% ของประชากรโลกพร้อมที่จะจ่ายน้อยกว่า US $ 20 ต่อปีเพื่อเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT). ในเม็กซิโก, 30% ของประชากรที่ยากจนที่สุดสามารถจ่ายประมาณ US $ 35 ต่อปี ($ 3 ต่อเดือน) และในบราซิล 22% ของประชากรที่ยากจนที่สุดยอมจ่ายเพียง US $ 9 ต่อปีเพื่อใช้ไอซีที ($ 0.75 ต่อเดือน) จากลาตินอเมริกาเป็นที่รู้กันว่าเส้นเขตแดนระหว่างไอซีทีที่เป็นความจำเป็นกับไอซีที่เป็นความหรูหราคือประมาณ US $ 10 ต่อคนต่อเดือนหรือ US $ 120 ต่อปี. นี่คือจำนวนเงิน ICT ในการใช้จ่ายเพื่อความภาคภูมิใจเพื่อให้เป็นความจำเป็นขั้นพื้นฐาน ราคาการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตปัจจุบันเกินจำนวนทรัพยากรมนุษย์ที่มีขนาดใหญ่ในหลายประเทศ |
|||
ผู้ใช้แบบ dial-up จ่ายเป็นค่าโทรในประเทศหรือทางไกล มักจะต้องจ่ายค่าสมาชิกรายเดือนอีกด้วย และอาจจะต้องจ่ายเพิ่มเติมต่อนาทีหรือตามปริมาณการใช้และเชื่อมต่อที่จำกัดเวลาโดย ISP แม้ว่าในวันนี้จะจ่ายน้อยกว่าในอดีต บางการเข้าถึงแบบ dial-up จะเสนอให้เข้าได้ "ฟรี" ถ้าเข้าไปดูป้ายโฆษณาเป็นการตอบแทน. NetZero, bluelight, Juno, Freenet (NZ) เป็นตัวอย่างของการให้บริการฟรี บางชุมชนเครือข่ายไร้สายยังคงประเพณีของการให้บริการอินเทอร์เน็ตฟรี |
|||
การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตด้วยบรอดแบนด์แบบอยู่กับที่มักจะถูกขายภายใต้รูปแบบ "ไม่จำกัด " หรือแบบแฟลตเรท โดยราคาที่ถูกกำหนดโดยอัตราการส่งข้อมูลสูงสุดที่ลูกค้าเลือก แทนที่จะเป็นราคาต่อนาทีหรือตามการจราจร ซึ่งการคิดราคาต่อนาทีและต่อการจราจรและตามการจำกัดการใช้เป็นเรื่องปกติสำหรับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์สำหรับการใช้แบบเคลื่อนที่ |
|||
กับความต้องการที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภคเนื้อหาแบบส่งต่อเนื่องเช่น [[วีดิทัศน์ตามคำขอ]] และการแบ่งปันไฟล์แบบ peer-to-peer, ความต้องการใช้แบนด์วิดท์มีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและในบาง ISPs อัตราแฟลตเรทอาจจะอยู่ไม่ได้ แต่ด้วยค่าใช้จ่ายคงที่ประมาณ 80-90% ของค่าใช้จ่ายของการให้บริการบรอดแบนด์, ต้นทุนของการจราจรที่เพิ่มขึ้นอยู่ในระดับต่ำ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตส่วนใหญ่ไม่เปิดเผยค่าใช้จ่ายของพวกเขา แต่ค่าใช้จ่ายในการส่งหนึ่งจิกะไบต์ของข้อมูลในปี 2011 คาดกันว่าจะประมาณ $ 0.03. |
|||
บาง ISP ประมาณว่าราว 5% ของผู้ใช้บริโภคประมาณ 50% ของแบนด์วิดท์ทั้งหมด. เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้ที่มีแบนด์วิธสูงเหล่านี้จะไม่ทำให้เครือข่ายสำหรับทุกคนช้าลง, บาง ISPs กำลังพิจารณา,กำลังทดลองใช้, หรือมีการดำเนินการผสมกันของการกำหนดราคาตามการจราจร, ช่วงเวลาของวันที่เป็น "พีก" และ "ออฟพีก" และตามแบนด์วิดท์หรือการจำกัดการจราจร. |
|||
ในแคนาดา Rogers Hi-Speed Internet และ Bell Canada ได้กำหนดการจำกัดแบนด์วิดท์. ในปี 2008 Time Warner เริ่มการทดลองการกำหนดราคาตามการใช้งานในโบมอนต์, เท็กซัส. ในปี 2009 ความพยายามโดย Time Warner ที่ขยายใช้เวลาในการที่จะขยายการกำหนดราคาตามการใช้งานาม ในโรเชสเตอร์, นิวยอร์ก ต้องพบกับการต่อต้านของประชาชน, อย่างไรก็ตาม, และถูกยกเลิกไปในที่สุด. เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2012 ในแนชวิลล์เทนเนสซีและเมื่อ 1 ตุลาคม 2012 ในทูซอน, แอริโซนา, Comcast เริ่มการทดสอบเพื่อกำหนดการจำกัดแบนด์วิดท์ในพื้นที่ผู้อยู่อาศัย. ในแนชวิลล์การใช้เกินการจำกัดที่ 300 Gbyte ให้สิทธิ์การซื้อชั่วคราวเพิ่มอีก 50 จิกกะไบต์ของข้อมูลเพิ่มเติม. |
|||
==การเจริญเติบโตของจำนวนผู้ใช้== |
|||
{| |
|||
|- |
|||
| |
|||
|- valign="top"; |
|||
|[[ไฟล์:InternetPenetrationWorldMap.svg|thumb |none |400px|<center>'''[[List of countries by number of Internet users|Internet users in 2012 as a percentage of a country's population]]'''</center><small>Source: [[International Telecommunications Union]].<ref name=ITU-IndividualsUsingTheInternet>[http://www.itu.int/en/ITU-D/Statistics/Documents/statistics/2013/Individuals_Internet_2000-2012.xls "Percentage of Individuals using the Internet 2000-2012"], International Telecommunications Union (Geneva), June 2013, retrieved 22 June 2013</ref></small>]] |
|||
| |
|||
|[[ไฟล์:InternetUsersWorldMap.svg|thumb |400px |none|<center>'''[[List of countries by number of Internet users|Number of Internet users in 2012]]'''</center>Source: [[International Telecommunications Union]].<ref name=ITU-IndividualsUsingTheInternet>[http://www.itu.int/en/ITU-D/Statistics/Documents/statistics/2013/Individuals_Internet_2000-2012.xls "Percentage of Individuals using the Internet 2000-2012"], International Telecommunications Union (Geneva), June 2013, retrieved 22 June 2013</ref>]] |
|||
|} |
|||
{| class="wikitable" style="text-align: center; width: 200px; height: 200px;" |
|||
|+ Multiplication table |
|||
|- |
|||
| || 2005 || 2010 || 2013a |
|||
|- |
|||
| ประชากรโลก || 65 ล้าน || 69 ล้าน || 71 ล้าน |
|||
|- |
|||
|ไม่ได้ใช้อินเทอร์เน็ต || 84% || 70% || 61% |
|||
|- |
|||
| การใช้อินเทอร์เน็ต || 16% || 30% || 39% |
|||
|- |
|||
| ผู้ใช้งานในประเทศกำลังพัฒนา || 8% || 21% || 31% |
|||
|- |
|||
| ผู้ใช้งานในประเทศที่พัฒนาแล้ว || 51% || 67% || 77% |
|||
|- |
|||
|} |
|||
a=ประมาณ, ที่มา: สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ |
|||
{| class="wikitable" style="text-align: center; width: 200px; height: 200px;" |
|||
|+ ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตตามภูมิภาค |
|||
|- |
|||
| || 2005b || 2010b || 2013a,b |
|||
|- |
|||
| แอฟริกา || 2% || 10% || 16% |
|||
|- |
|||
| อเมริกา || 36% || 49% || 61% |
|||
|- |
|||
| สหรัฐอาหรับ || 8% || 26% || 38% |
|||
|- |
|||
| ภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิค || 9% || 23% || 32% |
|||
|- |
|||
| เครือจักรภพแห่งรัฐอิสระ || 10% || 34% || 52% |
|||
|- |
|||
| ยุโรป || 46% || 67% || 75% |
|||
|- |
|||
|} |
|||
a=ประมาณ, b= ต่อประชากร 100, ที่มา: สหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ |
|||
การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นจากประมาณ 10 ล้านคนในปี 1993 ถึงเกือบ 40 ล้านในปี 1995, 670 ล้านในปี 2002 และ 2.45 พันล้าน ในปี 2011. ด้วยความอิ่มตัวของตลาด, การเติบโตของจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจะชะลอตัวในประเทศอุตสาหกรรม แต่ยังคงเพิ่มในตลาดเอเชีย แอฟริกา, ลาตินอเมริกา, แคริบเบียนและตะวันออกกลาง |
|||
มีประมาณ 0.6 พันล้าน สมาชิกบรอดแบนด์อยู่กับที่ และเกือบ 1.2 พันล้านเป็นสมาชิกบรอดแบนด์มือถือในปี 2011 . ในประเทศที่พัฒนาแล้วคนมักใช้เครือข่ายบรอดแบนด์ทั้งแบบอยู่กับที่และแบบมือถือ ในประเทศกำลังพัฒนาบรอดแบนด์มือถือมักจะเป็นวิธีการเข้าถึงที่มีการใช้น้อยกว่าแบบอยู่กับที่. |
|||
==การแบ่งดิจิทัล== |
|||
แม้จะมีการเติบโตอย่างมาก, การเขัถึงของอินเทอร์เน็ตไม่ได้ถูกกระจายอย่างเท่าเทียมกันภายในหรือระหว่างประเทศ. |
|||
การแบ่งดิจิทัลหมายถึง "ช่องว่างระหว่างคนที่มีประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูลและเทคโนโลยีการสื่อสาร (ICT), และผู้ที่มีการเข้าถึงอย่างจำกัดมากหรือไม่มีเลย" ไม่ว่าคนนั้นจะสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่ขึ้นอยู่กับสถานะทางการเงิน, ที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และนโยบายของรัฐบาลหรือไม่ "ประชากรที่มีรายได้ต่ำ, อยู่ในชนบทและชนกลุ่มน้อยจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษว่าเทคโนโลยี "ไม่มี" |
|||
นโยบายของรัฐบาลมีบทบาทอย่างมากในการนำการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตว่าจะให้กับหรือจะจำกัดการเข้าถึงสำหรับกลุ่มด้อยโอกาศ, กลุ่มในภูมิภาคและในประเทศ ตัวอย่างเช่นในประเทศปากีสถานใฝ่ที่หานโยบายด้าน IT อย่างจริงจังโดยมีเป้าหมายที่จะผลักดันเศรษฐกิจให้ทันสมัย, จำนวนของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นจาก 133,900 (0.1% ของประชากร) ในปี 2000 เป็น 31 ล้าน (17.6% ของประชากร) ในปี 2011 ในประเทศอื่น ๆ เช่นเกาหลีเหนือและคิวบามีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตที่ค่อนข้างน้อยเพราะความกลัวของรัฐบาลในความไม่แน่นอนทางการเมืองที่อาจมาพร้อมกับประโยชน์ของการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตทั่วโลก. การคว่ำบาตรการค้าสหรัฐเป็นอีกหนึ่ง อุปสรรคที่จำกัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในคิวบา. |
|||
ในประเทศสหรัฐอเมริกา, พันล้านดอลลาร์ถูกนำไปลงทุนในความพยายามที่จะลดช่องว่างการแบ่งดิจิทัลและนำอินเทอร์เน็ตไปยังผู้คนจำนวนมากในพื้นที่มีรายได้ต่ำและในชนบทของประเทศสหรัฐอเมริกา ฝ่ายบริหารของโอบามายังคงมุ่งมั่นที่จะลดการแบ่งดิจิทัลผ่านการให้ทุนกระตุ้น. ศูนย์แห่งชาติเพื่อสถิติการศึกษารายงานว่า 98% ของเครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องเรียนสหรัฐทั้งหมดมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในปี 2008 ด้วยประมาณหนึ่งเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียนสามคน จำนวนร้อยละและอัตราส่วนของนักเรียนต่อเครื่องคอมพิวเตอร์สำหรับโรงเรียนในชนบทเหมือนกัน (98% และ 1 คอมพิวเตอร์ต่อนักเรียน 2.9 คน). |
|||
การเข้าถึงคอมพิวเตอร์เป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดระดับของการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ในปี 2011, ในประเทศกำลังพัฒนา, 25% ของครัวเรือนจะมีคอมพิวเตอร์หนึ่งตัวและ 20% มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต, ในขณะที่ประเทศที่พัฒนาแล้วตัวเลขเป็น 74% ของครัวเรือนที่มีคอมพิวเตอร์หนึ่งตัวและ 71% มีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต. เมื่อการมีคอมพิวเตอร์ถูกต้องตามกฎหมายในคิวบาในปี 2007 การเป็นเจ้าของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นของส่วนตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก (มี 630,000 เครื่องคอมพิวเตอร์อยู่บนเกาะในปี 2008 เพิ่มขึ้น 23% จากปี 2007). |
|||
อินเทอร์เน็ตมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการที่หลายคนคิดและได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตทางเศรษฐกิจการเมืองและสังคมของประชาชน การให้ผู้คนจำนวนมากในโลกได้เข้าถึงอินเทอร์เน็ตจะช่วยให้พวกเขาได้ใช้ประโยชน์จาก "โอกาสทางการเมือง, สังคม, เศรษฐกิจ, การศึกษาและอาชีพ" ที่มีอยู่ผ่านทางอินเทอร์เน็ต. หลายๆ 67 หลักการที่ถูกพัฒนาในที่ประชุมสุดยอดระดับโลก เกี่ยวกับสังคมสารสนเทศที่มีขึ้นโดยสหประชาชาติในเจนีวาในปี 2003 ได้พูดถึงโดยตรงเกี่ยวกับการแบ่งดิจิทัล. ดังนั้นเพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและการทำให้ลดลงของการแบ่งดิจิทัล, แผนบรอดแบนด์แห่งชาติกำลังถูกพัฒนาขึ้นเพื่อเพิ่มความพร้อมใช้งานของการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตราคาไม่แพงทั่วโลก |
|||
== ดูเพิ่ม == |
|||
*Comparison of mobile phone standards |
|||
*Comparison of wireless data standards |
|||
*History of the Internet |
|||
*Project Loon, the Google Balloon Internet, a research and development project to *provide Internet access to rural and remote areas |
|||
*Quality of service |
|||
*White Spaces Coalition, a group of technology companies working to deliver *broadband Internet access via unused analog television frequencies |
|||
==Technologies== |
|||
*Back-channel, a low bandwidth, or less-than-optimal, transmission channel in the opposite direction to the main channel |
|||
*Baseband or Narrowband |
|||
*Broadband |
|||
*Broadband mapping in the United States |
|||
*List of countries by number of broadband Internet subscriptions |
|||
*National broadband plans from around the world |
|||
*Fiber-optic communication |
|||
*Free-space optical communication, transmission in air or a vacuum rather than in fiber optic cable |
|||
*IP over DVB, Internet access using MPEG data streams over a digital television network |
|||
*Local loop |
|||
*Packet radio and the AMateur Packet Radio Network (AMPRNet) |
|||
*Residential gateway |
|||
*Telecommunications network |
|||
*Public switched telephone network (PSTN) |
|||
*Wireless |
|||
*Fixed wireless |
|||
*Wireless mesh network (WMN) |
|||
==อ้างอิง== |
|||
{{รายการอ้างอิง}} |
|||
{{คอมมอนส์-หมวดหมู่|Internet Access}} |
|||
[[หมวดหมู่:การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต]] |
[[หมวดหมู่:การเข้าถึงอินเทอร์เน็ต]] |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 09:53, 17 กรกฎาคม 2560
วคิดเอาเองแล้วแต่ความเข้าใจ
บทความหลัก: WiMAX และ IEEE 802.1