ดิสออนเนอด์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก ดิสออนเนอร์)
Dishonored
ภาพหน้าปกกล่องเกมดิสฮอเนอร์ในรุ่นพีซี
ผู้พัฒนาArkane Studios
ผู้จัดจำหน่ายBethesda Softworks
กำกับ
  • Harvey Smith Edit this on Wikidata
ออกแบบRicardo Bare
ศิลปินSébastien Mitton
เขียนบทHarvey Smith
Austin Grossman
Terri Brosius
แต่งเพลงDaniel Licht]]
เอนจินUnreal Engine 3
เครื่องเล่นMicrosoft Windows
PlayStation 3
Xbox 360
วางจำหน่าย
  • NA: 9 ตุลาคม 2555
  • FRA: 9 ตุลาคม 2555
  • AU: 11 ตุลาคม 2555
  • EU: 12 ตุลาคม 2555
แนวแอคชัน ผจญภัย, ซ่อนเร้น
รูปแบบผู้เล่นเดี่ยว

ดิสออเนอร์ (อังกฤษ: Dishonored) เป็นเกมแนวซ่อนเร้น แอ็กชัน-ผจญภัยที่พัฒนาโดยค่ายเกม Arkane Studio และจัดจำหน่ายโดย Bethesda Softworks. วางจำหน่ายทั่วโลกเมื่อเดือน ตุลาคม 2555 สำหรับ Microsoft Windows, PlayStation 3 และ Xbox 360 สำหรับเหตุการณ์ภายในเกมเป็นเรื่องราวจำลองเกี่ยวกับเหตุการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้นในเมืองอุตสาหกรรม Dunwall สำหรับเนื้อเรื่องภาคหลัก ดิสออนเนอร์ เป็นเรื่องราวของ Corvo Attano บอดี้การ์ดของราชินีของเกาะ ที่ถูกบังคับให้กลายเป็นผู้ฆ่าราชินี ซึ่งเป็นแผนการของขุนนางที่ไม่ชอบเขา ซึ่งเขาได้รับความช่วยเหลือโดย Loyalists ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มต่อต้านเพื่อเรียกคืนเมืองดันวอลล์และอัทไซเดอร์ ผู้ซึ่งมีพลังวิเศษ ซึ่งช่วยให้คอร์โวมีความสามารถทางพลังมืด โดยมี นักแสดงต่างๆ เช่น Susan Sarandon, Brad Dourif, Carrie Fisher, Michael Madsen, Lena Headey, และ Chloë Grace Moretz มาเป็นคนภาคเสียงเกมให้

โดยตัวเกมเป็นแบบมุมมองบุคคลที่ 1 และยังยอมให้ผู้เล่นทำภารกิจต่างๆได้อย่างหลากหลายแนวทาง และยังเน้นการให้ตัวเลือกแก่ผู้เล่น ผู้เล่นสามารถทำภารกิจให้ลุล่วงไปได้หลายแนว ไม่ว่าจะโดยการเล่นแบบซ่อนเร้น แนวต่อสู้ หรือทั้งสอง การสำรวจแต่ละระดับจะเปิดเส้นทางใหม่และทางเลือกสำหรับการบรรลุเป้าหมายภารกิจและความเป็นไปได้ในการสำเร็จภารกิจ การจัดการศัตรู สามารถฆ่าศัตรูและเป้าหมายทุกคน หรือ การไม่ฆ่าศัตรูและเป้าหมายทุกคน โดยการเล่นแบบฆ่าหรือไม่ฆ่าศัตรูนี้ จะมีผลต่อเหตุการณ์ย่อยในภารกิจต่อๆไป โดยจะอยู่ในรูปของ ความโกลาหล (Chaos) ซึ่งก็จะส่งผลต่อเนื้อเรื่องตอนภารกิจสุดท้ายของเกมได้ โดยจะแบ่งออกเป็น 3 ตอนจบคือ ถ้าผู้เล่น เล่นแบบไม่ฆ่าใครหรืออาจจะมีฆ่าบ้างแล้วแต่ตัวเกมจะกำหนดโดยที่ระดับความโกลาหลยังอยู่ในระดับต่ำในทุกภารกิจหรือส่วนมาก ก็จะได้ตอนจบแบบดี (Good Ending) แต่ถ้าผู้เล่น เล่นแบบฆ่าทุกคนจนระดับความโกลาหลอยู่ในระดับสูงทุกภารกิจหรือส่วนมาก ก็จะได้ตอนจบแบบไม่ดีหรือเลวร้าย (Bad or Very bad Ending) ซึ่งเป็นความท้าทายที่อยู่ภายในเกมที่เกมอื่นๆมักไม่ค่อยมี

เกมเพลย์[แก้]

เกมนี้เนื้อเรื่องจะเกิดขึ้นในเมือง Dunwall ซึ่งทางทีมงานจำลองมาจากเมือง London ของอังกฤษในสมัยก่อน ในเกม Dishonored เราจะได้รับบนเป็นนักฆ่าที่มีพลังพิเศษและแรงผลักดันในการทำงานด้วยความแค้น ซึ่งก่อนที่เราจะมาเป็นนักฆ่า เราเคยเป็นองครักษ์ประจำตัวของจักรพรรดินี แต่ถูกใส่ร้ายว่าเป็นคนที่ฆ่าเธอและถูกจับขังคุก ซึ่งหลังจากเราโดนจับ เราก็ได้รับพลังพิเศษมาและนำมาใช้เพื่อการแก้แค้นและล้างมลทินให้กับตัวเอง คอนเซ็ปของเกมนี้ก็เข้าใจได้ง่ายๆคือ "REVENGE SOLVES EVERYTHING" หรือภาษาไทยคือ แก้แค้นแก้ไขได้ทุกอย่าง[1] โดยรูปแบบของเกมก็จะอยู่ในรูปของ ซ่อนเร้น-แอคชั่น ซึ่งตรงนี้ก็แล้วแต่ผู้เล่นว่าอยากจะเล่นในรูปแบบไหน โดยรูปแบบการทำภารกิจในเกมก็ไม่ได้ยุ่งยากมากนัก แต่ก็จะมีตัวเลือกในการจัดการกับเป้าหมายได้หลายอย่าง สุดแต่แน่แท้ว่าเราอยากจะจัดการอย่างไร โดยเรามาพร้อมกับพลังวิเศษที่ได้มากจากอัทไซเดอร์ ซึ่งจุดที่เราจะเริ่มได้พลังวิเศษตัวนี้มาก็ตั้งแต่ที่เราหลบหนีออกมาจากคุกได้สำเร็จ หลังจากนั้นเราก็จะได้รับภารกิจต่างๆให้ไปจัดการกับขุนนางที่เคยใส่ร้าย

เราและคอยไปช่วยเหลือเจ้าหญิงเอมิลี่ที่ถูกจับไปโดยขุนนางฝ่ายร้าย สำหรับเส้นทางในการไปยังจุดทำภารกิจก็จะมีหลายเส้นทาง ซึ่งก็จะมีอุปสรรคต่างๆมาคอยขวางกันเรา ไม่ว่าจะเป็นเหล่าทหาร ซึ่งมีอยู่ทุกที่ทุกทางในเมือง วีเปอร์ ซึ่งเป็นเหล่าผู้คนที่ติดเชื้อจากโรคระบาดภาคในเมือง และสัตว์ต่างๆที่คอยทำร้ายเรา โดยระหว่างทางก็จะมีสิ่งของให้เราเก็บ ตั้งแต่ของกินต่างๆ ไว้เพิ่มเลือด พวกอาวุธ กระสุน ระเบิด กับดักสปริงเรเซอร์ (Spring rezor) รีไวร์ดทูล (Rewire tool)[2][ต้องการแหล่งอ้างอิงดีกว่านี้] ไว้สำหรับลัดวงจรอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ของมีค่าต่างๆ เช่น ลวดทองแดง ของประดับ ฯลฯ ไว้เพิ่มเงินสำหรับซื้อและอัพเกรดของและอาวุธ พิมพ์เขียว (blueprint) ไว้สำหรับอัพเกรดอาวุธและเครื่องแต่งกาย Piero's Spiritual Remedy ไว้สำหรับเพิ่มมานา (แถบพลังสีฟ้าด้านซ้ายบนของเกม) Sokolov's Health Elixir ไว้สำหรับเพิ่มเลือด (แถบพลังสีแดงด้านซ้ายบนของเกม) รูน (Rune) เป็นสิ่งของที่ทำจากกระดูกวาฬ ซึ่งไว้สำหรับอัพเกรดพลังวิเศษต่างๆ และ โบนชาร์ม (Bone Charm) ซึ่งทำจากกระดูกวาฬเช่นเดียวกัน ไว้สำหรับเสริมความสามารถต่างๆ โดยการจัดการศัตรูของเราในภารกิจหนึ่งๆก็จะมีผลกระทบต่อภารกิจต่อๆไปด้วย เช่น ถ้าฆ่าคนเยอะ ภารกิจต่อๆไปก็จะมีหนูและวีเปอร์มากขึ้น เป็นต้น และจนมาถึงตอนสุดท้าย ถ้าเราทำภารกิจส่วนใหญ่เป็นแบบ Non Lethal (ไม่ฆ่าคน) หรือฆ่าแต่ความโกลาหลยังอยู่ในระดับต่ำ ตอนจบก็จะเป็นแบบดี (Good Ending) แต่ถ้าฆ่าคนไว้มากมายจนความโกลาหลอยู่ในระดับสูง ตอนจบก็จะมีสองแบบ คือ แบบไม่ดี (Bad Eeding) ซึ่งเกิดจากเราช่วยเอมิลี่ได้ในภารกิจสุดท้าย (รูปแบบเกมเพลย์จะไปคนละแบบกับตอนจบแบบดี) และ แบบเลวร้าย (Very bad Ending) ซึ่งเกิดจากเราช่วยเอมิลี่ไม่ได้ในภารกิจสุดท้าย โดยสำหรับการซื้อของและอัพเกรด สามารถทำได้โดยไปที่ช็อปของ Piero ที่ที่พักของเรา

ความสามารถและพลังวิเศษ[แก้]

โดยความสามารถของโคร์โวที่ผู้เล่นสามารถควบคุมได้มีสองแบบคือ

ความสามารถโดยธรรมชาติ[แก้]

การต่อสู้ เป็นความสามารถพื้นฐานของโคร์โวที่มีไว้สำหรับต่อสู้กับศัตรู โดยอาวุธที่มีก็ได้แก่ ปืนพก (Postol) หน้าไม้ (Crossbow) ดาบ กับดักสปริงเรเซอร์ (Spring Rezor) ระเบิดธรรมดาและระเบิดหนาม (Granade and Sticky Granade)

การหลบซ่อน เป็นความสามารถพื้นฐานอีกอย่างหนึ่งของโคร์โว โดยใช้วิธีการหลบศัตรูเพื่อยังเป้าหมาย

ความสามารถเหนือธรรมชาติ[แก้]

เป็นความสามารถที่ได้จากอัทไซเดอร์ โดยจะเรียงตามการใช้มานาจากน้อยไปมาก

  • Blink เป็นการเทเลพอตไปยังที่ต่างๆในระยะทางสั้นๆ ใช้มานาน้อย (ประมาณ 20%)
  • Dark Vision เป็นการมองดูสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งของบางอย่างทะลุสิ่งกีดขวางต่างๆ เช่น กำแพง ต้นไม้ ใช้มานาน้อยเช่นกัน (ประมาณ 20%)
  • Devouring Swarm เป็นการเรียกกองทัพหนูมาโจมตีศัตรู ใช้มานาปานกลาง (ประมาณ 40%)
  • Windblast เป็นการใช้พลังลมพัดกระแทกศัตรู จะขัดขวางศัตรู หรือฆ่าศัตรูเลยก็ยังได้ หรือใช้ในการพัดกระสุนลูกธนูหรือระเบิดที่ศัตรูยิงหรือโยนมาใส่เรา ใช้มานาค่อนข้างมาก (ประมาณ 50%)
  • Possession เป็นการสิงร่างของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหนู ปลา หรือว่าคน โดยจะสามารถเดินทางไปยังที่ต่างๆหรือเก็บของได้(ถ้าเป็นคน)ในเวลาที่กำหนดไว้ แต่ไม่สามารถควบคุมให้ฆ่าคนอื่นได้ แต่ใช้มานามาก (ประมาณ 60%)
  • Bend Time เป็นการหยุดหรือชะลอเวลาให้ช้าลง เพื่อให้จัดการกับศัตรูได้ง่ายขึ้น แต่ก็ใช้มานามาก (ประมาณ 60%)

ตัวละคร[แก้]

ตัวละครหลักของเกมดิสออนเนอร์ โดยตัวละครที่ผู้เล่นควบคุมอยู่คือ Corvo Attano ซึ่งเป็นบอดี้การ์ดของราชินี Jessamine Kaldwin โคร์โวเสียชื่อว่าเป็นคนฆ่าราชินีเนื่องจากถูกกลุ่มขุนนางที่คิดไม่ดีต่อเขา โดยเขามีทักษะการหลบซ่อนและการต่อสู้อยู่แล้ว และก็มีอาวุธอยู่หลายอย่าง และที่สำคัญเขายังได้พลังเหนือธรรมชาติจาก The Ousider อีกด้วย โคร์โวได้รับความช่วยเหลือโดยผู้หวังดี นำโดย Admiral Havelock และสมาชิก คือ Piero Joplin ซึ่งเป็นคนสร้างหน้ากากให้โคร์โว Treavor Pendleton , Samuel ซึ่งเป็นคนนำพาโคร์โวไปยังภารกิจ Overseer Teague Martin , Callista Curnow ส่วนตัวคะครตัวอื่นๆก็ได้แก่ เจ้าหญิง Emily ลูกของราชินีที่โคร์โวต้องการให้ขึ้นบัลลังก์แทนแม่ของเขาที่ถูกลองฆ่า Granny Rags ซึ่งเป็นอดีตขุนนางที่ตาบอดและวิกลจริต และใช้ชีวิตเร่ร่อนอยู่ตามท้องถนน Daud ผู้นำของกลุมนักฆ่าที่รู้จักในชื่อ "the Whalers" และ Slackjaw ผู้นำแก๊ง

นักพากย์[แก้]

  • ราชินี Jessamine Kaldwin - April Stewart
  • เจ้าหญิง Emily - Chloë Grace Moretz
Chloë Grace Moretz นักแสดงสาวที่เป็นคนภาคเสียงของ เจ้าหญิง Emily ตอนเด็ก
  • Admiral Havelock - John Slattery
  • Piero Joplin - Brad Dourif
  • Treavor Pendleton - Derek Phillips
  • Samuel - Ryan Cutrano
  • Overseer Teague Martin - Joel Johnstone
  • Callista Curnow - Sarandon
  • The Outsider - Billy Lush
  • Lord Regent Hiram Burrows - Kristoffer Tabori
  • Lady Boyle - Anna Graves
  • Pendleton Twins - Zach Hanks
  • High Overseer Campbell - Daniel Hagen
  • Anton Sokolov - Roger Jackson
    ภาพหน้าปกภาคเสริม The Brigmore Witches

ภาคเสริม[แก้]


สำหรับภาคเสริมหรือ DLC ได้มีการปล่อยออกมาอยู่ 2 ตัวด้วยกัน คือ The Knife of Dunwall และ The Brigmore Witches โดยทั้งสองตัวนี้ตัวเอกในเรื่องเป็น Daud นักฆ่าที่ถูกจ้างโดยขุนนางชั้นสูงให้มาลอบสังหารราชินี โดยเมืองที่ไปก็จะแตกต่างจากภาคหลัก โดยการดำเนินเรื่องก็จะคู่ขนานกับภาคหลัก คือ เริ่มตั้งแต่ที่โคร์โวเริ่มติดคุกไปจนถึงตอนที่โคร์โวหลบหนีออกจากส่วนของเมืองที่ถูกปล่อยให้น้ำท่วม ซึ่งเป็นอยู่ของ Daud และที่แน่นอน ก็ย่อมมีตอนจบ 2 แบบเช่นเคย คือ ถ้าความโกลาหลสูง ตอนจบก็จะเป็นแบบไม่ดี คือ ตอนโคร์โวหลบหนีออกจากเมืองร้างโคร์โวก็จะฆ่าเด้าด์ แต่ถ้าความโกลาหลต่ำโคร์โวก็จะไว้ชีวิต โดยอาวุธและพลังวิเศษก็จะมีความแตกต่างจากภาคหลักอยู่พอสมควร

ภาพหน้าปกภาคเสริม The knife of dunwall

ดนตรีประกอบ[แก้]


โดยดนตรีประกอบที่ใช้ในเกมและเพลงตอนจบเกมเป็นผลงานของ jon licht นักแต่งเพลงและนักดนตรีชาวอเมริกัน

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]

  1. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2016-03-04. สืบค้นเมื่อ 2014-10-16.
  2. http://dishonored.wikia.com/wiki/Dishonored_Wiki