โรงเรียนหอวัง

พิกัด: 13°49′06″N 100°33′39″E / 13.818378°N 100.560910°E / 13.818378; 100.560910
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โรงเรียนหอวัง
Horwang School
ที่ตั้ง
แผนที่
เลขที่ 16/9 ซอยวิภาวดี 28 ถนนพหลโยธิน แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
พิกัด13°49′06″N 100°33′39″E / 13.818378°N 100.560910°E / 13.818378; 100.560910
ข้อมูล
ชื่ออื่นห.ว. (HW)
ประเภทโรงเรียนรัฐบาล โรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ
คำขวัญสุสฺสูสํ ลภเต ปญฺญํ (ผู้ฟังดีย่อมเกิดปัญญา)
สถาปนา9 มกราคม พ.ศ. 2509 (58 ปี 127 วัน)
หน่วยงานกำกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
รหัส1010230001
ผู้อำนวยการดร.นันธภพ สิมมาทอง
ระดับปีที่จัดการศึกษาม.1 - ม.6
ภาษาที่ใช้เป็นสื่อการสอนไทย ภาษาไทย
ญี่ปุ่น ภาษาญี่ปุ่น
สหราชอาณาจักร ภาษาอังกฤษ
จีน ภาษาจีน
ฝรั่งเศส ภาษาฝรั่งเศส
เยอรมนี ภาษาเยอรมัน
เกาหลีใต้ ภาษาเกาหลี
สี
เพลงมาร์ชหอวัง
อัตลักษณ์ลูกหอวัง เป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ เป็นศิษย์ที่ดีของครู เป็นสมาชิกที่ดีของสังคม
เว็บไซต์www.horwang.ac.th/

โรงเรียนหอวัง ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2509 เป็นโรงเรียนสหศึกษา เปิดสอนระดับมัธยมศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากรุงเทพมหานคร เขต 2 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ มีประวัติการก่อกำเนิดโรงเรียนเกี่ยวเนื่องกับ "โรงเรียนมัธยมหอวังแห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย"

ประวัติ[แก้]

หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงยกเลิกตำแหน่งวังหน้าและตั้งมกุฎราชกุมารขึ้นมาแทน และทรงตั้งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ขึ้นมา ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระตำหนักขึ้นมาแห่งหนึ่ง ณ ทุ่งปทุมวัน ชื่อว่า "วังวินด์เซอร์" หรือเรียกกันโดยสามัญว่า "พระตำหนักหอวัง" เนื่องจากเป็นตึกมีหอสูง

หลังจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ประชวรจนเสด็จสวรรคต ก็มิได้ใช้พระตำหนักหอวัง​ในการประทับ หากแต่ใช้เป็นโรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ประดิษฐานโรงเรียนข้าราชการพลเรือนฯ ขึ้นเป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2459

โรงเรียนมัธยมหอวังแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2472 ภายหลังการก่อตั้ง แผนกฝึกหัดครูของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ปัจจุบัน คือ คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย) ขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2472 เพื่อให้นิสิตแผนกฝึกหัดครู ใช้ฝึกความชำนาญในการสอน และได้ใช้อาคารวังวินด์เซอร์ เป็นอาคารเรียน เรียกว่า ตึกหอวัง[1]

เมื่อ พ.ศ. 2478 กรมพลศึกษาได้ทำสัญญาเช่าที่ดินตำบลวังใหม่จากมหาวิทยาลัย และรื้อตึกหอวัง เพื่อสร้างสนามกีฬาแห่งชาติ โรงเรียนมัธยมหอวังแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงย้ายไปอยู่ที่อาคารเรียนสร้างใหม่ ริมถนนพญาไท จนถึง พ.ศ. 2481 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ยุบโรงเรียนมัธยมหอวังฯ ลง และจัดตั้ง โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการศึกษาของชาติในระยะนั้น

เมื่อ พ.ศ. 2509 ศิษย์เก่าจากโรงเรียนมัธยมหอวังแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รวมตัวกันก่อตั้ง สมาคมนักเรียนเก่ามัธยมหอวังแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขึ้น และมติในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสมาคมว่า ควรฟื้นฟูโรงเรียนขึ้นมาอีก ให้เป็นที่ชุมนุมของนักเรียนเก่า และได้พิจารณาสถานที่ตั้งของ โรงเรียนบางเขนวิทยา ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการได้ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2509

กระทรวงศึกษาธิการ ได้มีประกาศเรื่อง เปลี่ยนชื่อ "โรงเรียนบางเขนวิทยา" เป็น "โรงเรียนหอวัง" ประกาศ ณ วันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2511 ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2510 โรงเรียนหอวังผ่านการประเมินรอบที่ 3 จากสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษาให้เป็น 1 ใน 8 โรงเรียนคุณภาพระดับพิเศษของกรุงเทพมหานครและ 1 ใน 16 โรงเรียนคุณภาพพิเศษของประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2554

รายนามผู้บริหาร[แก้]

ทำเนียบผู้อำนวยการโรงเรียนหอวัง
รายชื่อ ระยะเวลาอยู่ในตำแหน่ง
1. นายวิษณุ หอวัง พ.ศ. 2509-2512
2. นายเจริญ หอวัง พ.ศ. 2512-2514
3. นางลออศรี หอวัง พ.ศ. 2514-2518
4. นายสมพงศ์ หอวัง พ.ศ. 2518-2521
5. นายณรงค์ หอวัง พ.ศ. 2521-2524
6. นายมนตรี หอวัง พ.ศ. 2524-2529
7. นางพิศวาส หอวัง พ.ศ. 2529-2533
8. นางสาวสุกัญญา หอวัง พ.ศ. 2533-2540
9. นายปลองยุทธ หอวัง พ.ศ. 2540-2545
10. ดร.พชรพงศ์ ปนัดดา พ.ศ. 2545-2548
11. ดร.ธงชาติ วงษ์ประยูร พ.ศ. 2548-2551
12. ดร.สวัสดิ์ เพชรบูรณ์ พ.ศ. 2551-2554
13. ดร.เลิศศิลป์ รัตนมุสิก พ.ศ. 2554-2556
14. นายธรรมรงค์ เสนจันทร์ พ.ศ. 2556-2559
15. ดร.ประวัติ สุทธิประภา พ.ศ. 2559-2560
16. ดร.ประวิตร วงษ์กู พ.ศ. 2560-2563
17. นายจักรพรรณ เทิงทัน พ.ศ. 2563-2565
18. นายขวัญชัย พื้นฐานผิว พ.ศ. 2565-2566
19. นายนันธภพ สิมมาทอง พ.ศ. 2566-ปัจจุบัน

อาคารและสถานที่[แก้]

  • อาคาร 1 เป็นอาคาร 2 ชั้น พื้นห้องเรียนและโต๊ะเรียนเป็นไม้สักทั้งหมด ปัจจุบันถูกรื้อถอนเพื่อนำพื้นที่ไปใช้สร้างอาคารวชิรุณหิศหรืออาคาร 10
  • อาคาร 2 เป็นอาคาร 2 ชั้น พื้นห้องเรียนและโต๊ะเรียนเป็นไม้สักทั้งหมด ลักษณะเป็นอาคารแฝดกับอาคาร 1 ที่ชั้น 2 เคยมีภาพเขียนฝาผนัง ซึ่งเลือนลางมาก ปัจจุบันถูกรื้อถอนเพื่อนำพื้นที่ไปใช้สร้างอาคารวชิรุณหิศ
  • อาคาร 3 เป็นอาคาร 4 ชั้นเป็นอาคารประจำของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 มีห้องที่สำคัญอื่น ๆ ได้แก่ ห้องกลุ่มบริหารงานบุคคล ห้องรองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารงานบุคคล ห้องพักครูภาษาจีน ศูนย์บูรณาการทางภาษา ศูนย์วัฒนธรรมไทย ห้องปฏิบัติการด้านเสียง (sound lab) กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย
  • อาคาร 4 เป็นอาคารวิทยาศาสตร์ 4 ชั้นติดเครื่องปรับอากาศทุกห้องเรียนสำหรับเรียนปฏิบัติทางวิชาวิทยาศาสตร์นอกจากนี้ยังเป็นของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ มีห้องที่สำคัญมากมายได้แก่ ศูนย์คอมพิวเตอร์ช่วยสอน ศูนย์ชีววิทยา ห้องแนะแนว ห้องสหกรณ์
  • อาคาร 5 เป็นอาคาร 4 ชั้นเป็นอาคารประจำของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีห้องที่สำคัญอื่น ๆ ได้แก่ ห้องเกียรติยศ ห้องเรียนสีเขียว ห้องกลุ่มบริหารงานทั่วไป ห้องพยาบาล สำนักผู้อำนวยการ ห้องการเงินพัสดุ ห้องทะเบียนวัดผล กลุ่มบริหารวิชาการ กลุ่มบริหารงบประมาณ ห้องรองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารงานทั่วไปห้อง รองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารงบประมาณ ห้องรองผู้อำนวยการกลุ่มบริหารวิชาการ ห้องจริยธรรม ห้องประชุมเล็ก ห้องอาเซียน ห้องคลินิกวิจัยให้คำปรึกษาครู ห้องแผนงานโรงเรียน ห้องธนาคารโรงเรียน
  • อาคาร 6 เป็นอาคาร 4 ชั้นเป็นอาคารที่เกี่ยวกับกลุ่มสาระการเรียนรู้ศิลปะและการงานพื้นฐานอาชีพ มีโรงฝึกช่าง ห้องหล่อเรซิน ห้องศิลปะไทย ห้องนาฏศิลป์ ห้องขับร้องดนตรีสากล
  • อาคาร 9 เป็นอาคาร 4 ชั้นติดเครื่องปรับอากาศครบทุกห้อง เป็นอาคารประจำของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 นอกจากนี้ยังมีห้องอื่น ๆ อีกได้แก่ ห้องกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ห้องกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ห้องสมุดคณิตศาสตร์ ห้องกิจกรรมนักเรียน (ประดิษฐานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว) ห้องพลศึกษาและลีลาศ
  • อาคาร 10 (อาคารวชิรุณหิศ) เป็นอาคาร 8 ชั้นชื่อของอาคารเป็นชื่อพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นอาคารประจำของนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2, 3 และ 4 นอกจากนี้ยังประดิษฐานพระรูปสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศที่ใหญ่ที่สุดและยังมีห้องปฏิบัติการอื่น ๆ ได้แก่ ห้องสมุด ศูนย์อินเทอร์เน็ต ศูนย์คอมพิวเตอร์ ห้องนวัตกรรม (เมื่อพ.ศ. 2556 มีการชุมนุมประท้วงรัฐบาลและบุกยึดสถานที่ราชการ กระทรวงศึกษาธิการจึงย้ายมาทำงานที่ห้องนี้ชั่วคราว) ห้องประชุมวชิรุณหิศ (ห้องมุข) ห้องพักครู โดยมีลิฟต์โดยสาร 2 ตัว
  • ศูนย์อาหาร เป็นศูนย์อาหารโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยโดยเป็นอาคาร 3 ชั้น สร้างขึ้นปี พ.ศ. 2551 งบประมาณก่อสร้างกว่า 45 ล้านบาทมีลิฟต์ขนส่ง 2 ตัว ชั้นที่ 1 เป็นลานสำหรับเล่นกีฬาเทเบิ้ลเทนนิส พักผ่อนและลานจอดรถ ชั้นที่ 2 เป็นศูนย์อาหารมีร้านจำหน่ายอาหารมากกว่า 30 ร้านค้า มีห้องรับประทานอาหารครูและบุคลากรทางการศึกษาติดเครื่องปรับอากาศ ชั้นที่ 3 เป็นโรงกีฬามีสนามกีฬาบาสเก็ตบอล วอลเล่ย์บอล เทนนิส นอกจากนี้ยังเป็นสนามเทนนิสในร่มที่เดียวในประเทศไทยอีกด้วย
  • หอประชุม เป็นอาคาร 2 ชั้นโดยเป็นอาคารปรับอากาศทั้งหลัง ชั้นที่ 1 มีห้องวงโยธวาทิตโรงเรียนหอวัง ห้องเรียนการงาน ห้องครัวสำหรับเรียนทำอาหาร หอประชุมโรงเรียนได้มีการจัดงานที่สำคัญหลายงาน เช่น งานวันภาษาไทยแห่งชาติโดยนายสมัคร สุนทรเวช ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีและนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นอกจากนี้ยังได้ใช้หอประชุมโรงเรียนจัดงานโครงการเรียนฟรี 15 ปีอย่างมีคุณภาพโดยนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในงานดังกล่าว ด้านหน้าอาคารหอประชุมมีต้นไม้ทรงปลูกใน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ
  • อาคารที่พักนักการ เป็นลักษณะแฟลต 4 ชั้น ด้านล่างสุดเป็นห้องเรียนเกษตร และร้านโฮมเมด
  • เรือนเพาะชำ เป็นของกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพเพื่อปลูกต้นไม้เพาะพันธุ์
  • สวนสมุนไพร เป็นสวนที่มีสมุนไพรไทยและป้ายบรรยายสรรพคุณของสมุนไพรแต่ละชนิด
  • สวนไม้ในวรรณคดี เป็นสวนที่มีชื่อปรากฏอยู่ในวรรณคดีไทยแต่ละเรื่อง
  • สวนไม้มงคล เป็นสวนไม้มงคลของประเทศไทย อาทิ กฤษณา มะยม เป็นต้น
  • สวนจตุรทัศวรรษ เป็นสวนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ติดกับประตูโรงเรียนฝั่งพหลโยธิน มีศาลาประชุมทรงไทยตั้งอยู่กลางสวน
  • สวนน้ำตก ตั้งอยู่ระหว่างศูนย์อาหารโรงเรียนกับอาคาร 5 เดิมเป็นสะพานข้ามบ่อน้ำพุต่อมาได้ปรับเปลี่ยนให้เป็นสวนน้ำตกมีความร่มรื่นมาก

การเดินทางมายังโรงเรียน[แก้]

  1. รถยนต์ส่วนบุคคล
  2. รถโดยสารประจำทางสายต่าง ๆ เช่น ปอ.29, ปอ.510 ฯลฯ
  3. รถเมล์ของทหารอากาศ
  4. รถตู้
  5. รถไฟฟ้ามหานคร สายสีน้ำเงิน ให้ลงที่สถานีพหลโยธิน
  6. รถไฟฟ้าบีทีเอส สายสุขุมวิท ให้ลงที่สถานีห้าแยกลาดพร้าว

รายนามศิษย์เก่าผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตและผู้มีชื่อเสียง[แก้]

สถานที่ใกล้เคียง[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. "ประวัติโรงเรียนหอวัง". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2006-08-30. สืบค้นเมื่อ 2006-09-06.

ดูเพิ่ม[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]