สวาต 3: โคลสควอเตอส์แบตเทิล

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก SWAT 3: Close Quarters Battle)
สวาต 3: โคลสควอเตอส์แบตเทิล
ผู้พัฒนาเซียร์รานอร์ทเวสต์
ผู้จัดจำหน่ายเซียร์ราสตูดิโอส์
กำกับแทมมี ดาร์แกน
อำนวยการผลิตร็อด เฟิง
ออกแบบแทมมี ดาร์แกน
โปรแกรมเมอร์จิม เนเพียร์
ศิลปินไซรัส แคงกา
เขียนบทแทมมี ดาร์แกน
แต่งเพลงแกรี สปินแรด
ชุดโพลิซเควสต์
เครื่องเล่นไมโครซอฟท์ วินโดวส์
วางจำหน่าย
แนววิดีโอเกมยิงเชิงยุทธวิธี
รูปแบบผู้เล่นเดี่ยว, หลายผู้เล่น

สวาต 3: โคลสควอเตอส์แบตเทิล (อังกฤษ: SWAT 3: Close Quarters Battle) เป็นวิดีโอเกมยิงเชิงยุทธวิธีที่พัฒนาโดยเซียร์รานอร์ทเวสต์ และเผยแพร่โดยบริษัทเซียร์ราเอนเตอร์เทนเมนต์ สำหรับพีซีที่ใช้ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ เกมนี้เป็นภาคที่เจ็ดของซีรีส์โพลิซเควสต์ และเป็นเกมแรกในซีรีส์ที่เล่นจากมุมมองบุคคลที่หนึ่ง โดยไม่เหมือนกับวิดีโอเกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่งอื่น ๆ สวาต 3 ให้ความสำคัญกับวิธีการและยุทธวิธีของตำรวจที่สมจริง รวมถึงการกวาดล้างห้องที่เหมาะสม, การใช้อาวุธที่มีอันตรายน้อย, การปฏิบัติตามคำสั่งและการจับกุมศัตรูแทนที่จะยิงทันทีที่เห็น ตลอดจนการแยกความแตกต่างระหว่างการใช้กำลังถึงตายโดยได้รับอนุญาตและโดยไม่ได้รับอนุญาต

สวาต 3 มีฉากในลอสแอนเจลิส ค.ศ. 2005 โดยผู้เล่นจะสวมบทบาทเป็นเจ้าหน้าที่สวาตของกรมตำรวจลอสแอนเจลิส ซึ่งเป็นผู้นำหน่วยห้านายของเพื่อนร่วมทีมที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ ทางลอสแอนเจลิสมีกำหนดเป็นเจ้าภาพหลัก ในการลงนามในสนธิสัญญาการลดอาวุธนิวเคลียร์ที่ดำเนินการโดยองค์การสหประชาชาติ ซึ่งเข้าร่วมโดยมหาอำนาจจำนวนหนึ่ง หน่วยสวาตของกรมตำรวจลอสแอนเจลิสได้รับมอบหมายให้ปกป้องงานสนธิสัญญาและบุคคลสำคัญที่เข้าร่วมจากกลุ่มอาชญากรและผู้ก่อการร้ายที่มีอารมณ์ดุเดือดจำนวนมาก ที่พยายามจะล่วงละเมิดหรือขัดขวางการลงนามในสนธิสัญญาเพื่อประโยชน์ของตนเอง

สวาต 3 ได้รับการตอบรับด้วยเสียงวิจารณ์เชิงบวก โดยได้รับการยกย่องในด้านกราฟิกและความซับซ้อนของปัญญาประดิษฐ์ ส่วนสวาต 4 ซึ่งเป็นภาคต่อได้รับการเปิดตัวในดือนเมษายน ค.ศ. 2005 โดยได้รับการพัฒนาและเผยแพร่โดยบริษัทอิแรชันแนลเกมส์ และเซียร์ราที่เป็นเจ้าของโดยบริษัทวีว็องดียูนิเวอร์แซล

รูปแบบการเล่น[แก้]

เจ้าหน้าที่หน่วยสวาตที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์พยายามเกลี้ยกล่อมผู้ต้องสงสัยที่ตกตะลึงให้ยอมจำนน

สวาต 3 เป็นเกมยิงมุมมองบุคคลที่หนึ่งแบบทีมที่ใช้ยุทธวิธี โดยเล่นร่วมกับคอมพิวเตอร์หรือเพื่อนร่วมทีมที่ควบคุมโดยมนุษย์ ซึ่งเป็นหน่วยสวาตของตำรวจห้านาย เกมดังกล่าวแบ่งออกเป็นหลายภารกิจ โดยเป็นตัวแทนของการนำหน่วยสวาตเคลื่อนกำลังพลสู่สถานการณ์วิกฤตต่าง ๆ สภาพแวดล้อมของภารกิจมักจะอยู่ภายในอาคาร ซึ่งจำเป็นต้องใช้ยุทธวิธีการรบระยะประชิดแบบห้องต่อห้อง ปฏิบัติการรวมถึงการชิงตัวประกัน, การเผชิญหน้าด้วยอาวุธ และการทำลายล้างวัตถุระเบิด ส่วนศัตรูที่เรียกว่า 'ผู้ต้องสงสัย' ได้แก่ บุคคล, กลุ่มเล็ก ๆ ที่ไม่เป็นระเบียบ และผู้ก่อการร้ายที่ได้รับการฝึกและมีแรงจูงใจทางการเมือง

ไม่เหมือนกับเกมยิงในทางทหาร เช่น เกมเรนโบว์ซิกส์ที่เปรียบเทียบกันได้ ผู้เล่นและเพื่อนร่วมทีมได้รับการคัดเลือกให้เป็นตำรวจมากกว่าทหาร วัตถุประสงค์หลักในการจัดการกับผู้ต้องสงสัยติดอาวุธ คือการจับกุมพวกเขาทั้งเป็นแทนที่จะยิงทันทีที่เห็น[1] ส่วนเหตุการณ์บางอย่างของการใช้กำลังถึงตายโดยไม่ได้รับอนุญาต (การยิงตัวละครที่ไม่มีอาวุธ, ไร้ความสามารถ, ยอมแพ้ หรือไม่คุกคาม) จะส่งผลให้ภารกิจล้มเหลว

จอแสดงภาพการตระเตรียมก่อนภารกิจ ซึ่งการตระเตรียมอาวุธและกระสุนของเจ้าหน้าที่แต่ละนายในหน่วยนั้นสามารถปรับแต่งให้เหมาะกับสถานการณ์ที่แตกต่างกัน

เกมดั้งเดิมมีทั้งหมด 16 ภารกิจ ตั้งแต่การเคลื่อนกำลังพลพร้อมอาวุธอย่างรวดเร็ว ไปจนถึงการคุ้มกันบุคคลสำคัญ แผนที่บางส่วนอิงตามสถานที่จริง เช่น ศาลาว่าการลอสแอนเจลิส และศูนย์การประชุม ส่วนเสริมดังกล่าวได้เพิ่มภารกิจใหม่ 11 ภารกิจ ทำให้เกมมีทั้งหมด 27 ภารกิจ ซึ่งภารกิจก่อ่นหน้านี้เป็นการเคลื่อนกำลังพลพร้อมอาวุธของหน่วยสวาตเป็นประจำมากกว่า ทำให้ช่วงเส้นโค้งแห่งการเรียนรู้ไม่ลึกสำหรับผู้เล่นใหม่

อุปกรณ์ของทีมสวาตมุ่งเน้นไปที่อาวุธที่ไม่ทำให้ถึงตายและยุทธวิธีการต่อสู้ระยะประชิด โดยมีการอัปเดตบางอย่างเพื่อให้เหมาะกับบรรยากาศแห่งอนาคต นอกเหนือจากอาวุธหน่วยสวาตของกรมตำรวจลอสแอนเจลิสอย่างสปริงฟีลด์เอ็ม 1911 ฉบับมาตรฐานแล้ว ผู้เล่นยังสามารถติดตั้งปืนกลมือเอชเค เอ็มเพ5 หรือเอ็มเพ5เอ็สเด, ปืนลูกซองเบเนลลี เอ็ม1 ซูเปอร์ 90 หรือคาร์บินโคลต์ เอ็ม4เอ1 ให้แก่สมาชิกในทีมได้ โดยเอ็ม4เอ1 มีลำกล้องรองสำหรับยิงกระสุนถุงตะกั่วที่ไม่เป็นอันตราย นอกเหนือจากกระสุนหัวบอลแล้ว เอ็ม1 ซูเปอร์ 90 สามารถบรรจุลูกตะกั่วที่ยิงจากปืนสั้น หรือกระสุนลูกโดดเพื่อทำลายประตูที่ล็อกได้ และสามารถเลือกใส่เอ็มเพ5, เอ็มเพ5เอ็สเด และเอ็ม 1911 ด้วยกระสุนหัวบอล หรือกระสุนหัวรูแบบขยายก็ได้ โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งอาวุธทั้งหมดมีการแนบไฟฉาย เกมดังกล่าวอนุญาตให้ใช้กระสุนประเภทต่าง ๆ ในระดับการเจาะที่แตกต่างกันผ่านวัสดุต่าง ๆ ทำให้การยิง "การยิงโจมตีไปมั่ว ๆ" มีความเสี่ยง เนื่องจากมีโอกาสโจมตีตัวละครที่ผู้เล่นไม่ได้ควบคุมที่มองไม่เห็น

นอกจากอาวุธปืนแล้ว เจ้าหน้าที่หน่วยสวาตของผู้เล่นยังได้รับการติดตั้งระเบิดแฟลชและระเบิดแก๊สน้ำตา เพื่อทำให้ผู้ต้องสงสัยสับสนและอ่อนกำลัง, ระเบิดทำลายล็อกเพื่อเปิดประตูที่ล็อก, แท่งไฟสำหรับให้สัญญาณและให้แสง, ชุดเครื่องมืออเนกประสงค์แบบพกพาเลเธอร์แมน และ 'ออปติ-วอนด์'; ซึ่งเป็นกล้องบนไม้ถือติดกล้องส่องทางไกล ใช้สำหรับมองมุมและทางเข้าประตูอย่างปลอดภัย - เทียบเท่าเทคโนโลยีขั้นสูงของกระจกในชีวิตจริงบนเครื่องมือแบบแท่งที่ใช้เพื่อจุดประสงค์เดียวกัน ทั้งนี้ เหล่าเจ้าหน้าที่สวมเกราะส่วนบุคคล และหมวกนิรภัยแบบปิดพร้อมอุปกรณ์ช่วยหายใจในตัว รวมถึงฮัดที่ฉายอยู่ภายในหน้ากาก ซึ่งใช้เป็นคำอธิบายในเกมสำหรับการนำเสนอการนับจำนวนกระสุน, การกำหนดเป้าหมายเส้นเล็ง และข้อมูลอื่น ๆ

พลังชีวิตของตัวละครผู้เล่นจะแสดงเป็นมาตราส่วนแนวตั้ง ซึ่งในเกม นี่แสดงถึงการอ่านเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ภายในเสื้อผ้าของเจ้าหน้าที่ที่วัดการสูญเสียเลือด, อุณหภูมิร่างกาย และสัญญาณชีพอื่น ๆ พลังชีวิตไม่วกกลับมาใหม่และอาการบาดเจ็บไม่สามารถรักษาได้ระหว่างปฏิบัติภารกิจ เหล่าเจ้าหน้าที่ไม่สามารถทนต่อการบาดเจ็บจำนวนมากได้โดยไม่ต้องทำให้ทุพพลภาพ สิ่งนี้สนับสนุนให้ผู้เล่นใช้ยุทธวิธีการรบระยะประชิดที่ช้าและมีแบบแผน โดยใช้ระเบิดแฟลชและแก๊สน้ำตา มากกว่าการโจมตีแบบเกมแนวรันแอนด์กัน

บรรดาภารกิจสามารถเข้าถึงได้ทั้งในโหมดลอบเร้น (stealth) หรือเคลื่อนที่ (dynamic) ซึ่งในโหมดลอบเร้น หน่วยสวาตเคลื่อนไหวช้าและรอบคอบ, พูดเบา ๆ และหลีกเลี่ยงเสียงดัง (เช่น ปลดล็อกประตูด้วยมัลติทูลอย่างเงียบ ๆ แทนที่จะทำลายด้วยเสียงดังด้วยระเบิดหรือกระสุนลูกโดด) รวมทั้งใช้ประโยชน์จากออปติ-วอนด์ สิ่งนี้ทำให้หน่วยสวาตมีส่วนจู่โจมแบบไม่ให้ตั้งตัวเมื่อเลือกที่จะจัดการกับผู้ต้องสงสัย ส่วนในโหมดเคลื่อนที่ ทีมดังกล่าวจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว, พูดเสียงดังและใช้อาวุธทำลายล้าง รวมถึงระเบิดแฟลชอย่างอิสระเพื่อเคลียร์พื้นที่อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ผู้เล่นสามารถสลับไปมาระหว่างโหมดลอบเร้นและโหมดเคลื่อนที่ได้อย่างอิสระ เกมนี้จะเปลี่ยนจากการลอบเร้นเป็นเคลื่อนที่โดยอัตโนมัติเมื่อทีมถูกบุกรุกด้วยเสียงดัง หรือพบกับผู้ต้องสงสัย

ระดับความยากมีตั้งแต่ระดับง่าย, ปานกลาง และยาก ซึ่งส่งผลต่อความก้าวร้าวและโอกาสในการมอบตัวผู้ต้องสงสัย ผู้เล่นยังสามารถปรับเปลี่ยนเวลาการเกิดปฏิกิริยาของทั้งเจ้าหน้าที่และผู้ต้องสงสัยแยกจากกันได้ตั้งแต่ 1 ถึง 20 มิลลิวินาที

สวาต 3 ยังมีโหมดหลายผู้เล่น รวมถึงโหมดเดธแมตช์ดั้งเดิมและโหมดเดธแมตช์ของทีม เช่นเดียวกับการเล่นแบบร่วมมือกันโดยใช้ภารกิจผู้เล่นเดี่ยว กระทั่งหลังจากการซื้อบริษัทเซียร์ราโดยบริษัทแอ็กติวิชัน เซิร์ฟเวอร์หลายผู้เล่นของสวาต 3 ก็หยุดทำงานอย่างถาวร แม้ว่าเซิร์ฟเวอร์ของบุคคลที่สามอย่างไม่เป็นทางการจะยังคงได้รับการสานต่อโดยบรรดาผู้เล่นอยู่ก็ตาม

นอกจากนี้ สวาต 3 มีเครื่องมือและการสนับสนุนสำหรับการปรับเปลี่ยนเกม ซึ่งชุมชนตัวปรับแต่งเกมได้เติบโตขึ้นรอบตัวสวาต 3 ทำให้เกิดภารกิจใหม่, แผนที่, อาวุธ รวมถึงโมเดลตัวละครสำหรับใช้ทั้งในโหมดผู้เล่นเดี่ยวและโหมดหลายผู้เล่น[2]

โครงเรื่อง[แก้]

ผู้ต้องสงสัยติดอาวุธพร้อมตัวประกัน ซึ่งปัญญาประดิษฐ์ของผู้ต้องสงสัยมักจะเอาผู้บริสุทธิ์ไว้ระหว่างพวกเขากับเจ้าหน้าที่หน่วยสวาต เพื่อเป็นโล่มนุษย์[3]

ใน ค.ศ. 2005 สหประชาชาติได้เตรียมลงนามในสนธิสัญญาการเลิกใช้นิวเคลียร์ ณ ศูนย์การประชุมลอสแอนเจลิส งานนี้ดึงดูดผู้นำระดับโลก, ผู้แทน และนักท่องเที่ยวมาที่ลอสแอนเจลิส แต่ก็ยังรวมถึงอาชญากรและผู้ก่อการร้ายที่ใช้ความรุนแรงซึ่งพยายามใช้การลงนามและการหลั่งไหลของบุคคลสำคัญเป็นเวทีสำหรับข้อเรียกร้องของพวกเขา ซึ่งหน้าที่ในการปกป้องเมืองและผู้แทนคือกรมตำรวจลอสแองเจลิสและกองบังคับการนครบาล โดยอำนาจการยิงและความต้องการทางยุทธวิธีเป็นความรับผิดชอบของหมวดดี หน่วยสวาต

ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2005 กรมตำรวจลอสแองเจลิสดำเนินการออกหมายค้นต่อสมาชิกลัทธิโลกาวินาศของกลุ่มพลเมืองต้านกฎหมายอย่างซอฟเวอเรนอเมริกา หลังจากนั้นไม่นาน ได้เกิดการโจมตีหลายครั้งทั่วเมือง สถานกงสุลตุรกีถูกวางระเบิด และเอกอัครราชทูตถูกลักพาตัว โดยกลุ่มชาตินิยมเคิร์ด ซึ่งคือพรรคประชาชนเคิร์ด ส่วนคฤหาสน์ฮอลลีวูดฮิลส์ของซีอีโอผู้ให้บริการเคเบิล โดนัลด์ โฟร์แมน ได้ถูกบุกโดยกลุ่มติดอาวุธที่จับตัวเขาและครอบครัวไปเรียกค่าไถ่ รวมถึงอัครบิดรออร์ทอดอกซ์ อะเลคเซย์ที่ 3 และผู้ติดตามของเขาถูกจับเป็นตัวประกันโดยผู้ก่อการร้ายในอาสนวิหารออร์ทอดอกซ์ที่แผ่บริเวณ ซึ่งได้มีการกรีธาพลหน่วยสวาตเพื่อจัดการกับแต่ละเหตุการณ์ และกรมตำรวจลอสแองเจลิสทราบว่าอัครบิดรอะเลคเซย์ที่ 3 กำลังวางแผนที่จะเข้าร่วมพิธีลงนาม

ทันใดนั้น เครื่องบินพาณิชย์ ของประธานาธิบดีแอลจีเรียถูกยิงตกด้วยขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ ซึ่งคร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมดบนเครื่อง ความโกลาหลที่เกิดขึ้นจากการปิดของท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิสได้สร้างเป้าหมายที่อ่อนแอจำนวนมากสำหรับขีปนาวุธเพิ่มเติม รวมถึงเครื่องบินของประธานาธิบดีรัสเซีย อีกอร์ สโตมัส กระทั่งหน่วยสวาตระบุตำแหน่งของมือสังหาร ซึ่งเป็นพรรคปลดปล่อยแห่งประชาชนลัทธิคอมมิวนิสต์นีโอโซเวียตในสถานที่ก่อสร้าง และเอาชนะพวกเขาได้ก่อนที่พวกเขาจะยิงขีปนาวุธอีก หลังจากนั้นไม่นาน พรรคปลดปล่อยแห่งประชาชนบุกห้องส่งโทรทัศน์ในระหว่างรายการทอล์กโชว์ช่วงบ่าย โดยจับนายกเทศมนตรีลอสแอนเจลิส มาร์ลิน ฟิตซ์แพทริก, ประธานสมาคมพิทักษ์ความอดกลั้น เฮอร์แมน โมเยอร์, พิธีกร ดอนนา บริกส์ รวมถึงผู้ชมและเจ้าหน้าที่สถานีหลายคนเป็นตัวประกัน โดยเรียกร้องให้มีการออกอากาศระหว่างประเทศสำหรับข้อความการรวมชาติของสหภาพโซเวียตของพวกเขา ซึ่งกรมตำรวจลอสแอนเจลิสแสร้งทำเป็นออกอากาศ โดยเบี่ยงเบนความสนใจเพื่อให้หน่วยสวาตเคลื่อนที่เข้าไป และปลดปล่อยตัวประกัน

ผู้ต้องสงสัยที่ทำการบุกรุกบ้านของโฟร์แมนกับความขัดแย้งในอาสนวิหารได้รับการระบุตัวแล้ว และหน่วยสวาตจับกุมพวกเขาที่ไนต์คลับ หลังจากสกัดกั้นการปล้นธนาคารโดยซอฟเวอเรนอเมริกาและช่วยเหลือนักสืบหมดหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บจากผู้ปล้น หน่วยสวาตถูกส่งไปช่วยเหลือสโตมัสจากพรรคปลดปล่อยแห่งประชาชน ซึ่งบุกเข้าไปในห้องชุดเพนต์เฮาส์ของเขาที่โรงแรมคาร์ไลล์ และเรียกร้องให้บินไปมอสโกด้วยความตั้งใจที่จะพาสโตมัสไปด้วย

กรมตำรวจลอสแอนเจลิสได้รับอนุญาตให้ใช้หน่วยสวาตเพื่อป้องกันบุคคลสำคัญที่ศูนย์ประชุม โดยช่วยชีวิตผู้ทรงเกียรติในการประชุมก่อนการลงนามจากผู้โจมตีติดอาวุธ ส่วนความพยายามที่จะขัดขวางการลงนามในสนธิสัญญาโดยกลุ่มก่อการร้ายอื่น ๆ จะเริ่มขึ้นในไม่ช้า อันได้แก่: พรรคปลดปล่อยแห่งประชาชนยึดหอการควบคุมจราจรทางอากาศของท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิส ซึ่งทำให้เกิดเหตุเครื่องบินชนกันกลางอากาศ ตลอดจนติดตั้งเครื่องยิงขีปนาวุธบนหอคอยเพื่อคุกคามแอร์ฟอร์ซวันและประธานาธิบดีสหรัฐ; ส่วนองค์การการค้าโลกที่โรงแรมเวนทูราถูกโจมตีหลังจากกลุ่มติดอาวุธขู่ฆ่า; และสถานีไฟฟ้าย่อยถูกระเบิด โดยตัดกระแสไฟฟ้าส่วนใหญ่ของเมือง ตลอดจนปล่อยให้ซอฟเวอเรนอเมริการวมถึงผู้นำของพวกเขาที่ชื่อโทบีอัส สตร็อม เข้ายึดลอสแอนเจลิสซิตีฮอล ส่วนเรื่องที่ซับซ้อนยิ่งกว่านั้น กรมตำรวจลอสแอนเจลิสรู้ว่าสตร็อมชนะการประมูลอาวุธนิวเคลียร์แบบกระเป๋าเดินทางในตลาดมืด และวางที่หนึ่งในชั้นบนของซิตีฮอล โดยตั้งใจที่จะทำลายทั้งเมืองให้สิ้นซาก หน่วยสวาตสามารถกำจัดผู้ก่อการร้าย รวมทั้งสตร็อมและซอฟเวอเรนอเมริกา คลอดจนปลดชนวนนิวเคลียร์ในกระเป๋าเดินทาง ซึ่งในไม่ช้า อำนาจก็ฟื้นคืนสู่ลอสแอนเจลิส

เนื่องจากการลงนามในสนธิสัญญาใกล้จะเกิดขึ้น กรมตำรวจลอสแอนเจลิสจึงเพิ่มความระมัดระวังสูง จากการสืบสวนรายงานของ "เจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุง" พร้อมอุปกรณ์รื้อถอนที่เห็นเข้าไปในท่อระบายน้ำใต้ถนนที่มีกำหนดขบวนพาเหรด หน่วยสวาตรู้ว่าพวกนั้นเป็นผู้ก่อการร้ายที่ปลอมตัวมามุ่งเป้าไปที่ขบวนพาเหรด และกำจัดพวกนั้นในการปะทะข้างใต้เมืองดังกล่าว ในวันที่ลงนามในสนธิสัญญาคือวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 2005 หน่วยสวาตได้กรีฑาพลไปปกป้องศูนย์การประชุม แต่พรรคปลดปล่อยแห่งประชาชนฉากการโจมตีครั้งสุดท้ายในพิธี โดยจับผู้ลงนามเป็นตัวประกันและซ่อนอาวุธนิวเคลียร์แบบกระเป๋าเดินทางใบที่สองไว้ในอาคารดังกล่าว หน่วยสวาตกำจัดพรรคปลดปล่อยแห่งประชาชน, ช่วยเหลือผู้ลงนาม และพยายามค้นหาอาวุธนิวเคลียร์แบบกระเป๋าเดินทาง โดยการสิ้นสุดของเกมขึ้นอยู่กับว่าผู้เล่นจัดการปลดชนวนอาวุธนิวเคลียร์แบบกระเป๋าเดินทางได้หรือไม่ หากล้มเหลว นิวเคลียร์จะระเบิด รวมถึงทำลายเกรเทอร์ลอสแอนเจลิสและสังหารทุกคนในนั้น แต่หากทำสำเร็จ พิธีลงนามจะดำเนินต่อไปตามแผนที่วางไว้ การลดอาวุธนิวเคลียร์ทั้งหมดบรรลุผลสำเร็จ และวันที่ 6 สิงหาคม ถือเป็นวันสันติภาพโลก ในขณะที่หน่วยสวาตของกรมตำรวจลอสแอนเจลิสกลับเข้าปฏิบัติหน้าที่

การพัฒนา[แก้]

ผู้อำนวยการผลิตของเกมนี้คือร็อด เฟิง[4][5] และผู้ออกแบบคือแทมมี ดาร์แกน โดยทั้งคู่เป็นส่วนหนึ่งของทีมที่พัฒนาโพลิซเควสต์: สวาต[6] ซึ่งการพัฒนาเบื้องต้นของสวาต 3 เริ่มขึ้นในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1997 และใช้เวลากว่า 18 เดือนจึงจะเสร็จสมบูรณ์ โดยมีนักพัฒนา 20 คนทำงานในเกมนี้[6]

อ้างอิง[แก้]

  1. "Archived copy". www.cnn.com. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 June 2002. สืบค้นเมื่อ 12 January 2022.{{cite web}}: CS1 maint: archived copy as title (ลิงก์)
  2. "Swat 3 Mods". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 August 2022.
  3. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ IGN-cqb
  4. Strauch, Joel (August 10, 1999). "SWAT 3: Close-quarters preview". CNN. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 28, 2019.
  5. "SWAT game rewards non-violence". CNN. September 7, 1999. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ January 16, 2000.
  6. 6.0 6.1 Napier, Jim (March 6, 2000). "Postmortem: Sierra's SWAT3 Close Quarters Battle". Game Developer. Informa. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 26, 2019. สืบค้นเมื่อ October 12, 2023.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]