ไฟฟ์ไนตส์แอตเฟรดดี้ส์: Security Breach

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไฟฟ์ไนตส์แอตเฟรดดี้ส์: Security Breach
ผู้พัฒนาSteel Wool Studios
ScottGames
กำกับJason Topolski
อำนวยการผลิตScott Cawthon
ออกแบบBrian Freyermuth
ศิลปินLaura Rogers
เขียนบทJason Topolski
Scott Cawthon
แต่งเพลงAllen Simpson
ชุดไฟฟ์ไนตส์แอตเฟรดดี้ส์
เอนจิน
  • อัลเรียลเอนจิน 4 Edit this on Wikidata
เครื่องเล่น
วางจำหน่าย
  • PlayStation 4, PlayStation 5, Windows
  • 16 ธันวาคม 2021
  • Stadia
  • 1 กรกฎาคม 2022
  • Xbox One, Xbox Series X/S
  • 22 พฤศจิกายน 2022
  • Nintendo Switch
  • 19 เมษายน 2023
แนวสยองขวัญเอาชีวิตรอด
รูปแบบผู้เล่นคนเดียว

ไฟฟ์ไนตส์แอตเฟรดดี้ส์: Security Breach เป็นวิดีโอเกม เอาชีวิตรอดสยองขวัญ ในปี 2021 พัฒนาโดย Steel Wool Studios และ ScottGames เป็นภาคหลักที่เก้าใน ซีรีส์ ไฟฟ์ไนตส์แอตเฟรดดี้ส์ และเป็นเกมที่สิบเอ็ดในซีรีส์ถ้านับจากทั้งหมด สถานที่ในตัวเกมเป็นพื้นที่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ผู้เล่นจะสวมบทบาทเป็นเด็กหนุ่มชื่อ Gregory ที่ต้องหลบเลี่ยงเหล่าแอนิมาทรอนิกส์ที่ดุร้ายและน่ากลัวรวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ดูแลห้างอยู่ในตอนดึก เพื่อที่จะมีชีวิตรอดจนถึงตอนเช้า

เกมดังกล่าวได้รับการประกาศครั้งแรกในปี 2020 ในงาน PlayStation 5 Showcase และวางจำหน่ายในรูปแบบดิจิทัลเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2021 สำหรับ Microsoft Windows, PlayStation 4 และ PlayStation 5 สำหรับ Google Stadia, Nintendo Switch, Xbox One และ Xbox Series X/S ได้ถูกวางจำหน่ายในเวลาต่อมา และในเดือนกรกฎาคม ค.ศ.2023 ได้มีการเผยแพร่เนื้อหาที่ดาวน์โหลดได้หรือ DLC ใหม่เข้ามาในเกมในชื่อ ไฟฟ์ไนตส์แอตเฟรดดี้ส์: Security Breach Ruin

ภายในเกม[แก้]

ไฟฟ์ไนตส์แอตเฟรดดี้ส์: Security Breach เป็นเกม สยองขวัญเอาชีวิตรอด ในเกมนี้ ผู้เล่นจะควบคุมเด็กหนุ่มชื่อ Gregory ซึ่งถูกขังอยู่ใน "เฟรดดี้ ฟาซแบร์ส เมกะพิซซาเพล็กซ์ " ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่ผู้เล่นสามารถสำรวจได้อย่างอิสระ ในขณะที่ถูกขังอยู่ข้างใน ผู้เล่นจะต้องเอาชีวิตรอดตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงหกโมงเช้า ในขณะที่ต้องต่อสู้กับมาสคอตและเหล่าหุ่นยนต์แอนิมาทรอนิกส์หลายตัวที่พยายามจะเข้ามาทำร้าย [1] [2] ตัวโมเดลของห้างสรรพสินค้าและเหล่าแอนิมาทรอนิกส์ได้ถูกออกแบบในสไตล์ แกลมร็อค ยุค1980 [3] นอกจากนั้น Gregory ยังจะได้พบกับศัตรูประเภทอื่นหลายแบบ เช่น วาเนสซ่า ที่เป็นยามรักษาความปลอดภัยของห้าง [3]

ต่างจากเกมอื่นๆในไฟฟ์ไนตส์แอตเฟรดดี้ส์ ที่เฟรดดี้เป็นศัตรูต่อผู้เล่น แต่ใน Security Breach เฟรดดี้เป็นคนที่ช่วยให้ผู้เล่นสามารถหลบหนีแอนิมาทรอนิกส์ตัวอื่นๆที่เป็นอันตราย และยังมีช่องท้องที่ผู้เล่นสามารถเข้าไปซ่อนข้างในได้ แต่อย่างไรก็ตาม จากข้อผิดพลาดบางอย่างกับระบบของเฟรดดี้ ส่งผลให้พลังงานของ เฟรดดี้หมดลงและต้องชาร์จพลังงานใหม่ ทำให้ผู้เล่นต้องดูแลตัวเองเพียงลำพัง [1] [3] ผู้เล่นจะมีเครื่องมือต่างๆ มากมายให้เลือกใช้ นอกเหนือจากเฟรดดี้ เช่น เครือข่ายกล้องรักษาความปลอดภัยที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านนาฬิกาของผู้เล่น, อาวุธ เช่น "Fazblaster" ซึ่งเป็นปืนเลเซอร์ที่มีกระสุนไม่จำกัด— เช่นเดียวกับวิธีการยับยั้งแอนิมาทรอนิกส์ เช่น การกระแทกวัตถุเพื่อสร้างเสียงดังหลอกล่อแอนิมาทรอนิกส์ให้เดินไปยังทิศทางนั้นๆ [1] เมื่อถึงเวลา 6.00 น. ผู้เล่นจะสามารถออกจากพิซซาเพล็กซ์ และจบเกมได้ โดยตอนจบที่ผู้เล่นจะได้รับจะขึ้นอยู่กับจำนวนสถานที่ของพิซซาเพล็กซ์ที่ผู้เล่นสำรวจ [1] [2]

โครงเรื่อง[แก้]

ไฟฟ์ไนตส์แอตเฟรดดี้ส์: Security Breach เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่รู้จักกันในชื่อ เฟรดดี้ ฟาซแบร์ส เมกะพิซซาเพล็กซ์ ซึ่งภายในนั้นมีมาสคอตเป็นหุ่น แอนิมาทรอนิก อยู่ได้แก่ Glamrock Freddy, Glamrock Chica, Montgomery "Monty" Gator และ Roxanne "Roxy" Wolf ขณะที่เหล่าแอนิมาทรอนิกส์กำลังแสดงโชว์ให้ผู้ชมในห้าง จู่ๆ เฟรดดี้ก็เกิดอาการขัดข้องและล้มลงไปกับพื้น ทำให้ต้องจบการแสดงลง หลังจากนั้น เฟรดดี้ถูกพาตัวไปที่ Rockstar Row และพบว่าเด็กหนุ่มชื่อ Gregory ได้แอบเข้ามาซ่อนตัวอยู่ในช่องท้องของเขา หลังจากนั้น วาเนสซา เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหญิงและเป็นพนักงานเพียงคนเดียวในตอนกลางคืน จึงสั่งให้แอนิมาทรอนิกส์และหุ่นยนต์พนักงานทั้งหมด ค้นหาตัว Gregory

ผลจากความผิดปกติทางระบบของเฟรดดี้และความกลัววาเนสซา จึงทำให้เฟรดดี้ไม่เชื่อฟังคำสั่งของเธอและพา Gregory ไปที่ล็อบบี้แทนเพื่อช่วยเขาหลบหนี มีเสียงประกาศว่าห้างเมกะพิซซาเพล็กซ์แห่งนี้กำลังจะปิดประตูลง Gregory รีบวิ่งไปถึงที่ทางออกห้างแต่เขากลับออกไปไม่ทันเวลาทำให้เขาถูกขังไว้ในห้างทั้งคืนจนกว่าห้างจะเปิดอีกครั้งในตอนเช้า ในช่วงที่ถูกขังอยู่ในห้าง เฟรดดี้ช่วย Gregory เอาชีวิตรอดและนำทางเขาผ่านพิซซาเพล็กซ์ หลังจากที่ทั้งสองหลบหนีจากวาเนสซ่าและแอนิมาทรอนิกส์ พวกเขาเข้าไปหลบภัยในสำนักงานรักษาความปลอดภัย Gregory จึงสามารถเข้าถึงระบบเฝ้าระวังของห้างสรรพสินค้าได้ เพื่อเข้าถึงบางส่วนของห้างสรรพสินค้า Gregory พยายามได้รับป้ายรักษาความปลอดภัยระดับสูงจากสถานรับเลี้ยงเด็กของห้างสรรพสินค้า โดยเผชิญหน้าหุ่น "พระอาทิตย์" มีชื่อว่า Sun ขณะอยู่ในสถานรับเลี้ยงเด็ก ไฟฟ้าเกิดดับทำให้ Gregory ต้องเผชิญหน้ากับหุ่นอีกตัวที่ดูเหมือนพระจันทร์ชื่อว่า "Moon" ซึ่งเป็นร่างอีกร่างของ Sun ที่ดุร้ายขึ้น Gregory จึงต้องย่องไปเปิดเครื่องปั่นไฟทั้งหมดที่อยู่รอบๆสนามเด็กเล่นโดยไม่ให้ถูกจับได้ หลังจากเปิดไฟได้สำเร็จ Sun ตัดสินใจที่จะนำ Gregory ออกไปจากสถานที่รับเลี้ยงเด็กเพราะเขาไปปิดไฟโดยไม่ได้รับอนุญาตถึงแม้ Gregory จะไม่ได้เป็นคนทำก็ตาม จากนั้นมันจึงแจ้งเตือนแอนิมาทรอนิกส์เกี่ยวกับตำแหน่งของ Gregory แล้วเฟรดดี้ก็ไปช่วยเขาไว้ได้ทัน

หลังจากนั้นไม่นาน Gregory ก็ถูกจับโดย Vanessa และต่อมาจึงถูกนำไปขังอยู่ในห้องปาร์ตี้ ทันใดนั้น แวนนี่ หญิงสาวในชุดกระต่ายก็ค่อยๆเดินเข้ามาหาเขาอย่างน่าขนลุก แต่เขาก็หลบหนีไปได้และกลับมารวมตัวกับเฟรดดี้อีกครั้ง ทั้งสองเข้าไปในห้องใต้ดิน แต่ได้พบกับ Moon ซึ่งตั้งใจมาโจมตีพวกเขา Moon ได้จับเฟรดดี้ไป Gregory จึงต้องเดินทางเพียงลำพังไปทั่วทั้งห้องใต้ดินและยังต้องหลบเลี่ยง เอ็นโดสเกเลตัน ที่เคลื่อนไหวได้ ก่อนที่จะพบว่า เฟรดดี้กำลังถูกสอบปากคำโดยวาเนสซา โดยถูกกล่าวหาว่าเขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับ Gregory หลังจากที่วาเนสซาออกไปจากห้อง Gregory ได้ซ่อมแซมเฟรดดี้ และเริ่มทำลายและต่อสู้ๆกับแอนิมาทรอนิกส์ตัวอื่นๆ เพื่อนำชิ้นส่วนมาใช้ในการอัพเกรดเฟรดดี้

ไม่นานหลังจากการอัพเกรดเฟรดดี้เสร็จสมบูรณ์ เวลาก็ถึงหกโมงพอดี และประตูห้างสรรพสินค้าก็เปิด แต่วาเนสซาขอให้ Gregory มาพบเธอเพื่อมอบรางวัล ซึ่งเป็นบันทึกต่างๆ ของวาเนสซาและบุคคลที่ไม่รู้จักที่กำลังเข้ารับการบำบัด จากนั้น Gregory ก็เหลือทางเลือกว่าจะออกจากห้างสรรพสินค้าเลย หรือว่าจะอยู่ต่อเพื่อสำรวจความลับของห้างสรรพสินค้าต่อไปและพยายามไขปริศนาที่เหลืออยู่ หรือว่าจะเผชิญหน้ากับ แวนนี่ ซึ่งเป็นสาเหตุต่อคดีเด็กหายหลายคดีภายในห้างสรรพสินค้า

เกมนี้มีตอนจบที่แตกต่างกัน 6 แบบ ซึ่งแต่ละตอนจบจะขึ้นอยู่กับการกระทำของ Gregory ตลอดทั้งเกม และวิธีการที่เขาออกจากห้างสรรพสินค้า ตอนจบโดยเฉพาะอย่างหนึ่ง - รู้จักกันในชื่อตอนจบ "Burntrap" - เป็นการต่อสู้กับบอสแอนิมาทรอนิกที่รู้จักกันในชื่อ Burntrap ก่อนที่ Gregory จะพ่ายแพ้ในที่สุด นอกจากนี้ยังเผยให้เห็นซากของร้านพิซซา Freddy Fazbear's ในอดีตที่ถูกฝังอยู่ใต้ห้างสรรพสินค้าเมื่อหลายปีก่อน ตอนจบอีกแบบหนึ่งซึ่งรู้จักกันในชื่อตอนจบของ "Princess Quest" ทำให้ Gregory ได้เรียนรู้ว่า วาเนสซา และ แวนนี่ เป็นคนคนเดียวกัน หลังจากการเผชิญหน้าครั้งสุดท้ายใน Fazerblast Gregory สามารถช่วย วาเนสซา ได้ และทั้งสามคนได้ออกจากห้างสรรพสินค้าด้วยกัน

Ruin[แก้]

ไม่นานหลังจากเหตุการณ์ในเนื้อเรื่องหลักจบลง Gregory ก็ได้ไปติดอยู่ภายในห้างพิซซาเพล็กซ์อีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ถูกทิ้งร้างแล้ว เพื่อช่วย Gregory ออกจากห้างนั่น แคสซี่เพื่อนของเขาจึงตัดสินใจปีนแอบเข้ามาในห้างสรรพสินค้าและรวบรวมสิ่งของต่างๆ ทั่วห้าง เช่น หน้ากากรักษาความปลอดภัย ที่ทำให้เธอสามารถเข้าถึงระบบ Virtual Augmented Neural Network Integration ("V.A.N.N.I") ในห้างสรรพสินค้านี้ได้ โดย Gregory เป็นคนนำทางแคสซี่เดินทางไปรอบห้างพิซซาเพล็กซ์และสั่งให้เธอปิดการใช้งานโหนดความปลอดภัยหลายจุดในห้างเพื่อเข้าถึงหลุมใต้ดินของห้างนี้ โดยโหนดอันสุดท้ายคือ Roxy หนึ่งในหุ่นแอนิมาทรอนิกส์ ตอนนี้เธอตาบอดและไม่สามารถมองเห็นได้เนื่องจาก Gregory ในเนื้อเรื่องหลักที่ได้ขโมยชิ้นส่วนตาของ Roxy ไป ย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน Roxy กับ แคสซี่เป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก ทำให้ทั้งสองรักกันดี ต่างจากหุ่นแอนิมาทรอนิกส์ตัวอื่นในห้างตอนนี้ที่คลุ้มคลั่งและจ้องจะจัดการแคสซี่ Roxy กลับคุยกับแคสซี่เหมือนเพื่อนสนิทกันและไม่ทำร้ายแคสซี่เลย แต่แคสซี่ก็ต้องไปช่วย Gregory อยู่ดี เขาปิดการใช้งานของ Roxy ทั้งน้ำตาเพื่อที่จะไปช่วย Gregory ขณะที่เธอเดินทางวกวนอยู่ในห้างสรรพสินค้า แคสซี่ได้พบกับแอนิมาทรอนิกส์ในห้างสรรพสินค้าที่เสียหายและพังยับเยิน เธอได้ทำลายมอนตี้และเธอยังได้ไปหลอมรวม Sun กับ Moon เข้าด้วยกันจนกลายเป็นตัวละครตัวใหม่ชื่อ "Eclipse" หรือแปลตรงตัวว่า อุปราคา ในขณะที่แคสซี่อยู่ในห้างสรรพสินค้า ทุกครั้งที่เธอใส่หน้ากากรักษาความปลอดภัยเธอจะถูกตามล่าโดยหน่วยงานดิจิทัลในรูปของกระต่ายทุกครั้งซึ่งหลอกหลอนเธอไม่น้อย

หลังจากปิดการใช้งาน Roxy แคสซี่ผู้ทุกข์ใจก็เดินเข้าไปในหลุมใต้ดินของห้างที่มีเศษซากของร้านพิซซา เฟรดดี้ ฟาซแบร์ อยู๋ในนั้น เธอปิดการใช้งานโปรโตคอลรักษาความปลอดภัยของห้าง และปิดโปรแกรมชื่อ M.X.E.S. ซึ่งเป็นเซิร์ฟเฟอร์ของเจ้ากระต่ายตัวนั้น เมื่อเธอเข้าไปในห้องที่ Gregory บอกว่าเขาถูกขังอยู่ เธอได้ค้นพบแอนิมาทรอนิกโครงกระดูกที่ชื่อว่า "Mimic" แทน มันใช้รูปแบบเสียงร้องของ Gregory เพื่อหลอกให้แคสซี่เข้าไปปล่อยตัวเขา Mimic ไล่ตามแคสซี่ไปตามทางเดินใต้ดินขณะที่ Gregory ตัวจริงได้ติดต่อหาเธอและนำทางเธอหลบหนีไปที่ลิฟต์ใกล้ๆ Roxy เห็นแคสซี่กำลังเป็นอันตรายจึงรีบเข้ามาช่วยไว้แต่เจ้า Mimic ก็ได้เอาชนะ Roxy จนเธอดูไม่เป็นท่า

ขณะที่ลิฟต์กำลังขึ้น Gregory ตัวจริงเผยให้เห็นว่าเจ้า Mimic ตัวนี้ติดอยู่ในห้องใต้ดินมาระยะหนึ่งแล้ว และ M.X.E.S. ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อหยุดยั้งการหลบหนีของ Mimic แต่แคสซี่ดันไปปิด โหนดความปลอดภัย และ M.X.E.S. ทำให้ตอนนี้ Mimic เป็นอิสระแล้ว แม้ว่าเกรกอรีจะซาบซึ้งที่แคสซี่ยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อเขา แต่เขาบอกเธอว่าเขาปล่อยให้ Mimic เป็นอิสระไม่ได้ Gregory ขอโทษแคสซี่แล้วปิดระบบการทำงานของลิฟต์ทำให้ลิฟต์ตกลงไปกระแทกพื้นโดยที่เธอยังอยู่ข้างใน นอกจากนี้ผู้เล่นยังสามารถรับฉากจบแบบอื่นได้อีก เช่น ฉากจบลับ โดยตอนที่ผู้เล่นวิ่งหนี Mimic ผู้เล่นไม่ต้องทำตามคำแนะนำของ Gregory แล้วใช้หน้ากากรักษาความปลอดภัยทะลุมิติเข้าไปในรูปภาพซึ่งบางคนบอกว่าอาจเป็นภาพหลอนของแคสซี่ ฉากจบดี โดยผู้เล่นจะต้องวิ่งหนีเข้าไปในห้องลับแห่งหนึ่งในโพรงใต้ดินแล้วไปกดปุ่มตรงหน้าทำให้ Mimic ในชุดสิงโตถูกทำลายในที่สุด

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 McCaffrey, Ray (October 27, 2021). "New Five Nights at Freddy's: Security Breach gameplay revealed". PlayStation Blog. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ October 27, 2021. สืบค้นเมื่อ November 18, 2021.
  2. 2.0 2.1 Croshaw, Yahtzee (February 2, 2022). "Five Nights at Freddy's: Security Breach - Zero Punctuation". The Escapist. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ February 2, 2022. สืบค้นเมื่อ February 2, 2022.
  3. 3.0 3.1 3.2 Fahey, Mike (December 18, 2021). "A Couple Of Hours With The First Big Five Nights At Freddy's Since Scott Cawthon's Retirement". Kotaku. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ December 25, 2021. สืบค้นเมื่อ December 26, 2021.