เออาเรนดิล

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เออาเรนดิล
ตัวละครจากปกรณัมของเจ. อาร์. อาร์. โทลคีน
ตำแหน่งจอมนาวิก ผู้ขับวิงกิล็อท
เผ่าพันธุ์ลูกครึ่งเอลฟ์-มนุษย์
วันเกิดยุคที่หนึ่ง
วันจากไปสู่อามันปลายยุคที่หนึ่ง
อาณาจักรกอนโดลิน


เออาเรนดิลจอมนาวิก (อังกฤษ: Eärendil the Mariner) เป็นตัวละครหลักตัวหนึ่งในปกรณัมของ เจ. อาร์. อาร์. โทลคีน ในฐานะนักเดินเรือผู้ยิ่งใหญ่ เป็นผู้ขับนาวาของดวงดาวแห่งรุ่งอรุณ ตำนานของเขาแสดงอยู่ในเรื่อง ซิลมาริลลิออน และมีการกล่าวขวัญถึงเขาในเรื่อง ลอร์ดออฟเดอะริงส์ ด้วย

ประวัติ[แก้]

เออาเรนดิลเป็นบุตรของทูออร์ มนุษย์แห่งตระกูลฮาดอร์ และอิดริล เคเลบรินดัล เจ้าหญิงโนลดอร์ พระธิดาของกษัตริย์ทัวร์กอนแห่งนครกอนโดลิน เมื่อเออาเรนดิลอายุได้เจ็ดปี นครกอนโดลินถูกทัพของมอร์กอธตีแตก เป็นวาระการล่มสลายของนครกอนโดลิน ทูออร์พาอิดริล เออาเรนดิล และชาวกอนโดลินจำนวนมากหลบหนีออกมา และเดินทางไปจนถึงปากแม่น้ำซิริออน พวกเขาตั้งถิ่นฐานขึ้นใหม่ที่นั่น ต่อมาทูออร์กับอิดริลแล่นเรือจากไป เออาเรนดิลจึงได้เป็นผู้นำของประชาชนในแถบลุ่มแม่น้ำซิริออน

เออาเรนดิลแต่งงานกับเอลวิง ธิดาของดิออร์ ซึ่งเป็นบุตรของเบเรนกับลูธิเอน เอลวิงหนีออกมาจากโดริอัธในวาระการล่มสลายของโดริอัธ แล้วมาเข้าร่วมกับบรรดาประชาชนแถบลุ่มแม่น้ำซิริออนด้วย เออาเรนดิลมีบุตรกับเอลวิงสองคน คือ เอลรอส และ เอลรอนด์

เออาเรนดิลสร้างเรือวิงกิล็อท (Vingilot) ด้วยความช่วยเหลือของเคียร์ดัน เขามักแล่นเรือไปสำรวจดินแดนต่างๆ ในทะเล ครั้งหนึ่งระหว่างที่เขาแล่นเรือออกไป บุตรแห่งเฟอานอร์ยกทัพมาโจมตีเมืองท่าแห่งซิริออน ด้วยต้องการจะชิงซิลมาริล ซึ่งเอลวิงได้รับสืบทอดต่อมาจากลูธิเอน การศึกครั้งนี้ได้ชื่อว่าเป็นสงครามประหัตประหารญาติ ครั้งที่สาม เมืองท่าซิริออนถูกตีแตก เอลวิงสวมซิลมาริลไว้ที่คอแล้วกระโจนลงทะเล ส่วนเอลรอสและเอลรอนด์ที่ยังเด็กถูกจับตัวไป แต่มากลอร์ โอรสองค์ที่สองของเฟอานอร์ เมตตาสงสารเลี้ยงดูเด็กทั้งสองไว้

เอลวิงได้รับความช่วยเหลือจากเทพอุลโม รอดพ้นจากความตายในทะเล และได้ไปพบเรือของเออาเรนดิล ทั้งสองกับผู้ติดตามจึงตัดสินใจออกเดินทางไปเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษจากเหล่าวาลาร์ เป็นตัวแทนของทั้งสองเผ่าพันธุ์ คือเอลฟ์ และ มนุษย์ ด้วยอำนาจของดวงมณีซิลมาริล ทำให้พวกเขาสามารถฝ่าห้วงสมุทรและแนวข่ายเวทมนตร์จนไปถึงแผ่นดินอมตะได้ จากนั้นวาลาร์รับคำขอของเขา และยกทัพใหญ่มาปราบมอร์กอธได้สำเร็จ เรียกการศึกครั้งนี้ว่า สงครามแห่งความโกรธา (War of Wrath) เออาเรนดิลได้ขับนาวาวิงกิล็อทมาร่วมรบในสงครามนี้ด้วย

ความดีของเออาเรนดิลที่เดินทางมายังแดนอมตะโดยไม่คำนึงถึงตัวเอง แต่เพื่อประโยชน์ของสองชาติพันธุ์ เทพมานเวจึงประทานอภัยโทษแก่เขา และการที่เขาเป็นลูกครึ่งระหว่างมนุษย์ (คือทูออร์) กับเอลฟ์ (คือเจ้าหญิงอิดริล) เทพมานเวจึงมอบพรให้แก่เขาและครอบครัวทั้งหมด ให้สามารถเลือกได้ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์เอลฟ์หรือมนุษย์ เออาเรนดิลมอบสิทธิ์ให้เอลวิงภริยาเป็นผู้เลือก และนางเลือกจะเป็นเอลฟ์

วาลาร์มอบหมายให้เออาเรนดิลพิทักษ์ดวงมณีซิลมาริลที่เขานำมาคืน โดยให้เขาขับนาวาวิงกิล็อท อัญเชิญดวงมณีแล่นล่องไปในฟากฟ้า เขาขับนาวาแล่นขึ้นจากแผ่นดินอมตะในยามค่ำ และล่องกลับมาในยามเช้า ประชาชนชาวมิดเดิ้ลเอิร์ธจะมองเห็นดวงมณีได้ชัดเมื่ออยู่เหนือแผ่นดินอมตะ เป็นดาวประจำเมืองในยามย่ำค่ำ และดาวประกายพรึกในยามย่ำรุ่ง พวกเอลฟ์เรียกดาวดวงนี้ว่า 'กิล-เอสเตล' (Gil-Estel) หรือ ดวงดาวแห่งความหวัง

สายวงศ์ของมนุษย์กึ่งเอลฟ์[แก้]

ฟินเว
 
อินดิส
 
 
 
ตระกูลฮาดอร์
 
 
ตระกูลเบออร์
 
 
ธิงโกล
 
เทพีเมลิอัน
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ฟิงโกลฟิน
 
อไนเร
 
กัลดอร์
 
 
บาราเฮียร์
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
เอเลนเว
 
ทัวร์กอน
 
 
 
ฮูออร์
 
 
เบเรน
 
 
 
 
ลูธิเอน
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
อิดริล
 
 
 
 
 
ทูออร์
 
นิมล็อธ
 
 
 
ดิออร์
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
เออาเรนดิล
 
 
 
 
เอลวิง
 
เอลลูเรด
 
เอลลูรีน
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
กาลาเดรียล
 
เคเลบอร์น
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
เอลรอส
 
 
 
เอลรอนด์
 
 
 
เคเลเบรียน
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
กษัตริย์
แห่งนูเมนอร์
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
กษัตริย์
แห่งอาร์นอร์
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
อารากอร์น
 
 
 
 
 
อาร์เวน
 
เอลลาดาน
 
เอลโรเฮียร์
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
เอลดาริออน
 
 
 
ลูกสาว


อ้างอิง[แก้]