อันเดอร์เทล

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
อันเดอร์เทล
ออกแบบโทบี ฟ็อกซ์
ศิลปินTemmie Chang
แต่งเพลงโทบี ฟ็อกซ์
เอนจินเกมเมกเกอร์ สตูดิโอ
เครื่องเล่นวินโดวส์, แมคโอเอสเท็น, ลีนุกซ์
วางจำหน่ายวินโดวส์, แมคโอเอสเท็น
  • ทั่วโลก: 15 กันยายน ค.ศ. 2015
ลีนุกซ์
  • ทั่วโลก: 17 กรกฎาคม ค.ศ. 2016
แนวเกมเล่นตามบทบาท
รูปแบบวิดีโอเกมผู้เล่นคนเดียว

อันเดอร์เทล (อังกฤษ: Undertale) เป็นวิดีโอเกมเล่นตามบทบาท โดยนักพัฒนาชาวอเมริกันชื่อว่า โทบี ฟ็อกซ์ โดยในเกม ผู้เล่นจะได้รับบทบาทเป็นเด็กที่ร่วงลงไปในใต้ผืนดิน ซึ่งเป็นพื้นที่ขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้พื้นผิวโลกที่ถูกคั่นโดยกำแพงเวทมนตร์ ในตัวเกม ผู้เล่นจะพบกับสัตว์ประหลาดมากมายเพื่อที่จะกลับไปยังพื้นผิวโลก โดยส่วนใหญ่จะผ่านการหลบการโจมตีแบบห่ากระสุน (Bullet Hell) ของคู่ต่อสู้ โดยผู้เล่นสามารถเลือกที่จะไว้ชีวิตสัตว์ประหลาดแทนที่จะโจมตีและฆ่าพวกมัน ตัวเลือกในการฆ่าหรือไว้ชีวิตจะส่งผลกระทบต่อตัวเกม ผ่านทางบทสนทนา ตัวละคร และเนื้อเรื่อง

อันเดอร์เทล เป็นเป็นเกมเล่นตามบทบาทที่มีมุมมองบนและล่าง ในเกมผู้เล่นจะต้องควบคุมตัวละครซึ่งเป็นเด็กมนุษย์คนหนึ่งที่เป็นตัวดำเนินเนื้อเรื่องต่าง ๆ ผู้เล่นจะต้องสำรวจโลกใต้ดินที่เต็มไปด้วยเมืองและถ้ำมากมาย รวมถึงการแก้ไขปริศนาต่าง ๆ ระหว่างการผจญภัย ที่โลกใต้ดินนั้นเป็นบ้านของเหล่าสัตว์ประหลาดหลาย ๆ ตัว ที่จะสามารถเข้าร่วมต่อสู้กับผู้เล่นได้ โดยผู้เล่นจะสามารถเลือกตัดสินใจฆ่า ไว้ชีวิต หรือสร้างมิตรภาพกับพวกเขาก็ได้

เมื่อผู้เล่นเผชิญหน้ากับศัตรูก็จะเข้าสู่โหมดการต่อสู้ ระหว่างการต่อสู้ ผู้เล่นจะต้องควบคุมหัวใจขนาดเล็กที่เป็นตัวแทนของวิญญาณของผู้เล่นเอง และจะต้องหลบหลีกสิ่งที่สัตว์ประหลาดปล่อยออกมาคล้ายกับฝูงกระสุน ในระหว่างที่ดำเนินเกมไปเรื่อย ๆ ก็จะพบกับสิ่งใหม่ ๆ และอุปสรรคหลากหลายระหว่างการต่อสู้ ผู้เล่นยังสามารถโจมตีศัตรูได้ด้วยการกดปุ่มให้ตรงจังหวะ การฆ่าศัตรูจะได้รับค่าอีเอ็กซ์พี (EXP) ย่อมาจาก "Execution Points" (คะแนนการสังหาร) เมื่อมี EXP มากพอ จะทำให้ค่าเลิฟ (LOVE หรือ LV) สูงขึ้น ซึ่งย่อมาจาก "Level Of Violence" (ระดับแห่งความโหดร้าย) และได้รับเงินโกลด์ (Gold) สามารถใช้ปุ่มการกระทำ (ACT) เพื่อเลือกกระทำสิ่งต่าง ๆ กับศัตรู หากผู้เล่นใช้ตัวเลือกหรือโจมตีศัตรูที่มีค่าพลังชีวิตต่ำ ผู้เล่นจะสามารถไว้ชีวิตศัตรูได้ และการต่อสู้จะจบลงโดยที่ไม่ต้องฆ่าศัตรูเลย นอกจากนี้ภายในเกมยังมีฉากจบที่หลากหลายซึ่งขึ้นอยู่กับผู้เล่นว่าจะเลือกฆ่าหรือไว้ชีวิตศัตรู โดยผู้เล่นสามารถจบเกมได้โดยที่ไม่ต้องฆ่าใครแม้แต่ตัวเดียวก็ได้

ภายในเกมสัตว์ประหลาดยังสามารถพูดคุยกับผู้เล่นระหว่างการต่อสู้ได้ และตัวเกมจะบอกผู้เล่นว่าเหล่าสัตว์ประหลาดรู้สึกอย่างไรกับการกระทำของตัวผู้เล่นเอง โดยการโจมตีของสัตว์ประหลาดก็จะขึ้นกับตัวผู้เล่นเอง อย่างเช่น เมื่อผู้เล่นเลือกการกระทำแบบรุนแรง ศัตรูก็จะโจมตีแรงขึ้นและเกมก็จะยากขึ้น หรือผู้เล่นเลือกการกระทำที่ไม่เน้นความรุนแรง ก็จะโจมตีเบาลงและเกมก็จะง่ายขึ้น

เนื้อเรื่อง[แก้]

เนื้อเรื่องเล่าถึงโลกที่มีสองเผ่าพันธุ์ปกครองอยู่ คือมนุษย์และสัตว์ประหลาด ซึ่งทั้งสองเผ่าพันธุ์ต่างอาศัยอยู่ด้วยการอย่างสงบสุข แต่แล้วทั้งสองเผ่าพันธุ์ก็ได้ทำสงครามขึ้น เพราะเหล่ามนุษย์เกรงกลัวในพลังของสัตว์ประหลาด หลังจากสงครามอันยาวนาน มนุษย์เป็นฝ่ายชนะ และให้จอมเวทย์ทั้ง 7 คนทำการขังสัตว์ประหลาดไว้ที่ใต้ดิน โดยใช้เวทมนตร์สร้างกำแพงเวทมนตร์เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ประหลาดออกไปยังโลกภายนอก

ต่อมาในปี 201X ตำนานเล่าว่าหากขึ้นไปยังภูเขาอีบ็อตต์ (Mt. Ebott) ก็จะไม่มีวันกลับมาได้อีกเลย ซึ่งก็ได้มีเด็กคนหนึ่งเดินขึ้นไปยังภูเขา และพบหลุมขนาดใหญ่ ก่อนจะร่วงลงมา ซึ่งหลุมแห่งนั้นได้นำพาไปยังโลกใต้ดินของเหล่าสัตว์ประหลาด เด็กคนนั้นตกลงมายังพุ่มดอกไม้สีทอง และได้พบดอกไม้พูดได้ชื่อว่า "ฟลาววี่" (Flowey) เขาชี้แนะให้มนุษย์เกี่ยวกับ "เลเวล" หรือ "เลิฟ" โดยมนุษย์จะได้ EXP จากการฆ่ามอนสเตอร์ โดยฟลาววี่พยายามฆ่ามนุษย์เพื่อที่จะเอาวิญญาณของมนุษย์คนนั้นมาใช้ แต่ก็ได้มี "ทอเรี่ยล" (Toriel) มอนสเตอร์ที่มีรูปร่างเหมือนแพะเข้ามาช่วยเหลือไว้และบอกวิธีการไขปริศนาและการเอาตัวรอดจากมอนสเตอร์ในโลกใต้ดินโดยไม่ฆ่าพวกเขา ทอเรี่ยลตั้งใจที่จะเลี้ยงดูมนุษย์คนนั้นมาไว้ที่ Ruins เพื่อปกป้องเขาจาก "แอสกอร์" (Asgore) ราชาแห่งโลกใต้ดิน

แต่ต่อมามนุษย์คนนั้นก็ออกจาก Ruins และมุ่งหน้าค้นหาปราสาทของแอสกอร์ ซึ่งระหว่างทางมนุษย์คนนั้นก็ยังได้พบกับอุปสรรคต่าง ๆ มากมายจากเหล่ามอนสเตอร์และยังได้พบกับสองพี่น้องมอนสเตอร์โครงกระดูกอย่าง "พาไพรัส" (Papyrus) และ "แซน" (Sans) ซึ่งทั้งสองทำหน้าที่เป็นยามในป่า Snowdin โดยมี "อันดายน์" (Undyne) เป็นหัวหน้าผู้พิทักษ์เหล่ามอนสเตอร์ซึ่งเธออาศัยอยู่ที่ Waterfall และมี "อัลฟี่" (Alphys) เป็นนักวิทยาศาสตร์แห่งอาณาจักร และมี "แม็ตทาท่อน" (Mettaton) ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ที่อัลฟี่สร้างขึ้นมาเพื่อแสดงในรายการทีวีในโลกใต้ดิน โดยเผชิญหน้ากับเหล่ามอนสเตอร์นั้น มนุษย์สามารถเลือกได้ว่าจะฆ่าพวกเขาหรือจะแสดงความเมตตากับพวกเขา หากมนุษย์ไว้ใจพวกเขา พวกเขาอาจเลือกที่จะเป็นเพื่อนกับมนุษย์ก็ได้ ในระหว่างการเดินทาง มนุษย์ได้เรียนรู้สาเหตุของสงครามระหว่างมนุษย์และมอนสเตอร์ โดยเมื่อนานมาแล้ว "แอสเรี่ยล" (Asriel) ลูกชายของแอสกอร์และทอเรี่ยล ได้ผูกมิตรกับมนุษย์คนแรกที่ตกลงมายังโลกใต้ดินและได้กลายเป็นลูกบุญธรรมของพวกเขา ทำให้ทั้งอาณาจักรเริ่มมีความหวังมากขึ้น แต่อยู่มาวันหนึ่งมนุษย์คนนั้นได้คิดแผนที่จะช่วยเหล่ามอนสเตอร์โดยได้ฆ่าตัวตายด้วยการกินดอกไม้พิษ โดยก่อนตายมนุษย์คนนั้นได้ขอให้แอสเรี่ยลพาเขาไปดูดอกไม้ที่หมู่บ้านของเขาบนพื้นดิน แอสเรี่ยลจึงดูดวิญญาณของมนุษย์คนนั้นและกลายร่างเป็นผู้ทรงพลัง จากนั้นเขาจึงพามนุษย์คนนั้นไปสู่โลกด้านบน เมื่อแอสเรี่ยลไปยังหมู่บ้านของมนุษย์ เหล่ามนุษย์ก็โจมตีทุกอย่างที่มีใส่เขาและทำร้ายเขาอย่างสาหัส จนทำให้แอสเรี่ยลตายไปเมื่อกลับมายังโลกใต้ดิน เมื่อแอสกอร์ทราบเรื่องเขาจึงประกาศสงครามและพยายามรวบรวมวิญญาณมนุษย์ทั้ง 7 ดวงเพื่อทำลายกำแพงเวทมนตร์ ซึ่งตอนนี้เขามีเพียง 6 ดวง ทำให้ทอเรี่ยลไม่พอใจในการกระทำของแอสกอร์ เธอจึงออกมาจากปราสาทและไปใช้ชีวิตอยู่ที่ Ruins และตั้งใจที่จะปกป้องมนุษย์ผู้ใดก็ตามที่ตกลงมา

เมื่อผู้เล่นได้เจอกับแอสกอร์ ผู้เล่นจะต้องต่อสู้กับเขา เมื่อแอสกอร์แพ้ให้ผู้เล่น หากผู้เล่นไว้ชีวิตเขา ฟลาววี่จะมาซุ่มโจมตีแอสกอร์ในภายหลัง และใช้วิญญาณของมนุษย์ทั้ง 6 ดวงกลายร่างตัวเองเป็น Omega Flowey และต่อสู้กับผู้เล่น เมื่อผู้เล่นสามารถชนะได้และเลือกไว้ชีวิตเขา ฟลาววี่จะหนีไปและกลับมายื่นข้อเสนอตอนจบแบบ Happy Ending ให้ เมื่อผู้เล่นกลับมาเล่นในอีกรอบหนึ่ง ฟลาววี่จะถูกเปิดเผยว่าเขาเป็นการกลับมาเกิดใหม่ของแอสเรี่ยล โดยเกิดจากการทดลองของอัลฟี่ เมื่อผู้เล่นได้มาสู้แอสกอร์อีกครั้ง ทอเรี่ยลได้เข้าไปขัดขวางก่อนที่มนุษย์และแอสกอร์จะต่อสู้กัน และเข้าร่วมกับสัตว์ประหลาดอื่น ๆ ที่มนุษย์ได้ผูกมิตรไว้ แต่หลังจากนั้นฟลาววี่ก็ซุ่มโจมตีมอนสเตอร์ทั้งหมดและใช้วิญญาณของพวกเขาทุกตัวคืนร่างเป็นแอสเรี่ยลที่มีพลังมหาศาล มนุษย์ได้เชื่อมโยงกับเพื่อนใหม่ของเขาในระหว่างการต่อสู้ จนได้รับชัยชนะ แอสเรี่ยลจึงคืนร่างเป็นลูกแพะดังเดิมและทำลายกำแพงเวทมนตร์ เขาได้รู้ว่ามนุษย์คนนั้นมีชื่อว่า "ฟริสก์" (Frisk) เขาสำนึกผิดต่อมนุษย์และเหล่ามอนสเตอร์ เขาจึงปลดปล่อยวิญญาณของมนุษย์และมอนสเตอร์ทั้งหมด ก่อนที่เขาจะเดินจากไป จากนั้นมนุษย์ก็ตื่นขึ้นมาท่ามกลางเหล่าเพื่อน ๆ ที่ล้อมรอบเขา จากนั้นฟริสก์และเหล่ามอนสเตอร์จึงออกจากโลกใต้ดินไปและอาศัยอยู่ร่วมกันกับมนุษย์อย่างสงบสุข

การพัฒนา[แก้]

อันเดอร์เทล ถูกพัฒนาโดย โทบี ฟ็อกซ์ ซึ่งใช้เวลากว่า 2 ปีในการพัฒนา โดยเริ่มระดมเงินทุนในการพัฒนาผ่านทางเว็บไซต์ Kickstarter ซึ่งเริ่มระดมทุนเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม ค.ศ. 2013 ระบบของเกมทั้งหมดใช้ซอฟแวร์อย่างเกมเมกเกอร์ สตูดิโอ โดยผู้พัฒนาต้องการที่จะสร้างเกมเล่นตามบทบาทที่มีความแปลกใหม่แตกต่างออกไป โดยเขาให้เหตุผลว่ามันน่าเบื่อเกินไป โดยฟ็อกซ์ได้มุ่งเน้นเกมไปที่เหล่าตัวละครและการบอกเล่าเรื่องราวแทน

การออกแบบเกม[แก้]

การป้องกันภายในระบบการต่อสู้ได้รับแรงบันดาลใจจากเกม Mario & Luigi series เช่นเดียวกับ Touhou Project

เพลง[แก้]

ฟ็อกซ์แต่งเพลงประกอบเกมส่วนใหญ่ด้วยการย้ำเล็กน้อย เพลงหลักของเกม "Undertale" เป็นเพลงเดียวที่ได้รับการพัฒนาซ้ำหลายครั้ง และซาวด์ได้รับแรงบันดาลใจจากเพลง Super NES เกมการเล่นตามบทบาทเช่น EarthBound รวมทั้งHomestuckในคอมมิค ซึ่งฟ็อกซ์ยังให้เพลงอีกด้วย ฟ็อกซ์ยังระบุด้วยว่าเขาได้แรงบันดาลใจจากเพลงทั้งหมดที่เขาฟังโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิดีโอเกม อ้างอิงจากฟ็อกซ์ 90% ของเพลงที่แต่งขึ้นเฉพาะสำหรับเกม "MEGALOVANIA" เพลงที่ใช้ในระหว่างการต่อสู้กับแซน ก่อนหน้านี้เคยถูกนำมาใช้ใน Homestuck และเป็นหนึ่งใน Fox's EarthBound ROM Hacks สำหรับแต่ละส่วนของเกม ฟ็อกซ์แต่งเพลงก่อนการเขียนโปรแกรมเนื่องจากช่วยตัดสินใจว่าฉากควรจะไปอย่างไร ตอนแรกเขาพยายามใช้แทร็คเพลงเพื่อแต่งเพลง แต่พบว่ามันยากที่จะใช้ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะเล่นส่วนของเพลงแยกจากกัน และเชื่อมต่อพวกเขาในการติดตามเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 1 ปีของเกม ฟ็อกซ์ได้ออกผลงานทางดนตรีที่ไม่ได้ใช้ไป 5 เพลงในบล็อกของเขาในปี 2017

อ้างอิง[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]