ผู้ใช้:Ponlapat66/วรรณกรรมเยาวชนภาษาเยอรมันเรื่อง "โมโม่"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ประวัติผู้แต่ง[แก้]

มิชาเอ็ล อันเดรส เฮลมุท เอ็นเด้ เกิดเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ค.ศ.1929 เขาเริ่มงานแรกในชีวิตด้วยการเป็นผู้จัดการฝ่ายเวทีของโรงละครในนครมิวนิก ผลงานเขียนด้านวรรณกรรมเยาวชนเรื่องแรกของเขาคือ “จิมกระดุมกับลูคัสคนขับหัวรถจักร” (Jim Knopf und Lukas der Lokomotivführe) เอ็นเด้มีชื่อเสียงจากวรรณกรรมเด็กเรื่องดังกล่าว อีกทั้งยังได้รับรางวัลวรรณกรรมเยาวชนยอดเยี่ยมของเยอรมนีด้วย เขาเริ่มสร้างสรรค์งานเขียนเรื่อง โมโม่ (Momo) ขณะพำนักอยู่ในประเทศอิตาลี และได้รับการตีพิมพ์เมื่อปี 1973 กล่าวกันว่า เฉพาะวรรณกรรมเด็กเรื่องโมโม่ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างประเทศถึง 35 ภาษา ส่วนงานเขียนอื่นๆของเขาได้รับการแปลมากกว่า 50 ภาษา มิชาเอ็ล เอ็นเด้ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ.1995 ในวัย 65 ปี ที่เมืองชตุทท์การ์ท เยอรมนี[1]

เนื้อเรื่องย่อ[แก้]

ประติมากรรมรูปปั้น โมโม่ ผลงานของ อุลริเก้ เอนเดอ ตั้งอยู่ที่จตุรัสมิชาเอ็ล เอ็นเด้ เมืองฮันโนเฟอร์ ประเทศเยอรมนี

วรรณกรรมเยาวชนเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ชื่อว่า โมโม่ (Momo) ที่อาศัยอยู่ในซากปรักหักพังบริเวณอัฒจันทร์เก่าของนครหลวงไร้ชื่อ เธอเป็นเด็กกำพร้า เพื่อนแท้ของโมโม่คือเบปโป คนกวาดถนนและจีจี้ คนนำเที่ยว บรรดาผู้คนและเด็ก ๆ ของเมืองต่างก็ชอบโมโม่ เพราะเธอมีเวลาที่จะฟังเรื่องราวต่างๆของพวกเขาได้ตลอด อย่างไรก็ตามวันหนึ่งโจรขโมยกาลเวลาปรากฏตัวในหน้ากากของสุภาพบุรุษสีเทาที่ดูเรียบง่ายแต่ภายนอก จริงๆแล้วเขาเป็นตัวแทนของกาลเวลาหรือกองทุนแห่งการประหยัดเวลา (Das Geheimnis der Zeit/Zeitsparkasse) สุภาพบุรุษสีเทาใช้แนวคิดการออมเวลามาทำให้ผู้คนในเมืองหลงลืมเรื่องการดำรงชีวิตอย่างมีความสุขรวมถึงละทิ้งความเป็นตัวตนของตนเองไปหมด เช่น รสนิยมการใช้ชีวิตหรือรสนิยมด้านศิลปะ โดยใช้โฆษณาชวนเชื่อที่ว่าเวลาเป็นสิ่งล้ำค่าเราทุกคนต้องเก็บเวลาไว้ โดยสุภาพบุรุษสีเทาจะแปลงเวลาที่เก็บมาได้ให้กลายเป็นดอกไม้กาลเวลาซึ่งมีลักษณะสีเทาทั้งกลีบและก้านดอก เพื่อที่พวกเขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ผ่านดอกไม้เหล่านี้ ต่อมาชีวิตของโมโม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมเพราะไม่มีเพื่อนของเธอมาเยี่ยมและรับฟังเรื่องราวของเธออีกต่อไป อย่างไรก็ดี โมโม่มีความชาญฉลาดค้นหาและเรียนรู้ความลับของสุภาพบุรุษสีเทาซึ่งเป็นตัวแทนกองทุนแห่งการประหยัดเวลา สุภาพบุรุษสีเทาอาศัยอยู่ผู้คนตลอดเวลาและลักลอบขโมยเวลาของพวกเขาไปดำรงชีวิตอยู่ได้ โมโม่อาศัยความช่วยเหลือจากผู้เก็บกาลเวลา (Der Verwalter der Zeit) ซึ่งมีชื่อว่าท่านโฮร่า (Master Hora) และ คัสซีโอเพย่า (Cassiopeia) ซึ่งเป็นเต่าประจำตัวเขา ในที่สุดโมโม่สามารถใช้ความฉลาดผ่านอุปสรรคนานับประการและไขปริศนาแห่งกาลเวลาจนปลดปล่อยดอกไม้แห่งกาลเวลาผ่านตู้เก็บกาลเวลาของสุภาพบุรุษสีเทาได้สำเร็จ และท้ายที่สุดเธอสามารถปลดปล่อยเวลาที่ถูกขโมยจากตู้นิรภัยแห่งกาลเวลากลับคืนสู่ผู้คนในเมืองทุกคนได้รวมถึงเพื่อนสนิทของเธอทั้งสองคน ทุกอย่างจึงสามารถย้อนกลับสู่จุดเริ่มต้นได้ตามเดิม

ตัวละคร[แก้]

ตัวละครหลักในเรื่องประกอบด้วย โมโม่ เบบโป จีจี้ สุภาพบุรุษสีเทา และท่านโฮร่า

โมโม่ จัดได้ว่าเป็นตัวละครเอกของเรื่องที่มีหลากหลายมิติ เช่น ความเป็นเด็ก ความเป็นคนอยากรู้อยากเห็น ความอยากเป็นวีรบุรุษ แต่มิติด้านจิตวิทยาทั้งมีมุมมองของความกลัวและการเก็บซ่อนความลับ และมีความกังวล ส่วนสุภาพบุรุษสีเทาถือว่าเป็นตัวละครหลักและตัวร้ายของเรื่อง ตัวละครตัวนี้ก็มีหลากหลายมิติเช่นเดียวกัน ไม่ได้มีความเป็นตัวร้ายในด้านเดียวแต่เป็นตัวร้ายที่มีความเป็นเหตุเป็นผล กล่าวคือพวกเขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยเวลาของชาวเมืองหากไร้ซึ่งเวลาเหล่านี้ร่างของพวกเขาก็ย่อมต้องสูญสลายไป

เบปโป เป็นชายสูงวัยที่เป็นเพื่อนสนิทต่างวัยกับโมโม่ เขาเป็นคนกวาดถนนที่สามารถทำทุกอย่างได้และเขาก็รักและรับฟังทุกๆเรื่องราวของโมโม่ถึงขนาดยอมให้สุภาพบุรุษสีเทาขโมยเวลาของตัวเองไปเพียงเพราะว่าไม่ต้องการให้โมโม่เป็นอันตรายจากภัยคุกคามของสุภาพบุรุษสีเทา จัดได้ว่าเบบโปเป็นตัวละครที่คอยสนับสนุนตัวละครเอกอย่างโมโม่และมีความสำคัญในการต่อสู้ของโมโม่จึงจัดได้ว่าเป็นตัวละครที่มีหลากหลายมิติ

จีจี้ (จีโรลาโม) เป็นเด็กผู้ชายที่ชอบเล่าเรื่อง ชอบนำเที่ยว และมีความสามารถเป็นนักเล่าเรื่อง ภาพลักษณ์ภายนอกของจีจี้ก็มีความรักต่อโมโม่เช่นเดียวกับเบบโป แต่ขณะเดียวกันความฝันที่อยากจะหลุดพ้นจากความยากจนหรือหาเลี้ยงชีพด้วยการเล่าเรื่องไปวันๆ เขาฝันที่มีฐานะและความมั่งคั่งในชีวิต จากจุดนี้เองทำให้เป็นจุดอ่อนที่สุภาพบุรุษสีเทาสามารถขโมยเวลาชีวิตของเขาในวัยเด็กไปได้ เช่นเดียวกันจีจี้ก็เป็นตัวละครที่คอยสนับสนุนตัวละครเอกอย่างโมโม่และมีความสำคัญในการต่อสู้ของโมโม่จึงจัดได้ว่าเป็นตัวละครที่มีหลากหลายมิติ

ท่านโฮร่า เป็นคนที่มีหน้าที่ควบคุมกาลเวลาและเขาเป็นเพียงผู้เดียวที่มีปณิธารและต่อสู้กับภัยคุกคามของสุภาพบุรุษสีเทาในโลกของกาลเวลาก่อนการปรากฏตัวของโมโม่ ท่านโฮร่าคอยให้การช่วยเหลือโมโม่ในการต่อสู้กับสุภาพบุรุษสีเทา เช่น มอบพลังการทำนายอนาคตล่วงหน้า 30 นาทีต่อโมโม่ รวมถึงมอบหมายให้เต่าคัสซีโอเพย่ามีหน้าที่คอยช่วยเหลือและคุ้มกันภัยต่อโมโม่ แต่ในมิติของความแข็งกร้าวของท่านโฮร่าก็มีความสุภาพอ่อนโยนเมื่อเขาได้พบเจอกับโมโม่รวมถึงสัมผัสความคิดแบบเด็กที่บริสุทธิ์ของโมโม่ ท่านโฮร่าจึงเป็นตัวละครที่มีหลากหลายมุมมองและมีหลายมิติ

สุภาพบุรุษสีเทา เป็นตัวละครเอกที่เป็นตัวร้ายที่ทำทุกอย่างเพื่อคอยต่อต้านโมโม่ เป็นตัวร้ายที่มีหลายมิติ กล่าวคือ ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งเวลาของผู้คนโดยใช้กลยุทธ์หลากหลายวิธีเช่น การโฆษณาชวนเชื่อในเรื่องการเก็บออมเวลา การโน้มน้าวคนให้มอบเวลาให้พวกเขาโดยการมองเห็นจุดอ่อนหรือกิเลสของมนุษย์ ขณะเดียวกันเหตุผลที่ต้องทำเช่นนี้ก็คือการมีชีวิตอยู่ในโลกแห่งกาลเวลา อีกทั้งมีจุดเด่นที่สำคัญคือเป็นตัวร้ายที่เป็นกลุ่มหรือองค์กร ไม่ได้ดำเนินการเพียงผู้เดียว ดังนั้น ตัวละครนี้จึงจัดได้ว่าเป็นตัวละครที่มีหลากหลายมิติ

ส่วนตัวละครชายขอบที่มีเพียงมิติเดียวในเรื่องประกอบด้วย เพาโล ฟรังโก้ มารีอา ฟูซี่ นิโคลาหรือนีโน่ ผู้คนในเมือง ทั้งหมดนี้เป็นตัวละครที่มีบทบาทดำเนินเรื่องเพียงครั้งเดียวและสองครั้ง แต่ก็มีความสำคัญในการเดินเรื่องและสนับสนุนความเป็นตัวตนของตัวละครเอกทั้งหลายที่ได้กล่าวมา

มุมมองการเล่าเรื่อง[แก้]

โมโม่มีมุมมองการเล่าเรื่องแบบภววิสัย กล่าวคือ ผู้แต่งไม่ได้เป็นทุกอย่างของเรื่องแต่ผู้แต่งเป็นเพียงผู้รายงานเรื่องราวให้ผู้อ่านทราบถึงลักษณะเด่นของตัวละครเอกหรือตัวละครชายขอบ รวมถึงเรื่องนี้มีความลับของเรื่องราวที่ถูกซ่อนอยู่ ตัวอย่างเช่น ทำไมดอกแห่งกาลเวลาหรือโจรขโมยเวลาต้องมีสีเทาหรือเรียกว่าสุภาพบุรุษสีเทา หรือในเรื่องเราจะเห็นว่าสุภาพบุรุษสีเทาต้องสูบซิก้าตลอดเวลา หรือในเรื่องก็ซ่อนความลับที่ไม่มีคำตอบขึ้นอยู่กับการตีความของผู้อ่าน ตัวอย่างเช่น ทำไมเต่าคัสซีโอเพย่าถึงต้องคอยตาม โมโม่อยู่ตลอดเวลา อีกมุมมองหนึ่งคือเมื่อผู้อ่านได้อ่านเรื่องราวจนถึงการต่อสู้กับสุภาพบุรุษสีเทา ผู้อ่านจะสามารถคาดเดาจุดจบของเรื่องได้ในบทที่ 21 และบทที่ 22 ส่วนความขัดแย้งของเรื่องที่เด่นชัดที่สุด คือ การมาเยือนของสุภาพบุรุษสีเทาทำให้บรรดาผู้คนในเมืองรวมถึงเพื่อนสนิทของโมโม่ต่างก็มีเวลาของชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปรวมถึงเริ่มสูญเสียความเป็นตัวตน

ฉากและเวลา[แก้]

ในประเด็นเรื่องเวลาของเรื่องโมโม่จะมีลักษณะเป็นการดำเนินเรื่องจากปัจจุบันไปสู่อนาคตและในตอนสุดท้ายของเรื่องจึงย้อนกลับมาช่วงปัจจุบันอีกครั้ง ส่วนห่วงเวลาในเรื่องนี้ค่อนข้างมีความแตกต่างกันมากพอสมควรกล่าวคือ มีลักษณะเป็นเรื่องราวที่ทะลุเข้าไปในโลกแห่งกาลเวลาซึ่งเป็นโลกอนาคต และในเรื่องโมโม่ก็ไม่ได้มีการระบุห่วงเวลาที่ชัดเจน จึงสามารถตีความได้ว่ามีความแตกต่างกันมากพอสมควร ส่วนเรื่องโมโม่มีลักษณะแนวทางของเรื่องเกี่ยวกับมิตรภาพระหว่างเพื่อน เรื่องราวที่เกิดจากจินตนาการ สำหรับฉากในเรื่องประกอบไปด้วย นครหลวงไร้ชื่อ ประสาทแห่งกาลเวลา ซากปรักหักพังบริเวณอัฒจันทร์เก่า และโลกอนาคต

แหล่งอ้างอิงหรือแหล่งค้นคว้า[แก้]

1. ประวัติและผลงานของมิชาเอ็ล เอ็นเด้ เข้าถึงได้ที่ http://www.michaelende.de/

2. มิชาเอ็ล เอ็นเด้ (2558). โมโม่ [MoMo]. (ชินนรงค์ เนียวกุล ผู้แปลและเรียบเรียง) พิมพ์ครั้งที่ 4. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์แพรวเยาวชน

3. Michael Ende (1996). MOMO. München: WILHELM HEYNE VERLAG

  1. http://www.michaelende.de/autor/biographie/momo-rom-und-das-neue-zeitgefuehl