ผู้ใช้:Lovefairlytale/กระบะทราย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ชื่อไทย : หน้ากากแก้ว/นักรักโลกมายา

ชื่ออังกฤษ : Glass Mask

ชื่อญี่ปุ่น : ガラスの仮面(Garasu no Kamen)

เป็นผลงานของ Suzue Miuchi

ถูกตีพิมพ์ใหม่ลงในนิตยสาร Hakusensha's Bessatsu Hana to Yume (別冊花とゆめ) ในเดือน กรกฎาคม ปี 2551

เรื่องย่อ
เป็นเรื่องราวของ คิตาจิมะ มายะ เด็กสาวอายุ 13 ปี ที่หลงใหลในศิลปะการแสดง พ่อของมายะเสียชีวิตไปแล้วแม่ของมายะเป็นคนงานอยู่ในร้านอาหารจีนที่โยโกฮาม่า
เรื่องราวเปิดฉากที่ มายะ กลับจากโรงเรียน มาที่บ้านซึ่งเป็นร้านอาหารจีนในเมืองโยโกฮาม่า ซึ่งแม่ของมายะเป็นลูกจ้างอยู่ คนรอบข้างมักมองว่า มายะเป็นเพียงเด็กผู้หญิงไร้สาระคนนึง วันนึงมายะได้พนันกับลูกเจ้าของร้านว่า ถ้าเธอสามารถส่งอาหาร 120 ชุดได้ก่อนเที่ยงคืนวันสิ้นปี จะได้ตั๋วดูโอเปร่า ซึ่งมายะก็ทำได้จริง ๆ ลูกเจ้าของร้านที่รู้ตัวว่าแพ้ ก็ปล่อยให้ตั๋วปลิวลมตกไปในทะเล มายะกระโดดลงไปเก็บตั๋ว เหตุการณ์ดังกล่าวอยู่ในสายตาของ สึกิคาเงะ จิงุสะ ผู้ซึ่งมองเห็นพรสวรรค์ของมายะ และเลือกให้เป็นทายาทการแสดง
ชีวิตของมายะพลิกผันเมื่อเจอ สึกิคาเงะ จิงุสะ ซึ่งเคยเป็นนักแสดง และผู้อำนวยการสร้างที่มีชื่อเสียง แผลเป็นที่หน้าจากอุบัติเหตุทำให้จิงุสะต้องลาจากเวทีละคร แต่ก็ยังถ่ายทอดความเป็นอัจฉริยะในการแสดงให้กับนักเรียน จิงุสะมองหานักแสดงที่สมบูรณ์แบบ เพื่อมาเป็นผู้แสดงนำเรื่อง นางฟ้าสีแดง (Kurenai Tennyo) ที่เธอได้ลิขสิทธิ์จากครู และคนรักของเธอ ชื่อ โอซากิ อิชิเรน มายะได้เข้าไปเรียนในโรงเรียนของสึกิคาเงะ จิงุสะ
มายะมีพรสวรรค์โดยธรรมชาติ แต่ใช่ว่าจะไม่มีคู่แข่งที่ทัดเทียม คู่แข่งของมายะ คือ ฮิเมกาวะ อายูมิ ที่อายุเท่ากับมายะ แม่ของอายูมิเป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียง ส่วนพ่อเป็นผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ที่โด่งดัง อายูมิมุ่งหวังที่จะได้แสดงเรื่องนางฟ้าสีแดง เช่นเดียวกับมายะ ทั้งสองกลายมาเป็นคู่แข่งกัน ทั้ง ๆ ที่ใช้เทคนิคการแสดงธรรมดา มายะก็แสดงได้เข้าถึงบทบาท จนสร้างความประทับใจให้กับผู้ดู และเพื่อนร่วมการแสดงอย่างท่วมท้น ส่วนอายูมิ แสดงได้สมบูรณ์แบบด้วยเทคนิคการแสดง ที่ฝึกฝนมาตั้งแต่เด็ก แต่ก็ยังด้อยกว่ามายะในเรื่องของการดึงดูดอารมณ์ผู้ดู มายะไม่รู้ตัวว่ามีพรสวรรค์ และยังอิจฉาความสวยงาม และเทคนิคการแสดงของอายูมิ ขณะที่อายูมิก็มองมายะเป็นอัจฉริยะทางการแสดง และมีความรู้สึกว่าตนเป็นผู้ที่ด้อยกว่า อายูมิจึงได้มุ่งมั่นพัฒนาบทบาทการแสดงของเธอ ขณะที่มายะแสดงบทบาทต่าง ๆ อย่างเป็นธรรมชาติด้วยแรงจูงใจ

จิงุสะ ต้องการที่จะสร้างเรื่อง นางฟ้าสีแดง ซึ่งเป็นบทละครในตำนานขึ้นอีกครั้ง แต่ ฮายามิ มาซึมิ ประธานบริษัท บันเทิงยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ผู้ซึ่งคนทั่วไปมองว่า เป็นคนเลือดเย็น ได้ขัดขวางจิงุสะโดยตลอด มาซึมิแก่กว่ามายะ 11 ปี และต้องการที่จะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ นางฟ้าสีแดง
มาซึมิ รู้ถึงพรสวรรค์ของมายะก่อนการแสดงครั้งแรกของเธอ และประทับใจความรักในการแสดงของมายะ การแสดงละครเวทีครั้งแรกของมายะ ชื่อเรื่องว่า Beth of The little women มายะแสดงทั้งๆ ที่มีไข้สูง บนเวทีเขาเห็นประกายตาของมายะ และหลงใหลในการแสดงของเธอ มาซึมิได้ส่งช่อดอกกุหลาบสีม่วงให้มายะ โดยไม่เปิดเผยตัว
แม้ว่า มาซึมิ จะทำลายบริษัทของจิงุสะตามความมุ่งหมายของเขา แต่มาซึมิก็ยังคงส่งกุหลาบสีม่วงให้มายะในการแสดงทุกครั้ง และตกหลุมรักมายะ มายะเรียกคนที่มอบกุหลาบให้ว่า คุณกุหลาบสีม่วง
มาซึมิจ่ายค่าโรงพยาบาลของจิงุสะ ค่าเทอมของมายะ และยังซ่อมโรงละครที่มายะแสดง แต่ก็ไม่เคยบอกว่าเขาคือ คุณกุหลาบสีม่วง เพราะเขามีส่วนในการตายของแม่มายะโดยทางอ้อม มาซึมิมักจะเรียกมายะ ว่า หนูเปี๊ยก (Chibi-chan) ซึ่งมายะไม่ชอบเอามาก ๆ ดังนั้นคู่นี้จึงมักทะเลาะกันเสมอเมื่อเจอกัน มาซึมิมักแสดงให้เห็นว่าเป็นคนเลือดเย็น และเจ้าเล่ห์ แต่ขณะดียวกันก็คอยสนับสนุนมายะอย่างลับๆ

อายูมิ และมายะ ได้รับการฝึกฝนการแสดงนางฟ้าสีแดง เป็นครั้งสุดท้ายจากจิงุสะ มายะบังเอิญรู้ว่า มาซึมิ คือ คุณกุหลาบสีม่วง มายะเสียใจมากที่รู้ว่าผู้ชายที่เธอเกลียดกลายเป็นผู้ชายที่สำคัญของเธอ แต่ในที่สุด มายะ ก็รัก มาซึมิ ซึ่งมาซึมิเองยังไม่รู้

แม้ว่าทั้งสองคนจะรักกัน แต่ทั้งคู่ก็เป็นเหมือนเส้นขนาน เพราะพวกเขาไม่สามารถบอกรักได้ด้วยกลัวว่าจะเสียใจทั้งคู่ และมาซึมิยังนัดดูตัวกับผู้หญิงซึ่งมาจากครอบครัวร่ำรวย และเดทกับเธออีกด้วย มายะรู้สึกเจ็บปวดมากด้วยความรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อย คิดว่าถ้าเปรียบเทียบกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว ตัวเธอเองไม่มีอะไรเลย หน้าตาก็ไม่สวย ฐานะก็ยากจนกว่า และยังเด็กกว่ามาซึมิถึง 11 ปี

เมื่อสิ้นสุดการฝึกฝนบทบาทเรื่องนางฟ้าสีแดง จิงุสะได้แสดงบท นางฟ้าสีแดง เป็นครั้งสุดท้าย ที่หุบเขาอุเมะโนะทานิ ซึ่งเป็นฉากดั้งเดิมในเรื่อง นางฟ้าสีแดง ทั้ง ๆ ที่เธอป่วยหนัก คนดูต่างประทับใจในการแสดงของเธอ ที่แสดงได้มหัศจรรย์ และเป็นธรรมชาติยิ่ง

จิงุสะได้ทำลายหน้ากากที่เคยสวมออกเป็นสองส่วน และได้ให้มายะ และอายูมิสร้างนางฟ้าสีแดงของตัวเองขึ้นมาใหม่ ส่วนมายะและมาซึมิได้รับอิทธิพลความรักที่รุนแรงของนางฟ้าสีแดง ทำให้เกิดเหตุอัศจรรย์ ที่วิญญาณของทั้งคู่สัมผัสซึ่งกันและกัน ณ บริเวณสองฟากฝั่งของแม่น้ำ แต่ก็ไม่อาจถ่ายทอดความรู้สึกให้อีกฝ่ายรับรู้ ในวันที่กลับจากหุบเขาอุเมะโนะทานิ มายะตั้งใจที่จะสารภาพความรู้สึกต่อมาซึมิ...

เมื่อมายะกลับมาถึงโตเกียว และไปพบมาซึมิ เพื่อสารภาพรักกับเขา แต่ที่ที่เธอพบมาซึมิกลับเป็นงานเลี้ยงประกาศการหมั้นของมาซึมิกับชิโอริ มายะเสียใจมาก จนมีผลกับการฝึกซ้อมแสดง นางฟ้าสีแดง ที่จะมีการคัดเลือกในอีกไม่นาน

ขณะที่มายะไม่มีสมาธิ และอารมณ์ในการฝึกซ้อมการแสดง อายูมิซึ่งเป็นคู่แข่งในการคัดเลือกตัวนางฟ้าสีแดงก็พยายามฝึกซ้อม เปลี่ยนห้องพักให้เป็นบรรยากาศธรรมชาติ เลียนแบบการดำรงชีวิตของนางฟ้าสีแดง เพื่อจะได้เข้าถึงอารมณ์ และจิตใจของนางฟ้าสีแดง

ผู้กำกับ และเพื่อนร่วมทีมของมายะต่างงงงวยกับท่าทีการแสดงของมายะ รวมทั้ง ซากุระโคจิ ยู ที่รับบทอิชชิน ซึ่งเป็นบทคู่ของนางฟ้าสีแดง ผู้กำกับสงสัยว่าอาการของมายะเป็นอาการของคนอกหัก ซากุระโคจิ (ซึ่งยังคงหลงรักมายะ ทั้งที่มีมาอิเป็นแฟนแล้ว) เป็นห่วงมายะมาก มายะโดนลงโทษให้งดซ้อม 1 วัน ซากุระโคจิจึงขอลงโทษตัวเองงดซ้อมเช่นกัน และพามายะไปเที่ยวให้สบายใจ การไปเที่ยวของทั้งสองตกอยู่ในสายตาคนทั่วไป รวมทั้งนักสืบที่มาซึมิจ้างไว้ เมื่อกลับมาซ้อม มายะทำได้ดีขึ้น จนมีเสียงลือกันเกี่ยวกับเรื่องของคนทั้งคู่

ซากุระโคจิ นัดเดททานอาหารกับมายะ ซึ่งบังเอิญเป็นร้านเดียวกับที่มาซึมิพาชิโอริ คู่หมั้นมา มาซึมิรู้สึกเจ็บปวดที่เห็นทั้งคู่กำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน ช่วงที่ซากุระโคจิหลบไปฟังข้อความที่มาอิฝากไว้ในโทรศัพท์ มาซึมิก็ส่งดอกกุหลาบสีม่วงมาให้ที่โต๊ะมายะ มายะออกเดินหาคุณกุหลาบสีม่วงจนตกน้ำ มาซึมิวิ่งมาเพื่อที่จะช่วยแต่เห็นซากุระโคจิวิ่งมาช่วยก่อน จึงหลบไป ซากุระโคจิอุ้มมายะขึ้นจากน้ำ กุหลาบสีม่วงที่มายะถืออยู่ร่วงหลุดมือไป มาซึมิมองด้วยความเจ็บปวด

นักสืบที่มาซึมิจ้างมาได้แอบส่งรูปที่มายะถ่ายกับซากุระโคจิตอนไปเที่ยวจากโทรศัพท์มือถือของซากุระโคจิ ไปให้มาซึมิดู ซึ่งมาซึมิเจ็บปวดอย่างมากเมื่อเห็นภาพ……….

ในตอนท้ายของเรื่อง เป็นช่วงของการชิงชัยสู่เส้นทางของนางฟ้าสีแดง โดยอาจารย์ซึกิคาเงะเป็นผู้ฝึกซ้อม และจัดการแข่งขัน ชิงตัวนักแสดงและผู้กำกับนางฟ้าสีแดง