ซาราห์ คเนาส์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ซาราห์ คเนาส์
ซาราห์ คเนาส์ ขณะอายุ 17 ปี ใน ค.ศ. 1897
เกิดซาราห์ เดเรเมอร์ คลาร์ก
24 กันยายน ค.ศ. 1880(1880-09-24)
ฮอลลีวูด เทศมณฑลลูเซิร์น รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐ
เสียชีวิต30 ธันวาคม ค.ศ. 1999 (อายุ 119 ปี 97 วัน)[1]
อัลเลนทาวน์ รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐ
สัญชาติอเมริกัน
มีชื่อเสียงจาก
คู่สมรสอับราฮัม ลินคอล์น คเนาส์ (สมรส 1901; เสียชีวิต 1965)
บุตร1 คน

ซาราห์ เดเรเมอร์ คเนาส์ (อังกฤษ: Sarah DeRemer Knauss) (คำเรียกตามหลังชื่อและนามสกุลของหญิงที่แต่งงานแล้ว คลาร์ก; 24 กันยายน ค.ศ. 1880 – 30 ธันวาคม ค.ศ. 1999) เป็นบุคคลที่มีอายุเกิน 110 ปีชาวอเมริกัน เธอเป็นบุคคลที่มีอายุยืนที่สุดที่เคยมีมาของสหรัฐ และเป็นบุคคลที่มีอายุยืนที่สุดเป็นอันดับสามในเอกสารที่ได้รับการรับรองโดยสมบูรณ์ โดยมีชีวิตอยู่ถึง 119 ปี กับ 97 วัน

ประวัติ[แก้]

ซาราห์ เดเรเมอร์ คเนาส์ เกิดเมื่อวันที่ 24 กันยายน ค.ศ. 1880 โดยเป็นธิดาของวอลเตอร์ และอะมีเลีย คลาร์ก[2] ในฮอลลีวูด เทศมณฑลลูเซิร์น รัฐเพนซิลเวเนีย เธอแต่งงานกับอับราฮัม ลินคอล์น คเนาส์ (มีชีวิตช่วง ค.ศ. 1878–1965) ใน ค.ศ. 1901[3] ซึ่งอับราฮัมเคยเป็นคนฟอกหนัง ต่อมาเขากลายเป็นผู้นำพรรคริพับลิกันที่มีชื่อเสียงในเทศมณฑลลีไฮ รัฐเพนซิลเวเนีย และเป็นพนักงานทะเบียนโฉนดของเทศมณฑลนี้ โดยดำรงตำแหน่งตั้งแต่ ค.ศ. 1937 จนกระทั่งเกษียณอายุใน ค.ศ. 1951 พวกเขามีลูกคนเดียวคือแคทริน ซึ่งเกิดใน ค.ศ. 1903 และเสียชีวิตใน ค.ศ. 2005 เมื่ออายุ 101 ปี ส่วนอับราฮัมสามีของซาราห์เสียชีวิตใน ค.ศ. 1965 เมื่ออายุ 86 ปี[1]

ใน ค.ศ. 1995 คเนาส์ได้รับการตั้งข้อสังเกตว่าเธอมีความสุขกับชีวิตเพราะเธอยังมีสุขภาพที่ดี และสามารถ "ทำสิ่งต่าง ๆ" ได้[1] เมื่ออายุได้ 116 ปี คเนาส์ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ครองสถิติช่วงชีวิตยืนยาวระดับชาติคนใหม่ของสหรัฐ จากนั้นจึงคิดว่าน่าจะเป็นแคร์รี ซี. ไวต์ (ตามรายงานใน ค.ศ. 1874–1991)[1] ครั้นใน ค.ศ. 1998 เธอกลายเป็นบุคคลที่มีอายุยืนที่สุดในโลกหลังจากมารี-หลุยส์ เมเยอร์ ชาวแคนาดาเชื้อสายฝรั่งเศสวัย 117 ปีเสียชีวิต โดยก่อนที่เธอจะเสียชีวิต เธอมีชีวิตอยู่หกชั่วอายุคนในครอบครัวของเธอ[4][5][6]

คเนาส์ครองสถิติในฐานะเป็นบุคคลที่มีเอกสารหลักฐานที่อายุยืนที่สุดจากสหรัฐจนถึงปัจจุบัน[7] และเป็นบุคคลที่มีเอกสารหลักฐานครบถ้วนที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับสาม ด้วยอายุ 119 ปี 97 วัน อับดับสอง คือ คาเนะ ทานากะ ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่นที่มีอายุเกิน 110 ปี ด้วยอายุ 119 ปี 107 และ อันดับหนึ่ง คือ ฌาน กาลม็อง ซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศสที่มีอายุเกิน 110 ปี ด้วยอายุ 122 ปี 164 วัน ซาราห์ คเนาส์ ได้รับการยอมรับว่าเป็นบุคคลที่มีอายุยืนที่สุดในโลกโดยบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน ค.ศ. 1998 จนกระทั่งเธอเสียชีวิตในปีถัดไปด้วยอายุ 119 ปี 97 วัน[1][4][8][9][10][11]

ซาราห์ คเนาส์ เสียชีวิตด้วยสาเหตุตามธรรมชาติเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม ค.ศ. 1999[5] หลังจากอาศัยอยู่ที่ฟีบีโฮมเป็นเวลาเก้าปีสุดท้าย ซึ่งเป็นสังกัดของฮาร์วาร์ด[5] ในอัลเลนทาวน์ รัฐเพนซิลเวเนีย[1] พนักงานของบ้านพักคนชราคนหนึ่งได้เล่าถึงเธอในฐานะ "...คนที่เป็นมิตรที่สุดเท่าที่เธอเคยพบมาในหมู่ผู้อยู่อาศัยในบ้าน"[12] ส่วนชาร์ลี เดนต์ วุฒิสมาชิกของรัฐ ซึ่งเคยเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดปีที่ 115 ของเธอใน ค.ศ. 1995 ได้กล่าวถึงคเนาส์ว่า "เธอ" เป็นผู้หญิงที่ไม่ธรรมดาที่ก้าวข้ามขีดจำกัดของการมีอายุยืนยาวภายนอก นี่เป็นเวลาที่น่าเศร้า แต่เธอมีชีวิตที่มีเหตุการณ์สำคัญอย่างแน่นอน"[5] และพนักงานบ้านพักคนชราฟีบีซึ่งเธออาศัยอยู่ ได้กล่าวว่าเธอมีลักษณะที่สงบ และท่าทางที่อ่อนโยน[13]

การตรวจสอบอายุของเธอ[แก้]

กรณีของซาราห์ คเนาส์ ได้รับการสืบพยานครั้งแรกโดยนักลำดับวงศ์ตระกูลที่ชื่ออีดิธ โรเจอส์ โมเยอร์ สำหรับฟีบีมินิสทรีส์ใน ค.ศ. 1997[14] โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โมเยอร์ได้พบสำมะโนสหรัฐ ค.ศ. 1900 สำหรับคเนาส์ (ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อซาราห์ ดี. คลาร์ก) โดยแสดงอายุของเธอที่ 19 ปี รวมถึงได้บันทึกปีและเดือนเกิดของเธอในเดือนกันยายน ค.ศ. 1880[14] นอกจากนี้ ทะเบียนสมรสวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 1901 ของซาราห์ คเนาส์ ได้แสดงให้เห็นว่าเธอมีอายุ 21 ปี ซึ่งใกล้เคียงกับวันเกิดในเดือนกันยายน ค.ศ. 1880[14] ซาราห์ คเนาส์ ได้รับการลงรายการ (ในชื่อเซดี คเนาส์) ว่ามีอายุ 29 ปีในการสำรวจสำมะโนสหรัฐ ค.ศ. 1910 และ (ในชื่อซาราห์ คเนาส์) มีอายุได้ 49 ปีในสำมะโนสหรัฐ ค.ศ. 1930 (การลงรายการสำมะโนในสหรัฐของเธอใน ค.ศ. 1930 ได้ระบุอายุของเธอในการแต่งงานครั้งแรกคือ 21 ปี ซึ่งตรงกับข้อมูลในบันทึกการแต่งงานของเธอใน ค.ศ. 1901) สิ่งเหล่านี้ยังบอกด้วยว่าวันเกิดของเธอคือในเดือนกันยายน ค.ศ. 1880[14]

การวิจัยในเวลาต่อมาส่งผลให้มีการค้นพบสมุดรายชื่อสำมะโนสหรัฐในเทศมณฑลนอร์แธมป์ตัน รัฐเพนซิลเวเนีย ที่ทำให้เกิดขึ้นโดยโจเซฟ เอช. เวอร์เนอร์ ใน ค.ศ. 1891[2][15] ซึ่งรวมผลการสำรวจสำมะโนสหรัฐ ค.ศ. 1890 สำหรับเทศมณฑลนอร์แธมป์ตัน—รวมทั้งซาราห์ คเนาส์ และครอบครัวของเธอซึ่งอาศัยอยู่ในเซาธ์เบธเลเฮม รัฐเพนซิลเวเนีย (ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเบธเลเฮม รัฐเพนซิลเวเนีย ใน ค.ศ. 1917) สมุดรายนาม ค.ศ. 1891 บันทึกว่าการสำรวจสำมะโนประชากรของสหรัฐใน ค.ศ. 1890 ได้ระบุว่าซาราห์ ดี. คลาร์ก อายุ 10 ปี ซึ่งใกล้เคียงกับวันเกิดในเดือนกันยายน ค.ศ. 1880[a] รายการทั้งหมดของครอบครัวคลาร์กในสมุดรายนาม ค.ศ. 1891 ได้แก่ วอลเตอร์ คลาร์ก วัย 41 ปี, อะมีเลีย ภรรยาวัย 33 ปีของเขา, ชาลส์ เอช. ลูกชายวัย 12 ขวบของพวกเขา ซาราห์ ดี. ลูกสาววัย 10 ขวบของพวกเขา (ซึ่งต่อมาคือซาราห์ คเนาส์) และฟอสเตอร์ อี. ลูกชายวัย 1 ขวบของพวกเขา[15] โดยหลักฐานนี้เสริมความน่าเชื่อถือให้แก่กรณีที่ซาราห์ คเนาส์ เกิดในเดือนกันยายน ค.ศ. 1880

งานวิจัยของโรงเรียนแพทย์ฮาวาร์ด[แก้]

หลังจากการเสียชีวิตของ ซาราห์ คเนาส์ อวัยวะสำคัญของ ซาราห์ คเนาส์ได้รับการบริจาคให้แก่โรงเรียนแพทย์ฮาวาร์ด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาวิจัยเรื่องการชะลอกระบวนการชราภาพ และป้องกันโรคที่ทำให้ร่างกายอ่อนแอ เช่น อัลไซเมอร์ โดย ดร. มาร์จอรี ซิลเวอร์ นักประสาทวิทยาและรองผู้อำนวยการของการศึกษาบุคคลที่มีอายุเกิน 100 ปีแห่งนิวอิงแลนด์ กล่าวว่า นางคเนาส์เป็นบุคคลที่มีอายุมากที่สุดที่เข้ารับการชันสูตรพลิกศพที่ฮาวาร์ด[b] ซาราห์ คเนาส์ ระบุว่าสิ่งนี้เป็นส่วนสนับสนุนที่สำคัญของฮาร์วาร์ด ซึ่งรวมถึงการศึกษาดีเอ็นเอที่สามารถตรวจสอบความเชื่อมโยงระหว่างพันธุกรรมกับการมีอายุยืนยาว

หมายเหตุ[แก้]

  1. การส่งคืนสำมะโนสหรัฐ ค.ศ. 1890 เกือบจะถูกทำลายทั้งหมดจากเหตุไฟไหม้ใน ค.ศ. 1921 ที่กระทรวงพาณิชย์ แต่สมุดรายนามสำมะโนสหรัฐ ค.ศ. 1891 ของผลการสำรวจสำมะโนสหรัฐ ค.ศ. 1890 สำหรับเทศมณฑลนอร์แธมป์ตัน รัฐเพนซิลเวเนีย อยู่รอดมาได้
  2. ฌาน กาลม็อง บุคคลที่มีอายุยืนที่สุดเท่าที่เคยมีมา แต่ไม่ได้มอบอวัยวะของเธอแก่วงการวิทยาศาสตร์

อ้างอิง[แก้]

  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 Merrill, Gary F. (February 3, 2015). Our Aging Bodies. New Brunswick, New Jersey: Rutgers University Press. ISBN 9780813575261. สืบค้นเมื่อ December 7, 2015.
  2. 2.0 2.1 "South Bethlehem 1890 Census". bethlehempaonline. สืบค้นเมื่อ February 22, 2020.
  3. D., Ron (มกราคม 1, 2000). "Sarah's Century". The Morning Call. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ สิงหาคม 24, 2018. สืบค้นเมื่อ เมษายน 17, 2017.
  4. 4.0 4.1 "World's Oldest Person Misses Millennium". CNN via WebCite. สืบค้นเมื่อ March 23, 2008.
  5. 5.0 5.1 5.2 5.3 Devlin, Ron (December 31, 1999). "Sarah Knauss, Oldest Person, Dies at 119". The Morning Call. สืบค้นเมื่อ February 18, 2013 – โดยทาง Genealogy.com.
  6. Frassinelli, Mike (September 25, 1999). "Mrs. Sarah Knauss, the World's Oldest Person, Turns 119". The Morning Call. สืบค้นเมื่อ January 23, 2019 – โดยทาง GRG.org.
  7. Newton, Christopher (December 31, 1999). "Sarah Knauss, World's Oldest Person, Dies at 119". Athens Banner-Herald. Online Athens. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-10-05. สืบค้นเมื่อ October 25, 2014.
  8. "Nothing Fazes Oldest Woman". Associated Press. April 19, 1998. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ May 16, 2011. สืบค้นเมื่อ December 9, 2007.
  9. "World's Oldest Person Dies. She is the Oldest Verified American in History". The Guardian. London, England. January 1, 2000. สืบค้นเมื่อ December 9, 2007.
  10. "Sarah Knauss, World's Oldest Person Dies at 119". The Nevada Daily Mail. Harrisburg, Pennsylvania. Associated Press. December 31, 1999. สืบค้นเมื่อ December 5, 2015.
  11. Harris, Timothy (2009). Living to 100 and Beyond. Winsted, CT: ACTEX Publications. p. 85. ISBN 978-1566986991. สืบค้นเมื่อ December 6, 2015.
  12. Maier, Heiner; Gampe, Jutta; Jeune, Bernard; Robine, Jean-Marie; Vaupel, James W. (2010). Supercentenarians. Berlin: Springer. p. 298. ISBN 9783642115196.
  13. Ron Devlin (February 22, 2000). "Harvard Study Includes the Late Sarah Knauss Goal of Organ Research to Unlock Secrets of People Who Live Long Lives". The Morning Call. สืบค้นเมื่อ June 21, 2021.
  14. 14.0 14.1 14.2 14.3 Demographics .pdf Download format; retrieved April 2021
  15. 15.0 15.1 "South Bethlehem, PA A – C". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ September 7, 2008. สืบค้นเมื่อ April 1, 2020.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]