ความฉลาดทางการเงิน (ธุรกิจ)

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ความฉลาดทางการเงิน เป็นประเภทของระบบธุรกิจอัจฉริยะที่ประกอบด้วยความรู้และทักษะที่ได้รับจากการทำความเข้าใจหลักการทางการเงินและการบัญชีในโลกธุรกิจและการทำความเข้าใจวิธีการใช้เงิน แม้ว่าจะเป็นศัพท์ใหม่ แต่ความฉลาดทางการเงินมีรากฐานในการวิจัยการพัฒนาองค์กร[1] ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในการมีส่วนร่วมของพนักงาน[2] ความฉลาดทางการเงินกลายเป็นแนวปฏิบัติที่ดีและสมรรถนะหลักในหลาย ๆ องค์กรที่นำไปสู่ผลลัพธ์ทางการเงินที่ดีขึ้น, การเพิ่มขวัญกำลังใจของพนักงาน และการลดการหมุนเวียนพนักงาน หลายองค์กรรวมถึงโปรแกรมความฉลาดทางการเงินในหลักสูตรการพัฒนาความเป็นผู้นำ ความฉลาดทางการเงินไม่ใช่ทักษะโดยธรรมชาติ แต่ค่อนข้างเป็นชุดของทักษะการเรียนรู้ที่สามารถพัฒนาได้ในทุกระดับ[3]

สาขาวิชาของความเข้าใจ[แก้]

ความเข้าใจทั้งสี่ด้าน[3] ที่ประกอบกันเป็นอัจฉริยะทางการเงิน คือ:

เข้าใจรากฐาน ความฉลาดทางการเงินต้องมีความเข้าใจพื้นฐานของการวัดทางการเงินรวมถึงงบกำไรขาดทุน, งบดุล และงบกระแสเงินสด นอกจากนี้ยังต้องทราบความแตกต่างระหว่างเงินสด และกำไร ตลอดจนทำไมงบดุลจึงทำให้เท่ากัน

เข้าใจศิลปะ การเงินและการบัญชีเป็นศิลปะเช่นเดียวกับวิทยาศาสตร์ ทั้งสองสาขาวิชาต้องพยายามหาปริมาณสิ่งที่ไม่สามารถหาปริมาณได้เสมอ ดังนั้นจึงต้องอาศัยกฎการประมาณและข้อสมมติฐาน ความฉลาดทางการเงินสร้างความมั่นใจให้ผู้คนสามารถแยกแยะได้ว่ามีการนำศิลปะด้านการเงินมาใช้กับตัวเลขใดบ้าง รวมถึงรู้วิธีการปรับใช้ต่างกันอย่างไรโดยอาจนำไปสู่ข้อสรุปที่แตกต่างกัน

เข้าใจการวิเคราะห์ ข้อมูลทางการเงินรวมถึงความสามารถในการวิเคราะห์ตัวเลขในเชิงลึก ซึ่งรวมถึงความสามารถในการคำนวณผลกำไร, พลังทวี, สภาพคล่อง และความสามารถในการดำเนินงาน ตลอดจนทำความเข้าใจความหมายของผลลัพธ์ การดำเนินการวิเคราะห์ผลตอบแทนจากการลงทุนและการตีความผลลัพธ์เป็นส่วนหนึ่งของความฉลาดทางการเงิน

เข้าใจภาพรวมขนาดใหญ่ ความฉลาดทางการเงินยังหมายถึงความสามารถในการเข้าใจผลลัพธ์ทางการเงินของธุรกิจในบริบท - นั่นคือภายในกรอบของภาพรวม ปัจจัยต่าง ๆ เช่น เศรษฐกิจ, สภาพแวดล้อมการแข่งขัน, กฎระเบียบ และการเปลี่ยนแปลงความต้องการตลอดจนความคาดหวังของลูกค้า รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ ล้วนมีผลต่อการตีความตัวเลข

ความฉลาดทางการเงินไม่ได้เป็นเพียงการเรียนรู้ทางทฤษฎีเท่านั้น นอกจากนี้ยังต้องมีการฝึกฝนและใช้ให้เป็นประโยชน์ในโลกแห่งความจริง ในโลกบรรษัท ผู้จัดการสามารถแสดงข้อมูลทางการเงินโดยการพูดภาษา นั่นคือ การถามคำถามเกี่ยวกับตัวเลขเมื่อบางสิ่งไม่สมเหตุสมผล, ตรวจสอบรายงานทางการเงินรวมทั้งการใช้ข้อมูลเพื่อทำความเข้าใจจุดแข็งและจุดอ่อนของบริษัท, การใช้การวิเคราะห์ผลตอบแทนจากการลงทุน, การจัดการเงินทุนหมุนเวียน และการวิเคราะห์อัตราส่วนเพื่อการตัดสินใจ ตลอดจนระบุตำแหน่งที่นำศิลปะทางการเงินมาใช้ประโยชน์ได้

อ้างอิง[แก้]

  1. Lawler, E.E. III (1985). "Education, Management Style, and Organizational Effectiveness". Personnel Psychology. 38 (1): 1–26. doi:10.1111/j.1744-6570.1985.tb00538.x.
  2. Lawler, E.E. III (1986). High Involvement Management. Jossey-Bass:San Francisco.
  3. 3.0 3.1 Berman, K., Knight, J., Case, J., (2006). Financial Intelligence: A Managers Guide to Knowing What the Numbers Really Mean. Massachusetts: Harvard Business School Press.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]