ข้ามไปเนื้อหา

ผลต่างระหว่างรุ่นของ "จอห์น ฟอน นอยมันน์"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Kinkku Ananas (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
Kinkku Ananas (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขขั้นสูงด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 3: บรรทัด 3:
'''จอห์น ฟอน นอยมันน์''' ({{lang-en|John von Neumann}}; {{lang-hu|Neumann János Lajos}}; 28 ธันวาคม 1903 - 8 กุมภาพันธ์ 1957) เป็นนักคณิตศาสตร์[[ชาวอเมริกันเชื้อสายฮังการี]] มีผลงานสำคัญในหลายสาขา ทั้ง [[คณิตศาสตร์]]สาขาต่างๆ [[ควอนตัมฟิสิกส์]] [[ทฤษฎีเกม]] [[วิทยาการคอมพิวเตอร์]] และ[[สถิติศาสตร์]]
'''จอห์น ฟอน นอยมันน์''' ({{lang-en|John von Neumann}}; {{lang-hu|Neumann János Lajos}}; 28 ธันวาคม 1903 - 8 กุมภาพันธ์ 1957) เป็นนักคณิตศาสตร์[[ชาวอเมริกันเชื้อสายฮังการี]] มีผลงานสำคัญในหลายสาขา ทั้ง [[คณิตศาสตร์]]สาขาต่างๆ [[ควอนตัมฟิสิกส์]] [[ทฤษฎีเกม]] [[วิทยาการคอมพิวเตอร์]] และ[[สถิติศาสตร์]]


== พื้นฐานครอบครัวและชีวิตช่วงแรก ==
== ประวัติ ==
ฟอน นอยมันน์ เกิดที่เมือง[[บูดาเปสต์]] ซึ่งในขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของ[[จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี]] เขาเป็นบุตรชายคนโตในพี่น้องสามคน ชื่อเดิมของฟอน นอยมันน์ในภาษาฮังการีคือนอยมันน์ ยาโนช ลาโยช ({{lang|hu|Neumann János Lajos}}) บิดาคือ Neumann Miksa (Max Neumann) เป็นนักการธนาคาร และ มารดาคือ Kann Margit (Margaret Kann) นอยมันน์มีชื่อเล่น ว่า "Jancsi" เขาเติบโตมาในครอบครัวชาว[[ยิว]]ที่ไม่เคร่งครัด และได้แสดงถึงความจำที่เป็นเลิศ มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก โดยสามารถทำการหารเลข 8 หลักในใจได้ตอนอายุ 6 ปี. ในปี [[ค.ศ. 1911]] ก็เข้าเรียนที่ Lutheran Gymnasium (ในประเทศเยอรมนี, gymnasium หมายถึง โรงเรียนมัธยมปลาย) พอปี [[ค.ศ. 1913]] เนื่องจากคุณพ่อของเขาได้รับตำแหน่ง (ยศ) เขาจึงได้รับชื่อใน[[ภาษาเยอรมัน]] von จึงใช้ชื่อเต็มเป็น János von Neumann
จอห์น ฟอน นอยมันน์ เกิดวันที่ 28 ธันวาคม ค.ศ. 1903 ที่เมือง[[บูดาเปสต์]] [[ประเทศฮังการี|ฮังการี]] ซึ่งในขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของ[[จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี]] เขามีชื่อตอนเกิดใน[[ภาษาฮังการี]]ว่า นอยมันน์ ยาโนช ลาโยช ({{lang|hu|Neumann János Lajos}}; ตามธรรมเนียมฮังการีจะเรียงนามสกุลขึ้นก่อน) ครอบครัวของฟอน นอยมันน์เป็น[[ชาวยิว]]ที่ไม่เคร่งครัดศาสนาและมีฐานะทางเศรษฐกิจดี{{r|Israel Millan|page1=1}} บิดาของเขาชื่อ นอยมันน์ มิคชา ({{lang|hu|Neumann Miksa}}) จบการศึกษาด้านกฎหมายและทำงานเป็นนายธนาคาร มารดาของเขาชื่อคันน์ มาร์กิท ({{lang|hu|Kann Margit}}) มาจากครอบครัวที่ทำธุรกิจค้าขายอุปกรณ์การเกษตร เขามีน้องชายสองคนชื่อ มีฮาย ({{lang|hu|Mihály}}) และมีโคลช ({{lang|hu|Miklós}}){{r|Israel Millan|page1=2}} ในปี 1913 บิดาของจอห์นได้รับฐานันดรศักดิ์จาก[[จักรพรรดิฟรันทซ์ โยเซ็ฟที่ 1 แห่งออสเตรีย|จักรพรรดิฟรันทซ์ โยเซ็ฟ]] ทำให้ครอบครัวสามารถใช้ชื่อยศเพิ่มว่า มาร์กิททาย ({{lang|hu|Margittai}} แปลว่า "แห่งเมืองมาร์กิททา") และเป็นที่มาของการเติมยศ "ฟอน" ในชื่อฉบับภาษาเยอรมันของครอบครัว{{r|Israel Millan|page1=2}}


ฟอน นอยมันน์ได้รับการศึกษาจากครูส่วนตัวจนถึงอายุสิบปี หลังจากนั้นเขาได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนมัธยมนิกายลูเทอรันซึ่งเป็นโรงเรียนชั้นนำในบูดาเปสต์ ฟอน นอยมันน์แสดงความอัจฉริยะตั้งแต่วัยเด็ก โดยได้ศึกษาคณิตศาสตร์แคลคูลัสตั้งแต่อายุแปดปี{{r|Halmos}} ลาสโล ราทซ์ อาจารย์คณิตศาสตร์ที่โรงเรียนมัธยม ได้สังเกตความสามารถทางคณิตศาสตร์ของฟอน นอยมันน์ในช่วงสองสามเดือนแรกที่เขาเข้าเรียน และแนะนำให้ครอบครัวจ้างครูส่วนตัวมาสอนคณิตศาสตร์ขั้นสูงให้กับเขา{{r|Israel Millan|page1=3}}
== ผลงาน ==
เขาเรียนจบปริญญาเอกสาขาคณิตศาสตร์ จาก [[มหาวิทยาลัยบูดาเปส]] ประเทศฮังการี ตอนอายุ 23 ปี


เมื่อฟอน นอยมันน์อายุได้ 17 ปี พ่อของเขาไม่ต้องการให้เขาศึกษาต่อด้านคณิตศาสตร์ ทำให้ฟอน นอยมันน์เลือกศึกษา[[วิชาเคมี]]ที่[[มหาวิทยาลัยฮุมบ็อลท์แห่งเบอร์ลิน|มหาวิทยาลัยเบอร์ลิน]] ในปี 1926 ฟอน นอยมันน์ในวัย 23 ปีได้รับปริญญาบัตรด้านวิศวกรรมเคมีจาก[[สถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธ์สวิสในซูริก]] และยังได้รับปริญญาเอกสาขาคณิตศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบูดาเปสต์ในปีเดียวกัน{{r|Halmos}}

== ผลงาน ==
ระหว่างปี [[ค.ศ. 1926]] ถึง [[ค.ศ. 1930|1930]] เขาทำงานเป็น "อาจารย์อิสระ" ("Privatdozent" เป็นตำแหน่งในระบบมหาวิทยาลัยยุโรป สำหรับผู้ที่ต้องการจะเป็นศาสตราจารย์มหาวิทยาลัย ตำแหน่งนี้ไม่มีเงินเดือนประจำ) โดยในขณะนั้นเขาเป็นอาจารย์อิสระที่อายุน้อยที่สุด[[มหาวิทยาลัยเบอร์ลิน]] [[ประเทศเยอรมนี]]
ระหว่างปี [[ค.ศ. 1926]] ถึง [[ค.ศ. 1930|1930]] เขาทำงานเป็น "อาจารย์อิสระ" ("Privatdozent" เป็นตำแหน่งในระบบมหาวิทยาลัยยุโรป สำหรับผู้ที่ต้องการจะเป็นศาสตราจารย์มหาวิทยาลัย ตำแหน่งนี้ไม่มีเงินเดือนประจำ) โดยในขณะนั้นเขาเป็นอาจารย์อิสระที่อายุน้อยที่สุด[[มหาวิทยาลัยเบอร์ลิน]] [[ประเทศเยอรมนี]]


บรรทัด 28: บรรทัด 30:


จาก [http://fens.sabanciuniv.edu/msie/operations_research_50_years/anniversary/or50/1526-5463-2002-50-01-0042.pdf การโปรแกรมเชิงเส้น] ที่เขียนโดย George B. Dantzig ซึ่งเป็นผู้ที่คิดค้น simplex method ที่ใช้แก้ปัญหาการโปรแกรมเชิงเส้น เขาได้เขียนถึงนอยมันน์ จากประสบการณ์ที่ได้ไปพบและขอคำแนะนำจากนอยมันน์ และยังได้สะท้อนถึงบุคลิกของนอยมันน์ และได้เล่าถึงตอนที่นอยมันน์ได้ช่วยเหลือ โดยการตอบคำถามของ Hotelling (ผู้คิดค้น [[Principal components analysis]]) ระหว่างการนำเสนอผลงานการโปรแกรมเชิงเส้นของเขา
จาก [http://fens.sabanciuniv.edu/msie/operations_research_50_years/anniversary/or50/1526-5463-2002-50-01-0042.pdf การโปรแกรมเชิงเส้น] ที่เขียนโดย George B. Dantzig ซึ่งเป็นผู้ที่คิดค้น simplex method ที่ใช้แก้ปัญหาการโปรแกรมเชิงเส้น เขาได้เขียนถึงนอยมันน์ จากประสบการณ์ที่ได้ไปพบและขอคำแนะนำจากนอยมันน์ และยังได้สะท้อนถึงบุคลิกของนอยมันน์ และได้เล่าถึงตอนที่นอยมันน์ได้ช่วยเหลือ โดยการตอบคำถามของ Hotelling (ผู้คิดค้น [[Principal components analysis]]) ระหว่างการนำเสนอผลงานการโปรแกรมเชิงเส้นของเขา

== อ้างอิง ==
{{รายการอ้างอิง|refs=
<ref name="Israel Millan">{{cite book |last1=Israel |first1=Giorgio |last2=Millán Gasca |first2=Ana |date=2009 |title=The world as a mathematical game: John von Neumann and twentieth century science |location=Basel |publisher=Birkhäuser |isbn=978-3-7643-9895-8 |doi=10.1007/978-3-7643-9896-5}}</ref>
<ref name="Halmos">{{cite journal |last1=Halmos |first1=Paul R. |date=1973 |title=The legend of John Von Neumann |journal=American Mathematical Monthly |volume=80 |issue=4 |pages=382-394 |doi=10.2307/2319080}}</ref>
}}


{{birth|1903}}{{death|1957}}
{{birth|1903}}{{death|1957}}

รุ่นแก้ไขเมื่อ 02:34, 3 สิงหาคม 2562

จอห์น ฟอน นอยมันน์ ในช่วงปี ค.ศ. 1940

จอห์น ฟอน นอยมันน์ (อังกฤษ: John von Neumann; ฮังการี: Neumann János Lajos; 28 ธันวาคม 1903 - 8 กุมภาพันธ์ 1957) เป็นนักคณิตศาสตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายฮังการี มีผลงานสำคัญในหลายสาขา ทั้ง คณิตศาสตร์สาขาต่างๆ ควอนตัมฟิสิกส์ ทฤษฎีเกม วิทยาการคอมพิวเตอร์ และสถิติศาสตร์

พื้นฐานครอบครัวและชีวิตช่วงแรก

จอห์น ฟอน นอยมันน์ เกิดวันที่ 28 ธันวาคม ค.ศ. 1903 ที่เมืองบูดาเปสต์ ฮังการี ซึ่งในขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี เขามีชื่อตอนเกิดในภาษาฮังการีว่า นอยมันน์ ยาโนช ลาโยช (Neumann János Lajos; ตามธรรมเนียมฮังการีจะเรียงนามสกุลขึ้นก่อน) ครอบครัวของฟอน นอยมันน์เป็นชาวยิวที่ไม่เคร่งครัดศาสนาและมีฐานะทางเศรษฐกิจดี[1]: 1  บิดาของเขาชื่อ นอยมันน์ มิคชา (Neumann Miksa) จบการศึกษาด้านกฎหมายและทำงานเป็นนายธนาคาร มารดาของเขาชื่อคันน์ มาร์กิท (Kann Margit) มาจากครอบครัวที่ทำธุรกิจค้าขายอุปกรณ์การเกษตร เขามีน้องชายสองคนชื่อ มีฮาย (Mihály) และมีโคลช (Miklós)[1]: 2  ในปี 1913 บิดาของจอห์นได้รับฐานันดรศักดิ์จากจักรพรรดิฟรันทซ์ โยเซ็ฟ ทำให้ครอบครัวสามารถใช้ชื่อยศเพิ่มว่า มาร์กิททาย (Margittai แปลว่า "แห่งเมืองมาร์กิททา") และเป็นที่มาของการเติมยศ "ฟอน" ในชื่อฉบับภาษาเยอรมันของครอบครัว[1]: 2 

ฟอน นอยมันน์ได้รับการศึกษาจากครูส่วนตัวจนถึงอายุสิบปี หลังจากนั้นเขาได้เข้าศึกษาที่โรงเรียนมัธยมนิกายลูเทอรันซึ่งเป็นโรงเรียนชั้นนำในบูดาเปสต์ ฟอน นอยมันน์แสดงความอัจฉริยะตั้งแต่วัยเด็ก โดยได้ศึกษาคณิตศาสตร์แคลคูลัสตั้งแต่อายุแปดปี[2] ลาสโล ราทซ์ อาจารย์คณิตศาสตร์ที่โรงเรียนมัธยม ได้สังเกตความสามารถทางคณิตศาสตร์ของฟอน นอยมันน์ในช่วงสองสามเดือนแรกที่เขาเข้าเรียน และแนะนำให้ครอบครัวจ้างครูส่วนตัวมาสอนคณิตศาสตร์ขั้นสูงให้กับเขา[1]: 3 

เมื่อฟอน นอยมันน์อายุได้ 17 ปี พ่อของเขาไม่ต้องการให้เขาศึกษาต่อด้านคณิตศาสตร์ ทำให้ฟอน นอยมันน์เลือกศึกษาวิชาเคมีที่มหาวิทยาลัยเบอร์ลิน ในปี 1926 ฟอน นอยมันน์ในวัย 23 ปีได้รับปริญญาบัตรด้านวิศวกรรมเคมีจากสถาบันเทคโนโลยีแห่งสหพันธ์สวิสในซูริก และยังได้รับปริญญาเอกสาขาคณิตศาสตร์จากมหาวิทยาลัยบูดาเปสต์ในปีเดียวกัน[2]

ผลงาน

ระหว่างปี ค.ศ. 1926 ถึง 1930 เขาทำงานเป็น "อาจารย์อิสระ" ("Privatdozent" เป็นตำแหน่งในระบบมหาวิทยาลัยยุโรป สำหรับผู้ที่ต้องการจะเป็นศาสตราจารย์มหาวิทยาลัย ตำแหน่งนี้ไม่มีเงินเดือนประจำ) โดยในขณะนั้นเขาเป็นอาจารย์อิสระที่อายุน้อยที่สุดมหาวิทยาลัยเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี

ในปี ค.ศ. 1930 นอยมันน์ได้รับเชิญให้ไปยังเมืองพรินซ์ตัน, รัฐนิวเจอร์ซีย์ และได้เป็นหนึ่งในหกบุคคล (J. W. Alexander, อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์, Marston Morse, Oswald Veblen, จอห์น ฟอน นอยมันน์ และ Hermann Weyl) ที่ถูกคัดเลือกเพื่อเป็นอาจารย์ประจำชุดแรกของ Institute for Advanced Study เขาเป็นศาสตราจารย์คณิตศาสตร์ที่นั่น ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งสาขาวิชาในปี ค.ศ. 1933 จนกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตเขา

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง นอยมันน์ได้มีส่วนร่วมใน โครงการแมนฮัตตัน (Manhattan Project) ซึ่งเป็นโครงการสร้างระเบิดปรมาณู

ช่วง ค.ศ. 1936 จนถึง 1938 แอลัน ทัวริง ได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนไปที่สถาบัน และเรียนจบปริญญาเอก โดยมีนอยมันน์เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา การไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนครั้งนี้ของทัวริง เกิดขึ้นหลักจากที่เขาได้ดีพิมพ์บทความวิชาการ "On Computable Numbers with an Application to the Entscheidungs-problem" ในปี ค.ศ. 1934 ได้ไม่นาน. งานตีพิมพ์นี้ เกี่ยวข้องกับ หลักการของ logical design และ universal machine. ถึงแม้จะเป็นที่แน่ชัดว่า นอยแมนรู้ถึงแนวความคิดของทัวริง แต่ก็ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เขาได้ใช้หลักการของทัวริง ในการออกแบบเครื่อง IAS ที่ถูกสร้างในเวลา 10 ปีต่อมา

นอยมันน์นั้น ได้รับการขนานนามว่าเป็น บิดาของทฤษฎีเกม (game theory). เขาได้ตีพิมพ์หนังสือ Theory of Games and Economic Behavior โดยร่วมเขียนกับ Oskar Morgenstern ในปี ค.ศ. 1944 เขาได้คิดหลักการ "MAD" (mutually assured destruction) ซึ่งเทียบเท่าสำนวนจีนว่า "หยกกระเบื้องล้วนแหลกราญ" หรืออาจแปลไทยได้เป็น "รับรองได้ว่าเจ๊งไปด้วยกันทั้งคู่แน่" ซึ่งเป็นหลักการซึ่งใช้เป็นหลักสำคัญ ในการวางแผนกลยุทธ์ทางด้านอาวุธนิวเคลียร์ของอเมริกา ในช่วงสงครามเย็น

นอยมันน์เป็นคนคิด สถาปัตยกรรมแบบ ฟอน นอยมันน์ ซึ่งใช้กันในคอมพิวเตอร์ (แบบที่ไม่ได้ประมวลผลแบบขนาน) ส่วนใหญ่ พูดได้ว่า คอมพิวเตอร์เกือบทั้งหมดในโลกนี้ เป็นเครื่องจักรแบบ ฟอน นอยมันน์ เขาเป็นผู้ริเริ่มสาขา cellular automata และได้สร้างตัวอย่างชุดแรกของ self-replicating automata โดยใช้แค่กระดาษกราฟ กับ ดินสอธรรมดาๆ (ไม่มีคอมพิวเตอร์ช่วยเลย) คำว่า เครื่องจักรแบบ ฟอน นอยมันน์ ยังหมายความถึง เครื่องจักรที่สร้างตนเองซ้ำได้ (self-replicating machine)

นอยมันน์ได้พิสูจน์ว่า การใช้เครื่องจักรที่สร้างตนเองซ้ำได้ เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุด ในการทำเหมืองขนาดใหญ่มากๆ อย่างการทำเหมืองบนดวงจันทร์ หรือ แถบดาวเคราะห์น้อย เนื่องจากกลไกแบบนี้จะมีการเติบโตเป็นแบบเลขชี้กำลัง

ชีวิตส่วนตัว

นอยมันน์นับเป็นบุคคลที่ฉลาดล้ำลึก และความจำที่เป็นเลิศเกือบจะเรียกได้ว่า จำได้ทุกอย่าง ในระดับรายละเอียดเลยก็ว่าได้ เขาเป็นคนชอบออกสังคมไม่เก็บตัว ชอบดื่มเหล้า เต้นรำและการเริงรมย์ เป็นคนสนุกสนาน และขบขัน เสียชีวิตที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

จาก การโปรแกรมเชิงเส้น ที่เขียนโดย George B. Dantzig ซึ่งเป็นผู้ที่คิดค้น simplex method ที่ใช้แก้ปัญหาการโปรแกรมเชิงเส้น เขาได้เขียนถึงนอยมันน์ จากประสบการณ์ที่ได้ไปพบและขอคำแนะนำจากนอยมันน์ และยังได้สะท้อนถึงบุคลิกของนอยมันน์ และได้เล่าถึงตอนที่นอยมันน์ได้ช่วยเหลือ โดยการตอบคำถามของ Hotelling (ผู้คิดค้น Principal components analysis) ระหว่างการนำเสนอผลงานการโปรแกรมเชิงเส้นของเขา

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 Israel, Giorgio; Millán Gasca, Ana (2009). The world as a mathematical game: John von Neumann and twentieth century science. Basel: Birkhäuser. doi:10.1007/978-3-7643-9896-5. ISBN 978-3-7643-9895-8.
  2. 2.0 2.1 Halmos, Paul R. (1973). "The legend of John Von Neumann". American Mathematical Monthly. 80 (4): 382–394. doi:10.2307/2319080.