เรื่องอื้อฉาวของเริห์ม

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
แอ็นสท์ เริห์ม ใน ค.ศ. 1924

เรื่องอื้อฉาวของเริห์ม เป็นผลจากการเปิดเผยต่อสาธารณะเกี่ยวกับพฤติกรรมรักร่วมเพศของแอ็นสท์ เริห์ม โดยฝ่ายต่อต้านนาซี ใน ค.ศ. 1931 และ ค.ศ. 1932 ผลจากเรื้องอื้อฉาวดังกล่าว เริห์มจึงกลายเป็นที่รู้จักในฐานะนักการเมืองรักร่วมเพศคนแรก

เริห์มเป็นสมาชิกตอนต้นของพรรคนาซีและมีความใกล้ชิดกับอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ผู้นำพรรค ในช่วงปลายทศวรรษ ค.ศ. 1920 เขาอาศัยอยู่ในโบลิเวียซึ่งเขาได้เขียนจดหมายถึงเพื่อนคนหนึ่งที่ชื่อ คาร์ล-กึนเธอร์ ไฮร์มโซธ ซึ่งเขาได้เขียนกล่าวถึงรสนิยมทางเพศของเขาอย่างตรงไปตรงมา ชีวิตคู่ของเริห์มได้เริ่มพังทลายลง เมื่อเขาเดินทางกลับเยอรมนีใน ค.ศ. 1930 และได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้นำชตวร์มอัพไทลุง(เอ็สอา) ซึ่งเป็นฝ่ายกองกำลังกึ่งทหารดั้งเดิมของพรรคนาซี แม้ว่าพรรคสังคมประชาธิปไตยเยอรมนี(เอ็สเพเด) และพรรคคอมมิวนิสต์เยอรมนีได้ให้การสนับสนุนการยกเลิกมาตรา 175 กฏหมายเยอรมันที่กำหนดให้การรักร่วมเพศเป็นความผิดทางอาญา ทั้งสองพรรคได้ใช้ความเกลียด/กลัวพวกรักร่วมเพศเพื่อโจมตีฝ่ายปรปักษ์ของนาซีและใส่ร้ายป้ายสีว่าพรรคนาซีได้ถูกครอบงำโดยพวกรักร่วมเพศ เป้าหมายของพวกเขาคือการป้องกันหรือชะลอการยึดอำนาจของนาซี ซึ่งในที่สุดก็เกิดขึ้นในช่วงต้นปี ค.ศ. 1933

เริ่มต้นในเดือนเมษายน ค.ศ. 1931 หนังสือพิมพ์ประจำพรรคเอ็สเพเด มึนเชเนอร์ โพสต์ ได้ตีพิมพ์ข่าวหน้าหนึ่งเกี่ยวกับการกล่าวหาถึงพฤติกรรมรักร่วมเพศในเอ็สอา ซึ่งกลายเป็นว่ามีพื้นเพมาจากการปลอมแปลง ผู้นำพรรคเอ็สเพเดตั้งใจที่จะตามหาหลักฐานที่แท้จริงเกี่ยวกับเพศวิถีของเริหม์ และหากเป็นไปได้ ให้ลงโทษเขาภายใต้มาตรา 175 เริหม์ถูกขึ้นศาลถึงห้าครั้ง แต่ไม่เคยถูกตัดสินว่ามีความผิด ในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีเยอรมันในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1932 พรรคเอ็สเพเดได้เผยแพร่จุลสารที่ถูกแก้ไขโดยอดีตนาซีที่ชื่อว่า เฮลมุท โคลตซ์[de] พร้อมด้วยจดหมายของเริหม์ที่เขียนถึงไฮร์มโซธ การเปิดเผยรอบที่สองได้ทำให้นาซีบางคนวางแผนลอบสังหารเริหม์ ซึ่งล้มเหลวและส่งผลให้เกิดแรงกดดันเชิงลบเพิ่มเติมต่อพรรค

เรื่องอื้อฉาวได้รับความสนใจระดับชาติอันเป็นผลมาจากโคลตซ์ถูกทำร้ายโดยสมาชิกผู้แทนสภาฝ่ายนาซีในอาคารไรชส์ทาค เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ค.ศ. 1932 เพื่อเป็นการแก้แค้นที่เขาตีพิมพ์จดหมายของเริห์ม ชาวเยอรมันจำนวนมากต่างมองว่าการโจมตีประชาธิปไตยนั้นสำคัญกว่าชีวิตส่วนตัวของเริห์ม ผลการเลือกตั้งของนาซีไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องอื้อฉาวดังกล่าว แต่ส่งผลต่อความสามารถของพวกเขาในการนำเสนอตัวเองว่าเป็นพรรคการเมืองแห่งการฟื้นฟูศีลธรรม ฮิตเลอร์ต้องคอยปกป้องเริห์มในช่วงเรื่องอื้อฉา่ว ฝ่ายหลังต้องพึ่งพาฮิตเลอร์โดยสิ้นเชิง เนื่องจากได้สูญเสียแรงสนับสนุนในพรรคนาซี ฮิตเลอร์ได้สังหารเริห์มและพรรคพวกของเขาใน ค.ศ. 1934 โดยกล่าวอ้างว่า เขาเป็นพวกรักร่วมเพศและกล่าวหาว่าเป็นคนทรยศ ภายหลังจากการกวาดล้าง รัฐบาลนาซีได้ทำการกดขี่ข่มเหงกลุ่มรักร่วมเพศอย่างเป็นระบบ