สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ซิตีในฤดูกาล 2008–09
| ฤดูกาล 2008–09 | ||||
|---|---|---|---|---|
| ประธานสโมสร |
| |||
| เจ้าของ | อาบูดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป | |||
| ผู้จัดการทีม | มาร์ก ฮิวส์ | |||
| กัปตันทีม | ริชาร์ด ดันน์ | |||
| พรีเมียร์ลีก | อันดับที่ 10 | |||
| ผู้ทำประตูสูงสุด | ลีก: โรบินยู (14) ทั้งหมด: โรบินยู (15) | |||
| ผู้เข้าชมในบ้านสูงสุด | 47,331 vs เชลซี 13 กันยายน ค.ศ. 2008 | |||
| ผู้เข้าชมในบ้านเฉลี่ย | 42,000 คน | |||
| ||||
| ||||
ฤดูกาล 2008–09 เป็นฤดูกาลที่ 7 ติดต่อกันของแมนเชสเตอร์ซิตีที่เล่นในพรีเมียร์ลีก ลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ และเป็นฤดูกาลที่ 12 นับตั้งแต่ก่อตั้งพรีเมียร์ลีก โดยรวมแล้วเป็นฤดูกาลที่ 117 ของทีมที่เล่นในฟุตบอลลีกอังกฤษ
การเปลี่ยนเจ้าของ[แก้]
สโมสรเริ่มต้นฤดูกาลภายใต้กรรมสิทธิ์ส่วนตัวของ UK Sports Investment Limited ซึ่งเป็นบริษัทที่ควบคุมโดยอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร แต่มีการประกาศในเช้าวันจันทร์ที่ 1 กันยายน ค.ศ. 2008 (วันสุดท้ายของตลาดซื้อขายช่วงฤดูร้อน) ว่าอาบูดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ปได้เสร็จสิ้นการครอบครองแมนเชสเตอร์ซิตีในข้อตกลงมูลค่า 200 ล้านปอนด์ตามรายงาน การซื้อขายครั้งนี้ทำให้ชีคมานซูร์ บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน เป็นเจ้าของคนใหม่ของสโมสร และทำให้สโมสรกลายเป็นสโมสรที่ร่ำรวยที่สุดในโลกในเวลานั้น โดยเริ่มแรกให้ดร. สุไลมาน อัล ฟาฮิม ซึ่งเป็นสมาชิกคณะกรรมการของอาบูดาบี ยูไนเต็ด กรุ๊ป เป็นประธานในการลงนามในข้อตกลงที่โรงแรมเอมิเรตส์พาเลซ โดยเชื่อว่าเขาอาจกลายเป็นเจ้าของและประธานสโมสรคนใหม่ อย่างไรก็ตาม ก่อนการครอบครองจะเสร็จสิ้น มีการระบุอย่างชัดเจนว่าอัล ฟาฮิม จะไม่เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้ โดยคัลดูน อัล มูบารัค ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานคนใหม่ของสโมสรแทนทักษิณ[1]
การครอบครองสโมสรในช่วง "วันเดดไลน์" ถูกขยายออกไปอีกก่อนที่ตลาดซื้อขายช่วงฤดูร้อนจะปิดลง โดยมีข่าวว่าสโมสรเอาชนะเชลซีในการเซ็นสัญญาคว้าตัวโรบินยู นักเตะซูเปอร์สตาร์จากเรอัลมาดริดด้วยค่าตัวเป็นสถิติของอังกฤษ ณ เวลานั้นอยู่ที่ 32.5 ล้านปอนด์[2]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ Austin, Simon (2 September 2008). "Arabian might at Eastlands". BBC Sport. British Broadcasting Corporation. สืบค้นเมื่อ 16 November 2010.
- ↑ Taylor, Daniel (2 September 2008). "City beat Chelsea to sign £32.5m Robinho". guardian.co.uk. London: Guardian News and Media Limited. สืบค้นเมื่อ 16 November 2010.