พระยาไกรเพชรรัตนสงคราม (แฉ่ บุนนาค)
มหาอำมาตย์โท พระยาไกรเพชรรัตนสงคราม นามเดิม แฉ่ บุนนาค (19 ตุลาคม พ.ศ. 2395 – 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2456)[1] เป็นขุนนางชาวไทย เคยดำรงตำแหน่งสมุหเทศาภิบาลมณฑลราชบุรี, สมุหเทศาภิบาลมณฑลนครสวรรค์ และผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม มีศักดิ์เป็นพี่ชายต่างมารดาของพระยาสุริยานุวัตร (เกิด บุนนาค) อดีตเสนาบดีว่าการกระทรวงพระคลังมหาสมบัติและกระทรวงโยธาธิการ
ประวัติ[แก้]
พระยาไกรเพชรรัตนสงคราม (แฉ่ บุนนาค) เกิดเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2395 เป็นบุตรของพระยามนตรีสุริยวงศ์ (ชุ่ม บุนนาค) และเจ้าคุณหญิงเป้า มีพี่น้องร่วมบิดามารดารวม 3 คน
- มหาอำมาตย์โท พระยามนตรีสุริยวงศ์ (ชื่น บุนนาค)
- พระยาราชพงศานุรักษ์ (ชม บุนนาค)
- พระศรีธรรมสาส์น (เชย บุนนาค)
และมีพี่น้องร่วมบิดาหลายคนรวมถึงมหาอำมาตย์เอก พระยาสุริยานุวัตร (เกิด บุนนาค) เสนาบดีว่าการกระทรวงพระคลังมหาสมบัติและกระทรวงโยธาธิการ
ท่านเรียนวิชาในสำนักนี้ กระทรวงกลาโหม พระยาเทพวรชุน (ปั้น) ซึ่งยังดำรงตำแหน่งหลวงชาติสุรินทร์เป็นครู เรียนอยู่ 4 ปี ได้ประกาศนียบัตร ในสมัยที่ยังไม่เคยมีผู้อื่นได้รับ ท่านอุปสมบทวัดพิชยญาติการาม พรรษา 1 จึงลาสิกขาบท
การทำงาน[แก้]
การรับราชการ[แก้]
พระยาไกรเพชรรัตนสงครามเข้ารับราชการในรัชกาลที่ 5 ในตำแหน่งโยธาอยู่ในกรมท่ากลาง ถึง พ.ศ. 2430 เป็นอุปทูตสยามในราชสำนักเซนต์เจมส์ กรุงลอนดอน ในสมัยที่พระยามนตรีสุริยวงศ์ (ชื่น บุนนาค) พี่ชายเป็นอัครราชทูตประจำประเทศอังกฤษ[2] จนพ้นจากหน้าที่ได้ดำรงตำแหน่งเป็นปลัดทูลฉลอง กรมพระกลาโหม แล้วเป็นข้าหลวงผู้ว่าราชการเมืองสมุทรสงคราม เมื่อ พ.ศ. 2437 แล้วเป็นข้าหลวงเทศาภิบาลสำเร็จราชการมณฑลนครสวรรค์ เมื่อ พ.ศ. 2439 ครั้งสุดท้ายย้ายมาเป็นข้าหลวงเทศาภิบาลสำเร็จราชการมณฑลมณฑลราชบุรี เมื่อ พ.ศ. 2447 และรับราชการเรื่อยมาจนถึงแก่อนิจกรรม
พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตรเป็นองคมนตรี เมื่อ พ.ศ. 2453[3]
ราชการพิเศษ[แก้]
- พ.ศ. 2414 – ได้ตามเสด็จประพาสในประเทศอินเดีย และได้ทำหน้าที่ทำพระศรีถวาย
- พ.ศ. 2418 – ได้เป็นเจ้าหน้าที่ทำพระวิสูตรต่างๆ ที่พระที่นั่งจักรีฯ และพระที่นั่งบรมราชสถิตยมโหฬาร
- พ.ศ. 2419 – ได้เป็นข้าหลวงไประงับพวกจีนกบฏที่ภูเก็ตและเมืองระนองพร้อมด้วยพระยาประภากรวงศ์วรวุฒิภักดี (ชาย บุนนาค)
- พ.ศ. 2422 – ได้เป็นอัตเซไปกับเจ้าพระยาภาณุวงศ์มหาโกษาธิบดี (ท้วม บุนนาค)เมื่อเป็นเอกอัครราชทูต ที่กรุงปารีสและกรุงลอนดอน
- พ.ศ. 2425 – ได้เป็นข้าหลวงไปสักเลขที่เมืองจันทบุรีและเมืองระยอง เมืองบางละมุง
- พ.ศ. 2429 – ได้เป็นแม่กองไปทำพลับพลารับเสด็จที่ห้วยบางกระบอก คราวเสด็จประพาสพระปฐมเจดีย์ กาญจนบุรี และไทรโยค
- พ.ศ. 2436 – ได้รับหน้าที่ไปช่วยตรวจปืนและจ่ายปืนที่กรมแสง
- พ.ศ. 2445 – ได้ไปส่งเสบียงอาหารในกองทัพในการที่พวกเงี้ยวเกิดจลาจลขึ้นในมณฑลพายัพ
บรรดาศักดิ์[แก้]
- พ.ศ. 2419 – หลวงโกษานุสวัสดิ์ ถือศักดินา 800
- 7 กันยายน พ.ศ. 2429 – พระดิฐการภักดี ถือศักดินา 800[4]
- 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2435 – พระสุรินทรามาตย์ ถือศักดินา 800[5]
- 23 ธันวาคม พ.ศ. 2438 – พระยาราชพงศานุรักษ์ ถือศักดินา 5000[6]
- 30 ตุลาคม พ.ศ. 2444 – พระยาไกรเพชรรัตนสงคราม รามภักดี ศรีสัคนราธิปตัย อภัยพิริยพาหุ ถือศักดินา 10000[7]
ยศ[แก้]
ยศทหาร[แก้]
- 5 ตุลาคม พ.ศ. 2448 – นายพลตรี[8]
ยศพลเรือน[แก้]
- 20 สิงหาคม พ.ศ. 2454 – มหาอำมาตย์โท[9]
ชีวิตครอบครัว[แก้]
พระยาไกรเพชรรัตนสงคราม (แฉ่ บุนนาค) มีบุตรรวม 14 คน โดยเป็นบุตรที่เกิดจากคุณหญิงฟอง (สกุลเดิม รัตนดิลก ณ ภูเก็ต) ธิดาของพระยาวิชิตสงคราม (ทัต รัตนดิลก ณ ภูเก็ต) ผู้ว่าราชการเมืองภูเก็ต มีบุตรธิดารวม 5 คน คือ
- ฉ่า บุนนาค เลขานุการข้าหลวงเทศาภิบาลสำเร็จราชการมณฑลนครสวรรค์และมณฑลราชบุรี และเป็นล่ามในกรมรถไฟหลวง, กรมป่าไม้ และเป็นล่ามต่างประเทศ ประจำมณฑลภูเก็ต
- พระยามนตรีสุริยวงศ์ (ฉี่ บุนนาค) สมุหเทศาภิบาลมณฑลราชบุรี ในรัชกาลที่ 6
- ดำ บุนนาค
- ชง บุนนาค
- แช่ม บุนนาค สมรสกับพระยอดเมืองขวาง (ฤกษ์ ณ นคร
และมีบุตรกับคุณหญิงนิ่ม บุนนาค ธิดาของพระยามนตรีสุริยวงศ์ (ชุ่ม บุนนาค) และเป็นน้องสาวต่างมารดาของท่าน มีบุตรธิดารวม 6 คน
- สว่าง บุนนาค
- เฉิด บุนนาค
- ฉัตร บุนนาค
- เนือง บุนนาค สมรสกับพระภูมิพิชัย (หม่อมราชวงศ์บุง ลดาวัลย์) และเป็นมารดาของหม่อมหลวงทวีสันต์ ลดาวัลย์ อดีตราชเลขาธิการ
- สุทธศรี บุนนาค สมรสกับนายไกรสงคราม (ถนอม บุณยสุรักษ์)
- นาน บุนนาค สมรสกับหลวงอนุมัตินุกิจ (สอน ศรุตานนท์)
ถึงแก่อนิจกรรม[แก้]
พระยาไกรเพชรรัตนสงคราม (แฉ่ บุนนาค) ป่วยเป็นโรคปัสสาวะพิการ แล้วภายหลังเป็นโรคชรา โรคก็กำเริบตามลำดับ มีอาการบวมขี้นทั้งตัว เหลือกำลังของแพทย์ที่จะเยียวยา ครั้นถึงวันที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2456 เวลา 24.00 น. เศษ พระยาไกรเพชรรัตนสงครามก็ถึงแก่อนิจกรรม สิริอายุได้ 61 ปี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ เสด็จแทนพระองค์มาพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ได้รับพระราชทานโกศราชนิกูลสำหรับกับลอง ตั้งเหนือแว่นฟ้าสองชั้นเป็นเกียรติยศ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]
พระยาไกรเพชรรัตนสงคราม (แฉ่ บุนนาค) ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ทั้งสยามและต่างประเทศ ดังนี้
เครื่องราชอิสริยาภรณ์สยาม[แก้]
- พ.ศ. 2446 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นที่ 1 ประถมาภรณ์มงกุฎไทย (ป.ม.)[10]
- พ.ศ. 2447 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ชั้นที่ 2 ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (ท.จ.ว.) (ฝ่ายหน้า)[11]
- พ.ศ. 2454 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นที่ 2 ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)[12]
- พ.ศ. 2447 – เหรียญจักรพรรดิมาลา (ร.จ.พ.)[13]
- พ.ศ. 2436 – เหรียญรัชฎาภิเศกมาลา (ร.ศ.)
- พ.ศ. 2440 – เหรียญประพาสมาลา (ร.ป.ม.)
- พ.ศ. 2440 – เหรียญราชินี (ส.ผ.)
- พ.ศ. 2446 – เหรียญทวีธาภิเศก (ท.ศ.)
- พ.ศ. 2450 – เหรียญรัชมงคล (ร.ร.ม.)
- พ.ศ. 2451 – เหรียญรัชมังคลาภิเศก รัชกาลที่ 5 (ร.ม.ศ.5)
- พ.ศ. 2454 – เหรียญบรมราชาภิเษก รัชกาลที่ 6 (ร.ร.ศ.6)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ[แก้]
- อิตาลี :
- พ.ศ. 2448 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฎอิตาลี ชั้นที่ 2[14]
- เบราน์ชไวค์ :
- พ.ศ. 2452 – เครื่องราชอิสริยาภรณ์สิงโตไฮน์ริช ชั้นที่ 1[15]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ข่าวตาย, เล่ม ๓๐ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๔๙๒, ๘ มิถุนายน ๒๔๕๖
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ข่าวเปลี่ยนทูตสยาม, เล่ม ๔ ตอนที่ ๕ หน้า ๓๓, ๕ พฤษภาคม ๑๒๔๙
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานสัญญาบัตรตั้งองคมนตรี, เล่ม ๒๗ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๒๑๖๗, ๑๘ ธันวาคม ๑๒๙
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, สำเนาสัญญาบัตร ปีจออัฐศก, เล่ม ๔ ตอนที่ ๓ หน้า ๒๐, ๑๕ เมษายน ๑๒๔๙
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานสัญญาบัตรขุนนาง, เล่ม ๙ ตอนที่ ๓๔ หน้า ๒๘๑, ๒๐ พฤศจิกายน ๑๑๑
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานสัญญาบัตร, เล่ม ๑๒ ตอนที่ ๓๙ หน้า ๓๖๕, ๒๙ ธันวาคม ๑๑๔
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานสัญญาบัตรขุนนาง, เล่ม ๑๘ ตอนที่ ๓๓ หน้า ๖๔๒, ๑๗ พฤศจิกายน ๑๒๐
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานสัญญาบัตรทหารบก, เล่ม ๒๒ ตอนที่ ๒๘ หน้า ๖๑๔, ๘ ตุลาคม ๑๒๔
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, ประกาศพระบรมราชโองการ ประกาศพระราชทานยศ แก่ข้าราชการกระทรวงมหาดไทย, เล่ม ๒๘ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๙๗๓, ๒๐ สิงหาคม ๑๓๐
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๒๐ ตอนที่ ๓๔ หน้า ๕๘๒, ๒๒ พฤศจิกายน ๑๒๒
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ฝ่ายหน้า, เล่ม ๒๑ ตอนที่ ๓๔ หน้า ๖๑๖, ๒๐ พฤศจิกายน ๑๒๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์, เล่ม ๒๘ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๑๙๕๒, ๓ ธันวาคม ๑๓๐
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานเหรียญจักรพรรดิมาลา, เล่ม ๒๑ ตอนที่ ๒๗ หน้า ๔๖๔, ๒ ตุลาคม ๑๒๓
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาต ตราเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ, เล่ม ๒๒ ตอนที่ ๓๑ หน้า ๖๗๐, ๒๙ ตุลาคม ๑๒๔
- ↑ ราชกิจจานุเบกษา, พระราชทานพระบรมราชานุญาตเครื่องราชอิสริยาภรณ์เฮนรีดีไลออนกรุงบรันซวิก, เล่ม ๒๗ ตอนที่ ๐ ง หน้า ๕๕, ๑๐ เมษายน ๑๒๙