ผู้ใช้:ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ
ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ
ประวัติความเป็นมา[แก้]
สืบเนื่องจากการประกาศใช้พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่ ๒๗) พ.ศ. ๒๕๕๘ ซึ่งมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๕๘ กำหนดให้ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาว่าคดีที่ได้ ยื่นฎีกาเรื่องใดสมควรอนุญุาตให้ขึ้นสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกา อันเป็นการเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงระบบการฎีกาจากระบบสิทธิมาเป็นระบบอนุญาตในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งของประเทศไทย และหากศาลฎีกาไม่อนุญาต ให้ฎีกาแล้วคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอุทธรณ์ย่อมถึงที่สุด ทั้งนี้ เพื่อให้การพิจารณาพิพากษาคดีของศาลยุติธรรมเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพให้ความเป็นธรรมแก่บุคคลที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้อย่างแท้จริงและรวดเร็วขึ้น
ดังนี้ เมื่อระบบการยื่นอุทธรณ์ฎีกาในคดีแพ่งทั่วไปได้เปลี่ยนแปลงแล้วจึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงระบบการยื่นอุทธรณ์ฎีกาของศาลชำนัญพิเศษทั้งหลายให้เหมือนกับคดีทั่วไปด้วย เพื่อจัดวางระบบการอุทธรณ์ฎีกาให้สอดคล้องกันทั้งประเทศ จึงได้มีการตราพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ พ.ศ. ๒๕๕๘ เพื่อให้การพิจารณาพิพากษาคดีชำนัญพิเศษเป็นไปด้วยความรวดเร็วเป็นเอกภาพ ด้วยผู้พิพากษาที่มีความเชี่ยวชาญและสอดคล้องกับระบบการอุทธรณ์ฎีกาคดีแพ่งที่มีการแก้ไขกฎหมายแล้ว
เขตอำนาจศาล[แก้]
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ พ.ศ. ๒๕๕๘ กำหนดให้จัดตั้งศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษขึ้น โดยมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีที่อุทธรณ์มาจากศาลชำนัญพิเศษ อันได้แก่
- ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ
- ศาลภาษีอากร
- ศาลแรงงาน
- ศาลล้มละลาย
- ศาลเยาวชนและครอบครัว
ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษแบ่งออกเป็น ๕ แผนก ได้แก่ แผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ แผนกคดีภาษีอากร แผนกคดีศาลแรงงงาน แผนกคดีล้มละลาย และแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว ทั้งนี้ เริ่มเปิดทำการตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ เป็นต้นไป อาคารที่ทำการศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ ตั้งอยู่ ณ ถนนราชินี แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
ในกรณีมีปัญหาว่าคดีใดจะอยู่ในอำนาจของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ ศาลภาษีอากร ศาลแรงงาน ศาลล้มละลาย และศาลเยาวชนและครอบครัวหรือไม่ ไม่ว่าปัญหาดังกล่าวจะเกิดขึ้นในศาลนั้นหรือศาลยุติธรรมอื่น ให้ศาลนั้นรอการพิจารณาพิพากษาคดีไว้ชั่วคราว แล้วเสนอปัญหานั้นให้ประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษเป็นผู้วินิจฉัย คำวินิจฉัยของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษให้เป็นที่สุด
แผนกคดีในศาล[แก้]
๓.๑ แผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ[แก้]
เนื่องจากคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศมีความยุ่งยากซับซ้อน และมีลักษณะพิเศษแตกต่างจากคดีแพ่งและคดีอาญาทั่วไป จึงได้มีการจัดตั้งแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศขึ้นในศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ เพื่อให้มีการพิจารณาพิพากษาคดีที่อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศโดยองค์คณะผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ที่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศโดยเฉพาะ ทั้งนี้ เพื่อให้การอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนเป็นไปอย่างเที่ยงธรรม รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- ประเภทคดีที่ขึ้นสู่การพิจารณาพิพากษาของแผนกฯ
(๑) คดีอาญาเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ได้แก่ คดีอาญาเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร และคดีอาญาเกี่ยวกับความผิดทางการค้า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๑ ถึง มาตรา ๒๗๕
(๒) คดีแพ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา ได้แก่ คดีแพ่งเกี่ยวกับเครื่องหมายการค้า ลิขสิทธิ์ สิทธิบัตร และคดีที่มีข้อพิพาทตามสัญญาถ่ายทอดเทคโนโลยี หรือสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธิ
(๓) คดีแพ่งหรือคดีอาญาเกี่ยวกับข้อพิพาทในการออกแบบวงจรรวม การค้นพบทางวิทยาศาสตร์ ชื่อทางการค้า ชื่อทางภูมิศาสตร์ที่แสดงถึงแหล่งกำเนิดของสินค้า ความลับทาง การค้า และการคุ้มครองพันธุ์พืช
(๔) คดีแพ่งเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศ ได้แก่ คดีแพ่งเกี่ยวกับการซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินค้าหรือตราสารการเงินระหว่างประเทศ การให้บริการระหว่างประเทศ การขนส่งระหว่างประเทศ การประกันภัยและนิติกรรมที่เกี่ยวเนื่อง คดีแพ่งเกี่ยวกับเลตเตอร์ออฟเครดิต ทรัสต์รีซีส รวมทั้งการประกันภัยเกี่ยวกับกิจการดังกล่าว คดีแพ่งเกี่ยวกับการกักเรือ การทุ่มตลาดและการอุดหนุนสินค้าหรือบริการจากต่างประเทศ
(๕) คดีแพ่งหรือคดีอาญาที่มีกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจของ ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ
๓.๒ แผนกคดีภาษีอากร[แก้]
คดีภาษีอากรในส่วนที่เป็นคดีแพ่งจะเป็นคดีที่มีลักษณะพิเศษแตกต่างจากคดีแพ่งทั่วไป กล่าวคือ คดีภาษีอากรส่วนใหญ่จะเป็นคดีพิพาทระหว่างรัฐกับเอกชน อันเนื่องมาจากการประเมินหรือจัดเก็บภาษีอากรของเจ้าพนักงานของรัฐ นอกจากนี้ คดีภาษีอากรยังเป็นคดีที่มีลักษณะยุ่งยากทั้งในด้านตัวบทกฎหมายที่เกี่ยวข้องซึ่งมีเป็นจำนวนมาก และเป็นคดีที่มีความเกี่ยวข้องกับ วิชาการด้านต่าง ๆ อาทิ เช่น หลักเศรษฐศาสตร์ ระบบเศรษฐกิจ ทรัพย์สินทางปัญญา เป็นต้น คดีภาษีอากรเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บภาษีอากรอันเป็นรายได้ของรัฐ จึงจำเป็นต้องได้รับการพิจารณาพิพากษาโดยผู้พิพากษา ที่มีความรู้ความเข้าใจในปัญหาทางด้านภาษีอากรโดยเฉพาะเพื่อให้การพิจารณาคดีภาษีอากรเป็นไปโดยรวดเร็ว ถูกต้อง และเป็นธรรมแก่คู่ความมากที่สุด
- ประเภทคดีที่ขึ้นสู่การพิจารณาพิพากษาของแผนกฯ
แผนกคดีภาษีอากรในศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีซึ่งอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งศาลภาษีอากร ในประเภทคดีแพ่ง ดังนี้
(๑) คดีอุทธรณ์คำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานหรือคณะกรรมการตามกฎหมายเกี่ยวกับภาษีอากร
(๒) คดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิเรียกร้องของรัฐในหนี้ค่าภาษีอากร
(๓) คดีพิพาทเกี่ยวกับการขอคืนค่าภาษีอากร
(๔) คดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ตามข้อผูกพันซึ่งได้ทำขึ้นเพื่อประโยชน์แก่การจัดเก็บภาษีอากร
(๕) คดีที่มีกฎหมายบัญญัติให้อยู่ในอำนาจศาลภาษีอากร
๓.๓ แผนกคดีแรงงาน[แก้]
คดีแรงงานเป็นคดีที่มีลักษณะแตกต่างไปจากคดีแพ่งและคดีอาญาโดยทั่วไป เพราะเป็นข้อขัดแย้งระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างตามสัญญาจ้างแรงงานหรือเกี่ยวกับสิทธิของนายจ้างและลูกจ้างตามกฎหมายว่าด้วย การคุ้มครองแรงงานและกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ ซึ่งการอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นเกี่ยวเนื่องกับข้อขัดแย้งดังกล่าวควรได้รับการพิจารณาโดยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งเป็นผู้มีความรู้และความเข้าใจในปัญหาแรงงาน เพื่อให้การพิจารณาพิพากษาเป็นไปโดยสะดวก รวดเร็ว และเป็นธรรม
- ประเภทคดีที่ขึ้นสู่การพิจารณาพิพากษาของแผนกฯ
แผนกคดีแรงงานในศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ มีอำนาจพิจารณาพิพากษาอุทธรณ์คดีเกี่ยวกับการจ้างแรงงาน สิทธิหน้าที่ตามกฎหมายแรงงาน ได้แก่ กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน กฎหมายว่าด้วยประกันสังคม ที่ได้มีการอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งศาลชั้นต้น เช่น
(๑) คดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงานหรือข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง
(๒) คดีพิพาทเกี่ยวด้วยสิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครอง แรงงานหรือกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์
(๓) กรณีที่จะต้องให้สิทธิทางศาลตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครอง แรงงานหรือกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์
(๔) คดีอุทธรณ์คำวินิจฉัยของเจ้าพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงานหรือของคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์หรือรัฐมนตรีตามกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์
(๕) คดีอันเกิดแต่มูลละเมิดระหว่างนายจ้างและลูกจ้างสืบเนื่องจาก ข้อพิพาทแรงงานหรือเกี่ยวกับการทำงานตามสัญญาจ้างแรงงาน
(๖) ข้อพิพาทแรงงานที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยขอให้ศาลแรงงานชี้ขาดตามกฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์
๓.๔ แผนกคดีล้มละลาย[แก้]
แผนกคดีล้มละลายในศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษจัดตั้งขึ้นโดยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คดีล้มละลายซึ่งมีลักษณะพิเศษแตกต่างจากคดีแพ่งทั่วไป ได้รับการพิจารณาพิพากษาโดยองค์คณะผู้พิพากษาศาลอทุธรณ์ที่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายว่าด้วยล้มละลายเป็นพิเศษ ทั้งนี้ เพื่อให้การพิจารณาคดีเป็นไปโดยรวดเร็ว เป็นธรรม และมีประสิทธิภาพ
- ประเภทคดีที่ขึ้นสู่การพิจารณาพิพากษาของแผนกฯ
แผนกคดีล้มละลายในศาลอุทธรณ์มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีล้มละลายตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย รวมไปถึงคดีแพ่งที่เกี่ยวพันกับคดีดังกล่าวด้วย ตลอดจนมีอำนาจพิจารณาพิพากษาอุทธรณ์คดีอาญาสำหรับการกระทำอันเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยล้มละลาย
๓.๕ แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว[แก้]
แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลอุทธรณ์คดดีชำนัญพิเศษ จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ พ.ศ. ๒๕๕๘ มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลเยาวชนและครอบครัว โดยนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งหรือประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาว่าด้วยการอุทธรณ์แล้วแต่กรณีมาใช้บังคับโดยอนุโลม เว้นแต่ใ่นกรณที่ศาลเยาวชนและครอบครัวได้พิพากษาหรือมีคำสั่งกำหนดวิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนอย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้ ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์
(๑) กำหนดให้ใช้วิธีการตามมาตรา ๗๔ (๑) และ (๕) แห่งประมวลกฎหมายอาญา
(๒) กำหนดให้ใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๔๒ เว้นแต่ในกรณีที่การใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนนั้นเป็นการพิพากษาหรือมีคำสั่งให้ส่งตัวเด็กหรือเยาวชนไปควบคุมเพื่อฝึกอบรมมีกำหนดระยะเวลาเกินสามปี
(๓) กำหนดให้ใช้วิธีการสำหรับเด็กและเยาวชนตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๔๓ เว้นแต่การฝึกอบรมนั้นมีกำหนดระยะเวลาขั้นสูงเกินสามปี
(ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณา คดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๘๐)
ทั้งนี้ ในคดีซึ่งห้ามอุทธรณ์ดังกล่าวข้างต้นถ้าอธิบดีผู้พิพากษาศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง หรือผู้พิพากษาหัวหน้าศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัด หรือผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวเห็นว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป้นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษและอนุญาตให้อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษรับอุทธรณ์นั้นไว้พิจารณาได้
(ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธี พิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๘๑)
- ประเภทคดีที่ขึ้นสู่การพิจารณาพิพากษาของแผนกฯ
แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีซึ่งอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลเยาวชนและครอบครัวในคดีดังต่อไปนี้
(๑) คดีอาญาที่มีข้อหาว่าเด็กหรือเยาวชนกระทำความผิด
(๒) คดีอาญาที่ศาลซึ่งมีอำนาจพิจารณาคดีธรรมดาได้โอนมาตาม พระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๙๗ วรรคหนึ่ง
(๓) คดีครอบครัว
(๔) คดีคุ้มครองสวัสดิภาพ
(๕) คดีอื่นที่มีกฎหมายบัญญัติให้เป็นอำนาจหน้าที่ของศาลเยาวชนและครอบครัว
(ตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ. ๒๕๕๓ มาตรา ๑๐)
โครงสร้างผู้บริหารศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ[แก้]
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ พ.ศ. ๒๕๕๘ มาตรา ๖ วรรคหนึ่ง บัญญัติให้มีประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษหนึ่งคน และรองประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษห้าคนในศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ คลิกที่นี่
กฎหมาย[แก้]
พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ พ.ศ. ๒๕๕๘
พระราชกฤษฎีกากำหนดวันเปิดทำการศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ พ.ศ. ๒๕๕๙