เหมา เจ๋อตง

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เหมา เจ๋อตง
毛泽东
เหมา เจ๋อตง ใน พ.ศ. 2511
ประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ดำรงตำแหน่ง
20 มีนาคม พ.ศ. 2486 – 9 กันยายน พ.ศ. 2519
(33 ปี 173 วัน)
รอง
ก่อนหน้าจาง เหวินเทียน (เลขาธิการพรรค)
ถัดไปฮฺว่า กั๋วเฟิง
ประธานสาธารณรัฐประชาชนจีน คนที่ 1
ดำรงตำแหน่ง
27 กันยายน พ.ศ. 2497 – 27 เมษายน พ.ศ. 2502
(4 ปี 212 วัน)
หัวหน้ารัฐบาลโจว เอินไหล
รองจู เต๋อ
ถัดไปหลิว เช่าฉี
ประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง
ดำรงตำแหน่ง
8 กันยายน พ.ศ. 2497 – 9 กันยายน พ.ศ. 2519
(22 ปี 1 วัน)
รอง
ถัดไปฮฺว่า กั๋วเฟิง
ประธานคณะรัฐบาลประชาชนกลาง
ดำรงตำแหน่ง
1 ตุลาคม พ.ศ. 2492 – 27 กันยายน พ.ศ. 2497
(4 ปี 361 วัน)
หัวหน้ารัฐบาลโจว เอินไหล
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด26 ธันวาคม พ.ศ. 2436
เฉาชาน มณฑลหูหนาน จักรวรรดิชิง
เสียชีวิต9 กันยายน พ.ศ. 2519 (82 ปี)
จีน ปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน
ที่ไว้ศพอนุสรณ์สถานประธานเหมา, ปักกิ่ง
พรรคการเมือง พรรคคอมมิวนิสต์จีน (2464–2519)
การเข้าร่วม
พรรคการเมืองอื่น
พรรคก๊กมินตั๋ง (2468–69)
คู่สมรส
บุตร
บุพการี
ศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยครูหูหนาน
ลายมือชื่อ
ชื่อภาษาจีน
อักษรจีนตัวย่อ毛泽东
อักษรจีนตัวเต็ม毛澤東
Courtesy name
อักษรจีนตัวย่อ润之
อักษรจีนตัวเต็ม潤之
สมาชิกสถาบันกลาง
  • 2497–2502: สมาชิกสภาประชาชนแห่งชาติ
  • 2507–2519: สมาชิกสภาประชาชนแห่งชาติ
  • 2481–2519: สมาชิกคณะกรรมาธิการประจำกรมการเมือง ชุดที่ 6, 7, 8, 9, 10
  • 2481–2519: สมาชิกคณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 6, 7, 8, 9, 10

ตำแหน่งทางการเมืองอื่น ๆ

เหมา เจ๋อตง หรือ เหมา เจ๋อตุง (จีนตัวย่อ: 毛泽东; จีนตัวเต็ม: 毛澤東; พินอิน: Máo Zédōng; เวด-ไจลส์: Mao Tse-tung; 26 ธันวาคม พ.ศ. 2436 – 9 กันยายน พ.ศ. 2519) เป็นนักการเมือง นักทฤษฎีลัทธิมากซ์ นักยุทธศาสตร์การทหาร กวี และนักปฏิวัติชาวจีนที่กลายเป็นบิดาผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน เขาเป็นผู้นำประเทศนับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2492 จนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมในปี 2519 โดยทฤษฎี ยุทธศาสตร์การทหาร และนโยบายทางการเมืองของเขาเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "ลัทธิเหมา"

เหมาเกิดในครอบครัวชาวนาฐานะร่ำรวยในมณฑลหูหนาน เขาสนับสนุนลัทธิชาตินิยมจีนและต่อต้านลัทธิจักรวรรดินิยมตั้งแต่ยังเด็ก โดยได้รับอิทธิพลอย่างมากจากเหตุการณ์การปฏิวัติซินไฮ่ในปี 2454 และขบวนการ 4 พฤษภาคมในปี 2462 ในภายหลังเขาได้นำเอาระบบลัทธิมากซ์-เลนินมาใช้ในขณะที่ทำงานเป็นบรรณารักษ์ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง และกลายเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยเป็นผู้นำการปฏิวัติเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงในปี 2470

ในช่วงสงครามกลางเมืองจีน เหมาเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งกองทัพแดงจีน เป็นผู้นำนโยบายปฏิรูปที่ดินสุดโต่งของโซเวียตเจียงซี และในที่สุดก็กลายเป็นหัวหน้าพรรคในระหว่างการเดินทัพทางไกล แม้ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จะร่วมมือกับพรรคก๊กมินตั๋งชั่วคราวภายใต้แนวร่วมที่สองในช่วงสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง (2480–88) แต่สงครามกลางเมืองของจีนก็กลับมาดำเนินต่อหลังจากที่ญี่ปุ่นยอมจำนน และกองกำลังของเหมาก็สามารถเอาชนะรัฐบาลชาตินิยมจนล่าถอยไปยังไต้หวันในปี 2492

วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2492 เหมาประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นรัฐพรรคการเมืองเดียวแบบลัทธิมากซ์-เลนินที่ควบคุมโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในช่วงหลายปีต่อมา เขาได้กระชับอำนาจของเขาผ่านการรณรงค์ปฏิรูปที่ดิน ต่อต้านเจ้าของที่ดิน การรณรงค์ปราบปรามผู้ต่อต้านการปฏิวัติ การรณรงค์ต้านสามต้านห้า และผ่านการพักรบในสงครามเกาหลี ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตของชาวจีนหลายล้านคน

ระหว่างปี พ.ศ. 2496–2501 เหมามีบทบาทสำคัญในการบังคับใช้ระบบเศรษฐกิจแบบบังคับในจีน ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศ ริเริ่มโครงการอุตสาหกรรมและโครงการทางทหาร เช่น โครงการ "ระเบิดสองลูก หนึ่งดาวเทียม" และโครงการ 523 นโยบายต่างประเทศของเหมาในช่วงเวลานี้ถูกครอบงำโดยความแตกแยกระหว่างจีนกับโซเวียต ซึ่งส่งผลให้จีนและสหภาพโซเวียตมีความห่างเหินกัน

ในปี 2498 เหมาได้ริเริ่มขบวนการซูฝาน และขบวนการต่อต้านฝ่ายขวาในปี 2500 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปัญญาชนและผู้คัดค้านอย่างน้อย 550,000 คน ในปี 2501 เหมาได้ริเริ่มนโยบายก้าวกระโดดไกลไปข้างหน้า โดยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนเศรษฐกิจของจีนจากการเกษตรมาเป็นอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว นำไปสู่การเกิดภาวะทุพภิกขภัยที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ และทำให้เกิดการเสียชีวิตของผู้คนระหว่าง 15–55 ล้านคนระหว่างปี 2501–05

ในปี 2506 เหมาเริ่มขบวนการนักศึกษาลัทธิสังคมนิยม และในปี 2509 เขาได้ริเริ่มการปฏิวัติทางวัฒนธรรมเป็นโครงการที่จะขจัด "การต่อต้านการปฏิวัติ" ในสังคมจีนซึ่งกินเวลานานถึง 10 ปี มีการต่อสู้ทางชนชั้นอย่างรุนแรง การทำลายศิลปวัตถุทางวัฒนธรรม และยกย่องบูชาเหมาอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน มีประชาชนหลายสิบล้านคนที่ถูกข่มเหงรังแกในระหว่างการปฏิวัติ โดยมีการประมาณจำนวนผู้เสียชีวิตในช่วงตั้งแต่หลายแสนไปจนถึงหลายล้านคน ซึ่งรวมไปถึงหลิว เช่าฉี ประธานประเทศคนที่สอง หลังจากเผชิญกับอาการป่วยเรื้อรังมาเป็นเวลานาน เหมาก็ได้ถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคหัวใจในปี พ.ศ. 2519 รวมอายุ 82 ปี

ในช่วงยุคของเหมา ประชากรจีนเพิ่มขึ้นอย่างมากจากประมาณ 550 ล้านคน เป็นมากกว่า 900 ล้านคน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลไม่ได้บังคับใช้กฎหมายการวางแผนครอบครัวอย่างเข้มงวด ในช่วงเวลานี้ จีนยังมีบทบาทสำคัญในความขัดแย้งของประเทศคอมมิวนิสต์อื่น ๆ ในเอเชีย เช่น สงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม และสงครามกลางเมืองกัมพูชา

เหมา เจ๋อตง ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของศตวรรษที่ 20 เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เปลี่ยนแปลงจีนให้กลายเป็นมหาอำนาจระดับโลก การปฏิรูปที่ดินและการยกเลิกระบบเจ้าขุนมูลนาย ทำให้ชาวนาจีนหลายร้อยล้านคนสามารถมีที่ดินทำกินของตนเองเป็นครั้งแรก การรณรงค์เพื่อการรู้หนังสือ การส่งเสริมสิทธิสตรี การสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน การศึกษาภาคบังคับ และการยกระดับอายุขัยเฉลี่ย ล้วนเป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เขาเป็นผู้นำ

เหมากลายเป็นหัวหอกทางอุดมการณ์เบื้องหลังแนวคิดของเขา และเป็นผู้มีอิทธิพลอย่างมากต่อขบวนการคอมมิวนิสต์ระหว่างประเทศ เขาได้รับการยกย่อง ชื่นชม และมีลัทธิบูชาบุคคลทั้งในช่วงชีวิตและหลังอสัญกรรม อย่างไรก็ตาม นโยบายของเหมาก็เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของชาวจีนจำนวนมหาศาล โดยมีการประมาณการว่ามีผู้เสียชีวิตราว 40–80 ล้านคนจากความอดอยาก การกดขี่ แรงงานในคุก และการประหารชีวิตจำนวนมาก รัฐบาลของเขาถูกมองว่าเป็นระบบรวบอำนาจเบ็ดเสร็จ

ชีวิตช่วงต้น[แก้]

ชีวิตวัยเด็กเละการปฏิวัติซินไฮ่: พ.ศ. 2436–54[แก้]

เหมา เจ๋อตง ราวปี พ.ศ. 2453

เหมา เจ๋อตง เกิดเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2436 ในครอบครัวชาวนา อาศัยอยู่ในเขตชนบทชานเมืองเฉาชาน มณฑลหูหนาน[1] พ่อของเขาคือ เหมา อี๋ชาง เดิมเป็นชาวนาที่ยากจน แต่ต่อมาได้กลายเป็นหนึ่งในชาวนาที่ร่ำรวยที่สุดในเฉาชาน เหมา เจ๋อตง เคยเล่าว่าพ่อของเขาเป็นคนเคร่งครัดในระเบียบ มีนิสัยดุว่าเขาและพี่น้องอีกสามคน ได้แก่ เหมา เจ๋อหมิน เหมา เจ๋อถาน และเหมา เจ๋อเจี้ยน (น้องสาว/ลูกพี่ลูกน้องที่รับมาเลี้ยง)[2] แม่ของเหมาคือ เหวิน ชีเม่ย์ เป็นพุทธศาสนิกชนที่เคร่งครัด เธอพยายามลดทอนความเข้มงวดของสามี[3] เหมา เจ๋อตง เองก็เคยเป็นชาวพุทธเช่นกัน แต่เขาได้ละทิ้งศรัทธานี้ในช่วงวัยรุ่นตอนกลาง[3] เมื่ออายุได้ 8 ปี เหมาถูกส่งไปเรียนที่โรงเรียนประถมเฉาชาน เขาได้เรียนรู้ระบบคุณค่าของลัทธิขงจื๊อ แม้ภายหลังเขาจะยอมรับว่าไม่ชอบตำราจีนโบราณที่สั่งสอนศีลธรรมตามแนวขงจื๊อ แต่กลับชื่นชอบวรรณกรรมจีนคลาสสิกอย่าง สามก๊ก และซ้องกั๋งมากกว่า[4] เมื่ออายุ 13 ปี เขาเรียนจบประถมศึกษา พ่อของเขาได้จัดการแต่งงานแบบคลุมถุงชนให้เขากับหลัว อีซิ่ว หญิงสาววัย 17 ปี เพื่อรวมที่ดินของทั้งสองครอบครัวเข้าด้วยกัน แต่เหมากลับปฏิเสธที่จะยอมรับเธอเป็นภรรยา และวิจารณ์การแต่งงานแบบคลุมถุงชนอย่างรุนแรง เหมาจึงตัดสินใจย้ายหนีออกไปชั่วคราว เหตุการณ์นี้ส่งผลให้หลัวเสื่อมเสียชื่อเสียงในท้องถิ่น และเสียชีวิตในปี 2453 ขณะมีอายุเพียง 20 ปี[5]

บ้านเกิดของเหมา เจ๋อตง ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว

ขณะทำงานอยู่ที่นาของพ่อ เหมา เจ๋อตง หมั่นอ่านหนังสืออย่างมากมาย[6] และพัฒนา "สำนึกทางการเมือง" ขึ้นมาจากจุลสารของเจิ้ง กวานอิง ซึ่งกล่าวถึงการเสื่อมถอยของอำนาจจีน และสนับสนุนการนำระบบประชาธิปไตยแบบมีผู้แทนมาใช้[7] นอกจากนี้ เหมายังได้อ่านงานแปลของนักเขียนชาวตะวันตกหลายคน เช่น อดัม สมิธ, มงแต็สกีเยอ, ฌ็อง-ฌัก รูโซ, ชาลส์ ดาร์วิน และโทมัส ฮักซ์ลีย์[8]: 34  เหมา เจ๋อตง ซึ่งสนใจประวัติศาสตร์ ได้รับแรงบันดาลใจจากความสามารถทางทหารและความรักชาติอันแรงกล้าของจอร์จ วอชิงตัน และนโปเลียน โบนาปาร์ต[9] มุมมองทางการเมืองของเขาได้รับการหล่อหลอมจากการประท้วงที่นำโดยสมาคมเกอเหล่าฮุ่ย ซึ่งปะทุหลังจากการขาดแคลนอาหารในฉางชา เมืองหลวงของมณฑลหูหนาน เหมาสนับสนุนข้อเรียกร้องของผู้ประท้วง แต่กองกำลังติดอาวุธได้ปราบปรามผู้เห็นต่างและประหารชีวิตผู้นำของพวกเขา[10] เมื่อความอดอยากแพร่กระจายไปยังเฉาชาน ชาวนาที่อดอยากได้ยึดเอาเมล็ดข้าวของพ่อ เหมาไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพวกเขา เพราะมองว่าเป็นเรื่องผิดศีลธรรม แต่เขาก็อ้างว่าเห็นใจในสถานการณ์ที่พวกเขาเผชิญอยู่[11] เมื่ออายุ 16 ปี เหมาได้ย้ายไปเรียนต่อที่โรงเรียนประถมศึกษาตอนปลายในตงชานซึ่งอยู่ใกล้เคียง[12] ที่นั่นเขาถูกเพื่อนรังแก เนื่องจากภูมิหลังที่เป็นชาวนา[13]

ในปี พ.ศ. 2454 เหมาเข้าเรียนต่อในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นในฉางชา[14] ขณะนั้น กระแสความคิดปฏิวัติรุนแรงแพร่หลายไปทั่วเมือง เนื่องจากมีความรู้สึกต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของจักรพรรดิผู่อี๋อย่างกว้างขวาง และมีประชาชนจำนวนมากที่สนับสนุนระบอบสาธารณรัฐ บุคคลสำคัญของฝ่ายสาธารณรัฐคือ ซุน ยัตเซ็น ชาวจีนที่ได้รับการศึกษาจากอเมริกา และเป็นผู้นำสมาคมถงเหมิงฮุ่ย[15] ที่ฉางชา เหมาได้รับอิทธิพลจากหนังสือพิมพ์ของซุนยัตเซ็น ชื่อ “หมินลี่เป้า” (อิสรภาพของประชาชน),[16] และเคยสนับสนุนให้ซุนเป็นประธานาธิบดีในเรียงความที่โรงเรียน[17] เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านราชวงศ์แมนจู เหมาและเพื่อนได้ทำการตัดเปียซึ่งเป็นทรงผมที่แสดงถึงความภักดีต่อจักรพรรดิออก[18]

ด้วยแรงบันดาลใจจากแนวคิดการปกครองแบบสาธารณรัฐของซุน ยัตเซ็น กองทัพได้ลุกฮือขึ้นทั่วภาคใต้ของจีน จุดประกายให้เกิดการปฏิวัติซินไฮ่ ผู้ว่าการเมืองฉางชาหนีออกนอกเมือง ทำให้เมืองตกอยู่ในการควบคุมของฝ่ายสาธารณรัฐ[19] เหมาสนับสนุนการปฏิวัติ และเข้าร่วมกองทัพกบฏเป็นทหารชั้นผู้น้อย แต่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการสู้รบหรือการต่อสู้ เพราะภาคเหนือของจีนยังคงภักดีต่อจักรพรรดิและหวังจะที่หลีกเลี่ยงสงครามกลางเมือง ซุน ยัตเซ็น ซึ่งผู้สนับสนุนขนานนามว่า "ประธานาธิบดีเฉพาะกาล" จึงยอมเจรจากับนายพลยฺเหวียน ชื่อไข่ แม่ทัพฝ่ายกษัตริย์ แม้ว่าสถาบันกษัตริย์จะถูกยกเลิก นำไปสู่การสถาปนาสาธารณรัฐจีน แต่สุดท้าย นายพลยฺเหวียนผู้สนับสนุนกษัตริย์ก็กลายเป็นประธานาธิบดีแทน เมื่อการปฏิวัติสิ้นสุดลง เหมาก็ลาออกจากกองทัพในปี 2455 หลังจากเป็นทหารได้ 6 เดือน[20] ในช่วงเวลานี้ เหมาได้ค้นพบแนวคิดสังคมนิยมจากบทความในหนังสือพิมพ์ ต่อมาเขาได้อ่านจุลสารของเจียง คั่งหู่ นักศึกษาผู้ก่อตั้งพรรคสังคมนิยมจีน ถึงแม้เหมาจะสนใจแนวคิดนี้ แต่ก็ยังไม่เชื่อมั่น[21]

ประวัติ[แก้]

เหมาเกิดเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2436 ในครอบครัวชาวนา อาศัยอยู่ในเขตชนบทชานเมืองเฉาชาน มณฑลหูหนาน เมื่ออายุได้ 8 ขวบ เขาได้เข้าเรียนที่โรงเรียนประถมในหมู่บ้าน เรียนหลักลัทธิขงจื้อ ปลูกฝังความคิดจารีตโบราณ ต่อมาเขาถูกคลุมถุงชนให้แต่งงานกับ หลัว อีซิ่ว หญิงสาวที่อายุมากกว่า ด้วยวัยเยาว์ทำให้ไม่มีความสุขกับชีวิตครอบครัว อีกทั้งต้องการก้าวสู่โลกกว้างมากกว่ามีชีวิตทำนา เลี้ยงสัตว์อยู่กับบ้านไปวันๆ จึงตัดสินใจเดินทางออกจากบ้านเกิดเข้าอำเภอฉางชา เรียนหนังสือในโรงเรียนตามหลักสูตรรัฐบาล เป็นนักเรียนโข่งร่วมชั้นกับเด็กเล็กๆ ต่อมาสอบเข้าเรียนต่อวิทยาลัยครูหูหนาน จากนั้นมุ่งหน้าเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เรียนไปทำงานเป็นผู้ช่วยบรรณารักษ์ห้องสมุดมหาวิทยาลัยไปด้วย และห้องสมุดนั้นเองที่เป็นคลังความรู้ให้สะสมภูมิปัญญา ทั้งแตกฉานทางอักษรศาสตร์ ว่ากันว่าความรู้ที่ได้จากห้องสมุดมหาวิทยาลัยปักกิ่งคือต้นทุนที่ทำให้เขาปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองของจีนได้สำเร็จ

เหมาทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนหนังสืออย่างจริงจัง เวลาว่างเขาเขียนบทความลงหนังสือของวิทยาลัยครู ใช้นามแฝง "เอ้อสือปาวาเซิง" หรือ "นายยี่สิบแปดขีด" ตามชื่อของเขาที่เมื่อเขียนเป็นภาษาจีนแบบตัวเต็ม จะมีทั้งหมด 28 ขีด งานเขียนส่วนใหญ่ของเหมาได้แสดงทัศนะวิพากษ์วิจารณ์การปกครองของราชสำนักชิงซึ่งเป็นชาวแมนจู

เหมารวมพลคนที่มีความคิดแบบเดียวกัน ร่วมกันก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนใน พ.ศ. 2464 และปีเดียวกัน เขาเป็นแกนนำหยุดงานประท้วงของคนงานเหมืองแร่ที่อันหยวน เขียนหนังสือ "พลังปฏิวัติเบ่งบานออกมาจากปากกระบอกปืน" แล้วก่อตั้งกองทัพแดงกรรมกรและชาวนา ตามด้วยกองทัพปลดแอกประชาชน ปฏิบัติการ "ป่าล้อมเมือง" จนมีชัยเหนือเจียง ไคเช็ก

เหมา เจ๋อตง กับ เจียง ไคเชก[แก้]

เหมา เจ๋อตง กับ เจียง ไคเชก นั้นแต่เดิมเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน แต่เนื่องจาก เจียง เป็นมือขวาคนสำคัญของ ซุน ยัตเซน และมีความใกล้ชิดกันมาก เจียง จึงมีแนวคิดคล้ายกับ ซุน ยัตเซน นั่นคือต้องการให้ประเทศจีนปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ส่วนเหมา มีแนวคิดเป็นคอมมิวนิสต์ จึงต้องการให้ประเทศจีนปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทั้งคู่กลายมาเป็นเป็นศัตรูกันจนถึงวันเสียชีวิตของทั้งคู่

การปฏิวัติ[แก้]

เหมามีประชาชนสนับสนุนเขามาก โดยเฉพาะชาวไร่ ชาวนา กรรมกร และคนจน จึงได้จัดเป็นกองกำลังขึ้น โดยมีสหภาพโซเวียต คอยสนับสนุนอยู่ เพื่อปฏิวัติประเทศจีนให้เป็นคอมมิวนิสต์ แต่ เจียง ไคเช็กซึ่งกองทัพอยู่ในมือ จึงสามารถเล่นงานเหมาได้ง่าย แต่ปัญหาหลักคือ กองทัพญี่ปุ่นที่กำลังรุกคืบมายึดจีน โดยเฉพาะในยุทธการนานกิงมีประชาชนชาวจีนล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่เจียง ไคเช็ก เห็นว่าคอมมิวนิสต์อันตรายกว่า จึงส่งกองทัพหวังโจมตีกองทัพของเหมา ต่อมาในปี พ.ศ. 2480-พ.ศ. 2488 กองทัพเหมาสามารถ ต่อต้านกองทัพญี่ปุ่นได้ด้วยยุทธวิธี “สงครามยืดเยื้อ” จนได้รับชัยชนะ

ในปี พ.ศ. 2486 เหมาได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์

ปี พ.ศ. 2489 เจียง ไคเช็ก ส่งกองทัพเข้ามาโจมตี กองทัพของเหมา แต่ก็สามารถเอาชนะทหารของเจียง ไคเช็กได้ ถึง 3 ครั้งใหญ่ๆ และนำทัพประชาชนเข้า คุมอำนาจรัฐบาล เจียง ไคเช็ก จึงจำเป็นต้องลี้ภัยพร้อมกับคนในรัฐบาลหลายๆ คนไป เกาะทางตอนใต้ของประเทศจีน ที่เรียกว่า "ไต้หวัน" ทำให้การปกครองระหว่างคอมมิวนิสต์กับประชาธิปไตย แบ่งเป็น 2 ฝั่ง นั่นคือ จีนแผ่นดินใหญ่ กับ ไต้หวัน

ผู้นำสูงสุดของจีน[แก้]

วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2492 เหมา ได้ประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จตุรัสเทียนอันเหมิน กรุงปักกิ่ง ในปีแรกของการบริหารประเทศ เหมาเน้นการเพิ่มความชำนาญและประสิทธิภาพในการปฏิรูปทางสังคมและเศรษฐกิจ และได้ให้ประชาชนทุกชนชั้นเข้ามามีส่วนร่วมในภารกิจนี้ ผลตอบรับจึงเป็นที่ประทับใจและได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง

ปี พ.ศ. 2493 นานาชาติเริ่มให้การยอมรับต่อรัฐบาลคอมมิวนิสต์มากขึ้นตามลำดับ แต่สิ่งที่ทำให้การยอมรับจากนานาชาติต้องสะดุดคือเหตุการณ์ สงครามเกาหลี เนื่องจากในปี พ.ศ. 2493 กองกำลังสหประชาชาติได้ถูกส่งเข้าไปในเกาหลีเหนือ จีนเกรงว่าจะเป็นภัยคุกคามต่อดินแดนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นหัวใจทางด้านอุตสาหกรรม จีนจึงส่งกองทัพปลดปล่อยประชาชน แต่เรียกตนเองว่าอาสาสมัครประชาชนจีนเข้าไปในเกาหลีเหนือ ในสงครามครั้งนั้น มีประเทศที่เป็น คอมมิวนิสต์ใหญ่ๆ 2 ประเทศคือ จีนแผ่นดินใหญ่ กับ สหภาพโซเวียต เข้าช่วยเหลือเกาหลีเหนือ

จอมพล ดักลาส แมคอาเธอร์ แห่งกองทัพเรือสหรัฐ มีความคิดที่จะร่วมมือกับ เจียง ไคเช็ก ว่าจะส่งกองทหารจีนคณะชาติเข้าช่วยทำสงครามในเกาหลีเพื่อปราบปรามกองทัพจีน แต่อังกฤษขอให้อเมริกางดความเห็นนี้เพราะเกรงจะเกิดสงครามใหญ่ หลังจากนั้นเขาก็ออกสื่อ ให้ทุกๆ อย่างจบลง ด้วยการโจมตีประเทศจีน จึงทำให้เขาต้องออกจากตำแหน่งตามคำสั่งของ แฮร์รี ทรูแมน

อสัญกรรม และพิธีศพ[แก้]

สุขภาพของเหมาเริ่มแย่ลงในช่วงทศวรรษที่ 2510 อันเป็นผลมาจากการสูบบุหรี่จัด เหมาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อเขาพบกับ ซัลฟิการ์ อาลี บุตโต นายกรัฐมนตรีปากีสถานที่มาเยือนประเทศจีน เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2519

เหมามีอาการหัวใจวาย เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2519 และถึงแก่อสัญกรรมในอีก 4 วันต่อมา เมื่อเวลา 00:10 น. ของวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1976 รวมอายุ 82 ปี พรรคคอมมิวนิสต์ได้ประกาศการถึงแก่อสัญกรรมของเขาผ่านทางวิทยุแห่งชาติจีน เมื่อเวลา 16:00 น.

ศพของเหมาถูกตั้งไว้ที่มหาศาลาประชาชนเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ประชาชนกว่า 1 ล้านคนมาร่วมแสดงความโศรกเศร้าและอาลัย

วันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 1976 ประชาชนมาชุมนุมพร้อมกันที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ฮั่ว กั๋วเฟิงได้กล่าวสรรเสริญเหมายาว 20 นาที บนหอประตูเทียนอันเหมิน เสียงปืน ไซเรน เสียงนกหวีด และเสียงแตรทั่วประเทศดังขึ้นพร้อมกันและยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 3 นาที วงดุริยางค์บรรเลงเพลงชาติ และ แองเตอร์นาซิอองนาล

ปัจจุบันศพของเหมาถูกจัดแสดงไว้อย่างถาวรใน หอรำลึกประธานเหมา จัตุรัสเทียนอันเหมิน เพื่อให้ประชาชนได้มาแสดงความเคารพ

ชีวิตส่วนตัว[แก้]

ชีวิตครอบครัวของเขามีภรรยา 4 คน

  • นางหลัว อีซิ่ว เป็นการแต่งแบบคลุมถุงชน ซึ่งเหมาไม่ได้ยินดีนักจึงได้เลิกรากันไป
  • นางหยาง ไคฮุย เสียชีวิตในการทำสงครามเพื่อชาติ พ.ศ. 2464
  • นางเฮ่อ จื่อเจิน นายพลหญิงแห่งกองทัพแดง (เลิกรากันไป) และ
  • นางเจียง ชิง ผู้นำการปฏิวัติกองทัพแดง หรือเรด การ์ดอันนองเลือดลือลั่นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จีนใหม่ นางฆ่าตัวตายปี 2534

ภาพรวม ของ เหมา เจ๋อตง[แก้]

อนุสาวรีย์เหมาที่ ลี่เจียง

พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ทำการประเมินผลงานและความผิดพลาดของเหมาอย่างรอบด้าน ได้ข้อสรุปว่า แม้ในบั้นปลายชีวิต เหมาจะได้ทำความผิดพลาดที่ร้ายแรง ในเหตุการณ์เคลื่อนไหวปฏิวัติวัฒนธรรมที่มีประชาชนล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อเทียบกับผลงานอันใหญ่หลวง และยาวนานที่ท่านสร้างให้แก่แผ่นดินและประชาชนจีน คุณความดีของท่านมีมากกว่าความผิดพลาด ประธานเหมาเจ๋อตงยังคงเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่และเป็นที่เคารพรักของประชาชนจีน

อ้างอิง[แก้]

  1. Schram 1966, p. 19; Hollingworth 1985, p. 15; Pantsov & Levine 2012, p. 11.
  2. Schram 1966, pp. 19–20; Terrill 1980, pp. 4–5, 15; Feigon 2002, pp. 13–14; Pantsov & Levine 2012, pp. 13–.
  3. 3.0 3.1 Schram 1966, p. 20; Terrill 1980, p. 11; Pantsov & Levine 2012, pp. 14, 17.
  4. Schram 1966, pp. 20–21; Terrill 1980, p. 8; Pantsov & Levine 2012, pp. 15, 20
  5. Terrill 1980, p. 12; Feigon 2002, p. 23, Pantsov & Levine 2012, pp. 25–28
  6. Feigon 2002, p. 15 Terrill 1980, pp. 10–11
  7. Schram 1966, p. 23; Terrill 1980, pp. 12–13; Pantsov & Levine 2012, p. 21
  8. Marquis, Christopher; Qiao, Kunyuan (2022). Mao and Markets: The Communist Roots of Chinese Enterprise. New Haven: Yale University Press. ISBN 978-0-300-26883-6. OCLC 1348572572.
  9. Schram 1966, p. 25; Terrill 1980, pp. 20–21; Pantsov & Levine 2012, p. 29
  10. Schram 1966, p. 22; Terrill 1980, p. 13; Pantsov & Levine 2012, pp. 17–18
  11. Terrill 1980, p. 14; Pantsov & Levine 2012, p. 18
  12. Schram 1966, p. 22; Feigon 2002, p. 15; Terrill 1980, p. 18; Pantsov & Levine 2012, p. 28
  13. Schram 1966, p. 26; Terrill 1980, p. 19; Pantsov & Levine 2012, pp. 28–30
  14. Schram 1966, p. 26; Terrill 1980, pp. 22–23; Pantsov & Levine 2012, p. 30
  15. Pantsov & Levine 2012, pp. 32–34
  16. Schram 1966, p. 27;Terrill 1980, p. 22; Pantsov & Levine 2012, p. 33
  17. Schram 1966, pp. 26–27; Terrill 1980, pp. 22–24; Pantsov & Levine 2012, p. 33
  18. Schram 1966, p. 26; Terrill 1980, p. 23; Pantsov & Levine 2012, p. 33
  19. Schram 1966, pp. 30–32; Pantsov & Levine 2012, pp. 32–35
  20. Schram 1966, p. 34; Pantsov & Levine 2012, pp. 34–35
  21. Schram 1966, pp. 34–35; Terrill 1980, pp. 23–24
ก่อนหน้า เหมา เจ๋อตง ถัดไป
สถาปนาตำแหน่ง ประธานาธิบดีจีน
(27 กันยายน พ.ศ. 2497 – 27 เมษายน พ.ศ. 2502)
หลิว เช่าฉี