เหมา เจ๋อตง
เหมา เจ๋อตง | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
毛泽东 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เหมา เจ๋อตง ใน พ.ศ. 2511 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประธานพรรคคอมมิวนิสต์จีน | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ดำรงตำแหน่ง 20 มีนาคม พ.ศ. 2486 – 9 กันยายน พ.ศ. 2519 (33 ปี 173 วัน) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รอง |
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ก่อนหน้า | จาง เหวินเทียน (เลขาธิการพรรค) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ถัดไป | ฮฺว่า กั๋วเฟิง | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประธานสาธารณรัฐประชาชนจีน คนที่ 1 | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ดำรงตำแหน่ง 27 กันยายน พ.ศ. 2497 – 27 เมษายน พ.ศ. 2502 (4 ปี 212 วัน) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
หัวหน้ารัฐบาล | โจว เอินไหล | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รอง | จู เต๋อ | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ถัดไป | หลิว เช่าฉี | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ดำรงตำแหน่ง 8 กันยายน พ.ศ. 2497 – 9 กันยายน พ.ศ. 2519 (22 ปี 1 วัน) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รอง |
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ถัดไป | ฮฺว่า กั๋วเฟิง | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ประธานคณะรัฐบาลประชาชนกลาง | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ดำรงตำแหน่ง 1 ตุลาคม พ.ศ. 2492 – 27 กันยายน พ.ศ. 2497 (4 ปี 361 วัน) | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
หัวหน้ารัฐบาล | โจว เอินไหล | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ข้อมูลส่วนบุคคล | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เกิด | 26 ธันวาคม พ.ศ. 2436 เฉาชาน มณฑลหูหนาน จักรวรรดิชิง | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เสียชีวิต | 9 กันยายน พ.ศ. 2519 (82 ปี) ปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ที่ไว้ศพ | อนุสรณ์สถานประธานเหมา, ปักกิ่ง | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
พรรคการเมือง | พรรคคอมมิวนิสต์จีน (2464–2519) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
การเข้าร่วม พรรคการเมืองอื่น | พรรคก๊กมินตั๋ง (2468–69) | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คู่สมรส |
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
บุตร | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
บุพการี |
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ศิษย์เก่า | มหาวิทยาลัยครูหูหนาน | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ลายมือชื่อ | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ชื่อภาษาจีน | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
อักษรจีนตัวย่อ | 毛泽东 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
อักษรจีนตัวเต็ม | 毛澤東 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
Courtesy name | |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
อักษรจีนตัวย่อ | 润之 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
อักษรจีนตัวเต็ม | 潤之 | ||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
สมาชิกสถาบันกลาง
ตำแหน่งทางการเมืองอื่น ๆ
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| |||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เหมา เจ๋อตง หรือ เหมา เจ๋อตุง (จีนตัวย่อ: 毛泽东; จีนตัวเต็ม: 毛澤東; พินอิน: Máo Zédōng; เวด-ไจลส์: Mao Tse-tung; 26 ธันวาคม พ.ศ. 2436 – 9 กันยายน พ.ศ. 2519) เป็นนักการเมือง นักทฤษฎีลัทธิมากซ์ นักยุทธศาสตร์การทหาร กวี และนักปฏิวัติชาวจีนที่กลายเป็นบิดาผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน เขาเป็นผู้นำประเทศนับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2492 จนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมในปี 2519 โดยทฤษฎี ยุทธศาสตร์การทหาร และนโยบายทางการเมืองของเขาเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "ลัทธิเหมา"
เหมาเกิดในครอบครัวชาวนาฐานะร่ำรวยในมณฑลหูหนาน เขาสนับสนุนลัทธิชาตินิยมจีนและต่อต้านลัทธิจักรวรรดินิยมตั้งแต่ยังเด็ก โดยได้รับอิทธิพลอย่างมากจากเหตุการณ์การปฏิวัติซินไฮ่ในปี 2454 และขบวนการ 4 พฤษภาคมในปี 2462 ในภายหลังเขาได้นำเอาระบบลัทธิมากซ์-เลนินมาใช้ในขณะที่ทำงานเป็นบรรณารักษ์ที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง และกลายเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน โดยเป็นผู้นำการปฏิวัติเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงในปี 2470
ในช่วงสงครามกลางเมืองจีน เหมาเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งกองทัพแดงจีน เป็นผู้นำนโยบายปฏิรูปที่ดินสุดโต่งของโซเวียตเจียงซี และในที่สุดก็กลายเป็นหัวหน้าพรรคในระหว่างการเดินทัพทางไกล แม้ว่าพรรคคอมมิวนิสต์จะร่วมมือกับพรรคก๊กมินตั๋งชั่วคราวภายใต้แนวร่วมที่สองในช่วงสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่สอง (2480–88) แต่สงครามกลางเมืองของจีนก็กลับมาดำเนินต่อหลังจากที่ญี่ปุ่นยอมจำนน และกองกำลังของเหมาก็สามารถเอาชนะรัฐบาลชาตินิยมจนล่าถอยไปยังไต้หวันในปี 2492
วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2492 เหมาประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นรัฐพรรคการเมืองเดียวแบบลัทธิมากซ์-เลนินที่ควบคุมโดยพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในช่วงหลายปีต่อมา เขาได้กระชับอำนาจของเขาผ่านการรณรงค์ปฏิรูปที่ดิน ต่อต้านเจ้าของที่ดิน การรณรงค์ปราบปรามผู้ต่อต้านการปฏิวัติ การรณรงค์ต้านสามต้านห้า และผ่านการพักรบในสงครามเกาหลี ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้เกิดการเสียชีวิตของชาวจีนหลายล้านคน
ระหว่างปี พ.ศ. 2496–2501 เหมามีบทบาทสำคัญในการบังคับใช้ระบบเศรษฐกิจแบบบังคับในจีน ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรกของประเทศ ริเริ่มโครงการอุตสาหกรรมและโครงการทางทหาร เช่น โครงการ "ระเบิดสองลูก หนึ่งดาวเทียม" และโครงการ 523 นโยบายต่างประเทศของเหมาในช่วงเวลานี้ถูกครอบงำโดยความแตกแยกระหว่างจีนกับโซเวียต ซึ่งส่งผลให้จีนและสหภาพโซเวียตมีความห่างเหินกัน
ในปี 2498 เหมาได้ริเริ่มขบวนการซูฝาน และขบวนการต่อต้านฝ่ายขวาในปี 2500 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นปัญญาชนและผู้คัดค้านอย่างน้อย 550,000 คน ในปี 2501 เหมาได้ริเริ่มนโยบายก้าวกระโดดไกลไปข้างหน้า โดยมีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนเศรษฐกิจของจีนจากการเกษตรมาเป็นอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว นำไปสู่การเกิดภาวะทุพภิกขภัยที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ และทำให้เกิดการเสียชีวิตของผู้คนระหว่าง 15–55 ล้านคนระหว่างปี 2501–05
ในปี 2506 เหมาเริ่มขบวนการนักศึกษาลัทธิสังคมนิยม และในปี 2509 เขาได้ริเริ่มการปฏิวัติทางวัฒนธรรมเป็นโครงการที่จะขจัด "การต่อต้านการปฏิวัติ" ในสังคมจีนซึ่งกินเวลานานถึง 10 ปี มีการต่อสู้ทางชนชั้นอย่างรุนแรง การทำลายศิลปวัตถุทางวัฒนธรรม และยกย่องบูชาเหมาอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน มีประชาชนหลายสิบล้านคนที่ถูกข่มเหงรังแกในระหว่างการปฏิวัติ โดยมีการประมาณจำนวนผู้เสียชีวิตในช่วงตั้งแต่หลายแสนไปจนถึงหลายล้านคน ซึ่งรวมไปถึงหลิว เช่าฉี ประธานประเทศคนที่สอง หลังจากเผชิญกับอาการป่วยเรื้อรังมาเป็นเวลานาน เหมาก็ได้ถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคหัวใจในปี พ.ศ. 2519 รวมอายุ 82 ปี
ในช่วงยุคของเหมา ประชากรจีนเพิ่มขึ้นอย่างมากจากประมาณ 550 ล้านคน เป็นมากกว่า 900 ล้านคน ซึ่งเป็นผลมาจากการที่รัฐบาลไม่ได้บังคับใช้กฎหมายการวางแผนครอบครัวอย่างเข้มงวด ในช่วงเวลานี้ จีนยังมีบทบาทสำคัญในความขัดแย้งของประเทศคอมมิวนิสต์อื่น ๆ ในเอเชีย เช่น สงครามเกาหลี สงครามเวียดนาม และสงครามกลางเมืองกัมพูชา
เหมา เจ๋อตง ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของศตวรรษที่ 20 เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เปลี่ยนแปลงจีนให้กลายเป็นมหาอำนาจระดับโลก การปฏิรูปที่ดินและการยกเลิกระบบเจ้าขุนมูลนาย ทำให้ชาวนาจีนหลายร้อยล้านคนสามารถมีที่ดินทำกินของตนเองเป็นครั้งแรก การรณรงค์เพื่อการรู้หนังสือ การส่งเสริมสิทธิสตรี การสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน การศึกษาภาคบังคับ และการยกระดับอายุขัยเฉลี่ย ล้วนเป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เขาเป็นผู้นำ
เหมากลายเป็นหัวหอกทางอุดมการณ์เบื้องหลังแนวคิดของเขา และเป็นผู้มีอิทธิพลอย่างมากต่อขบวนการคอมมิวนิสต์ระหว่างประเทศ เขาได้รับการยกย่อง ชื่นชม และมีลัทธิบูชาบุคคลทั้งในช่วงชีวิตและหลังอสัญกรรม อย่างไรก็ตาม นโยบายของเหมาก็เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของชาวจีนจำนวนมหาศาล โดยมีการประมาณการว่ามีผู้เสียชีวิตราว 40–80 ล้านคนจากความอดอยาก การกดขี่ แรงงานในคุก และการประหารชีวิตจำนวนมาก รัฐบาลของเขาถูกมองว่าเป็นระบบรวบอำนาจเบ็ดเสร็จ
ชีวิตช่วงต้น[แก้]
ชีวิตวัยเด็กเละการปฏิวัติซินไฮ่: พ.ศ. 2436–54[แก้]
เหมา เจ๋อตง เกิดเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2436 ในครอบครัวชาวนา อาศัยอยู่ในเขตชนบทชานเมืองเฉาชาน มณฑลหูหนาน[1] พ่อของเขาคือ เหมา อี๋ชาง เดิมเป็นชาวนาที่ยากจน แต่ต่อมาได้กลายเป็นหนึ่งในชาวนาที่ร่ำรวยที่สุดในเฉาชาน เหมา เจ๋อตง เคยเล่าว่าพ่อของเขาเป็นคนเคร่งครัดในระเบียบ มีนิสัยดุว่าเขาและพี่น้องอีกสามคน ได้แก่ เหมา เจ๋อหมิน เหมา เจ๋อถาน และเหมา เจ๋อเจี้ยน (น้องสาว/ลูกพี่ลูกน้องที่รับมาเลี้ยง)[2] แม่ของเหมาคือ เหวิน ชีเม่ย์ เป็นพุทธศาสนิกชนที่เคร่งครัด เธอพยายามลดทอนความเข้มงวดของสามี[3] เหมา เจ๋อตง เองก็เคยเป็นชาวพุทธเช่นกัน แต่เขาได้ละทิ้งศรัทธานี้ในช่วงวัยรุ่นตอนกลาง[3] เมื่ออายุได้ 8 ปี เหมาถูกส่งไปเรียนที่โรงเรียนประถมเฉาชาน เขาได้เรียนรู้ระบบคุณค่าของลัทธิขงจื๊อ แม้ภายหลังเขาจะยอมรับว่าไม่ชอบตำราจีนโบราณที่สั่งสอนศีลธรรมตามแนวขงจื๊อ แต่กลับชื่นชอบวรรณกรรมจีนคลาสสิกอย่าง สามก๊ก และซ้องกั๋งมากกว่า[4] เมื่ออายุ 13 ปี เขาเรียนจบประถมศึกษา พ่อของเขาได้จัดการแต่งงานแบบคลุมถุงชนให้เขากับหลัว อีซิ่ว หญิงสาววัย 17 ปี เพื่อรวมที่ดินของทั้งสองครอบครัวเข้าด้วยกัน แต่เหมากลับปฏิเสธที่จะยอมรับเธอเป็นภรรยา และวิจารณ์การแต่งงานแบบคลุมถุงชนอย่างรุนแรง เหมาจึงตัดสินใจย้ายหนีออกไปชั่วคราว เหตุการณ์นี้ส่งผลให้หลัวเสื่อมเสียชื่อเสียงในท้องถิ่น และเสียชีวิตในปี 2453 ขณะมีอายุเพียง 20 ปี[5]
ขณะทำงานอยู่ที่นาของพ่อ เหมา เจ๋อตง หมั่นอ่านหนังสืออย่างมากมาย[6] และพัฒนา "สำนึกทางการเมือง" ขึ้นมาจากจุลสารของเจิ้ง กวานอิง ซึ่งกล่าวถึงการเสื่อมถอยของอำนาจจีน และสนับสนุนการนำระบบประชาธิปไตยแบบมีผู้แทนมาใช้[7] นอกจากนี้ เหมายังได้อ่านงานแปลของนักเขียนชาวตะวันตกหลายคน เช่น อดัม สมิธ, มงแต็สกีเยอ, ฌ็อง-ฌัก รูโซ, ชาลส์ ดาร์วิน และโทมัส ฮักซ์ลีย์[8]: 34 เหมา เจ๋อตง ซึ่งสนใจประวัติศาสตร์ ได้รับแรงบันดาลใจจากความสามารถทางทหารและความรักชาติอันแรงกล้าของจอร์จ วอชิงตัน และนโปเลียน โบนาปาร์ต[9] มุมมองทางการเมืองของเขาได้รับการหล่อหลอมจากการประท้วงที่นำโดยสมาคมเกอเหล่าฮุ่ย ซึ่งปะทุหลังจากการขาดแคลนอาหารในฉางชา เมืองหลวงของมณฑลหูหนาน เหมาสนับสนุนข้อเรียกร้องของผู้ประท้วง แต่กองกำลังติดอาวุธได้ปราบปรามผู้เห็นต่างและประหารชีวิตผู้นำของพวกเขา[10] เมื่อความอดอยากแพร่กระจายไปยังเฉาชาน ชาวนาที่อดอยากได้ยึดเอาเมล็ดข้าวของพ่อ เหมาไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพวกเขา เพราะมองว่าเป็นเรื่องผิดศีลธรรม แต่เขาก็อ้างว่าเห็นใจในสถานการณ์ที่พวกเขาเผชิญอยู่[11] เมื่ออายุ 16 ปี เหมาได้ย้ายไปเรียนต่อที่โรงเรียนประถมศึกษาตอนปลายในตงชานซึ่งอยู่ใกล้เคียง[12] ที่นั่นเขาถูกเพื่อนรังแก เนื่องจากภูมิหลังที่เป็นชาวนา[13]
ในปี พ.ศ. 2454 เหมาเข้าเรียนต่อในโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นในฉางชา[14] ขณะนั้น กระแสความคิดปฏิวัติรุนแรงแพร่หลายไปทั่วเมือง เนื่องจากมีความรู้สึกต่อต้านระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของจักรพรรดิผู่อี๋อย่างกว้างขวาง และมีประชาชนจำนวนมากที่สนับสนุนระบอบสาธารณรัฐ บุคคลสำคัญของฝ่ายสาธารณรัฐคือ ซุน ยัตเซ็น ชาวจีนที่ได้รับการศึกษาจากอเมริกา และเป็นผู้นำสมาคมถงเหมิงฮุ่ย[15] ที่ฉางชา เหมาได้รับอิทธิพลจากหนังสือพิมพ์ของซุนยัตเซ็น ชื่อ “หมินลี่เป้า” (อิสรภาพของประชาชน),[16] และเคยสนับสนุนให้ซุนเป็นประธานาธิบดีในเรียงความที่โรงเรียน[17] เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านราชวงศ์แมนจู เหมาและเพื่อนได้ทำการตัดเปียซึ่งเป็นทรงผมที่แสดงถึงความภักดีต่อจักรพรรดิออก[18]
ด้วยแรงบันดาลใจจากแนวคิดการปกครองแบบสาธารณรัฐของซุน ยัตเซ็น กองทัพได้ลุกฮือขึ้นทั่วภาคใต้ของจีน จุดประกายให้เกิดการปฏิวัติซินไฮ่ ผู้ว่าการเมืองฉางชาหนีออกนอกเมือง ทำให้เมืองตกอยู่ในการควบคุมของฝ่ายสาธารณรัฐ[19] เหมาสนับสนุนการปฏิวัติ และเข้าร่วมกองทัพกบฏเป็นทหารชั้นผู้น้อย แต่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการสู้รบหรือการต่อสู้ เพราะภาคเหนือของจีนยังคงภักดีต่อจักรพรรดิและหวังจะที่หลีกเลี่ยงสงครามกลางเมือง ซุน ยัตเซ็น ซึ่งผู้สนับสนุนขนานนามว่า "ประธานาธิบดีเฉพาะกาล" จึงยอมเจรจากับนายพลยฺเหวียน ชื่อไข่ แม่ทัพฝ่ายกษัตริย์ แม้ว่าสถาบันกษัตริย์จะถูกยกเลิก นำไปสู่การสถาปนาสาธารณรัฐจีน แต่สุดท้าย นายพลยฺเหวียนผู้สนับสนุนกษัตริย์ก็กลายเป็นประธานาธิบดีแทน เมื่อการปฏิวัติสิ้นสุดลง เหมาก็ลาออกจากกองทัพในปี 2455 หลังจากเป็นทหารได้ 6 เดือน[20] ในช่วงเวลานี้ เหมาได้ค้นพบแนวคิดสังคมนิยมจากบทความในหนังสือพิมพ์ ต่อมาเขาได้อ่านจุลสารของเจียง คั่งหู่ นักศึกษาผู้ก่อตั้งพรรคสังคมนิยมจีน ถึงแม้เหมาจะสนใจแนวคิดนี้ แต่ก็ยังไม่เชื่อมั่น[21]
ประวัติ[แก้]
เหมาเกิดเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2436 ในครอบครัวชาวนา อาศัยอยู่ในเขตชนบทชานเมืองเฉาชาน มณฑลหูหนาน เมื่ออายุได้ 8 ขวบ เขาได้เข้าเรียนที่โรงเรียนประถมในหมู่บ้าน เรียนหลักลัทธิขงจื้อ ปลูกฝังความคิดจารีตโบราณ ต่อมาเขาถูกคลุมถุงชนให้แต่งงานกับ หลัว อีซิ่ว หญิงสาวที่อายุมากกว่า ด้วยวัยเยาว์ทำให้ไม่มีความสุขกับชีวิตครอบครัว อีกทั้งต้องการก้าวสู่โลกกว้างมากกว่ามีชีวิตทำนา เลี้ยงสัตว์อยู่กับบ้านไปวันๆ จึงตัดสินใจเดินทางออกจากบ้านเกิดเข้าอำเภอฉางชา เรียนหนังสือในโรงเรียนตามหลักสูตรรัฐบาล เป็นนักเรียนโข่งร่วมชั้นกับเด็กเล็กๆ ต่อมาสอบเข้าเรียนต่อวิทยาลัยครูหูหนาน จากนั้นมุ่งหน้าเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยปักกิ่ง เรียนไปทำงานเป็นผู้ช่วยบรรณารักษ์ห้องสมุดมหาวิทยาลัยไปด้วย และห้องสมุดนั้นเองที่เป็นคลังความรู้ให้สะสมภูมิปัญญา ทั้งแตกฉานทางอักษรศาสตร์ ว่ากันว่าความรู้ที่ได้จากห้องสมุดมหาวิทยาลัยปักกิ่งคือต้นทุนที่ทำให้เขาปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองของจีนได้สำเร็จ
เหมาทุ่มเทเวลาให้กับการเรียนหนังสืออย่างจริงจัง เวลาว่างเขาเขียนบทความลงหนังสือของวิทยาลัยครู ใช้นามแฝง "เอ้อสือปาวาเซิง" หรือ "นายยี่สิบแปดขีด" ตามชื่อของเขาที่เมื่อเขียนเป็นภาษาจีนแบบตัวเต็ม จะมีทั้งหมด 28 ขีด งานเขียนส่วนใหญ่ของเหมาได้แสดงทัศนะวิพากษ์วิจารณ์การปกครองของราชสำนักชิงซึ่งเป็นชาวแมนจู
เหมารวมพลคนที่มีความคิดแบบเดียวกัน ร่วมกันก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีนใน พ.ศ. 2464 และปีเดียวกัน เขาเป็นแกนนำหยุดงานประท้วงของคนงานเหมืองแร่ที่อันหยวน เขียนหนังสือ "พลังปฏิวัติเบ่งบานออกมาจากปากกระบอกปืน" แล้วก่อตั้งกองทัพแดงกรรมกรและชาวนา ตามด้วยกองทัพปลดแอกประชาชน ปฏิบัติการ "ป่าล้อมเมือง" จนมีชัยเหนือเจียง ไคเช็ก
เหมา เจ๋อตง กับ เจียง ไคเชก[แก้]
เหมา เจ๋อตง กับ เจียง ไคเชก นั้นแต่เดิมเคยเป็นเพื่อนกันมาก่อน แต่เนื่องจาก เจียง เป็นมือขวาคนสำคัญของ ซุน ยัตเซน และมีความใกล้ชิดกันมาก เจียง จึงมีแนวคิดคล้ายกับ ซุน ยัตเซน นั่นคือต้องการให้ประเทศจีนปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ส่วนเหมา มีแนวคิดเป็นคอมมิวนิสต์ จึงต้องการให้ประเทศจีนปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ เพราะเหตุนี้จึงทำให้ทั้งคู่กลายมาเป็นเป็นศัตรูกันจนถึงวันเสียชีวิตของทั้งคู่
การปฏิวัติ[แก้]
เหมามีประชาชนสนับสนุนเขามาก โดยเฉพาะชาวไร่ ชาวนา กรรมกร และคนจน จึงได้จัดเป็นกองกำลังขึ้น โดยมีสหภาพโซเวียต คอยสนับสนุนอยู่ เพื่อปฏิวัติประเทศจีนให้เป็นคอมมิวนิสต์ แต่ เจียง ไคเช็กซึ่งกองทัพอยู่ในมือ จึงสามารถเล่นงานเหมาได้ง่าย แต่ปัญหาหลักคือ กองทัพญี่ปุ่นที่กำลังรุกคืบมายึดจีน โดยเฉพาะในยุทธการนานกิงมีประชาชนชาวจีนล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่เจียง ไคเช็ก เห็นว่าคอมมิวนิสต์อันตรายกว่า จึงส่งกองทัพหวังโจมตีกองทัพของเหมา ต่อมาในปี พ.ศ. 2480-พ.ศ. 2488 กองทัพเหมาสามารถ ต่อต้านกองทัพญี่ปุ่นได้ด้วยยุทธวิธี “สงครามยืดเยื้อ” จนได้รับชัยชนะ
ในปี พ.ศ. 2486 เหมาได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์
ปี พ.ศ. 2489 เจียง ไคเช็ก ส่งกองทัพเข้ามาโจมตี กองทัพของเหมา แต่ก็สามารถเอาชนะทหารของเจียง ไคเช็กได้ ถึง 3 ครั้งใหญ่ๆ และนำทัพประชาชนเข้า คุมอำนาจรัฐบาล เจียง ไคเช็ก จึงจำเป็นต้องลี้ภัยพร้อมกับคนในรัฐบาลหลายๆ คนไป เกาะทางตอนใต้ของประเทศจีน ที่เรียกว่า "ไต้หวัน" ทำให้การปกครองระหว่างคอมมิวนิสต์กับประชาธิปไตย แบ่งเป็น 2 ฝั่ง นั่นคือ จีนแผ่นดินใหญ่ กับ ไต้หวัน
ผู้นำสูงสุดของจีน[แก้]
วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2492 เหมา ได้ประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน ณ จตุรัสเทียนอันเหมิน กรุงปักกิ่ง ในปีแรกของการบริหารประเทศ เหมาเน้นการเพิ่มความชำนาญและประสิทธิภาพในการปฏิรูปทางสังคมและเศรษฐกิจ และได้ให้ประชาชนทุกชนชั้นเข้ามามีส่วนร่วมในภารกิจนี้ ผลตอบรับจึงเป็นที่ประทับใจและได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง
ปี พ.ศ. 2493 นานาชาติเริ่มให้การยอมรับต่อรัฐบาลคอมมิวนิสต์มากขึ้นตามลำดับ แต่สิ่งที่ทำให้การยอมรับจากนานาชาติต้องสะดุดคือเหตุการณ์ สงครามเกาหลี เนื่องจากในปี พ.ศ. 2493 กองกำลังสหประชาชาติได้ถูกส่งเข้าไปในเกาหลีเหนือ จีนเกรงว่าจะเป็นภัยคุกคามต่อดินแดนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นหัวใจทางด้านอุตสาหกรรม จีนจึงส่งกองทัพปลดปล่อยประชาชน แต่เรียกตนเองว่าอาสาสมัครประชาชนจีนเข้าไปในเกาหลีเหนือ ในสงครามครั้งนั้น มีประเทศที่เป็น คอมมิวนิสต์ใหญ่ๆ 2 ประเทศคือ จีนแผ่นดินใหญ่ กับ สหภาพโซเวียต เข้าช่วยเหลือเกาหลีเหนือ
จอมพล ดักลาส แมคอาเธอร์ แห่งกองทัพเรือสหรัฐ มีความคิดที่จะร่วมมือกับ เจียง ไคเช็ก ว่าจะส่งกองทหารจีนคณะชาติเข้าช่วยทำสงครามในเกาหลีเพื่อปราบปรามกองทัพจีน แต่อังกฤษขอให้อเมริกางดความเห็นนี้เพราะเกรงจะเกิดสงครามใหญ่ หลังจากนั้นเขาก็ออกสื่อ ให้ทุกๆ อย่างจบลง ด้วยการโจมตีประเทศจีน จึงทำให้เขาต้องออกจากตำแหน่งตามคำสั่งของ แฮร์รี ทรูแมน
อสัญกรรม และพิธีศพ[แก้]
สุขภาพของเหมาเริ่มแย่ลงในช่วงทศวรรษที่ 2510 อันเป็นผลมาจากการสูบบุหรี่จัด เหมาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อเขาพบกับ ซัลฟิการ์ อาลี บุตโต นายกรัฐมนตรีปากีสถานที่มาเยือนประเทศจีน เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2519
เหมามีอาการหัวใจวาย เมื่อวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2519 และถึงแก่อสัญกรรมในอีก 4 วันต่อมา เมื่อเวลา 00:10 น. ของวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1976 รวมอายุ 82 ปี พรรคคอมมิวนิสต์ได้ประกาศการถึงแก่อสัญกรรมของเขาผ่านทางวิทยุแห่งชาติจีน เมื่อเวลา 16:00 น.
ศพของเหมาถูกตั้งไว้ที่มหาศาลาประชาชนเป็นเวลา 1 สัปดาห์ ประชาชนกว่า 1 ล้านคนมาร่วมแสดงความโศรกเศร้าและอาลัย
วันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 1976 ประชาชนมาชุมนุมพร้อมกันที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ฮั่ว กั๋วเฟิงได้กล่าวสรรเสริญเหมายาว 20 นาที บนหอประตูเทียนอันเหมิน เสียงปืน ไซเรน เสียงนกหวีด และเสียงแตรทั่วประเทศดังขึ้นพร้อมกันและยืนสงบนิ่งเป็นเวลา 3 นาที วงดุริยางค์บรรเลงเพลงชาติ และ แองเตอร์นาซิอองนาล
ปัจจุบันศพของเหมาถูกจัดแสดงไว้อย่างถาวรใน หอรำลึกประธานเหมา จัตุรัสเทียนอันเหมิน เพื่อให้ประชาชนได้มาแสดงความเคารพ
ชีวิตส่วนตัว[แก้]
ชีวิตครอบครัวของเขามีภรรยา 4 คน
- นางหลัว อีซิ่ว เป็นการแต่งแบบคลุมถุงชน ซึ่งเหมาไม่ได้ยินดีนักจึงได้เลิกรากันไป
- นางหยาง ไคฮุย เสียชีวิตในการทำสงครามเพื่อชาติ พ.ศ. 2464
- นางเฮ่อ จื่อเจิน นายพลหญิงแห่งกองทัพแดง (เลิกรากันไป) และ
- นางเจียง ชิง ผู้นำการปฏิวัติกองทัพแดง หรือเรด การ์ดอันนองเลือดลือลั่นครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์จีนใหม่ นางฆ่าตัวตายปี 2534
ภาพรวม ของ เหมา เจ๋อตง[แก้]
พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้ทำการประเมินผลงานและความผิดพลาดของเหมาอย่างรอบด้าน ได้ข้อสรุปว่า แม้ในบั้นปลายชีวิต เหมาจะได้ทำความผิดพลาดที่ร้ายแรง ในเหตุการณ์เคลื่อนไหวปฏิวัติวัฒนธรรมที่มีประชาชนล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อเทียบกับผลงานอันใหญ่หลวง และยาวนานที่ท่านสร้างให้แก่แผ่นดินและประชาชนจีน คุณความดีของท่านมีมากกว่าความผิดพลาด ประธานเหมาเจ๋อตงยังคงเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่และเป็นที่เคารพรักของประชาชนจีน
อ้างอิง[แก้]
- ↑ Schram 1966, p. 19; Hollingworth 1985, p. 15; Pantsov & Levine 2012, p. 11.
- ↑ Schram 1966, pp. 19–20 ; Terrill 1980, pp. 4–5, 15 ; Feigon 2002, pp. 13–14 ; Pantsov & Levine 2012, pp. 13– .
- ↑ 3.0 3.1 Schram 1966, p. 20 ; Terrill 1980, p. 11 ; Pantsov & Levine 2012, pp. 14, 17 .
- ↑ Schram 1966, pp. 20–21 ; Terrill 1980, p. 8 ; Pantsov & Levine 2012, pp. 15, 20
- ↑ Terrill 1980, p. 12 ; Feigon 2002, p. 23 , Pantsov & Levine 2012, pp. 25–28
- ↑ Feigon 2002, p. 15 Terrill 1980, pp. 10–11
- ↑ Schram 1966, p. 23 ; Terrill 1980, pp. 12–13 ; Pantsov & Levine 2012, p. 21
- ↑ Marquis, Christopher; Qiao, Kunyuan (2022). Mao and Markets: The Communist Roots of Chinese Enterprise. New Haven: Yale University Press. ISBN 978-0-300-26883-6. OCLC 1348572572.
- ↑ Schram 1966, p. 25 ; Terrill 1980, pp. 20–21 ; Pantsov & Levine 2012, p. 29
- ↑ Schram 1966, p. 22 ; Terrill 1980, p. 13 ; Pantsov & Levine 2012, pp. 17–18
- ↑ Terrill 1980, p. 14 ; Pantsov & Levine 2012, p. 18
- ↑ Schram 1966, p. 22 ; Feigon 2002, p. 15 ; Terrill 1980, p. 18 ; Pantsov & Levine 2012, p. 28
- ↑ Schram 1966, p. 26 ; Terrill 1980, p. 19 ; Pantsov & Levine 2012, pp. 28–30
- ↑ Schram 1966, p. 26 ; Terrill 1980, pp. 22–23 ; Pantsov & Levine 2012, p. 30
- ↑ Pantsov & Levine 2012, pp. 32–34
- ↑ Schram 1966, p. 27 ;Terrill 1980, p. 22 ; Pantsov & Levine 2012, p. 33
- ↑ Schram 1966, pp. 26–27 ; Terrill 1980, pp. 22–24 ; Pantsov & Levine 2012, p. 33
- ↑ Schram 1966, p. 26 ; Terrill 1980, p. 23 ; Pantsov & Levine 2012, p. 33
- ↑ Schram 1966, pp. 30–32 ; Pantsov & Levine 2012, pp. 32–35
- ↑ Schram 1966, p. 34 ; Pantsov & Levine 2012, pp. 34–35
- ↑ Schram 1966, pp. 34–35 ; Terrill 1980, pp. 23–24
ก่อนหน้า | เหมา เจ๋อตง | ถัดไป | ||
---|---|---|---|---|
สถาปนาตำแหน่ง | ประธานาธิบดีจีน (27 กันยายน พ.ศ. 2497 – 27 เมษายน พ.ศ. 2502) |
หลิว เช่าฉี |