ผู้ใช้:Khaolaor/ทดลองเขียน
บทความนี้ทั้งหมดหรือบางส่วน มีเนื้อหา รูปแบบ หรือลักษณะการนำเสนอที่ไม่เหมาะสมสำหรับสารานุกรม |
Khaolaor/ทดลองเขียน | |
---|---|
เกิด | 26 มิถุนายน 2471 จังหวัดสระบุรี ประเทศสยาม |
เสียชีวิต | 8 พฤศจิกายน 2551 |
สัญชาติ | ไทย |
อาชีพ | นักธุรกิจ, นักประชาสัมพันธ์, นักพูด, นักประดิษฐ์, นักสังคมสงเคราะห์, นักเขียน |
คู่สมรส | บุญเรือน พงษ์บริบูรณ์ |
บุตร | 4 คน |
ลุงขาวไขอาชีพ หรือ วราพงษ์ พงษ์บริบูรณ์ นักธุรกิจ นักประชาสัมพันธ์ นักพูด นักประดิษฐ์ นักสังคมสงเคราะห์ และนักเขียนชาวไทย
ประวัติ[แก้]
วัยเด็ก[แก้]
วราพงษ์ พงษ์บริบูรณ์ เกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2471 ที่ตำบลหนองควายโซ อำเภอหนองแซง จังหวัดสระบุรี[1][ระบุข้อมูลทางบรรณานุกรมไม่ครบ] จบชั้นมัธยมต้นที่โรงเรียนเทพศิรินทร์[2] และปวส. ที่พาณิชยการพระนคร และเป็นยุวชนทหารสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง[3][ระบุข้อมูลทางบรรณานุกรมไม่ครบ]
งานเพื่อสังคม[แก้]
ปี 2509 "ลุงขาว" เป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ “กระจกเงาเยาวชน” ทางช่อง 4 บางขุนพรหม บุคคลที่อ้างอิงได้ ที่เคยออกรายการคือ ทินวัฒน์ มฤคพิทักษ์ เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รายการวิทยุ “ชีวิตนี้มีความหวัง” และรายการ “ลุงขาวไขอาชีพ” สอนอาชีพง่ายๆ ทางสถานีวิทยุ ททท. ประมาณปี พ.ศ. 2510 "ลุงขาว" เป็นกรรมการสมาคมศิษย์เก่าพาณิชยการพระนคร ได้จัดโครงการ อาสาสมัครพาณิชยการสามสถาบัน คือ พระนคร พระเชตุพนธ์ และตั้งตรงจิตร ทั้งสามวิทยาลัยร่วมทำกิจกรรมอาสาสมัครเข้าไปช่วยถือของให้ผู้สูงอายุที่ตลาดนัดท้องสนามหลวงในวันเสาร์และอาทิตย์ เพื่อฝึกฝนให้มีความกล้าและรู้จักทำประโยชน์แก่ผู้อื่น ฝึกสอนให้เป็นผู้รู้จักคิดรู้จักทำในทางที่ถูกต้อง และให้เกิดความสามัคคีในระหว่างวิทยาลัยทั้งสาม[4]
ชีวิตส่วนตัว[แก้]
"ลุงขาว" สมรสกับ คุณบุญเรือน (ขาวละออ) พงษ์บริบูรณ์ บุตรี หมอหลง ขาวละออ (บ.ภ., บ.ว.) ผู้ก่อตั้ง "ขาวลออโอสถ"[5] ซึ่ง"ลุงขาว" เป็นผู้บุกเบิกขยายตลาดไปต่างจังหวัดจนทั่วประเทศ ด้วยการฉายหนังพร้อมโฆษณาขายยา[6] ยาที่มีชื่อเสียงคือยาถ่ายพยาธิขาวละออ วิธีการของลุงขาวในการฉายหนังก็ไม่เหมือนผู้อื่น ได้ประยุกต์ใช้ปริซึมสะท้อนแสงฉายออกกระจกหน้าจอทีวี ทำให้ผู้ชมตื่นเต้นมาก ซึ่ง ขาวลออโอสถ ก็คือ "ขาวละออเภสัช" ในปัจจุบัน[5]
ความเป็นมาของมูลนิธิลุงขาวไขอาชีพ[แก้]
ในปี 2511 "ลุงขาว" หลังจากรถยนต์ที่ใช้ฝึกสอนอาชีพเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ ไม่สามารถไปฝึกสอนในต่างจังหวัดได้อีก "ลุงขาว" และผู้ฟังวิทยุรวมกลุ่มกันจัดตั้ง "ชมรมสัมมาอาชีพวิทยาทาน" สอนอาชีพง่ายๆ โดยผู้สอนที่มิจิตใจเสียสละ มาสอนให้โดยไม่คิดค่าตอบแทน ในปี 2512 "สันนิบาตเสรีชนแห่งประเทศไทย" ถนนเพลินจิต ได้ให้สถานที่สอนอาชีพเพื่อเป็นวิทยาทานในวันเสาร์และอาทิตย์ มีผู้มาเรียนวันละประมาณ 400 คน วิชาที่จะเรียนก็เป็นอาชีพง่ายๆ เรียนได้ในวันเดียวหรือครึ่งวัน ไม่ต้องมีทุนทรัพย์มาก เช่น การทำขนมครก การทำปาท่องโก๋ เทคนิคการถ่ายภาพและอัดภาพ หรือกระทั่งการทำตุ่มซีเมนต์แบบง่ายโดยใช้กระสอบเย็บขึ้นรูปเป็นตุ่มบนแผ่นซีเมต์ก้นตุ่มที่ได้เตรียมไว้แล้ว ใส่แกลบเข้าไปในกระสอบให้เต็ม ทาจาระบีให้ทั่วแล้วพอกด้วยปูนซีเมนต์ เมื่อปูนแห้งก็นำแกลบและกระสอบออก ก็จะได้ตุ่มตามต้องการ ตุ่มซีเมนต์แบบนี้จะมีขนาดใหญ่เท่าใดก็ได้ตามต้องการเพราะสร้างอยู่กับที่ไม่ต้องเคลือนย้าย ซึ่งผู้ที่เผยแพร่วิธีนี้แก่"ลุงขาว" คือ พ่อค้าชื่อ "หลวง มหานาม" ยังมีการสอนวิชาชีพจากวิทยากรที่เข้ามาช่วยโดยเสียสละเวลามาและไม่มีค่าตอบแทนใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นวิชาชีพช่างต่าง ๆ ,การตัดเย็บเสื้อผ้า,การทำขนม เช่น โรตีสายไหม,น้ำหวานบรรจุขวดแบบไม่ใส่สารกันบูด (บุตรสาวลุงขาวสอนเอง),การต่อเรือเล็ก โดยอาจารย์บุญยืน สุวรรณานนท์ ,การสอนซ่อมแซมอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยอาจารย์นิวัฒน์ แจ้งพลอย การทำดอกไม้ประดิษฐ์ โดยอาจารย์ ประยงค์ บุญประกอบ การสอนศิลปป้องกันตัว การทำซิลค์สกรีน เป็นต้น ภายหลังชมรมสัมมาอาชีพวิทยาทาน ได้เปลี่ยนชื่อเป็นชมรมลุงขาวไขอาชีพ และ "มูลนิธิลุงขาวไขอาชีพ" องค์กรสมาชิกสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ตามลำดับ[7]
เส้นทางการเมือง[แก้]
เพื่อหาทางขยายผลการฝึกสอนอาชีพแก่ประชาชนให้ทั่วถึงยิ่งขึ้น "ลุงขาว" จึงตัดสินใจลงสมัครเป็นสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร ในปี 2517 และได้ริเริ่มให้ กรุงเทพมหานครจัดหน่วยงานฝึกสอนอาชีพแก่ผู้ยากจนเป็นการถาวร โดยจัดสอนที่สวนลุมพินีทุกวันอาทิตย์ ซึ่งปัจจุบันคือ กองส่งเสริมอาชีพ สำนักพัฒนาชุมชน กทม. ในปี 2522 "ลุงขาว" ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตบางเขน สังกัดพรรคประชากรไทย โดยมีคะแนนสูงที่สุดในกรุงเทพฯ "ลุงขาว" ได้รับพระมหากรุณาธิคุณได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตริตาภรณ์มงกุฎไทย และตริตาภรณ์ช้างเผือก
ผลงานประพันธ์[แก้]
- ตำราลุงขาวไขอาชีพ ISBN 9745340871
เส้นทางนักประดิษฐ์[แก้]
นอกจากนี้ "ลุงขาว" ยังเป็นนักประดิษฐ์ มีผลงานประดิษฐ์เครื่องคั้นน้ำอ้อยแบบลูกกลิ้งทองเหลือง เครื่องปั่นสายไหม และยังได้ประดิษฐ์หุ่นโครงเป็นเหล็ก ข้างนอกเป็นไม้พ่นสีขนาดเท่าคนติดมอเตอร์ มีสายบังคับให้เดินหน้า ถอยหลัง พร้อมลำโพงที่หน้าอก ที่สามารถฟังและพูดตอบกับผู้ชมได้ ประดิษฐ์กล่องไฟมีตัวหนังสือที่เดินได้ ซึ่งได้มีขึ้นก่อนป้ายไฟปัจจุบันที่เป็นชนิด LED ถึง 30 ปี หรือกระทั่งการฉายหนังผ่านตู้ทีวีที่มีแต่กระจกด้านหน้าและสามารถฉายออกพร้อมกันได้หลายๆจอ โดยใช้เทคนิคการสะท้อนภาพผ่านปริซึม แทนการฉายขึ้นจอผ้า ทำให้ผู้ชมใรู้นถิ่ธุรกันดารรู้สึกเหมือนได้ดูโทรทัศน์ โดยที่ขณะนั้นโทรทัศน์ยังเป็นของใหม่มากสำหรับเมืองไทย
ประมาณปี 2519"ลุงขาว" ได้ร่วมกับเพื่อนๆเปิด "บริษัท ซื้อขายความคิด (ประเทศไทย) จำกัด" เพื่อเป็นที่แลกเปลี่ยนนวัตกรรมและความคิดทางปัญญา แม้บริษัทนี้จะไม่ได้มีผลงานที่เด่นชัด แต่ก็แสดงถึงวิสัยทัศน์ของ "ลุงขาว" ที่เล็งเห็นความสำคัญของทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งแม้แต่ปัจจุบันก็ยังมีผู้เข้าใจเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาในแวดวงจำกัด
ถึงแก่กรรม[แก้]
"ลุงขาว" นายวราพงษ์ พงษ์บริบูรณ์ ได้เสียชีวิตด้วยสาเหตุไตวายเฉียบพลัน เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 (อายุรวม 79 ปี) และได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานน้ำหลวงอาบศพและหีบเกียรติยศ และพระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุวัดธาตุทอง ราชวรมหาวิหาร เขตวัฒนา กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2552 โดยได้รับพวงมาลาจากศูนย์ศิลปาชีพ บางไทร ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งครอบครัว "ลุงขาว" สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้
เจตนารมย์ที่ถูกสานต่อ[แก้]
สำนักงานสุขภาพแห่งชาติ (สช) ได้ศึกษาและจัดทำชีวประวัติของลุงขาวไขอาชีพ เป็นวีดิทัศน์ เพื่อส่งเสริมสิ่งดีๆให้เป็นแบบอย่างและกำลังใจต่อสังคม และทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในครั้งเมื่อ นายสุริยงค์ หุณฑสาร เป็นผู้อำนวยการ ได้สานต่อเจตนารมณ์ของ "ลุงขาว" โดยได้จัดทำวีดิทัศน์การสอนอาชีพต่างๆให้เข้าใจได้โดยง่ายทางสถานี NBT ตอนละ 5 นาที ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ถึง พฤศจิกายน 2552 รวม 120 ตอน
ถึงแม้ลุงขาวไขอาชีพ จะเสียชีวิตไปแล้วแต่วิทยากรและกรรมการมูลนิธิก็ยังสานต่อเจตนารมย์ของลุงขาว ยังสอนต่อเนื่องถึงปัจจุบัน การสอนของลุงขาวมีหลักการที่เป็นของตนเอง ได้แก่ ไม่จดบันทึกชื่อผู้เข้าเรียน ไม่สอนในที่หรูหรา ไม่มีการติดตามผล ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ยากจน ผู้มีรายได้น้อย สามารถเข้ามาเรียนได้อย่างอิสสระ ด้วยความสบายใจ ไม่ต้องเกรงกลัวในระบบ หรืออับอายในความยากจน และสอนในบริเวณที่เจ้าของสถานที่ที่ยินดีให้จัดสอนโดยไม่คิดมูลค่า การสอนจึงโยกย้ายไปในที่ต่างๆตามความเหมาะสม และขณะนี้จัดสอนที่ สนามบาสเก็ตบอลล์ ในหมู่บ้านรัตนาธิเบศร์ ตรงข้ามห้างสรรพสินค้าบิ๊กซีสาขารัตนาธิเบศร์ นนทบุรี[8] ทุกวันอาทิตย์ที่ 2 ของแต่ละเดือน เวลา 08:00 ถึง 12:00 น.
อ้างอิง[แก้]
- ↑ อรสรวง บุตรนาค. (2009), ลุงขาวไขอาชีพ: หนึ่งคนคิด หลายชีวิตเติบโต, สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ, หน้า 17
- ↑ https://www.debsirin.ac.th/about-us/detail-student.php?id=836
- ↑ อรสรวง บุตรนาค. (2009), ลุงขาวไขอาชีพ: หนึ่งคนคิด หลายชีวิตเติบโต, สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ, หน้า 19
- ↑ อรสรวง บุตรนาค. (2009), ลุงขาวไขอาชีพ: หนึ่งคนคิด หลายชีวิตเติบโต, สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ, หน้า 32-33
- ↑ 5.0 5.1 https://info.matichon.co.th/rich/rich.php?srctag=0716010962&srcday=&search=no
- ↑ อรสรวง บุตรนาค. (2009), ลุงขาวไขอาชีพ: หนึ่งคนคิด หลายชีวิตเติบโต, สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ, หน้า 26
- ↑ https://www.sentangsedtee.com/exclusive/article_128411
- ↑ สภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย http://www.ncswt.or.th/news59/news108.pdf
บรรณานุกรม[แก้]
- อรสรวง บุตรนาค. (2009), ลุงขาวไขอาชีพ: หนึ่งคนคิด หลายชีวิตเติบโต, สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ https://www.sem100library.in.th/medias/1883.pdf