กองรบพิเศษที่ 1 (สหรัฐ)
กองรบพิเศษที่ 1 (ส่งทางอากาศ) | |
---|---|
1st Special Forces Group (Airborne) | |
เครื่องหมายหน้าหมวกเบอเรต์ของกองรบพิเศษที่ 1 | |
ประจำการ | 24 มิถุนายน ค.ศ. 1957 – 28 มิถุนายน ค.ศ. 1974 4 กันยายน ค.ศ. 1984 – ปัจจุบัน |
ประเทศ | สหรัฐ |
เหล่า | กองทัพบกสหรัฐ |
รูปแบบ | หน่วยปฏิบัติการพิเศษ |
กำลังรบ | 4 กองพัน ได้แก่ หนึ่งกองพันที่สถานีโทรี จังหวัดโอกินาวะ ประเทศญี่ปุ่น, สามกองพันในฐานร่วมลูวิส–แมคคอร์ด รัฐวอชิงตัน |
ขึ้นกับ | หน่วยบัญชาการรบพิเศษที่ 1 |
กองบัญชาการ | ฐานร่วมลูวิส–แมคคอร์ด |
คำขวัญ | ที่หนึ่งในเอเชีย[ต้องการอ้างอิง] |
ปฏิบัติการสำคัญ | สงครามเวียดนาม สงครามต่อต้านการก่อการร้าย |
เครื่องหมายสังกัด | |
อดีตแถบการรับรู้กองรบพิเศษที่ 1 (ส่งทางอากาศ) สวมใส่โดยทหารมีคุณสมบัติปฏิบัติการไม่พิเศษ—แทนเครื่องหมายหน้าหมวกเบอเรต์—จากคริสต์ทศวรรษ 1960 ถึง ค.ศ. 1984[2] | |
อาร์มหน่วยที่ไหล่ของหน่วยบัญชาการรบพิเศษที่ 1 (ส่งทางอากาศ) สวมใส่โดยหน่วยกองรบพิเศษที่ 1 (ส่งทางอากาศ) |
กองรบพิเศษสหรัฐ
| |
---|---|
ก่อน | ถัดไป |
กองรบพิเศษที่ 3 |
กองรบพิเศษที่ 1 (ส่งทางอากาศ) (อังกฤษ: 1st Special Forces Group (Airborne); อักษรย่อ: 1st SFG (A)) เป็นหน่วยหนึ่งของกรมหน่วยรบพิเศษแห่งกองทัพบกสหรัฐ ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อกรีธาพลและปฏิบัติภารกิจทั้งเก้าทั่วพื้นที่ปฏิบัติการของหน่วยบัญชาการอินโด-แปซิฟิก ได้แก่ การสงครามนอกแบบ, การป้องกันภายในให้กับมิตรประเทศ, การปฏิบัติภารกิจโดยตรง, การปราบปรามการก่อกบฏ, การลาดตระเวนพิเศษ, การต่อต้านการก่อการร้าย, ยุทธการทางข้อมูลข่าวสาร, การต่อต้านการแพร่ขยายอาวุธอานุภาพทำลายล้างสูง และการสนับสนุนกองกำลังรักษาความมั่นคง[3][4][5]
ประวัติหน่วย[แก้]
กองรบนี้เป็นหนึ่งในกองแรกของหน่วยรบพิเศษที่เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ กองนี้รับผิดชอบปฏิบัติการในแปซิฟิก ปัจจุบัน กองพันที่ 1 ประจำการอยู่ที่จังหวัดโอกินาวะ ในขณะที่กองพันที่ 2, 3, 4 และกองสนับสนุนประจำการอยู่ที่ฐานร่วมลูวิส–แมคคอร์ด รัฐวอชิงตัน[6][7]
ประวัติของกองรบพิเศษที่ 1 เริ่มต้นที่ค่ายแบรกก์ รัฐนอร์ทแคโรไลนาใน ค.ศ. 1955 กองกำลังพิเศษปฏิบัติการปลดประจำการสี่หน่วย ได้แก่ 12, 13, 14, และ 16 - ได้รับการคัดเลือกจากกองรบพิเศษที่ 77 และโอนไปยังเขตสงครามแปซิฟิกในปีถัดไป กองรบพิเศษที่ 1 ได้เคลื่อนพลอย่างเป็นทางการที่ค่ายบักเนอร์ จังหวัดโอกินาวะ เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 1957 โดยมีพันโท เอ. สก็อต แมดดิง เป็นผู้บัญชาการ และจ่าสิบเอก โรเบิร์ต แอล. วอส เป็นจ่าสิบเอกพิเศษ ทั้งนี้ กองรบพิเศษที่ 1 มีความเด่นดังจากการมีทหารหน่วยรบพิเศษคนแรกและคนสุดท้ายที่ถูกสังหารในเวียดนาม ได้แก่ ร้อยเอก แฮร์รี เครเมอร์ ซึ่งถูกสังหารเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ค.ศ. 1957 และร้อยเอก ริชาร์ด เอ็ม. รีส ซึ่งถูกสังหารเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 1973 หลายทศวรรษต่อมา ทหารกองรบพิเศษที่ 1 อีกคนหนึ่งได้กลายเป็นชาวอเมริกันคนแรกที่เสียชีวิตโดยการยิงของศัตรูในประเทศอัฟกานิสถาน ซึ่งคือ จ่าสิบโท นาธาน แชปแมน ที่ถูกสังหารเมื่อวันที่ 2 มกราคม ค.ศ. 2002[8][9][10]
กองรบพิเศษที่ 1 ในจังหวัดโอกินาวะเป็นหนึ่งในสองกองกำลังปฏิบัติการพิเศษ/กองกำลังรักษาความมั่นคง (SAF) ที่ได้รับการสถาปนาอยู่รอบ ๆ กองรบพิเศษ ส่วนอีกกองกำลังได้รับการสถาปนาอยู่รอบ ๆ กองรบพิเศษที่ 8 ประเทศปานามา ทั้งนี้ กองกำลังปฏิบัติการพิเศษ/กองกำลังรักษาความมั่นคงทวีปเอเชีย[11] ซึ่งจากกองที่ 1 สามารถจัดกองกำลังสำหรับภารกิจในขอบแปซิฟิกได้ตลอดเวลา โดยในช่วงสงครามเวียดนาม ได้ส่งทีมไปเวียดนามเพื่อปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวหกเดือน นอกจากนี้ ยังดำเนินการศูนย์ฝึกการรบค่ายฮาร์ดีในพื้นที่ฝึกตอนเหนือของโอกินาวะเพื่อฝึกหน่วยรบพิเศษ, เนวีซีล และนาวิกโยธินสหรัฐที่กรีธาพลไปยังเวียดนาม ตลอดจนได้รับรางวัลหน่วยกิตติมศักดิ์จากผลงานในช่วง ค.ศ. 1973[12]
หลังจากสงครามในประเทศเวียดนามใต้และการถอนกำลังทหารอเมริกันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ความสำคัญของปฏิบัติการทางทหารได้เปลี่ยนไปจากภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และมุ่งเน้นไปที่ทวีปยุโรปและพันธมิตรเนโทมากขึ้น กองรบพิเศษซึ่งเติบโตเป็นทั้งหมดเจ็ดกองใน ค.ศ. 1963 ต้องเผชิญกับการลดลงอย่างรุนแรงในกองทัพ เป็นผลให้กองที่ 1 ถูกยกเลิก ณ วันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1974 ที่ค่ายแบรกก์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา หลังจากหยุดพักไป 10 ปี ความต้องการกองกำลังการสงครามนอกแบบของเอเชียได้รับการยอมรับ และกองร้อยแอลฟา กองพันที่ 1 ก็ได้รับการฟื้นฟูที่ค่ายแบรกก์ในวันที่ 15 มีนาคม ค.ศ. 1984 กองร้อยนี้และกองพันที่ 1 ส่วนที่เหลือได้รวมตัวกัน และส่งไปประจำการที่สถานีโทรี จังหวัดโอกินาวะ ในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน ค.ศ. 1984 ส่วนกองพันที่ 2 และ 3 พร้อมด้วยกองบัญชาการและกองร้อยบริการได้รับการฟื้นฟูอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 4 กันยายน ค.ศ. 1984 ที่ค่ายลูวิส รัฐวอชิงตัน[13]
แล้วมีการรื้อฟื้นโดยเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตโดยรวมในการสนับสนุนความพยายามเชิงกลยุทธ์ของสหรัฐในทวีปเอเชีย หน่วยนี้มุ่งเน้นไปที่พื้นที่ปฏิบัติการของหน่วยบัญชาการแปซิฟิก แต่ได้กรีธาพลนอกทวีปเอเชียเป็นประจำเพื่อสนับสนุนผู้บังคับบัญชารวมกันทั่วโลก สมาชิกหน่วยสนับสนุนการรักษาความมั่นคงเขตสงครามภายในพื้นที่ปฏิบัติการหน่วยบัญชาการแปซิฟิก, ปฏิบัติการฉุกเฉินประเทศเฮติ, เอเชียกลาง และบอสเนีย โดยชุดปฏิบัติการ "แอลฟา" ได้กรีธาพลสู่ประเทศเฮติเพื่อปฏิบัติภารกิจของทีมสนับสนุนแนวร่วมเมื่อ ค.ศ. 1993–1994 เพื่อสนับสนุนกองกำลังเฉพาะกิจร่วม 190 แห่งสหรัฐ และปฏิบัติการกองกำลังผสมนานาชาติที่สนับสนุนปฏิบัติการสนับสนุนประชาธิปไตย ทั้งนี้ หน่วยรบพิเศษกองทัพบกสหรัฐเพิ่มเติมได้ดำเนินการปฏิบัติการศูนย์ระหว่างประเทศเพื่อการเก็บกู้ทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมแห่งนครเจนีวาในประเทศลาว, ไทย, กัมพูชา และเวียดนาม โดยได้รับเหรียญราชการด้านมนุษยธรรมจากความพยายามของพวกเขาทั้งในประเทศลาวและไทย นอกจากนั้น หน่วยย่อยจากกองรบพิเศษที่ 1 (ส่งทางอากาศ) ดำเนินการฝึกร่วมกับหน่วยทหารจากรัฐที่ตั้งขึ้นใหม่จากอดีตสหภาพโซเวียตที่สนับสนุนการพัฒนากองพันเอเชียกลาง (CENTRASBAT) ซึ่งเป็นกองกำลังรักษาสันติภาพระดับภูมิภาคในช่วงกลางคริสต์ทศวรรษ 1990[14] เมื่อสิ้นสุดสหัสวรรษ ทหารกองรบพิเศษที่ 1 (ส่งทางอากาศ) ได้เข้าประจำการในกองกำลังรักษาเสถียรภาพในประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา[ต้องการอ้างอิง]
หลังจากวินาศกรรม 11 กันยายน สมาชิกของกองรบพิเศษที่ 1 (ส่งทางอากาศ) ได้กรีธาพลไปสนับสนุนปฏิบัติการเสรีภาพยั่งยืนที่ประเทศอัฟกานิสถาน และหมุนเวียนกองพันสู่ประเทศฟิลิปปินส์อย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2002 หน่วยของกองรบพิเศษที่ 1 (ส่งทางอากาศ) ได้กรีธาพลสู่การสงครามนอกแบบในภาคใต้ของฟิลิปปินส์ และร่วมกับกองทัพฟิลิปปินส์ (AFP) เพื่อช่วยเหลือรัฐบาลฟิลิปปินส์ (GOP)[15]
ในอีกสามปีข้างหน้า สมาชิกกองรบพิเศษที่ 1 (ส่งทางอากาศ) ได้สร้างประวัติที่น่าชื่นชมในฟิลิปปินส์ในการฝึกกองพันทหารราบเบาหกกองพีน, สามกองร้อยตอบโต้เร็วจากกองทัพฟิลิปปินส์ (AFP), เยียวยาชาวฟิลิปปินส์กว่า 31,000 คนในปฏิบัติการช่วยเหลือทางการแพทย์, ช่วยให้กองทัพฟิลิปปินส์มีความเป็นมืออาชีพ รวมถึงจัดหาทีมปฏิบัติการและหน่วยข่าวกรองเพื่อช่วยเหลือกองทัพฟิลิปปินส์ในการกำหนดเป้าหมายกลุ่มก่อการร้าย ตลอด ค.ศ. 2003–2004 กองรบพิเศษที่ 1 (ส่งทางอากาศ) ได้ส่งทหารจำนวนมากเพื่อสนับสนุนปฏิบัติการเสรีภาพอิรักและปฏิบัติการเสรีภาพยั่งยืน ในประเทศอิรักและประเทศอัฟกานิสถานตามลำดับ ตลอดจนภายในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2004 หน่วยนี้ได้ส่งกองพันทั้งหมดไปยังประเทศประเทศอัฟกานิสถานในฐานะส่วนหนึ่งของหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษร่วม-อัฟกานิสถาน (CJSOTF-A)[16]
ปัจจุบันนี้ กองรบพิเศษที่ 1 (ส่งทางอากาศ) สนับสนุนสงครามต่อต้านการก่อการร้ายระดับโลกด้วยการปฏิบัติการในประเทศฟิลิปปินส์, อิรัก และอัฟกานิสถาน ตลอดจนรักษาความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงของสหรัฐ กับประเทศพันธมิตรทั่วแปซิฟิกจนถึง ค.ศ. 2021[17]
พื้นเพ[แก้]
ก่อตั้งเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ค.ศ. 1942 ในกองทัพบกแห่งสหรัฐในฐานะกองร้อยที่ 2 กองพันที่ 1 กรมที่หนึ่ง ในนามเฟิสต์สเปเชียลเซอร์วิสฟอร์ซ ซึ่งเป็นหน่วยผสมระหว่างแคนาดา-อเมริกัน
อ้างอิง[แก้]
- ↑ "Green Beret Killed by IED Was on Patrol with Afghan Special Forces". military.com. 26 August 2016.
- ↑ US Army Special Forces 1952–84, Bloomsbury Publishing, by Gordon L. Rottman, dated 20 September 2012, ISBN 9781782004462, last accessed 29 March 2019
- ↑ Army Special Operations Forces Fact Book 2018 เก็บถาวร 19 ตุลาคม 2016 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, USASOC official website, dated 2018, last accessed 28 July 2019
- ↑ https://www.globalsecurity.org/military/agency/army/1-1sfg.htm
- ↑ https://www.pbs.org/wgbh/pages/frontline/shows/campaign/ground/specialforces.html
- ↑ 6.0 6.1 "1st SFG (A) celebrates the legacy of elite forces during Menton Week". army.mil.
- ↑ https://www.soc.mil/USASFC/HQ.html
- ↑ https://www.washingtonpost.com/news/checkpoint/wp/2016/04/17/after-13-years-cia-honors-green-beret-killed-on-secret-afghanistan-mission/
- ↑ https://arsof-history.org/articles/v5n1_blackburn_page_1.html
- ↑ "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-07-17. สืบค้นเมื่อ 2021-08-09.
- ↑ https://www.https เก็บถาวร 19 สิงหาคม 2013 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน://arsof-history.org/articles/v13n1_saf_asia_page_1.html[ลิงก์เสีย]
- ↑ /https://www.https เก็บถาวร 19 สิงหาคม 2013 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน://history.army.mil/html/forcestruc/lineages/branches/sf/001sfgp1sf.htm/ เก็บถาวร 2021-01-26 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- ↑ https://www.specialforces78.com/about-the-special-forces/1st-special-forces-group/[ลิงก์เสีย]
- ↑ "1st SFG (A) History". United States Army Special Operations Command. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 June 2022.
- ↑ "All About the 1st Special Forces Group". Our Military. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 22 June 2021.
- ↑ Loveluck, Louisa (7 April 2021). "U.S. and Iraq conclude talks on troop presence". The Washington Post. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 April 2021. สืบค้นเมื่อ 28 April 2021.
- ↑ "Special Forces Soldiers Reinforce Arctic Combat Skills". Army.mil. 26 October 2020. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 July 2021.