สัตว์ร้ายแห่งเฌโวด็อง
![]() ภาพวาดหนึ่งในบรรดาสัตว์ร้ายแห่งเฌโวด็อง ตามมโนทัศน์ของจิตรกร อา.แอฟ แห่งอาล็องซง (A.F. of Alençon) สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 18 | |
สัตว์ | |
---|---|
กลุ่ม | สุนัขป่า หรือ สัตว์ข้ามพันธุ์ระหว่างสุนัขป่ากับสุนัขบ้าน |
ข้อมูล | |
พบเห็นครั้งแรก | ค.ศ. 1764 |
ประเทศ | ![]() |
ภูมิภาค | เฌโวด็อง (ปัจจุบันคือ โลแซร์) |
สัตว์ร้ายแห่งเฌโวด็อง (ฝรั่งเศส: La Bête du Gévaudan; สัทอักษรสากล: [la bɜt dy ʒevɔdɑ̃]) เป็นชื่อเรียกสัตว์กินคนกลุ่มหนึ่ง รูปลักษณ์อย่างสุนัขป่า และว่ากันว่าคุกคามผู้คนในมณฑลเฌโวด็อง (ปัจจุบันคือ จังหวัดโลแซร์ (Lozère)) แถบเขามาร์เฌอรีด์ (Margeride) ทางตอนกลางของภาคใต้ประเทศฝรั่งเศส ในระหว่าง ค.ศ. 1764 ถึง 1767[1] ประจักษ์พยานจำนวนมากให้การตรงกันว่า สัตว์ร้ายเหล่านี้มีเขี้ยวอันน่ากลัว มีเล็บอันกว้างยาว มีขนสีแดง และมีร่างกายอันส่งกลิ่นเน่าเหม็นเหลือใจ สัตว์ทั้งนี้ฆ่าเหยื่อโดยใช้เขี้ยวขบแหวะลำคอ ส่วนจำนวนเหยื่อนั้นต่างกันไปตามแต่แหล่งข้อมูล เช่น นักวิชาการชื่อ เดอ โบฟอร์ (De Beaufort) ประเมินว่า สัตว์ร้ายฝูงนี้โจมตีผู้คนถึงสองร้อยสิบครั้ง ฆ่าคนไปหนึ่งร้อยสิบสามคน และทำร้ายผู้คนไปอีกสี่สิบเก้าคน โดยในจำนวนผู้ตายหรือถูกทำร้ายนี้ เก้าสิบแปดคนถูกกินร่างกายหรืออวัยวะบางส่วน[1] รัฐบาลจึงจัดกองกำลัง ประกอบทั้งฝ่ายทหารฝ่ายพลเรือน ข้าราชการชั้นสูงชั้นรอง เชื้อพระวงศ์ และทรัพยากรทรงแสนยานุภาพจำนวนมาก ออกล่าสัตว์ดังกล่าว[1] เรื่องราวของสัตว์เหล่านี้ต่อมากลายเป็นหัวข้อยอดนิยมในวิชาการสัตว์ลึกลับ (cryptozoology)
ประวัติ[แก้]
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/6/66/Woman_%26_La_Bete.jpg/150px-Woman_%26_La_Bete.jpg)
สัตว์ร้ายตัวแรก[แก้]
การโจมตีครั้งแรกที่ทำให้ผู้คนพบเห็นสัตว์ร้ายเหล่านี้ มีขึ้นในวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1764 โดยหญิงชาวเมืองล็องฌ็อช (Langogne) คนหนึ่ง เผชิญสัตว์ร้ายกายมหึมาตัวหนึ่ง รูปร่างอย่างสุนัขป่า ที่โผล่จากแมกไม้ และเข้าจู่โจมเธอโดยตรง แต่เมื่อฝูงวัวในนาแล่นตรงเข้ามา สัตว์ร้ายนั้นก็ผละหนีไป
วันที่ 30 มิถุนายน ฌัน บูเลต์ (Jeanne Boulet) เด็กหญิงวัยสิบสี่ปี กลายเป็นเหยื่ออย่างเป็นทางการรายแรกของสัตว์ร้ายนี้ เธอถูกฆ่าใกล้หมู่บ้านเลซูบัก (Les Hubacs) ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเมืองล็องฌ็อช
ดูเหมือนว่าสัตว์ร้ายฝูงดังกล่าวมุ่งทำร้ายคนยิ่งกว่าปศุสัตว์ เพราะหลายคราที่พวกมันโจมตีคน ทั้ง ๆ ที่มีสัตว์มากมายอยู่ถิ่นแถวใกล้เคียง
ครั้นวันที่ 12 มกราคม ค.ศ. 1765 ฌัก ปอร์เตอเฟ (Jacques Portefaix) กับเพื่อนอีกหกคน ซึ่งเป็นหญิงสองคน ถูกสัตว์ร้ายนั้นโจมตี พวกเขาขับมันไปโดยรวมตัวกันไว้ไม่ห่าง ความทราบถึงพระเนตรพระกรรณพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 จึงพระราชทานเงินให้ปอร์เตอเฟจำนวนสามร้อยลีฟวร์ และอีกสามร้อยลีฟวร์ให้ไปแบ่งกันในบรรดาหกคนที่เหลือ พระองค์ยังโปรดอุปถัมภ์การศึกษาเล่าเรียนของปอร์เตอเฟด้วย เมื่อสนพระทัยในเรื่องสัตว์นี้แล้ว พระเจ้าหลุยส์ที่สิบห้าก็โปรดให้นักล่าสุนัขป่ามืออาชีพ ได้แก่ ฌ็อง ชาลส์ มาร์ก อ็องตวน โวแมสล์ ด็องเนอวาล (Jean Charles Marc Antoine Vaumesle d'Enneval) กับลูก คือ ฌ็อง-ฟร็องซัวส์ ชาลส์ มาร์ก อ็องตวน โวแมสล์ ด็องเนอวาล (Jean-François Charles Marc Antoine Vaumesle d'Enneval) ไปจัดการสัตว์พวกนี้ สองพ่อลูกไปถึงเมืองแกลร์มงต์-แฟร์ร็องด์ (Clermont-Ferrand) เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1765 โดยพาสุนัขบลัดฮาวด์ที่ได้รับการฝึกให้ล่าสุนัขป่าไปด้วยจำนวนหนึ่ง พวกเขาใช้เวลาหกเดือนฆ่าสุนัขป่าไปเป็นอันมากด้วยเชื่อว่าเป็นสัตว์ร้ายที่กล่าวขวัญ อย่างไรก็ดี การโจมตียังมีอยู่สืบไป รัฐบาลจึงให้ ฟร็องซัวส์ อ็องตวน (François Antoine) (ซึ่งมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็น อ็องตวน เดอ โบแตร์น (Antoine de Beauterne)) พร้อมกองพลอาวุธครบครัน ออกไปแทนในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1765 ฟร็องซัวส์ อ็องตวนผู้นี้เป็นเจ้าพนักงานรักษาพระแสงปืนยาวฮาร์เกอบุส (harquebus) เขาเดินทางถึงเมืองเลอมาลซีเยอ (Le Malzieu) เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/9/95/Fran%C3%A7ois_Antoine_et_la_B%C3%AAte_du_G%C3%A9vaudan%2C_gravure.jpg/220px-Fran%C3%A7ois_Antoine_et_la_B%C3%AAte_du_G%C3%A9vaudan%2C_gravure.jpg)
วันที่ 21 กันยายน ค.ศ. 1765 อ็องตวนเผชิญหน้ากับสุนัขป่ากายเขื่องสีเทา สูงแปดสิบเซนติเมตร ยาวหนึ่งเมตรกับอีกเจ็ดเซนติเมตร และหนักหกสิบกิโลกรัม บริเวณป่าใกล้เคียงกับวัดแห่งชาส (Abbaye des Chazes) เขาได้สังหารมัน และสุนัขป่าตัวนั้นต่อมาได้นามว่า “สุขัขป่าแห่งชาส” (Le Loup de Chazes) อ็องตวนแถลงอย่างเป็นทางการว่า “ด้วยรายงานอันเราได้ลงลายมือชื่อแล้วฉบับนี้ เราขอประกาศว่า เรามิเคยประสบสุนัขป่ากายใหญ่โตถึงเพียงนี้มาก่อน นี้จึงเป็นเหตุผลที่เราเชื่อว่า มันเป็นอ้ายเดรัจฉานอันสยองขวัญยิ่งนักซึ่งที่ผ่านมาได้สร้างความเสียหายเป็นอันมากแก่ชาวเรา” เหยื่อที่รอดจากการโจมตีก็เชื่อว่าสุนัขป่าตัวนี้คือสัตว์ร้ายที่ร่ำลือกัน หลังจากได้เห็นแผลเป็นบนลำตัวของมัน อันเกิดจากการที่พวกเขาป้องกันตนเองจากมัน[1] ต่อมา สุนัขป่าตัวนี้ถูกชำแหละแล้วเข้ากระบวนการคงสภาพไว้ ก่อนส่งไปพระราชวังแวร์ซายส์ ที่ซึ่งราชสำนักเชิดชูว่าอ็องตวนเป็นวีรบุรุษ และพระมหากษัตริย์ก็พระราชทานเงินรางวัลจำนวนมากพร้อมบรรดาศักดิ์หลากหลายให้แก่เขา
สัตว์ร้ายตัวที่สอง[แก้]
ทว่า วันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 1765 มีสัตว์ร้ายอีกตัวปรากฏที่ตำบลลาแบสแซร์แซงต์มารี (la Besseyre Saint Mary) แล้วทำร้ายเด็กไปสองคน หลังจากวันนั้นก็มีผู้คนถูกทำร้ายล้มตายอีกเป็นอันมาก
ฌ็อง ชัสเต็ล (Jean Chastel) นักล่าสัตว์ท้องถิ่น จึงออกตามฆ่าสัตว์ร้ายตัวที่สองนี้ เขาพบมันแถวซ็อญโดฟวร์ (Sogne d'Auvers) และฆ่ามันเสียเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน ค.ศ. 1767 เจ้าพนักงานท้องถิ่นได้ชันสูตรศพสัตว์ดังกล่าว พวกเขาผ่าท้องมัน แล้วพบซากศพมนุษย์เป็นอันมาก เมื่อสัตว์ตัวที่สองตายแล้วก็ไม่ปรากฏเหตุร้ายอีก [1]
นักเขียนรุ่นหลัง เช่น เชอวาลเลย์ (Chevalley) เอาไปแต่งเป็นนิยายว่า ชัสเต็ลฆ่ามันโดยใช้กระสุนเงินปลุกเสกที่ผลิตเอง[2] และมีเรื่องเล่าต่อ ๆ กันมาว่า ชาสเต็ลฆ่าสัตว์ร้ายตัวที่สองขณะที่นั่งลงอ่านพระคัมภีร์แล้วสังวัธยายบทสวดพร้อมกับนักล่าคนอื่น ๆ บัดดล ปีศาจร้ายก็โผล่มาให้เห็น และจ้องมาที่ชาลเต็ล ชาลเต็ลผู้ท่องบทสวดเสร็จพอดีก็ยิงมันถึงแก่ความตาย เรื่องนี้มิใช่วิสัยสัตว์ดุร้ายทั่วไปที่จะจู่โจมทันทีและไม่จ้องดูเหยื่อเสียก่อน
รูปลักษณ์สัตว์ร้าย[แก้]
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/5/54/Wolf_of_Chazes.jpg/320px-Wolf_of_Chazes.jpg)
ในช่วงที่สัตว์ร้ายออกล่านั้น มีผู้คาดเดารูปลักษณ์ของมันไปต่าง ๆ นานา ตั้งแต่ว่ามันเป็นมนุษย์หมาป่า จนถึงเป็นสัตว์ที่ถูกพระผู้เป็นเจ้าสาปส่ง เจย์ เอ็ม สมิธ (Jay M. Smith) เขียนหนังสือ “อสุรกายแห่งเฌโวด็อง” (“Monsters of the Gévaudan”) ว่า ความตายที่เกิดทั้งหลายนั้นชะรอยจะเป็นผลงานของสัตว์เดรัจฉานจำพวกสุนัขป่าจำนวนหนึ่งหรือเป็นฝูง[3] ขณะที่ริชาร์ด เอช. ธอมป์สัน (Richard H. Thompson) เขียนหนังสือ “การล่าสุนัขป่าในฝรั่งเศสรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่สิบห้า: สัตว์ร้ายแห่งเฌโวด็อง” ว่า เมื่อพิเคราะห์ลักษณะการโจมตีของสัตว์ดุร้ายหลาย ๆ ประเภทแล้ว ก็น่าเชื่อว่าสัตว์ร้ายที่ก่อเหตุนั้นเป็นสุนัขป่า[4]
แต่ก็มีผู้ร่ำลือว่า น่าจะเป็นสุนัขบ้าน หรือสัตว์ข้ามพันธุ์ระหว่างสุนัขป่ากับสุนัขบ้าน อ้างอิงขนาดร่างกายและสีสันของสัตว์ร้ายแห่งเฌโวด็อง[1] มิเชล ลูอี (Michel Louis) นักธรรมชาติวิทยาผู้เขียนหนังสือ “สัตว์ร้ายแห่งเฌโวด็อง: หมาป่าผิดตรงไหน” (“La bête du Gévaudan: L'innocence des loups”) สนับสนุนข้อนี้ ลูอีว่า ฌ็อง ชาสเต็ล เคยกล่าวว่าเห็นสุนัขบ้านพันธุ์มาสตีฟ (mastiff) ตัวใหญ่ สีแดง บ่อย ๆ ลูอีเชื่อว่าสุนัขบ้านพันธุ์นี้คือโคตรเหง้าของสัตว์ร้ายที่ก่อเหตุ เขากล่าวด้วยว่า ที่สัตว์ร้ายนี้ทนกระสุน ก็อาจเป็นเพราะมันสวมหนังสัตว์ เช่น หนังงูเหลือม เป็นเกราะ และที่มันสวมหนังสัตว์เช่นนี้ อาจเป็นคำอธิบายสำหรับสีกายอันประหลาดของมัน เขาไม่เชื่อว่าหมาในจะเป็นสัตว์ร้ายในเหตุการณ์ เพราะการชันสูตรสัตว์ร้ายที่ถูกฆ่าพบว่ามีเขี้ยวสี่สิบสองซี่ แต่หมาในมีเพียงสามสิบสี่ซี่[5]
นักวิทยาการสัตว์ลึกลับบางคนว่า สัตว์ร้ายแห่งเฌโวด็องอาจเป็นเผ่าพันธุ์วาฬเมโซไนคิด (Mesonychid) ที่เหลือรอดมาก็ได้ เพราะประจักษ์พยานบางคนว่ามันมีกีบ แทนที่จะมีอุ้งเล็บ และมันก็ใหญ่โตกว่าสุนัขป่าตามธรรมชาติด้วย[6]
ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2009 ช่องฮิสตรีแชนเนล (History Channel) ออกอากาศสารคดี "มนุษย์หมาป่าตัวจริง" ("The Real Wolfman") โดยโต้แย้งว่า สัตว์ร้ายแห่งเฌโวด็องเป็นหมาในจากเอเชียพันธุ์หนึ่งที่บัดนี้สูญพันธุ์ไปแล้วในยุโรป[7]
อ้างอิง[แก้]
- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 "The Fear of Wolves: A Review of Wolf Attacks on Humans" (PDF). Norsk Institutt for Naturforskning. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 2008-12-09. สืบค้นเมื่อ 2008-06-26.
- ↑ Jackson, Robert (1995). Witchcraft and the Occult. Devizes, Quintet Publishing. p. 25. ISBN 1853488887.
- ↑ Smith, Jay M. (2011). Monsters of the Gévaudan. Cambridge, Massachusetts: Harvard University Press. p. 6.
- ↑ Thompson, Richard H. (1991). Wolf-Hunting in France in the Reign of Louis XV: The Beast of the Gévaudan. p. 367. ISBN 0889467463.
- ↑ Louis, Michel (2001). La Bête Du Gévaudan - L'innocence Des Loups. Librairie Académique Perrin. ISBN 978-2-262-01739-2.
- ↑ Hall, Jamie (2007). "The Cryptid Zoo: Mesonychids in Cryptozoology". สืบค้นเมื่อ 2011-03-19.
{{cite journal}}
: Cite journal ต้องการ|journal=
(help) - ↑ "The Real Wolfman". History Alive. ฤดูกาล 4. ตอน 16. History. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-08-03. สืบค้นเมื่อ 2009-10-29.
แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]
![](http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/4/4a/Commons-logo.svg/30px-Commons-logo.svg.png)
- La Bête du Gévaudan Website
- Dans l'Ombre de la Bête Website Includes a compendium of all publicly available historical documents about the Beast (in the original French)
- Robert Darnton, The Wolf Man’s Revenge, The New York Review of Books, June 9, 2011; review of Monsters of the Gévaudan: The Making of a Beast by Jay M. Smith (Harvard University Press, 2011).