ล้านนาไท 57 เมือง
ในตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่กล่าวถึง ล้านนาไท 57 เมือง ในฐานะหัวเมืองเหนือที่อยู่ใต้การปกครองของพระเจ้ากาวิละ[1] แต่ก็ไม่ได้ระบุว่ามีเมืองใดบ้าง ปัจจุบันมีหลักฐานที่พม่านำไปจากเชียงใหม่ในสมัยที่พม่าปกครอง (พ.ศ. 2101-2317) และได้แปลเป็นภาษาพม่า ต่อมาในปี ค.ศ. 2003 ทางมหาวิทยาลัยย่างกุ้ง ได้แปลเป็นภาษาอังกฤษ ชื่อ Zinme Yazawin (ภาษาไทย:เชียงใหม่ราชวงศ์) หรือตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ฉบับภาษาพม่า ได้ระบุเมืองต่างๆ 57 หัวเมือง โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มเมือง คือ กลุ่มเมืองขนาดใหญ่ มี 6 เมือง กลุ่มเมืองขนาดกลางมี 7 เมือง และกลุ่มเมืองขนาดเล็กมี 44 เมือง [2]
ภายหลังการกอบกู้เอกราชของล้านนาโดยการนำของพระเจ้ากาวิละ ได้ทรงสู้ขับไล่ข้าศึกพม่าให้พ้นแผ่นดินล้านนา ขยายขอบขัณฑสีมาอาณาจักรออกไปอย่างกว้างใหญ่ ได้กวาดต้อนผู้คนและสิ่งของจากหัวเมืองน้อยใหญ่ที่หนีภัยสงครามในช่วงที่พม่ายึดครอง และทรงสร้างบ้านแปงเมืองอาณาจักรล้านนาใหม่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เฉลิมพระนามพระยากาวิละขึ้นเป็น พระบรมราชาธิบดี เป็นพระเจ้าประเทศราชปกครองเมืองเชียงใหม่และ 57 หัวเมืองล้านนา ถึงแม้ล้านนาในยุคนั้นจะแยกออกเป็น 5 นครประเทศราช อันประกอบด้วย นครเชียงใหม่ นครลำปาง นครลำพูน นครน่าน และนครแพร่ แต่ก็ถือว่านครเชียงใหม่เป็นศูนย์กลางปกครองทั้ง 57 หัวเมือง
ยุคราชวงศ์มังราย[แก้]
57 เมืองขึ้นของนครเชียงใหม่ในสมัยราชวงศ์มังราย และสมัยนครเชียงใหม่อยู่ภายใต้การปกครองของหงสาวดี (รัชกาลพระเมกุฏิสุทธิวงศ์ รัชกาลพระนางวิสุทธิเทวีในพระเจ้าบุเรงนอง และรัชกาลพระเจ้านรธาเมงสอ พ.ศ. 2101 - พ.ศ. 2150 ) จากหลักฐานที่พม่านำไปจากเชียงใหม่ในสมัยที่พม่าปกครองเมืองเชียงใหม่ (พ.ศ. 2101-2317) และได้แปลเป็นภาษาพม่า ต่อมาในปี ค.ศ. 2003 ทางมหาวิทยาลัยย่างกุ้ง ได้แปลเป็นภาษาอังกฤษ ชื่อ Zinme Yazawin หรือตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ฉบับภาษาพม่า ได้แบ่งเมืองออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
กลุ่มเมืองขนาดใหญ่ มี 6 เมือง ได้แก่[แก้]
- เมืองฝาง
- เมืองแหงหลวง
- เมืองคอง
- เมืองเชียงราย
- เมืองสาด
- เมืองแกน
- อาณาจักรเวียงโกมคำนคร (ภายหลังจาก อาณาจักรเวียงโกมคำนคร เข้าร่วมกับล้านนาทางสายเมืองพะเยา)
กลุ่มเมืองขนาดกลางมี 7 เมือง[แก้]
- เมืองเชียงแสน
- เมืองเชียงของ
- เมืองตรอน
- เมืองพะเยา
- เมืองเทิง
- เมืองปั่น
- เมืองน่าน
กลุ่มเมืองขนาดเล็ก มี 44 เมือง[แก้]
- เมืองลอ
- เมืองปุ
- เมืองลำปาง
- เมืองแพร่
- เมืองภูคา
- เมืองระแหง
- เมืองเชียงดาว
- เมืองเชียงลา
- เมืองเชียงลัด
- เมืองลำพูน
- เมืองปาย
- เมืองพร้าว
- เมืองยอง
- เมืองฮิง
- เมืองเลน
- เมืองไฮ
- เมืองฮาย
- เมืองกก
- เมืองแซ่
- เมืองกาย
- เมืองข่า
- เมืองโก
- เมืองขอน
- เมืองจ้อด
- เมืองหลวย
- เมืองละโว้
- เมืองลอง
- เมืองโหล่ง
- เมืองงาว
- เมืองนิง
- เมืองปูต่อ
- เมืองรวง
- เมืองเชียงรุ้ง
- เมืองสิน
- เมืองเถิน
- เมืองตื่น
- เมืองเชียงตุง
- เมืองป่าแหงด
- เมืองท่าไร่
- เมืองสะมาด
- เมืองข่าหรัด หรือ เมืองกื้ด
- เมืองข่าไต
- เมืองกันปี
- เมืองป่าบง
ยุคประเทศราชของรัตนโกสินทร์[แก้]
ในยุคสมัยต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ในปี พ.ศ. 2345 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนา พระยากาวิละ เจ้าเมืองเชียงใหม่ ขึ้นเป็น พระเจ้าเชียงใหม่กาวิละ พระเจ้านครเชียงใหม่ แล้วให้ปกครอง 57 หัวเมืองฝ่ายเหนือในฐานะประเทศราช ภายหลังการโปรดเกล้าฯ จากราชสำนักสยาม พระเจ้ากาวิละได้โปรดให้จัดพิธีเถลิงถวัลยราชสมบัติเข้าขึ้นครองอาณาจักรล้านนาตามราชประเพณีในราชวงศ์มังราย ยุคราชวงศ์เจ้าเจ็ดตนนครเชียงใหม่ไม่ได้เป็นศูนย์กลางอานาจทางการเมืองการปกครองของล้านนาอย่างแท้จริง อำนาจจะกระจายอยู่ที่เจ้าผู้ครองนครต่างๆ เพียงแต่เมืองนครเชียงใหม่มีสิทธิธรรมสูงเป็นที่ยอมรับจากทั้งสยาม และเจ้าผู้ครองนครที่เป็นพระญาติวงศ์ คือ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ , เจ้าผู้ครองนครลำปาง , เจ้าผู้ครองนครลำพูน หรือเจ้าผู้ครองนครที่ทรงนับถือกันเสมือนญาติมิตร คือ เจ้าผู้ครองนครน่าน , เจ้าผู้ครองนครแพร่ โดยในยุคนี้แบ่งหัวเมืองฝ่ายเหนือออกเป็น 4 ระดับ (พ.ศ. 2325 - พ.ศ. 2442) ดังนี้[3]
เมืองนครประเทศราช[แก้]
นครประเทศราชล้านนา ประกอบด้วย 5 นคร โดยถือนครเชียงใหม่ เป็นเมืองหลวง ในส่วนของเจ้าผู้ครองทั้ง 5 นคร มีอำนาจราชศักดิ์เสมอกันทั้ง 5 นคร นครประเทศราชล้านนา ประกอบด้วย 5 นคร ได้แก่
หัวเมืองขึ้นชั้นที่หนึ่ง[แก้]
หัวเมืองขึ้นชั้นที่หนึ่ง หมายถึง เมืองที่มีเจ้าเมืองเป็นเจ้านายบุตรหลานหรือพระญาติวงศ์ทางการเสกสมรสกับเจ้าผู้ครองนคร เช่น พระชามาดา (ราชบุตรเขย) และราชสำนักสยามรับรองแต่งตั้งให้ดำรงพระยศเป็น "พระยา เจ้าเมืองขึ้น" (ศักดินา 2,000 ไร่) หัวเมืองขึ้นชั้นที่หนึ่ง ประกอบด้วย 8 หัวเมือง ได้แก่
1. เมืองเชียงของ | ขึ้นกับ | นครน่าน
| |
2. เมืองพะเยา | ขึ้นกับ | นครลำปาง | |
3. เมืองงาว | ขึ้นกับ | นครลำปาง | |
4. เมืองฝาง | ขึ้นกับ | นครเชียงใหม่ | |
5. เมืองเชียงราย | ขึ้นกับ | นครเชียงใหม่ | |
6. เมืองเชียงแสน | ขึ้นกับ | นครเชียงใหม่ | |
7. เมืองตาก | ขึ้นกับ | นครเชียงใหม่ | |
8. เมืองปาย | ขึ้นกับ | นครเชียงใหม่ |
หัวเมืองขึ้นชั้นที่สอง[แก้]
หัวเมืองขึ้นชั้นที่สอง หมายถึง เมืองที่มีเจ้าเมืองเป็นเจ้านายบุตรหลาน พระประยูรญาติ ราชบุตรเขย หรือข้ารับใช้ใกล้ชิดของเจ้าผู้ครองนคร เป็นเครือญาติเจ้าฟ้าในรัฐฉานหรือเจ้านายไทลื้อของสิบสองพันนา เจ้าผู้ครองนครจะทรงแต่งตั้งให้เป็นเจ้าเมืองดำรงตำแหน่งเป็น “พญา” หรือ “อาชญา” โดยที่ราชสำนักสยามรับรองแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็น “พระ” พ่อเมือง (ศักดินา 600 ไร่) ส่วนเมืองที่มีชาวไทใหญ่อาศัยจำนวนมากอย่างกรณีเมืองแม่ฮ่องสอน เมืองขุนยวม เมืองปาย ชาวเมืองก็เรียกเจ้าเมืองว่า “เจ้าฟ้า”[4] หัวเมืองขึ้นชั้นที่สอง ประกอบด้วย 10 หัวเมือง ได้แก่
1. เมืองสอง | ขึ้นกับ | เมืองนครแพร่
| |
2. เมืองเถิน | ขึ้นกับ | เมืองนครลำปาง | |
3. เมืองป่าเป้า | ขึ้นกับ | เมืองนครเชียงใหม่ | |
4. เมืองแม่ฮ่องสอน | ขึ้นกับ | เมืองนครเชียงใหม่ | |
5. เมืองขุนยวม | ขึ้นกับ | เมืองนครเชียงใหม่ | |
6. เมืองเงิน | ขึ้นกับ | เมืองนครน่าน (เมืองเงิน หรือ เมืองกุฎสาวดี) | |
7. เมืองเทิง | ขึ้นกับ | เมืองนครน่าน | |
8. เมืองสา | ขึ้นกับ | เมืองนครน่าน | |
9. เมืองเชียงคำ | ขึ้นกับ | เมืองนครน่าน | |
10. เมืองหลวงภูคา | ขึ้นกับ | เมืองนครน่าน |
หัวเมืองขึ้นชั้นที่สาม[แก้]
หัวเมืองขึ้นชั้นที่สาม หมายถึง หัวเมืองระดับต่ำสุดสยามไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้อง และเจ้าเมืองในหัวเมืองชั้นนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวพันเป็นพระญาติวงศ์กับเจ้าผู้ครองนครถือว่าเป็น “ไพร่ผู้น้อย” ที่เจ้าผู้ครองนครจะทรงแต่งตั้งให้มีสมศักดิ์นามศักดิ์ครองเมืองเป็น “พ่อเมือง” แต่ภายในหัวเมืองขึ้นชั้นที่สามนี้ บางเมืองที่เป็นหัวเมืองขนาดใหญ่ หรือมีการสืบสกุลวงศ์ปกครองภายในบ้านเมืองตนเองมาหลายชั้นชั่วอายุคน ก็ถือว่าตนเป็น “เจ้าเมือง” และชาวเมืองก็ถือว่าเป็น เจ้า จึงนิยมเรียกเจ้าเมืองว่า เจ้าพญา หรือ พ่อเจ้า หัวเมืองขึ้นชั้นนี้มีเป็นร้อยหัวเมือง เดิมล้านนามี 57 หัวเมือง แต่ได้ขยายเพิ่มขึ้นอีกมาก
หัวเมืองขึ้นกับนครเชียงใหม่ ประกอบด้วย
|
|
หัวเมืองขึ้นกับนครลำปาง ประกอบด้วย
|
|
หัวเมืองขึ้นกับนครลำพูน ประกอบด้วย
หัวเมืองขึ้นกับนครน่าน ประกอบด้วย
|
อ้างอิง[แก้]
- เชิงออรรถ
- ↑ ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับ เชียงใหม่ 700 ปี, หน้า 134
- ↑ ศรีสักดิ์ วัลลิโภดม.ล้านนาประเทศ.กรุงเทพฯ : มติชน,2545
- ↑ ศักดิ์หัวเมืองในล้านนายุคราชวงศ์เจ้าเจ็ดตน(ทิพจักราธิวงศ์) ช่วงเป็นประเทศราชของสยาม พ.ศ. ๒๓๑๗ - ๒๔๔๒
- ↑ ตำแหน่งเจ้าเมืองขึ้น "หัวเมืองขึ้นชั้นที่สอง" ของราชสำนักล้านนา เรียกว่า "พญา" หรือ "อาชญา" ชาวเมืองนิยมเรียกว่า "เจ้าพญา" หรือ "เจ้าหลวง" เช่นพญาขัณฑเสมาบดี -เจ้าเมืองป่าเป้า อาชญามหาวงศ์ -เจ้าเมืองเชียงคำ ส่วนเมืองที่มีชาวไทใหญ่เป็นจำนวนมาก จะเรียกว่า "เจ้าฟ้า" เช่น เมืองแม่ฮ่องสอน เมืองขุนยวม เมืองปาย เช่น พญาเทพบำรุงรัตนาเขตร (เจ้าฟ้าวงศ์)-เจ้าเมืองขุนยวม.-(น.อ.คัมภีร์ คัมภีรญาณนนท์)
- บรรณานุกรม
- ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ฉบับ เชียงใหม่ 700 ปี. เชียงใหม่ : ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดเชียงใหม่ สถาบันราชภัฏเชียงใหม่, 2538. 496 หน้า. ISBN 974-8150-62-3