ราชวงศ์กัมโพช
ภาษาเขมร: រាជត្រកូលកម្ពុ | |
พระราชอิสริยยศ | พระมหากษัตริย์แห่งเจนละ |
---|---|
ปกครอง | อาณาจักรเจนละ |
บรรพบุรุษ | พราหมณ์กัมพูสวยัมภูวะ |
เชื้อพระวงศ์ที่สำคัญ | พระเจ้าศรุตวรมัน พระเจ้าภววรมันที่ 1 |
ประมุขพระองค์แรก | พระเจ้าศรุตวรมัน |
ประมุขพระองค์สุดท้าย | พระเจ้ามหิปติวรมัน |
สถาปนา | ค.ศ. 550 |
ล่มสลาย | ค.ศ. 802 |
เชื้อชาติ | เจนละ |
ราชวงศ์กัมโพช (เขมร: រាជត្រកូលកម្ពុ, อักษรโรมัน: Kamboja Dynasty; เรียจฺตระกูลกัมโพช) หรือราชวงศ์กัมโพช-สุริยวงศ์ [1] สถาปนาโดย พระเจ้าศรุตวรมัน พระมหากษัตริย์แห่งเจนละตามหลักฐานพบว่าต้นวงศ์ของพระองค์ทรงสืบสายราชวงศ์มาจาก พราหมณ์กัมพูสวยัมภูวะ และ พระนางอัปสรเมรา ทรงร่วมกันก่อตั้งราชวงศ์กัมโพช-สุริยวงศ์ของกัมพูชา ในราวคริสตศตวรรษที่ 1 พราหมณ์กัมพูสวยัมภูวะเป็นบรรพบุรุษของชาวกัมพุชเทศมีต้นกำเนิดในอินเดียตอนใต้ [2]
ต่อมาราชวงศ์นี้ได้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของ อาณาจักรฟูนัน ช่วงการครองราชย์ของพระเจ้าภววรมันที่ 1 และ พระเจ้ามเหนทรวรมัน ราชวงศ์กัมโพช-สุริยะวงศ์มีความเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดโดยพระองค์สามารถขยายดินแดนของเจนละเข้าไปในดินแดนของฟูนันนำไปสู่การล่มสลายของอาณาจักรฟูนัน [3] และขยายอาณาจักรเจนละครอบคลุมจรดดินแดนของฟูนันเดิมทั้งหมด จากการโจมตีของ ราชวงศ์โจฬะแห่งชวา ทำให้อาณาจักรเจนละแตกออกเป็นสองอาณาจักรคือเจนละบกปกครองโดยราชวงศ์กัมโพช-สุริยวงศ์ และเจนละน้ำปกครองโดยราชวงศ์เกาฑิณยะ-จันทรวงศ์ ราชวงศ์กัมโพชล่มสลายลงเมื่อพระเจ้ามหิปติวรมันถูกพระเจ้าสัญชัยกษัตริย์แห่งชวาตัดพระเศียร ต่อมา พระเจ้าชัยวรมันที่ 2 เชื้อพระวงศ์พระองค์หนึ่งของราชวงศ์เกาฑิณยะ - จันทรวงศ์ ทรงรวบรวมดินดินขึ้นใหม่ในนามจักรวรรดิเขมรและประกาศเอกราชจากชวาสำเร็จ
อ้างอิง[แก้]
- ↑ Louis-Frédéric (1977) Encyclopaedia of Asian Civilizations, Louis Publisher: Original from the University of Michigan Volume 3 of Encyclopaedia of Asian Louis-Frédéric
- ↑ Sailendra Nath Sen (1999). Ancient Indian History and Civilization. ISBN 9788122411980. สืบค้นเมื่อ January 14, 2018.
- ↑ Claude Jacques, “'Funan', 'Zhenla'. The reality concealed by these Chinese views of Indochina”, in R. B. Smith and W. Watson (eds.), Early South East Asia: Essays in Archaeology, History, and Historical Geography, New York, Oxford University Press, 1979, pp. 371–9, p. 373.