โรเบร์โต ดูรัน

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
โรเบร์โต ดูรัน
ชื่อจริงโรเบร์โต ดูรัน ซามานิเอโก
ฉายาHands of Stone
มนุษย์หิน (ภาษาไทย)​
El Cholo
Rocky
น้ำหนักแบนตัมเวท
เฟเธอร์เวท
ซูเปอร์เฟเธอร์เวท ไลท์เวท
ซูเปอร์ไลท์เวท
เวลเตอร์เวท
ซูเปอร์เวลเตอร์เวท
มิดเดิลเวท
ซูเปอร์มิดเดิลเวท
ไลท์เฮฟวีเวท
ส่วนสูง170 เซนติเมตร
เกิด26 มิถุนายน พ.ศ. 2494
ปานามา เอลชอร์ริโยจังหวัดปานามา
ชกทั้งหมด119
ชนะ103
ชนะน็อก70
แพ้16
เสมอ0
ผู้จัดการการ์โลส เอลตา
ค่ายมวยสตีลแมนส์ ยิม
เทรนเนอร์เรย์ อาร์เซล

โรเบร์โต ดูรัน ซามานิเอโก (สเปน: Roberto Durán Samaniego) วีรบุรุษนักชกแห่งปานามา และอดีตแชมป์โลก 4 รุ่น ถือได้ว่าเป็นยอดนักมวยขวัญใจชาวปานามา เช่นเดียวกับฆูลิโอ เซซาร์ ชาเบซ ที่เป็นยอดนักมวยขวัญใจชาวเม็กซิโก

ประวัติ[แก้]

ดูรันเกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2494 ที่เมืองเอลชอร์ริโย ประเทศปานามา เริ่มชกมวยสากลอาชีพครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2510 ในรุ่นไลท์เวท ทำสถิติชนะรวดจนได้ชิงแชมป์โลกสมาคมมวยโลก (WBA) ในรุ่นไลท์เวท กับ เคน บูคาเนน นักมวยชาวสกอตแลนด์ ที่ นครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2515 ดูรันสามารถเอาชนะน็อกโดยเทคนิคบูคาเนนไปได้ในยกที่ 13 จากนั้นดูรันได้ชกนอกรอบอีก 3 ครั้ง 2 ครั้งแรกสามารถเอาชนะน็อกนักมวยโนเนมได้เพียงยกแรก แต่ในครั้งที่ 3 ดูรันต้องพบกับความพ่ายแพ้ครั้งแรกในชีวิตแก่นักมวยชาวปวยร์โตรีโก เอสเตบัน เด เฆซุส ซึ่งต่อมากลายมาเป็นคู่ปรับคนสำคัญอีกคนหนึ่งของดูรัน

ดูรันป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกของ WBA ไลท์เวท ไว้ได้ถึง 12 ครั้ง นับว่าเป็นสถิติการป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกสูงสุดของรุ่นไลท์เวทมาจนถึงปัจจุบัน

ซึ่งครั้งสุดท้ายในการป้องกันตำแหน่งรุ่นนี้คือ การเดิมพันแชมป์ในรุ่นด้วยกันกับแชมป์โลกของสภามวยโลก (WBC) กับเอสเตบัน เด เฆซุส คู่ปรับเก่า ผลปรากฏว่าดูรันสามารถเอาชนะทีเคโอ​ได้ในยกที่ 12 เมื่อวันที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2521

ต่อมา ดูรันสละแชมป์ไลท์เวท 2 สถาบันนี้ไป เพื่อก้าวขึ้นไปชกในรุ่นที่ใหญ่กว่า คือ เวลเตอร์เวท ซึ่งในขณะนั้น ชูการ์ เรย์ เลนเนิร์ด ยอดนักชกชาวอเมริกันเป็นเจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกของสภามวยโลก และยังมีสถิติไม่เคยแพ้ใคร

เมื่อทั้งคู่มาพบกัน ไม่มีใครคาดคิดว่ามวยบู๊อย่างดูรันจะเอาชนะมวยที่มีชั้นเชิงอย่างเลียวนาร์ดได้ แต่ทว่าดูรันก็ใช้ความแข็งแกร่ง ทรหดกว่า เดินบดเข้าหาเลียวนาร์ดตลอดการชกทั้ง 15 ยก จนในที่สุดก็สามารถเอาชนะคะแนนเลนเนิร์ดได้ ในวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2523 ที่มอนทรีออล ประเทศแคนาดา ได้เป็นแชมป์โลกในรุ่นที่ 2

อีก 5 เดือนต่อมา ทั้งคู่ได้มีโอกาสล้างตากันอีกครั้งที่นิวออร์ลีนส์ คราวนี้เลนเนิร์ดเตรียมตัวมาดีกว่าเก่า สามารถแก้ทางของดูรันได้ จนดูรันไม่สามารถทำอะไรได้เหมือนครั้งแรก จนดูรันเป็นฝ่ายขอยอมแพ้ไปเองดื้อ ๆ ในระหว่างพักยกที่ 7 ขึ้นยกที่ 8 โดยบอกเป็นภาษาสเปนว่า "No Más" (ไม่เอาแล้ว) เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่ดูรันก็สามารถชกต่อไปอีกได้

ต่อมาดูรันก็สามารถได้เป็นแชมป์โลกในรุ่นที่ 3 ได้ เมื่อเอาชนะน็อกยก 8 เดฟ มัวร์ นักมวยชาวอเมริกัน เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2526 ได้แชมป์โลกในรุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวท สมาคมมวยโลก ซึ่งก่อนหน้านั้นดูรันเกือบได้เป็นแชมป์โลกรุ่นที่ 3 มาแล้ว แต่เป็นฝ่ายแพ้คะแนน 15 ยก แก่ วิลเฟรด เบนิเตซ นักมวยชาวปวยร์โตรีกัน เจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกสภามวยโลก ซูเปอร์เวลเตอร์เวท เมื่อปี พ.ศ. 2525

ในทศวรรษที่ 80 นี้ โรเบร์โต ดูรัน ถือได้ว่าเป็น 1 ใน 4 ยอดนักชกแห่งรุ่นกลาง (ตั้งแต่เวลเตอร์เวท จนถึงซูเปอร์มิดเดิลเวท-ประกอบไปด้วย ชูการ์ เรย์ เลนเนิร์ด, โรเบร์โต ดูรัน, โธมัส เฮิร์นส์ และมาร์วิน แฮ็กเลอร์ ซึ่งนักมวยทั้ง 4 นี้จะพบกันเองตลอด และผลัดแพ้-ผลัดชนะกัน)

ต่อมา ดูรันได้ขึ้นชิงแชมป์โลกรุ่นที่ 4 กับ มาร์วิน แฮ็กเลอร์ เจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกมิดเดิลเวท 3 สถาบันใหญ่ แต่เมื่อครบ 15 ยกแล้ว ดูรันเป็นฝ่ายแพ้คะแนนขาดลอย เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2526 ต่อมา ดูรันก็เป็นฝ่ายแพ้ทีเคโอแค่ยก 2 แก่โทมัส เฮินส์ ในการชิงแชมป์โลกสภามวยโลก ซูเปอร์เวลเตอร์เวท ที่เฮิร์นส์เป็นแชมป์โลกอยู่อย่างชนิดที่สู้ไม่ได้เลย เพราะดูรันเป็นฝ่ายที่รับหมัดของเฮิร์นส์แต่เพียงฝ่ายเดียว เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2527 ที่ลาสเวกัส

จากนั้นดูรันก็ไม่ได้ขึ้นเวทีอีกลย จนหลายฝ่ายคิดว่าเขาคงจะแขวนนวมไปแล้ว แต่ดูรันก็หวนกลับมาชกอีกครั้งในปี พ.ศ. 2529 ชนะทั้งหมด 7 ครั้ง มีสะดุดแพ้อยู่ครั้งเดียวเมื่อแพ้คะแนนต่อร็อบบี ซิมส์

24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2532 ดูรันก็ได้ครองแชมป์โลกรุ่นที่ 4 เมื่อชนะคะแนน 12 ยก ต่อ ไอแรน บาร์กเลย์ นักมวยชาวอเมริกัน ได้เป็นแชมป์โลกของสภามวยโลก ในรุ่นมิดเดิลเวทที่แอตแลนติกซิตี

ครั้งถัดมา ดูรันพยายามที่จะเป็นแชมป์โลกรุ่นที่ 5 ให้ได้ โดยข้ามขึ้นไปชิงแชมป์โลกรุ่นซูเปอร์มิดเดิลเวท สภามวยโลก กับ ชูการ์ เรย์ เลนเนิร์ด อดีตคู่ปรับเก่า แต่ดูรันก็เป็นฝ่ายแพ้คะแนนไปอย่างขาดลอยอีก เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2532 ที่ลาสเวกัส

ด้วยอายุที่มากขึ้น แต่โรเบร์โต ดูรัน ก็ยังไม่มีความตั้งใจที่เลิกชกมวย เขายังคงพากเพียรขึ้นเวทีอีกเรื่อย ๆ จนกระทั่งทำฟอร์มชนะอีก 8 ครั้ง ก็ขึ้นชิงแชมป์โลกอีกครั้งในรุ่นซูเปอร์มิดเดิลเวท สถาบันเล็ก ๆ อย่าง IBC กับ วินนีย์ แพเซียนซา แต่ก็เป็นฝ่ายแพ้คะแนนไปอีกถึง 2 ครั้ง เมื่อปี พ.ศ. 2537 และ พ.ศ. 2538 รวมทั้งชิงแชมป์ในรุ่นเดียวกันนี้ กับสถาบันแห่งนี้ กับ เอกตอร์ กามาโช ยอดนักมวยจอมลีลาชาวปวยร์โตรีกัน เมื่อปี พ.ศ. 2539 ก็เป็นฝ่ายแพ้คะแนน 12 ยกไปอีก

ดูรันยังคงพยายามชิงแชมป์ต่อไป ในปี พ.ศ. 2541 ดูรันเป็นฝ่ายแพ้ทีเคโอ​ แก่ วิลเลียม จอปปี เจ้าของตำแหน่งแชมป์โลกสมาคมมวยโลก รุ่นมิดเดิลเวท ชาวอเมริกัน ในยก 3 ดูรันชกมวยเป็นครั้งสุดท้ายเป็นฝ่ายแพ้คะแนน 12 ยก แก่ เอกตอร์ กามาโช อีกครั้ง เมื่อปี พ.ศ. 2544 ที่เดนเวอร์ โคโลราโด โดยที่ดูรันมีอายุถึง 50 ปีแล้ว

โรเบร์โต ดูรัน ถือได้ว่าเป็นวีรบุรุษนักชกชาวปานามา เป็นนักมวยที่มีสภาพร่างกายแข็งแกร่ง หมัดหนักทั้งซ้ายและขวา เป็นมวยในสไตล์ไฟเตอร์เดินหน้าเข้าชนกับคู่ต่อสู้ตลอด เป็นนักมวยที่ไว้หนวดทำให้หน้าตาดูดุดัน จนได้ฉายาในภาษาอังกฤษว่า "Hands of Stone" ในขณะที่แฟนมวยชาวไทยให้ฉายาว่า "มนุษย์หิน"

ต่อมาสมาคมมวยโลกได้ยกย่องให้ดูรันเป็นแชมป์โลกตลอดกาลในรุ่นไลท์เวท ในปี 2554

ปัจจุบันดูรันได้รับการเกียรติให้ตั้งชื่อเป็นสนามกีฬาในร่ม ในกรุงปานามาซิตี ประเทศปานามา ชื่อ "โรเบร์โต ดูรัน อารีนา"[1]

เกียรติประวัติ[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. "สำเนาที่เก็บถาวร". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-08-12. สืบค้นเมื่อ 2014-03-26.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]