โจบ เบลลิงงัม
ข้อมูลส่วนตัว | |||
---|---|---|---|
ชื่อเต็ม | โจบ ซามูเอล แพทริก เบลลิงงัม[1] | ||
วันเกิด | [2] | 23 กันยายน ค.ศ. 2005||
สถานที่เกิด | สเตาร์บริดจ์ อังกฤษ | ||
ส่วนสูง | 1.91 เมตร (6 ฟุต 3 นิ้ว)[3] | ||
ตำแหน่ง | กองหน้า กองกลาง | ||
ข้อมูลสโมสร | |||
สโมสรปัจจุบัน | ซันเดอร์แลนด์ | ||
หมายเลข | 7 | ||
สโมสรเยาวชน | |||
–2021 | เบอร์มิงแฮมซิตี | ||
สโมสรอาชีพ* | |||
ปี | ทีม | ลงเล่น | (ประตู) |
2021–2023 | เบอร์มิงแฮมซิตี | 24 | (0) |
2023– | ซันเดอร์แลนด์ | 45 | (7) |
ทีมชาติ‡ | |||
2021 | อังกฤษรุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี | 1 | (0) |
2021–2022 | อังกฤษรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี | 8 | (0) |
2022– | อังกฤษรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี[4] | 9 | (2) |
*นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้แก่สโมสรเฉพาะลีกในประเทศเท่านั้น ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 08:06, 15 มิถุนายน 2023 (UTC) ‡ ข้อมูลการลงเล่นและประตูให้แก่ทีมชาติล่าสุด ณ วันที่ 08:06, 15 มิถุนายน 2023 (UTC) |
โจบ ซามูเอล แพทริก เบลลิงงัม (อังกฤษ: Jobe Samuel Patrick Bellingham; เกิด 23 กันยายน ค.ศ. 2005) เป็นนักฟุตบอลอาชีพชาวอังกฤษ ผู้เล่นตำแหน่งกองกลางและกองหน้าให้กับสโมสรฟุตบอลซันเดอร์แลนด์ในอีเอฟแอลแชมเปียนชิป
เบลลิงงัมเริ่มต้นอาชีพในอะคาเดมีของเบอร์มิงแฮมซิตี เขาประเดิมสนามให้กับทีมชุดใหญ่เมื่ออายุเพียง 16 ปี และลงเล่นในลีก 24 นัดก่อนจะย้ายไปร่วมทีมซันเดอร์แลนด์ในปี 2023
เขาลงเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษมาแล้วทุกชุดตั้งแต่ระดับเยาวชนจนถึงรุ่นอายุไม่เกิน 20 ปี
ประวัติและชีวิตส่วนตัว
[แก้]โจบ เบลลิงงัม เกิดที่สเตาร์บริดจ์ เวสต์มิดแลนส์ เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2005[5] เป็นลูกชายคนเล็กของเดนีส และมาร์ก เบลลิงงัม[6] มาร์กทำงานเป็นนายตำรวจใน West Midlands Police และเป็นดาวยิงผู้ทำประตูได้อย่างมากมายมากมายในฟุตบอลนอกลีก[7] โจบเป็นน้องชายของจูด เบลลิงงัม กองกลางทีมชาติอังกฤษของเรอัลมาดริด ซึ่งเข้าสู่อะคาเดมีของเบอร์มิงแฮมซิตีก่อนหน้าเขา[8] จูด เบลลิงงัม ดาวรุ่งในวัยเพียง 16 ปีลงเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของสโมสรในฤดูกาล 2019–20 ก่อนจะย้ายไปร่วมทีมโบรุสซีอาดอร์ทมุนด์[9] หลังจากนั้น สโมสรตัดสินใจรีไทร์เสื้อหมายเลข 22 ซึ่งจูดเคยสวมใส่เพื่อเป็นเกียรติและเป็นแรงบันดาลใจให้กับดาวรุ่งคนอื่น ๆ[10] โจบปรากฏตัวในงานเปิดตัวชุดแข่งขันประจำฤดูกาล 2020–21 ของสโมสรเบอร์มิงแฮมแทนที่จูดที่ออกจากทีม[11]
ระดับสโมสร
[แก้]เบอร์มิงแฮมซิตี
[แก้]ในวัย 15 ปี 321 วัน โจบมีชื่อเป็นตัวสำรองเป็นครั้งแรกในเกมคาราบาวคัพฤดูกาล 2021–22 รอบแรกที่เปิดบ้านพบกับโคลเชสเตอร์ยูไนเต็ดจากลีกวัน[12] ในรอบที่ 2 เขาก็ยังไม่ได้มีชื่อลงสนาม หากเขาลงเล่นในนัดใดนัดหนึ่ง ก่อนวันเกิดครบ 16 ปีเพียงไม่กี่สัปดาห์ เขาก็จะกลายเป็นนักเตะทีมชุดใหญ่ที่อายุน้อยที่สุดของสโมสร ทำลายสถิติที่สร้างไว้โดยพี่ชายของเขาในรอบแรกเมื่อสองปีก่อน[12] ในช่วงปลายปีนั้น เริ่มมีข่าวลือว่า จูด เบลลิงงัม เตรียมกลับมาค้าแข้งในอังกฤษ แต่ก็มีข่าวลือตีกลับว่าโบรุสซีอาดอร์ทมุนด์ ต้นสังกัดของจูด กำลังให้ความสนใจที่จะเซ็นสัญญาคว้าตัวโจบ[13] ปลายปีนั้น เขาทำได้ 4 ประตูจาก 9 นัดให้กับทีมชุดเยาวชนรุ่นอายุไม่เกิน 18 ปีของสโมสรเบอร์มิงแฮม ในพรีเมียร์ลีก ยู–18 และลงเล่น 4 นัดให้กับทีมสำรองรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปีในพรีเมียร์ลีก ยู–23 ดิวิชัน 2
โจบมีชื่อเป็นตัวสำรองในเกมอีเอฟแอลแชมเปียนชิปที่พบกับคอเวนทรีซิตี เมื่อเดือนพฤศจิกายน ลี โบว์เยอร์ ผู้จัดการทีมในขณะนั้น ย้ำว่า ไม่อยากให้ใครตัดสินเขาจากผลงานของพี่ชาย และชี้แจงว่า เขามีชื่อเพราะนักเตะกองกลางของทีมได้รับบาดเจ็บหลายคน[14] เขาก็ยังไม่ได้ลงสนามอีกครั้ง เขาลงประเดิมสนามให้กับชุดใหญ่ครั้งแรกในฐานะตัวสำรองช่วงครึ่งหลังในเกมเอฟเอคัพรอบ 3 ฤดูกาล 2021–22 ที่พบกับพลิมัทอาร์ไกล์ ทีมจากลีกวัน โดยลงแทนจอร์แดน เจมส์ วัย 17 ปี ในนาทีที่ 70 ขณะนั้นเสมอกัน 0–0 และเบอร์มิงแฮมเหลือผู้เล่นเพียง 10 คน[15] ในวัยเพียง 16 ปี 107 วัน เขากลายเป็นนักฟุตบอลที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ที่ประเดิมสนามให้กับเบอร์มิงแฮม หลังจากจบการแข่งขัน ซึ่งเบอร์มิงแฮมแพ้ 0-1 ลี โบว์เยอร์ ผู้จัดการทีมเบอร์มิงแฮม กล่าวว่า เขาสมควรได้รับโอกาสลงประเดิมสนาม เนื่องจากฟอร์มของเขาพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงที่ฝึกซ้อมกับทีมชุดใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สัปดาห์ต่อมา เขาได้ลงประเดิมสนามในฟุตบอลลีกครั้งแรก ในฐานะตัวสำรองช่วงท้ายเกม ในเกมที่ออกไปเยือนแล้วเสมอกับเพรสตันนอร์ทเอนด์ 1-1
อ้างอิง
[แก้]- ↑ "Squad list 2022/23 & U21 registered contract players" (PDF). EFL. February 2023. p. 11. สืบค้นเมื่อ 8 February 2023.
- ↑ "Jobe Bellingham". Birmingham City F.C. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 7 March 2023. สืบค้นเมื่อ 7 March 2023.
- ↑ Smith, Phil (14 July 2023). "Tony Mowbray outlines his key Jobe Bellingham challenge – and a key Sunderland weakness he'll help address". Sunderland Echo. สืบค้นเมื่อ 14 July 2023.
- ↑ "Jobe Bellingham: Internationals". worldfootball.net. HeimSpiel Medien. สืบค้นเมื่อ 15 June 2023.
- ↑ "Jobe Bellingham: Profile". worldfootball.net. HeimSpiel Medien. สืบค้นเมื่อ 9 January 2022.
- ↑ Goldmann, Sven (9 October 2020). "Jude Bellingham: Young. Good. And really cool". Borussia Dortmund. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-02-27. สืบค้นเมื่อ 9 January 2022.
- ↑ Coney, Steven (22 September 2016). "700-up! Legendary striker Mark Bellingham on reaching the amazing milestone". The Non-League Paper. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-08-07. สืบค้นเมื่อ 9 January 2022.
- ↑ Fisher, Ben (20 February 2020). "Why Jude Bellingham is already on the radar of football's powerhouses". The Guardian. London. สืบค้นเมื่อ 9 January 2022.
- ↑ "Jude Bellingham signs for Borussia Dortmund from Birmingham". Sky Sports. 20 July 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 20 July 2020. สืบค้นเมื่อ 9 January 2022.
- ↑ "อึ้งเลย! เบอร์มิงแฮม ประกาศ รีไทร์เบอร์ 22 ให้ "จู๊ด เบลลิงแฮม"". sanook.com.
- ↑ Preece, Ashley (15 August 2020). "Confirmed: Birmingham City unveil new Nike home shirt for Aitor Karanka era". Birmingham Mail. สืบค้นเมื่อ 9 January 2022.
- ↑ 12.0 12.1 Chapman, Joseph (10 August 2021). "Lee Bowyer makes 11 Birmingham City changes as Jobe Bellingham makes squad". Birmingham Mail. สืบค้นเมื่อ 9 January 2022.
- ↑ Hughes, Steven (4 November 2021). "Borussia Dortmund hope signing familiar face can convince Bellingham to stay". Teamtalk. สืบค้นเมื่อ 8 January 2022.
- ↑ Dick, Brian (24 November 2021). "'Don't do that' – Lee Bowyer issues Jobe Bellingham warning after Birmingham City call-up". Birmingham Mail. สืบค้นเมื่อ 8 January 2022.
- ↑ "Birmingham City 0–1 Plymouth Argyle". BBC Sport. 8 January 2022. สืบค้นเมื่อ 9 January 2022.