เทวสถานแห่งอันโตนินัสและฟาอัสตินา
วัดซานลอเรนโซอินมิรานดาสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 17 ภายในซากของเทวสถานที่ยังใช้คอลัมน์ของซุ้มทางเข้าของเทวสถานเดิม | |
Click on the map for a fullscreen view | |
ที่ตั้ง | บริเวณที่ 8 ของจตุรัสโรมัน |
---|---|
พิกัด | 41°53′31.70″N 12°29′12.08″E / 41.8921389°N 12.4866889°E |
ประเภท | เทวสถาน |
ความเป็นมา | |
ผู้สร้าง | อันโตนินัส ไพอัสสร้างให้แก่ ฟาอัสตินาผู้อาวุโส |
สร้าง | ค.ศ. 141 |
หมายเหตุเกี่ยวกับสถานที่ | |
สถาปัตยกรรมโรมัน |
เทวสถานแห่งอันโตนินัสและฟาอัสตินา (อังกฤษ: Temple of Antoninus and Faustina) เป็นเทวสถาน (Roman temple) โรมันโบราณที่ตั้งอยู่ในกรุงโรมภายในบริเวณที่เรียกว่าฟอรุมโรมัน (Roman Forum) บนถนนซากรา (Via Sacra) ตรงกันข้ามกับเรเจีย (Regia) เทวสถานแห่งอันโตนินัสและฟาอัสตินาสร้างในปี ค.ศ. 141 ต่อมาวัดซานลอเรนโซอินมิรานดาก็มาสร้างบนซากที่เหลือของเทวสถาน
เทวสถาน
[แก้]จักรพรรดิอันโตนินัส ไพอัสทรงเริ่มสร้างเทวสถานนี้ในปี ค.ศ. 141 ก่อนคริสต์ศักราช โดยทรงตั้งพระทัยที่จะอุทิศให้แก่พระอัครมเหสีฟาอัสตินาผู้อาวุโสผู้สิ้นพระชนม์ไปแล้วผู้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเทพ เมื่ออันโตนินัส ไพอัสเองได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเทพหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้วในปี ค.ศ. 161 มาร์คัส ออเรลิอัสจักรพรรดิองค์ต่อมาก็อุทิศเทวสถานใหม่ให้แก่ทั้งอันโตนินัส ไพอัสและฟาอัสตินา
ตัวเทวสถานตั้งอยู่บนฐานสูงบนหินบล็อกใหญ่เพเพอริโน ด้านหน้ามีคำจารึกว่า “Divo Antonino et Divae Faustinae Ex S.C.” ที่แปลว่า “อุทิศให้แก่เทพอันโตนิโนและเทพฟาอัสติแนโดยการประกาศของวุฒิสภา”
ด้านหน้าซุ้มทางเข้าของเทวสถานเป็นคอลัมน์โครินเธียนสิบคอลัมน์แต่ละคอลัมน์สูง 17 เมตร บนบัวตกแต่งด้วยลายสลักนูนเป็นมาลัยกริฟฟอนและเชิงเทียน ที่มักจะก็อปปีมาใช้ในงานตกแต่งสถาปัตยกรรมตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 16 มาจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 19
คริสต์ศาสนสถาน
[แก้]เทวสถานมาเปลี่ยนเป็นคริสต์ศาสนสถานชื่อวัดซานลอเรนโซอินมิรานดาอาจจะตั้งแต่ราวคริสต์ศตวรรษที่ 7 แต่ก็มีหลักฐานกล่าวถึงจากคริสต์ศตวรรษที่ 11 เท่านั้นที่กล่าวถึงในหนังสือ “สถานที่อันสวยงามของกรุงโรม” (Mirabilia Urbis Romae)[1] “มิรานดา” ในชื่อวัดอาจจะมาจากชื่อของผู้บริจาคทุนทรัพย์ในการสร้างวัด[2] กล่าวกันว่าที่ตั้งของวัดเป็นสถานที่ที่นักบุญลอว์เรนซ์ถูกประหารชีวิต
รอยบากลึกบนคอลัมน์กล่าวกันว่ามีมาตั้งแต่ยุคกลางเมื่อมีการพยายามที่จะรื้อซุ้มทางเข้าอาจจะเพื่อนำไปสร้างสิ่งก่อสร้างอื่นหรืออาจจะเป็นการจงใจที่จะทำลายเพราะถือว่าเป็นเทวสถานของผู้นอกศาสนา นอกจากนั้นก็มีการสร้างบันไดทางด้านข้างในยุคกลางแต่ในปัจจุบันไม่สามารถใช้ได้เพราะกลายเป็นช่องกว้างราวหกเมตรระหว่างตอนบนของบันไดกับประตูเพราะขณะที่สร้างบริเวณฟอรุมยังไม่ได้ขุด ฉะนั้นบริเวณที่สร้างบันไดจึงสูงกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เมื่อขุดดินออกจึงเหลือแต่บันไดลอย การขุดค้นทางโบราณคดีทางด้านหน้าของเทวสถานทำกันครั้งแรกในปี ค.ศ. 1546, ครั้งที่สองในปี ค.ศ. 1810 และอีกเป็นระยะ ๆ มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1876[3]
ในปี ค.ศ. 1429/1430, สมเด็จพระสันตะปาปามาร์ตินที่ 5 ทรงยกวัดให้กับคณะนักเคมีและเครื่องยา (College of Chemists and Herbalists) ของมหาวิทยาลัยอโรมาโตเรียม (Universitas Aromatorium)[4] มหาวิทยาลัยยังคงใช้ห้องที่ติดกันเป็นพิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ ที่ยังมีใบซื้อยาที่ลงชื่อราฟาเอล หลังจากนั้นก็มีการสร้างชาเปลข้างเพื่อที่จะบูรณปฏิสังขรณ์ตัวสิ่งก่อสร้างเดิมในการเตรียมการต้อนรับสมเด็จพระจักรพรรดิคาร์ลที่ 5 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ตัววัดปัจจุบันจึงอยู่ภายในโครงของเทวสถานเดิม และได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์และขยับขยายอีกครั้งในปี ค.ศ. 1602 โดยโอราซิโอ ทอร์ริอานิ (Orazio Torriani) โดยเป็นช่องทางเดินกลางช่องเดียวและมีชาเปลข้างใหม่สามชาเปล แท่นบูชาเอกมีงานเขียน “การพลีชีพของนักบุญลอว์เรนซ์” โดยเปียโตร ดา คอร์โทนา (Pietro da Cortona) ที่เขียนในปี ค.ศ. 1646 ชาเปลแรกทางขวาเป็นภาพ “พระแม่มารีและพระบุตรกับนักบุญ” ที่เขียนในปี ค.ศ. 1626 โดยโดเม็นนิโค แซมเปียริ
การเปลี่ยนเป็นคริสต์ศาสนสถานยังคงรักษาครรภมณฑล (Cella) และและซุ้มทางเข้าด้านหน้า (portico) และแถบหินอ่อนของโถงภายในเทวสถานถูกรื้อทิ้ง และอันที่จริงแล้วก็ขาดมุขตะวันออกซึ่งไม่มีการเพิ่มเติมเมื่อมาเปลี่ยนแปลงเป็นคริสต์ศาสนสถานเพื่อเป็นการรักษารูปทรงที่ได้สัดส่วนของเทวสถานเดิม
อ้างอิง
[แก้]- ↑ Christian Hülsen, Le Chiese di Roma nel Medio Evo (Florence: Olschki) 1927
- ↑ A fanciful derivation from the Latin mirare, to admire, imagined as referring to the excellent panorama of the Forum from the church's steps, diachronically attributes to the medieval public an eighteenth-century appreciation for the picturesque.
- ↑ Platner and Ashby 1929.
- ↑ Filippo Titi, Descrizione delle Pitture, Sculture e Architetture esposte in Roma, 1763.
- Platner, Samuel Ball, (revised by Thomas Ashby), A Topographical Dictionary of Ancient Rome, (London: Oxford University Press), 1929. (On-line text)
- Touring Club Italiano (TCI) Roma e Dintorni 1965:133.
ดูเพิ่ม
[แก้]แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ เทวสถานแห่งอันโตนินัสและฟาอัสตินา
ระเบียงภาพ
[แก้]-
วัดคริสต์ศาสนาภายใน
โครงเทวสถานโรมัน -
มองจากด้านข้าง
-
ตัวเทวสถานตั้งอยู่บน
ฐานสูง