พระยาสุมนเทวราช

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
(เปลี่ยนทางจาก เจ้าหลวงสุมนเทวราช)
เจ้าสุมนเทวราช
พระยาน่าน
เจ้าผู้ครองนครน่าน
องค์ที่ 58 แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์
ราชาภิเษก6 มิถุนายน พ.ศ. 2358
ครองราชย์13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2353 - 26 มิถุนายน พ.ศ. 2368
รัชกาล15 ปี 134 วัน
พระอิสริยยศพระยาประเทศราช
ก่อนหน้าสมเด็จเจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ
ถัดไปเจ้ามหายศ
ประสูติพ.ศ. 2294
พิราลัย26 มิถุนายน พ.ศ. 2367
(74 ปี) ณ กรุงเทพฯ
มเหสีแม่เจ้าพิมพาอรรคราชเทวี
พระราชบุตร4 พระองค์
พระนามเต็ม
พระยาสุมนเทวราช พระยาน่าน
ราชสกุลสมณะช้างเผือก [1]
ราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์
พระบิดาเจ้าอริยวงษ์
พระมารดาแม่เจ้าเมืองรามราชเทวี[2]

เจ้าสุมนเทวราช[3] หรือ เจ้าหลวงสุมนเทวราช [4]ทรงเป็นเจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 58 และองค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ ทรงเป็นราชโอรสในเจ้าอริยวงษ์ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 52 และทรงเป็นพระนัดดา(หลานปู่)ในพระเจ้าหลวงติ๋นมหาวงศ์ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 51 และปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ ทรงครองเมืองน่าน ระหว่างปี พ.ศ. 2354 - พ.ศ. 2368

พระประวัติ[แก้]

เจ้าสุมนเทวราช มีพระนามเดิมว่า เจ้าสมณะ[5] ประสูติเมื่อปี พ.ศ. 2294 ทรงเป็นพระโอรสองค์ที่ 3 ในเจ้าอริยวงษ์ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 52 ประสูติแต่แม่เจ้าเมืองรามราชเทวี (ชายาที่ 2) และทรงเป็นพระนัดดา(หลานปู่)ในพระเจ้าหลวงติ๋นมหาวงศ์ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 51 และปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์ เจ้าสุมนเทวราชทรงมีพระเชษฐาร่วมพระมารดา 2 องค์ ดังนี้

  1. เจ้าขวา ภายหลังเป็น เจ้าพระยาจางวางขวา เมืองน่าน
  2. เจ้าซ้าย ภายหลังเป็น เจ้าพระยาจางวางซ้าย เมืองน่าน
  3. เจ้าสมณะ ภายหลังเป็น พระเจ้าสุมนเทวราช เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 58

พระอิสริยยศ และบรรดาศักดิ์[แก้]

  1. พระยาอุปราชสมณะ พระยาอุปราชเมืองน่าน (พ.ศ. 2331 - พ.ศ. 2353)
  2. พระยาสุมนเทวราช เจ้าพระยาน่าน (พ.ศ. 2353 - พ.ศ. 2368


(ใน พ.ศ. 2331 เจ้าอัตวรปัญโญ ได้ลงมาเข้าเฝ้าฯ เพื่อขอเป็นข้าขอบขัณฑสีมาในรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ และได้รับการสถาปนาเป็น “เจ้าฟ้าอัตวรปัญโญ” แล้วกลับให้ครองนครน่านต่อพร้อม กับสถาปนา เจ้าสุมนเทวราช ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้าของเจ้าฟ้าอัตวรปัญโญ เป็นเจ้าอุปราชหอหน้า (มีฐานะรอง จากเจ้าผู้ครองนคร)

เครื่องยศ[แก้]

เครื่องยศ ที่พระยาสุมนเทวราช ทรงได้รับพระราชทาน[6] ดังนี้ วันพุธ ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2354 หรือ (จุลศักราชได้ ๑๑๗๓ ตัวปีลวงเม็ดเดือน ๗ ลง ๖ ค่ำ) พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โปรดเกล้าฯพระราชทาน เครื่องยศ แก่พระยาสุมนเทวราช ดังนี้

  • พานพระศรีคำ 1 ใบ
  • จอกคำ 2 ใบ
  • ผะอบยาสูบคำ 2 อัน
  • ซองพลูคำ 1 อัน
  • มีดด้ามคำ 1 อัน
  • อุบนวดคำ 1 ใบ
  • คนโทคำ 1 ลูก
  • กะโถนคำ 1 ใบ
  • แหวนธำมรงค์ราชลูกดีพลอยเพ็ชร ต้น 10 กลาง 10 2 วง
  • พระกลดแดงดอกคำ 1 ใบ
  • ปืนลองชนเครือคำ 1 กระบอก
  • ปืนลองชนต้นเรียบ 2 กระบอก
  • ปืนลองชนต้นกลม 3 บอก
  • ผ้ายกไหมคำหลวงสังเวียน 1 ผืน
  • ผ้านุ่งยกไหมคำ 4 ผืน
  • ผ้าโพกริ้วทอง 1 ผืน
  • เสื้อจีบเอวภู่ตราดอกคำ 1 ผืน
  • แพรขาวผุดดอกคำ 1 ผืน
  • มุ้งแพร 2 หลัง
  • สโต๊กเงิน 2 ใบ

พระโอรส พระธิดา[แก้]

เจ้าสุมนเทวราช ทรงมีพระชายา 2 องค์[7] และพระโอรส พระธิดาทั้งหมด 4 พระองค์ มีรายพระนามดังนี้

  • พระชายาองค์ที่ 1 แม่เจ้าพิมพาอัครราชเทวี ประสูติแต่พระโอรส 1 พระองค์ ดังนี้
  1. เจ้าอชิตวงษ์ ภายหลังได้เป็น พรเจ้าอชิตวงษ์ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 60
  • พระชายาองค์ที่ 2 แม่เจ้าราชเทวี ประสูติแต่พระโอรส พระธิดา 3 พระองค์ ดังนี้
  1. เจ้าหนานค่ายแก้ว
  2. เจ้าบุษรถ ภายหลังได้เป็น เจ้าเมืองแก่น
  3. เจ้านางแปงเมือง

พระกรณียกิจ[แก้]

  • ด้านศาสนา
  1. เมื่อปี พ.ศ. 2363 พระยาสุมนเทวราช เจ้าผู้ครองนครน่าน พร้อมด้วยราชครูสังฆสงฆ์เสนาอำมาตย์และประชาชนทั้งหลาย ได้ร่วมกันหล่อระฆังลูกนี้ไว้เพื่อใช้ตีในพิธีบูชาพระมหาชินธาตุเจ้า
  2. เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2366 พระยาสุมนเทวราช เจ้าผู้ครองนครน่าน พร้อมกับพระนางพิมพาราชเทวี พระศรีอนุกัญญา พระราชบุตร พระราชนัดดา พร้อมด้วยเสนาอำมาตย์ประชานาถทั้งหลายร่วมกันสร้างพระพุทธรูป ณ วัดสถารส (ปัจจุบันตั้งอยู่ที่ วัดสถารศ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน)
  • ด้านบ้านเมือง
  1. เมื่อปี พ.ศ. 2353 พระยาสุมนเทวราช เจ้าผู้ครองนครน่าน ได้สนองพระเดชพระคุณเผยแพร่พระบารมีให้แผ่ไพศาลออกไปอีกครั้ง ด้วยการกรีฑาทัพเมืองน่านขี้นไปตีหัวเมืองไทลื้อต่างๆในสิบสองปันนา เช่น เมืองล้า เมืองพง เมืองเชียงแขง เมืองหลวงภูคา เป็นต้น และได้กวาดต้อนเชลยศึกเข้ามาไว้ในอาณาเขตเมืองนครน่านถึง 60,000 คนเศษ เมื่อเสร็จศึกสงครามแล้วจึงเสด็จลงไปเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ณ กรุงรัตนโกสินทร์ เมื่อนั้นก็ทรงยินดีโสมนัสเป็นอย่างมาก พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสิ่งของให้เหล่าแม่ทัพอํามาตย์มากมาย ดังในประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๑๐ บันทึกไว้ว่า .. “ในศักราชเดียวนี้ เดือน ๓ อาชญาเจ้าหลวงท่านก็กวาดเอาคนครัวเมืองล้า เมืองพง เชียงแขง เมืองหลวงภูคา ลงมาไว้เมืองน่าน มีคน ๖๐,๐๐๐ คนหั้นแล” .. (ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๑๐ , ๒๔๖๑ : ๑๔๗)
  2. เมื่อปี พ.ศ. 2360 (ในรัชกาลที่ 2 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ได้เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ น้ำในแม่น้ำน่านไหลเข้าสู่ตัวเมืองน่านด้วยความแรงและเชี่ยว ได้พัดพากำแพงเมืองทางด้านทิศตะวันตกพังทลายลงทั้งแถบ บ้านเรือนพังทลายเกือบหมด วัดวาอารามในนครน่านหักพังเป็นอันมาก
  3. เมื่อปี พ.ศ. 2362 พระยาสุมนเทวราช เจ้าผู้ครองนครน่าน จึงได้ย้ายเมืองไปอยู่บริเวณดงพระเนตรช้างซึ่งเป็นที่ดอนน้ำท่วมไม่ถึง ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเมืองน่าน (ปัจจุบัน) ทรงใช้เวลาในการก่อสร้างเพียง 6 เดือน จึงแล้วเสร็จ แล้วโปรดให้เรียกว่า "เวียงเหนือ" (ปัจจุบันอยู่ในเขตบ้านมหาโพธิ์ และบ้านสถารส อ.เมืองน่าน) ห่างจากเวียงใต้ (เมืองน่าน ปัจจุบัน) ประมาณ 2 กิโลเมตร เวียงเหนือ มีลักษณะของเมืองคือทอดไปตามลำน้ำน่าน อยู่ห่างจากแม่น้ำน่านประมาณ 800 เมตร มีคูเมืองล้อมรอบ ซึ่งปัจจุบันยังพบร่องรอยคูน้ำคันดินของพื้นที่หัวเวียงเหนืออยู่ ในปัจจุบัน คือ ถนนหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา น่าน
  • หัวเวียงเหนือ มีพื้นที่อาณาเขต ดังนี้

• ทิศใต้ จดกับ ทุ่งนาริน

• ทิศตะวันออก ทอดยาวไปตามถนนสุมนเทวราช

• ทิศตะวันตก จดกับ มุมรั้วสนามกีฬา อบจ. น่าน

• ทิศเหนือ จดกับ ทุ่งควายเฒ่าข้าวสาร

• วัดสถารส สันนิษฐานว่าเป็นวัดหลวงกลางเวียงของหัวเวียงเหนือ ซึ่งเป็นวัดแห่งเดียวในหัวเวียงเหนือที่มีพระธาตุเจดีย์ จึงสันนิษฐานว่าเป็นวัดหลวงกลางเวียง

• ศูนย์กลางการปกครองของเมืองนครน่าน ที่ตั้งอยู่ที่หัวเวียงเหนือสืบกันมาได้ 36 ปี จนถึงในรัชสมัยเจ้าอนันตวรฤทธิเดชเจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 62 จึงได้โปรดให้ย้ายศูนย์กลางการปกครองของเมืองนครน่านกลับลงมาอยู่ ณ ที่ตั้งของเมืองน่านในปัจจุบัน ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2400 เป็นต้นมา

  • ด้านการถวายความจงรักภักดีต่อราชวงศ์จักรี
  1. เมื่อปี พ.ศ. 2359 พระยาสุมนเทวราช พระยานครน่าน ได้นำช้างพลายเผือกเอก ลงมาทูลเกล้าฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ 2 ณ กรุงเทพฯ ครั้นเมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2359 (แรม ๙ ค่ำ เดือน ๕ ปีฉลูนพศก) เสด็จไปรับแลมีการแห่สมโภช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อขึ้นรวางเป็น ... " พระยาเสวตรคชลักษณ์ ประเสริฐศักดิสมบูรณ์ เกิดตระกูลสารสิบหมู่ เผือกผู้พาหนะนารถ อิศราราชธำรง บัณฑรพงษ์จตุรภักตร์ สุรารักษรังสรรค์ ผ่องผิวพรรณผุดผาด ศรีไกรลาศเลิศลบ เฉลิมพิภพอยุทธยา ขัณฑเสมามณฑล มิ่งมงคลเลิศฟ้า " ... แล้วทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานบำเหน็จรางวัลแก่ พระยาสุมนเทวราช พระยานครน่าน เป็นอันมาก แต่มิได้เลื่อนยศขึ้น เพราะเหตุที่ว่าเจ้าผู้ครองเมืองน่านในครั้งนั้น เป็นตระกูลเจ้ามาแต่ก่อน ใช้นามในพื้นเมืองว่า "เจ้าฟ้าเมืองน่าน" เหมือนอย่างเจ้าเมืองไทยใหญ่ทั้งปวง ไม่ใช่เปนตระกูลซึ่งตั้งเปนเจ้าขึ้นใหม่เหมือนเจ้า ๗ ตน เมืองนครเชียงใหม่ เมืองนครลำปาง เมืองนครลำพูน [8]

สถานที่อันเนื่องมาจากพระนาม[แก้]

  1. ถนนสุมนเทวราช

ราชตระกูล[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. นามสกุลคนไทย (ต้นสกุล (ต้นวงศ์), ต้นราชสกุล)
  2. ราชวงศปกรณ์ พงศาวดารเมืองน่าน (ฉบับพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช) หน้า 110
  3. ราชวงศปกรณ์ พงศาวดารเมืองน่าน (ฉบับพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช), หน้า 147
  4. ราชวงศปกรณ์ พงศาวดารเมืองน่าน (ฉบับพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช), หน้า 149
  5. ราชวงศปกรณ์ พงศาวดารเมืองน่าน (ฉบับพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช), หน้า 147
  6. ราชวงศปกรณ์ พงศาวดารเมืองน่าน (ฉบับพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช), หน้า 184
  7. ราชวงศปกรณ์ พงศาวดารเมืองน่าน (ฉบับพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช), หน้า 149
  8. พระราชพงษาวดาร-กรุงรัตนโกสินทร-รัชกาลที่-๒/๔๗-ได้พระยาเสวตรคชลักษณ์-ช้างเผือกเมืองน่าน

ดูเพิ่ม[แก้]

ก่อนหน้า พระยาสุมนเทวราช ถัดไป
สมเด็จเจ้าฟ้าอัตถวรปัญโญ เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 58
และองค์ที่ 8 แห่งราชวงศ์ติ๋นมหาวงศ์

(พ.ศ. 2353 - พ.ศ. 2368)
พระเจ้ามหายศ