มหาวิหารซันโลเรนโซ ฟลอเรนซ์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
บาซิลิกาซานโลเร็นโซ
Basilica of Saint Lawrence
บาซิลิกาซานโลเร็นโซตั้งอยู่ในฟลอเรนซ์
บาซิลิกาซานโลเร็นโซ
บาซิลิกาซานโลเร็นโซ
สถานที่ในฟลอเรนซ์
43°46′29.7″N 11°15′13.9″E / 43.774917°N 11.253861°E / 43.774917; 11.253861พิกัดภูมิศาสตร์: 43°46′29.7″N 11°15′13.9″E / 43.774917°N 11.253861°E / 43.774917; 11.253861
ที่ตั้งฟลอเรนซ์ แคว้นตอสคานา
ประเทศอิตาลี
นิกายโรมันคาทอลิก
ประวัติ
สถานะMinor basilica
อุทิศแก่Saint Lawrence
เสกเมื่อค.ศ. 393
สถาปัตยกรรม
สถาปนิกฟีลิปโป บรูเนลเลสกี, มีเกลันเจโล
ประเภทสถาปัตย์โบสถ์คริสต์
รูปแบบสถาปัตย์เรอแนซ็องส์
งานฐานรากศตวรรษที่ 15
แล้วเสร็จค.ศ. 1470
การปกครอง
อัครมุขมณฑลArchdiocese of Florence

บาซิลิกาซานโลเร็นโซ หรือ บาซิลิกาเซนต์ลอว์เรนซ์แห่งฟลอเรนซ์ (อังกฤษ: Basilica of San Lorenzo, Florence, อิตาลี: Basilica di San Lorenzo) เป็นวัดคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกที่มีฐานะเป็นมหาวิหารที่ตั้งอยู่กลางเมืองฟลอเรนซ์ในประเทศอิตาลี สถาปัตยกรรมที่เห็นอยู่ในปัจจุบันเป็นแบบฟื้นฟูศิลปวิทยา

บาซิลิกาซานโลเร็นโซเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดวัดหนึ่งที่ตั้งอยู่ในบริเวณตลาดเก่าในใจกลางเมืองฟลอเรนซ์และเป็นวัดที่ใช้ในการบรรจุศพบุคคลสำคัญๆ หลายคนของตระกูลเมดิชิตั้งแต่โคสิโม เดอ เมดิชิผู้เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1464 มาจนถึงโคสิโม เดอ เมดิชิที่ 3 แกรนดยุคแห่งทัสเคนี (Cosimo III de' Medici, Grand Duke of Tuscany) ผู้เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1723 บาซิลิกาซานโลเร็นโซเป็นวัดหนึ่งที่อ้างตนเองว่าเป็นวัดที่เก่าที่สุดในฟลอเรนซ์ที่เดิมสร้างในปี ค.ศ. 393[1] นอกกำแพงเมือง และเป็นมหาวิหารแห่งเมืองฟลอเรนซ์อยู่ 300 ปี ก่อนที่จะย้ายไปเป็นวัดซานตาเรพาราตา นอกจากนั้นแล้วบาซิลิกาซานโลเร็นโซก็ยังเป็นวัดประจำตระกูลเมดิชิ

ในปี ค.ศ. 1419 จิโอวานนิ ดิ บิชชิ เดอ เมดิชิ (Giovanni di Bicci de' Medici) อาสาออกเงินให้สร้างวัดใหม่แทนวัดโรมาเนสก์เดิมที่สร้างมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 11 โดยจ้างให้ฟีลิปโป บรูเนลเลสกีผู้เป็นสถาปนิกคนสำคัญของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาของต้นคริสต์ศตวรรษที่ 15 เป็นผู้ออกแบบ แต่ไม่ได้สร้างเสร็จจนกระทั่งจิโอวานนิเสียชีวิตไปแล้ว

บาซิลิกาซานโลเร็นโซเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มคริสต์ศาสนสถานที่เป็นของสำนักสงฆ์ ที่ประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างสำคัญๆ อื่นๆ ที่รวมทั้งห้องเก็บสมบัติเก่า (Sagresta Vecchia) โดยฟีลิปโป บรูเนลเลสกี, ห้องสมุดบาซิลิกาซานโลเร็นโซ (Laurentian Library) โดยมีเกลันเจโล, ห้องเก็บสมบัติใหม่โดยมีเกลันเจโล และชาเปลเมดิชิ (Medici Chapel) โดยมัตเตโอ นิเก็ตติ (Matteo Nigetti)

ประวัติ[แก้]

ประวัติทางสถาปัตยกรรมของบาซิลิกาซานโลเร็นโซเป็นประวัติที่ซับซ้อน แม้ว่าจะสร้างภายใต้การควบคุมของฟีลิปโป บรูเนลเลสกีตามแบบที่เขียนโดยบรูเนลเลสกีเอง แต่ผลที่ออกมาไม่ใช้แบบที่เขียนไว้แต่เดิม การก่อสร้างเริ่มในปี ค.ศ. 1419 แต่งการขาดงบประมาณทำให้การก่อสร้างต้องล่าช้าลงและต้องมีการแก้ไขแบบที่ออกไว้เดิม เมื่อมาถึงต้นคริสต์ทศวรรษ 1440 ก็มีแต่สังฆทรัพยคูหา (sacristy) เท่านั้นที่ได้รับการก่อสร้าง (ปัจจุบันคือห้องเก็บสมบัติเก่า) นอกจากนั้นทางตระกูลเมดิชิก็ยังมิได้จ่ายเงินให้แก่วัด ในปี ค.ศ. 1442 ตระกูลเมดิชิจึงเข้ามาบริหารงบประมาณการก่อสร้าง ของมีค่า แต่บรูเนลเลสกีเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1446 ความรับผิดชอบในการก่อสร้างจึงตกไปเป็นของไม่ก็อันโตนิโอ มาเนตติ (Antonio Manetti) หรือ มิเกลอโซ มิเกลอซิ ไม่เป็นที่ทราบแน่นอนโดยนักวิชาการ แม้ว่าตัวสิ่งก่อสร้างจะ “เสร็จ” ในปี ค.ศ. 1459 ทันกับโอกาสที่สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 2 เสด็จมาฟลอเรนซ์ แต่ชาเปลและช่องทางเดินข้างทางด้านขวายังคงสร้างกันอยู่จนถึงคริสต์ทศวรรษ 1470 และ 1480

เมื่อสร้างเสร็จผังการก่อสร้างและรายละเอียดต่างๆ ก็แตกต่างไปจากผังที่เขียนไว้โดยฟีลิปโป บรูเนลเลสกีไปเป็นอันมาก ความแตกต่างที่สำคัญคือบรูเนลเลสกีตั้งใจจะให้ชาเปลข้างลึกกว่าและคล้ายกับชาเปลในบริเวณแขนกางเขน (transept) ซึ่งเป็นบริเวณเดียวในตัวสิ่งก่อสร้างที่เชื่อกันว่าตรงตามแบบที่บรูเนลเลสกีออกไว้แต่เดิม[2]

ลักษณะความเป็นสถาปัตยกรรมฟื้นฟูศิลปวิทยา[แก้]

ช่องทางเดินกลางยุคต้นเรอเนสซองซ์ในบาซิลิกาซานโลเร็นโซโดยฟีลิปโป บรูเนลเลสกี - คริสต์ทศวรรษ 1420
ห้องเก็บสมบัติจากภายนอก


แม้ว่าประวัติทางสถาปัตยกรรมของการก่อสร้างบาซิลิกาซานโลเร็นโซจะเป็นประวัติที่ซับซ้อนแต่ก็ผลที่ออกมาก็เป็นตัวอย่างที่ดีของสถาปัตยกรรมฟื้นฟูศิลปวิทยาที่ประกอบด้วยลักษณะดังนี้:

แม้ว่าจะมีปัญหาใหญ่ๆ ในการออกแบบแต่ส่วนใหญ่แล้วอยู่ที่รายละเอียด เช่นทีจอร์โจ วาซารีให้ความเห็นว่าเสาตามแนวช่องทางเดินกลางควรจะยกสูงขึ้นด้วยฐาน[3] และเสาอิงตามแนวผนังของช่องทางเดินข้างที่ตั้งอยู่บนพื้นที่สูงกว่าช่องทางเดินกลางสามขั้นถือว่าเป็นการออกแบบที่ผิด

บาซิลิกาซานโลเร็นโซมักจะเปรียบเทียบกับวัดซานโตสปิริโตที่บรูเนลเลสกีเริ่มสร้างต่อมาที่ถือกันว่าสร้างตรงตามแบบที่บรูเนลเลสกีเขียน แม้ว่าจะสร้างเสร็จหลังจากบรูเนลเลสกีเสียชีวิตไปแล้วก็ตาม

ด้านนอกและด้านในของด้านหน้า[แก้]

พระสันตะปาปาจากตระกูลเมดิชิลีโอที่ 10 จ้างให้มีเกลันเจโลออกแบบด้านหน้าบาซิลิกาด้วยหินอ่อนขาวของคาร์รารา (Carrara) ในปี ค.ศ. 1518 มีเกลันเจโลสร้างแบบจำลองด้วยไม้ที่ปรับสัดส่วนของด้านหน้าตามสัดส่วนอย่างอุดมคติของร่างกายมนุษย์เมื่อเทียบกับความสูงของช่องทางเดินกลาง แต่งานจริงไม่ได้สร้าง แต่มีเกลันเจโลออกแบบด้านในของด้านหน้าที่มองเห็นจากช่องทางเดินกลางเมื่อมองไปยังทางเข้า ที่ประกอบด้วยประตูสามประตูระหว่างเสาสองเสาที่มีมาลัยโอ้คและลอเรลและระเบียงบนเสาโครินเธียน (Corinthian order) สองเสา

เมื่อไม่นานมานี้สมาคม “Friends of the Elettrice Palatina” และ เทศบาลเมืองฟลอเรนซ์นำหัวข้อการออกแบบด้านหน้าของ บาซิลิกาซานโลเร็นโซขึ้นมาพิจารณากันอีกครั้ง และฉายด้านหน้าของบาซิลิกาด้วยคอมพิวเตอร์โปรแกรมที่แสดงให้เห็นภาพพจน์เมื่อสร้างเสร็จเพื่อช่วยให้ในการพิจารณา แต่ก็ยังไม่มีการตัดสินใจกันอย่างใดเกี่ยวกับโครงการนี้[1]

มหาวิหารซันโลเรนโซ ฟลอเรนซ์

ห้องเก็บสมบัติเก่า[แก้]

ห้องเก็บสมบัติเก่าทางด้านเหนือของแขนกางเขนเป็นห้องสี่เหลี่ยมที่มีเพดานเป็นโดมออกแบบโดยบรูเนลเลสกีและเป็นส่วนที่เก่าที่สุดในวัด นอกจากนั้นก็เป็นส่วนเดียวที่สร้างเสร็จก่อนที่บรูเนลเลสกีจะเสียชีวิต ห้องเก็บสมบัติเป็นที่บรรจุศพสมาชิกในตระกูลเมดิชิหลายคน

ห้องเก็บสมบัติใหม่[แก้]

ทางด้านใต้ของแขนกางเขนเป็น “ห้องเก็บสมบัติใหม่” ที่เริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1520 โดยมีเกลันเจโลผู้ออกแบบที่เก็บศพของตระกูลเมดิชิภายในด้วย แต่รูปสลักโดยมีเกลันเจโลสร้างไม่เสร็จ

ชาเปลเมดิชิ[แก้]

ส่วนที่หรูที่สุดในบาซิลิกาก็คือภายในชาเปลเมดิชิในมุขตะวันออก (apse) ตระกูลเมดิชิยังคงจ่ายค่าบำรุงรักษาชาเปลจนกระทั่งเมื่อแอนนา มาเรีย หลุยซา เดอ เมดิชิ (Anna Maria Luisa de' Medici) สมาชิกคนสุดท้ายของตระกูลเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1743 สมาชิกของตระกูลเมดิชิที่มีความสำคัญน้อยกว่าอีกราวห้าสิบคนถูกบรรจุในคริพท์ แบบสุดท้ายของชาเปลออกโดยเบอร์นาร์โด บวนตาเล็นติ (Bernardo Buontalenti) ระหว่างปี ค.ศ. 1603 ถึงปี ค.ศ. 1604 จากตัวอย่างของอเลสซานโดร ปิแอร์โรนิ (Alessandro Pieroni) และ มัตเตโอ นิเก็ตติ

ตอนบนเป็นชาเปลแปดเหลี่ยม “ชาเปลแห่งเจ้าชาย” (Cappella dei Principi) ที่เป็นที่บรรจุศพของแกรนดยุคเอง ที่สร้างและตกแต่งแบบแมนเนอริสม์ด้วยหินอ่อนหลากสี

งานศิลปะ[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. It was dedicated by Saint Ambrose of Milan.
  2. Eugenio Battisti. Filippo Brunelleschi: The Complete Work. (New York: Rizzoli, 1981)
    • See also: Howard Saalman. Filippo Brunelleschi: The Buildings. (London: Zwemmer, 1993).
  3. Battisti. Ibid.
  • Brock, Maurice (2002). Bronzino. Paris: Flammarion. pp. 20–24.
  • Luchinat, Cristina A. (2002). The Medici, Michelangelo & the Art of Late Renaissance Florence. New Haven and London: Yale University Publishing. pp. 13–14.
  • Pilliod, Elizabeth (1992). "Bronzino's Household". The Burlington Magazine (134): 92–100.
  • Saalman, Howard (1985). "The New Sacristy of San Lorenzo Before Michelangelo". The Art Bulletin. Colorado Springs. 67: 199–228. doi:10.2307/3050908.
  • Vasari, Giorgio. Filippo Di Ser Brunelesco: Giorgio Vasari's Lives of the Artists [2] เก็บถาวร 2009-03-29 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  • "Church of San Lorenzo." Insecula. 31 Jan. 2007 [3] เก็บถาวร 2008-02-17 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน

ดูเพิ่ม[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]

วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ บาซิลิกาซานโลเร็นโซ