แผนที่ธรณีวิทยา

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

แผนที่ธรณีวิทยา (อังกฤษ: geologic map) คือ แผนที่ซึ่งแสดงการกระจายตัว และลักษณะการวางตัวของหินแข็งที่โผล่บริเวณผิวโลก (Outcrop) หรือของหน่วยหิน (Rock Unit) ซึ่งอาจโผล่หรือวินิจฉัยได้ว่าอยู่ใต้ดินในบริเวณนั้น ตลอดจนแสดงชั้นตะกอนและวัสดุปกคลุมต่าง ๆ ที่ยังไม่แข็งตัว ทั้งนี้ส่วนมากจะถูกจัดทำโดยกรมทรัพยากรธรณีของประเทศนั้นๆ เพื่อใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานทางธรณีวิทยาต่อไป

ลักษณะทั่วไป[แก้]

แผนที่ธรณีวิทยาทุกแผ่นจะอาศัยแผนที่ภูมิประเทศที่แสดงข้อมูลเกี่ยวกับเส้นชั้นความสูงเป็นแผนที่พื้นฐาน (Base Map) ในการบันทึกข้อมูลที่พบเห็นในสนาม แต่อาจแสดงเส้นชั้นความสูงเพียงบางเส้นเท่าที่จำเป็นเท่านั้น สำหรับแผนที่ทางธรณีวิทยา มีลักษณะสำคัญ 2 อย่าง คือ คำอธิบายเครื่องหมายแผนที่ และภาคตัดขวางทางธรณีวิทยา ซึ่งจะมาพร้อมกับการออกภาคสนาม เพื่อเอามาแสดงเป็นสัญลักษณ์ทางการนำเสนอ เกี่ยวกับข้อมูลธรณีวิทยาบนดิน และใต้ดินตามลำดับ

คำอธิบายเครื่องหมายแผนที่[แก้]

คำอธิบายเครื่องหมายแผนที่ (Explanation, Key หรือ Legend) ซึ่งอธิบายความหมายของสัญลักษณ์และ/หรือสีที่ใช้แสดงหินแต่ละหน่วย อย่างน้อยที่สุดต้องแยกชนิดเป็นหินอัคนี หินตะกอน หรือหินแปร อายุและการลำดับชั้นหิน (Stratigraphy) ของหน่วยหินต่าง ๆ โดยจัดให้หน่วยหินที่มีอายุมากที่สุดอยู่ล่างสุดเสมอ ตลอดจนสัญลักษณ์ที่ใช้แสดงลักษณะการวางตัวหรือโครงสร้างทางธรณีวิทยาต่าง ๆ

สัญลักษณ์แสดงทิศของแผนที่ ซึ่งปกติแล้วจะทำการแสดงข้อมูลโดยด้านบนกระดาษเป็นทิศเหนือ แต่อย่างไรก็ตามต้องทำการแสดงสัญลักษณ์แทนทิศเหนือทุกครั้งด้วย รวมถึงสัญลักษณ์ที่แสดงถึงโครงสร้างทางธรณีวิทยาที่สำคัญ ถ้ามีจำเป็นต้องใส่ลงไปในภาพแสดงเพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบด้วย

ภาคตัดขวางทางธรณีวิทยา[แก้]

ภาคตัดขวางทางธรณีวิทยา (Geologic cross section) คือ ภาคตัดขวางของพื้นที่บริเวณหนึ่งในแผนที่แสดงรูปด้านตัดของภูมิประเทศ (Topographic profile) โดยจะแสดงการวางตัวของหน่วยหินต่าง ๆ และโครงสร้างทางธรณีวิทยาที่ลึกลงไปจากผิวโลก หรือข้อมูลธรณีวิทยาใต้ดิน เพื่อให้เห็นรายละเอียดทางธรณีวิทยา ตามแนวที่ต้องการอย่างสมบูรณ์ ภาคตัดขวางนี้ประกอบเป็นส่วนหนึ่งของแผนที่ธรณีวิทยา หรืออาจแยกมาใช้ประกอบในการออกแบบงานทางวิศวกรรมและการพัฒนาทรัพยากรต่าง ๆ

ภาพตัวอย่างภาคตัดขวางทางธรณีวิทยา

การทำแผนที่ธรณีวิทยา[แก้]

การทำแผนที่ธรณีวิทยา เป็นลักษณะของการเก็บข้อมูลจากการเดินสำรวจทางธรณีวิทยาเป็นหลัก แต่อาจจะมีการเตรียมตัวก่อนการเดินสำรวจจากการแปลภาพถ่ายทางอากาศ การทำแผนที่ธรณีวิทยาขึ้นอยู่กับขนาดของมาตราส่วนที่ต้องการ ถ้ามาตราส่วน 1:250000 หรือ มาตราส่วนขนาดเล็ก ซึ่งเป็นการทำแผนที่ที่ไม่ละเอียด ก็เน้นไปทางด้านการแปลภาพถ่ายทางอากาศ และเดินสำรวจเก็บตัวอย่างหินตามบริเวณถนน หรือ ตามทางเดินที่ง่ายต่อการสำรวจ แต่ถ้ามาตราส่วนใหญ่ขึ้นเป็น 1:25000 คือมีความละเอียดมากขึ้น ทำให้ต้องมีการเดินสำรวจที่มากขึ้นและละเอียดมากขึ้นไปด้วย ทั้งนี้การเดินสำรวจที่ละเอียดขึ้น จำเป็นต้องได้ข้อมูลที่มากขึ้นด้วย

อ้างอิง[แก้]

ดูเพิ่ม[แก้]