ฮอนด้า เลเจนด์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ฮอนด้า เลเจนด์
ภาพรวม
บริษัทผู้ผลิตHonda
เรียกอีกชื่ออาคิวร่า เลเจนด์ (1985–1995)
แดวู อาร์คาเดีย (1994–1999)
อาคิวร่า RL (1996–2012)
อาคิวร่า RLX (2014–2020)
เริ่มผลิตเมื่อ1985–2012 (รุ่นที่ 1-4)
2014–2021 (รุ่นที่ 5)
ตัวถังและช่วงล่าง
ประเภทรถยนต์นั่งประเภทหรูหราขนาดกลาง (Executive car)
รูปแบบตัวถัง4-door saloon
2-door coupé (1985–1995)
โครงสร้างเครื่องยนต์วางหน้าตามขวาง, ขับเคลื่อนล้อหน้า (รุ่นที่ 1)
เครื่องยนต์วางหน้าตามยาว, ขับเคลื่อนล้อหน้า (รุ่นที่ 2-3)
เครื่องยนต์วางหน้าตามขวาง, ขับเคลื่อนสี่ล้อ (SH-AWD; รุ่นที่ 4-5)

ฮอนด้า เลเจนด์ (Honda Legend) เป็นรถยนต์นั่งประเภทหรูหราขนาดกลาง (Mid-size Luxury car) และเป็นรถธงของฮอนด้า เปิดตัวเมื่อปี พ.ศ. 2528 โดยในขณะนั้นเปิดตัวเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และยุโรปเท่านั้น การสร้างเลเจนด์รุ่นแรกนั้นได้มีการร่วมมือกับบริษัท เอ็มจี โรเวอร์ (มอร์แกน โรเวอร์) สหราชอาณาจักร ภายใต้ชื่อโครงการ Project XX โดยใช้แพลทฟอร์มเดียวกันกับ โรเวอร์ 800 ซึ่งมี โตโยต้า คราวน์ เป็นคู่แข่งสำคัญ และคู่แข่งอื่นๆ เช่น นิสสัน เซดริค ,นิสสัน ฟูกา ,นิสสัน ซิมา ,มาสด้า ลูเช่ ,มาสด้า เซ็นเทีย ,มิตซูบิชิ พราวเดีย และมิตซูบิชิ ดิกนิตี เป็นต้น

อันที่จริง โตโยต้า คราวน์ กับ ฮอนด้า เลเจนด์ เป็นรถคนละเกรดกับ โดยโตโยต้า คราวน์ เป็นรถขนาดใหญ่แบบธรรมดา (Full-size Car) ขณะที่เลเจนด์เป็นรถยนต์ขนาดกลางแบบหรูหรา (Mid-size Luxury Car) แต่ในรุ่นที่เคยทำตลาดประเทศไทย สองรุ่นนี้มีภาพลักษณ์คล้ายกัน จนกลายเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ

Generation ที่ 1 (KA1–6; พ.ศ. 2528-2533)[แก้]

ฮอนด้า เลเจนด์ โฉมที่ 1

รุ่นแรก ใช้ออกแบบพื้นฐานจากฮอนด้า แอคคอร์ด โฉมที่ 2 แต่จะมีขนาดใหญ่กว่าและหรูหรากว่าแอคคอร์ด มีตัวถัง 2 แบบคือซีดานกับคูเป้ ใช้เครื่องยนต์ วี6 2.5L รหัส C25A 151 แรงม้า กับ 2.7L รหัส C27A 161 แรงม้า PGM-FI ขับเคลื่อนล้อหน้า รหัสประจำตัวรถรุ่นนี้คือ KA3 มีในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และทวีปยุโรปเท่านั้น และใช้ชื่อเลเจนด์ในแบรนด์แอคิวราด้วย (แอคิวรา เลเจนด์)

Generation ที่ 2 (KA7/KA8พ.ศ. 2533-2539)[แก้]

ฮอนด้า เลเจนด์ โฉมที่ 2
ฮอนด้า เลเจนด์ คูเป้ โฉมที่ 2

รุ่นที่สอง มีตัวถัง 2 แบบคือซีดานกับคูเป้ ใช้เครื่องยนต์ 200 แรงม้า วี6 3.2L FF-MIDSHIP PGM-FI รหัส C32A วางตามยาวแบบขับเคลื่อนล้อหน้า รหัสประจำตัวรถรุ่นนี้คือ KA7(ในรุ่นซีดาน)/KA8(ในรุ่นคูเป้) เป็นเลเจนด์รุ่นแรกที่ทำตลาดในประเทศไทย โดยในขณะนั้นมีคู่แข่งที่มาในช่วงเวลาเดียวกัน คือ มาสด้า 929 แต่ขายไม่ค่อยดี มีคนบางกลุ่มเท่านั้นที่ซื้อ เพราะคู่แข่งทางการค้าเป็นรถยุโรปหรูที่ได้รับความนิยมมากกว่า เช่น เมอร์เซเดส-เบนซ์ บีเอ็มดับเบิลยู เป็นต้น อะไหล่ค่อนข้างราคาสูง รุ่นนี้เป็นเลเจนด์รุ่นที่มีในท้องตลาดมากที่สุด และเป็นเลเจนด์รุ่นแรกที่มีระบบนำร่องดาวเทียมคันแรกของฮอนด้า และได้ส่งออกไปขายในประเทศเกาหลีใต้ในชื่อ แดวู อาคาเดีย (อังกฤษ: Daewoo Arcadia)

ในญี่ปุ่น เลเจนด์เกียร์ธรรมดาถูกยกเลิก จะคงเหลือระบบเกียร์ธรรมดาในเลเจนด์ที่ส่งออก

Generation ที่ 3 (KA9; พ.ศ. 2539-2547)[แก้]

ฮอนด้า เลเจนด์ โฉมที่ 3
ฮอนด้า เลเจนด์ โฉมที่ 3 (ปรับโฉม)

รุ่นที่สาม มีตัวถังแบบเดียวคือซีดานเท่านั้น ใช้เครื่องยนต์ 215-240 แรงม้า วี6 3.5L (C35A) ทำตลาดในประเทศไทย แอคิวรา แอคิวรา เลเจนด์ ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นแอคิวรา อาร์แอล โดยรุ่นนี้จะมีด้วยกันสองโฉม คือ E-KA9 (1996-1998) และ LA-KA9 (late 1998-2004) ซึ่งใช้ตัวถังเดียวกัน แต่หน้าตาจะต่างกันพอสมควร

Generation ที่ 4 (KB1/KB2; พ.ศ. 2547-พ.ศ. 2555)[แก้]

ฮอนด้า เลเจนด์ โฉมที่ 4

รุ่นที่สี่ มีตัวถังแบบเดียวคือซีดานเท่านั้น ใช้เครื่องยนต์ 290 แรงม้า วีเทค วี6 3.5L และในการโฆษณาได้ชูจุดขายที่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ SH-AWD ย่อมาจาก Super Handing All Wheel Drive รหัสประจำตัวรถรุ่นนี้คือ DBA-KB1-KB2 รุ่นนี้มีทำตลาดเฉพาะประเทศไทย ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และทวีปยุโรปเท่านั้น ราคานั้นแพงเทียบเท่ากับเมอร์เซเดส-เบนซ์ อีคลาสในรุ่นท็อป และมีอุปกรณ์ต่าง ๆ ใกล้เคียงกัน

และในปัจจุบัน เลเจนด์รุ่นที่ 4 ได้เลิกทำตลาดแล้วในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากความนิยมรถขนาดใหญ่เริ่มลดลง เหลือเพียงแต่โตโยต้าและนิสสันเท่านั้นที่ยังเป็นผู้ผลิตรถยนต์ขนาดใหญ่ในญี่ปุ่น ยากที่จะสามารถแทรกตัวได้เหมือนในยุค 1990 จึงทำให้ต้องยุติการทำตลาด

Generation ที่ 5 (KC1/KC2; พ.ศ. 2557–2564)[แก้]

ฮอนด้า เลเจนด์ โฉมที่ 5/อาคูร่า อาร์แอลเอ็กซ์ สปอร์ต ไฮบริด

2015 Honda Legend ฮอนด้า (Honda) จับอาคูร่า อาร์แอลเอ็กซ์ สปอร์ต ไฮบริด (Acura RLX Sport Hybrid) สเปกที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกามาปรับเปลี่ยนโฉมให้เป็น 2015 ฮอนด้า เลเจนด์ (2015 Honda Legend) ออกทำตลาดญี่ปุ่น รถซีดานอาคูร่าสุดหรูออกจำหน่ายในแดนมะกันเมื่อไม่นานมานี้ ขณะที่ฮอนด้า เลเจนด์จะเริ่มทำตลาดแดนปลาดิบตั้งแต่วันที่ 22 มกราคมเป็นต้นไป นอกจากการเปลี่ยนโลโก้และการย้ายพวงมาลัยมาอยู่ฝั่งขวาแล้ว รถทั้งสองคันมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันทุกประการ โดยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 6.8 ล้านเยน เครื่องยนต์เป็นบล็อก V6 ความจุกระบอกสูบ 3.5 ลิตรทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าสามตัว (สองตัวที่ด้านหลังและหนึ่งตัวที่ด้านหน้า) ใช้กำลังไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนขนาด 260 โวลต์ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ DCT แบบ 7 สปีด ซึ่งประกอบกันเป็นระบบขับเคลื่อน Super Handling All-Wheel Drive (SH-AWD) พละกำลังของเลเจนด์โฉมใหม่อยู่ที่ 382 แรงม้า แรงบิด 461 นิวตันเมตร ทางฮอนด้าการันตีว่ามีอัตราเร่งเหนือชั้นกว่าเครื่องยนต์ V8 แต่มีอัตราบริโภคน้ำมันประหยัดเทียบเท่าขุมพลัง 4 สูบ เลเจนด์มาพร้อมกับกรอบไฟหน้า LED รูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “Jewel Eye” ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างการแสดงผล head-up display มาตรวัดดิจิตอล ที่พักแขนที่เบาะหลังและระบบเครื่องเสียงของแบรนด์เครล อินดัสตรีส์ (Krell Industries) พร้อมลำโพงถึง 14 ตัว

2018 Honda Legend

ยุติการผลิต สำหรับ Acura RLX[แก้]

ในปี พ.ศ. 2563 Acura ประกาศยุติการผลิต RLX เพราะยอดขายตกต่ำลง และไม่มีการผลิตอีกจนถึงเดือน มี.ค. 2564 อาคิวร่าเปิดตัวรถธงรุ่นใหม่สำหรับ Acura TLX 2021 รถซีดานสมรรถนะสูงจาก Acura (แอคิวรา) ชื่อทางการค้าของ Honda ค่ายยานยนต์จากญี่ปุ่น ที่บุกตลาดทวีปอเมริกา โดยพัฒนาบนแพลตฟอร์มใหม่ทั้งหมด ภายใต้แนวคิด Acura Precision Crafted Performance ถือเป็นรถที่มีตัวถังแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เคยมีมาในซีดานของค่าย นอกจากนี้ยังใช้วัสดุน้ำหนักเบาอย่าง อะลูมิเนียม และ เหล็กแข็งแบบกด ทำให้มีนักเบากว่ารุ่นก่อนถึง 64 เปอร์เซ็นต์

Honda Legend Hybrid EX[แก้]

Honda Legend 2021 ใหม่ ถูกเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศญี่ปุ่น ชูจุดเด่นด้วยระบบความปลอดภัยขั้นสูง Honda SENSING Elite ใหม่ล่าสุดที่สามารถรองรับการขับขี่อัตโนมัติ Level 3 ได้

    Honda Legend 2021 ใหม่ มีการติดตั้งระบบความปลอดภัย Honda SENSING Elite ที่เสริมการทำงานจากระบบ Honda SENSING ปกติ เพื่อให้สามารถใช้งานระบบขับขี่อัตโนมัติ Level 3 ได้ ซึ่งนั่นหมายถึงผู้ขับขี่สามารถปล่อยมือจากพวงมาลัยได้อย่างปลอดภัยทั้งการขับทางตรงปกติ, การเปลี่ยนเลน และการเร่งแซง
    ระบบ Honda SENSING Elite ใน Honda Legend 2021 ใหม่ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถปล่อยพวงมาลัยขณะขับอยู่บนไฮเวย์หรือทางด่วน โดยตัวรถจะรักษาระยะห่างระหว่างรถคันอื่นได้อย่างอัตโนมัติและประคองพวงมาลัยให้อยู่กลางเลนเสมอ หากผู้ขับขี่ต้องการเปลี่ยนเลน ก็เพียงแค่ยกก้านไฟเลี้ยวขึ้น จากนั้นตัวรถจะคำนวณระยะห่างของรถที่อยู่ในเลนข้างๆ พร้อมทั้งเปลี่ยนเลนให้อัตโนมัติอย่างปลอดภัย
    นอกจากนี้ Honda Legend 2021 ใหม่ ยังมีระบบ Traffic Jam Pilot ที่ช่วยขับขี่อัตโนมัติในขณะการจราจรหนาแน่น โดยฮอนด้าระบุว่าผู้ขับขี่สามารถใช้งานระบบนำทาง, รับชมโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ได้โดยไม่ต้องกังวลการจราจรเบื้องหน้า อีกทั้งยังเป็นการช่วยลดความเหนื่อยล้าและความตึงเครียดจากสภาวะรถติดอีกด้วย
    กรณีที่ระบบแจ้งเตือนให้ผู้ขับขี่จับพวงมาลัย แต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้ขับขี่ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ระบบ Emergency Stop Support Function จะส่งเสียงเตือนและสั่นที่เข็มขัดนิรภัยเพื่อให้ผู้ขับขี่รู้สึกตัว แต่หากยังคงไม่ได้รับการตอบสนองอีก ระบบจะเปิดไฟฉุกเฉินและส่งเสียงแตรเพื่อเตือนให้รถคันอื่นทราบ พร้อมทั้งค่อยๆ เปลี่ยนไปยังเลนซ้ายสุดหรือไหล่ทาง เพื่อหยุดรถอย่างปลอดภัย
    สำหรับ Honda Legend 2021 ที่มาพร้อมระบบ Honda SENSING Elite จะถูกเพิ่มเติมด้วยแถบสีฟ้าบริเวณพวงมาลัย เพื่อแสดงว่าระบบขับขี่อัตโนมัติพร้อมทำงาน และจะเปลี่ยนเป็นสีส้มเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ผู้ขับขี่ต้องจับพวงมาลัยด้วยตัวเอง อีกทั้งยังติดตั้งมาตรวัดความเร็วแบบหน้าจอขนาด 12.3 นิ้ว ที่สามารถแสดงข้อมูลรถคันที่อยู่รอบข้างได้

ยุติการผลิต[แก้]

Honda Motor ประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศถึงการยุติการผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์หลายรุ่นในตลาดญี่ปุ่น เนื่องจากการประกาศปิดโรงงาน Sayama จังหวัดไซตามะ ส่งผลให้ Clarity, Legend และ Odyssey ต้องยุติการผลิตและจัดจำหน่ายภายในสิ้นปี 2021 นี้

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ค่ายรถจากแดนปลาดิบเพิ่งเปิดตัว Legend รุ่นพิเศษลิมิเต็ดเอดิชั่นที่มาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ Honda Sensing Elite ซึ่งได้รับรองมาตรฐานระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 3 หรือ level 3 ครั้งแรกของโลก ตัวรถจะเคลื่อนที่ไปได้เองโดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องจับพวงมาลัยหรือมองถนนข้างหน้า แต่มีจำนวนผลิตจำกัดเพียง 100 คันเท่านั้น โดยคาดว่าเทคโนโลยีดังกล่าวจะถูกถ่ายทอดสู่รถยนต์รุ่นอื่นในอนาคต

ขณะที่ Odyssey เป็นรถเอ็มพีวีที่เคยถูกนำเข้ามาขายในเมืองไทยเมื่อหลายปีก่อนและถูกอกถูกใจกลุ่มลูกค้าครอบครัวที่ชื่นชอบความแตกต่างพอสมควร แต่ยอดขายในญี่ปุ่นลดน้อยถอยลงอย่างต่อเนื่อง โดยก่อนการปรับไมเนอร์เชนจ์เมื่อปีที่แล้ว รถอเนกประสงค์รุ่นนี้ทำตัวเลขยอดขายในบ้านเกิดได้ไม่ถึงหนึ่งพันคันในระยะเวลา 3 เดือน

ถึงแม้หลังจากปรับโฉมทำให้มีรูปลักษณ์โดดเด่นยิ่งขึ้น Odyssey จะทำยอดขายเกินหลักสองพันคันในเดือนมีนาคมและเมษายนที่ผ่านมา พร้อมกับได้เสียงชื่นชมจากการติดตั้งประตูสไลด์อัตโนมัติครั้งแรกของรถยนต์ Honda ในญี่ปุ่น แต่เมื่อบวกลบคูณหารความคุ้มค่าในการจัดจำหน่ายแล้ว ผู้บริหารของ Honda ได้ตัดสินใจที่จะยกเลิกการทำตลาด Odyssey ในที่สุด

ทั้งนี้ สายการผลิตของ Legend และ Odyssey ที่โรงงานซายามะจะสิ้นสุดในเดือนธันวาคมนี้

อ้างอิง[แก้]

แม่แบบ:ยุติปี