สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
เอเอฟซี
ก่อตั้ง25 เมษายน พ.ศ. 2459; 107 ปีก่อน (2459-04-25)
สำนักงานใหญ่ศูนย์กีฬาหัวหมาก
สมาชิกฟีฟ่าพ.ศ. 2468
สมาชิกเอเอฟซีพ.ศ. 2497[1]
สมาชิกเอเอฟเอฟพ.ศ. 2527
ผู้อุปถัมภ์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
(ในฐานะพระมหากษัตริย์ไทย)
นายกนวลพรรณ ล่ำซำ
อุปนายก
  • อรรณพ สิงห์โตทอง
  • อดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ
  • ชาญวิทย์ ผลชีวิน
  • วิลักษณ์ โหลทอง
  • ปวิณ ภิรมย์ภักดี
เลขาธิการพาทิศ ศุภะพงษ์
เว็บไซต์http://fathailand.org/

สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นสมาคมกีฬาฟุตบอลของประเทศไทย ซึ่งทำหน้าที่กำกับดูแลฟุตบอล, ฟุตซอล และฟุตบอลชายหาด[2] ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2459 อันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยเข้าร่วมกับสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ เมื่อปี พ.ศ. 2468 และเข้าร่วมกับสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย เมื่อปี พ.ศ. 2497[3]

ประวัติ[แก้]

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ก่อตั้งสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์

เมื่อปี พ.ศ. 2440 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เป็นผู้ริเริ่มนำกีฬาฟุตบอล เข้ามาเล่นในไทยเป็นครั้งแรก จนกระทั่งเกิดความนิยมแผ่ขยายกว้างขวางไปทั่วประเทศ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ก่อตั้งสโมสรคณะฟุตบอลสยาม ขึ้นโดยมีพระองค์และพระบรมวงศานุวงศ์ ทรงลงแข่งขันเป็นผู้เล่นเอง และเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2458 มีการจัดแข่งขัน ในระดับนานาชาติขึ้นเป็นครั้งแรก ระหว่างทีมฟุตบอลทีมชาติสยาม กับทีมราชกรีฑาสโมสร ที่สนามราชกรีฑาสโมสร โดยมีดักลาส โรเบิร์ตสัน เป็นกรรมการผู้ตัดสิน[4]

จากนั้นเมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2459 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ก่อตั้งสมาคมฟุตบอลแห่งชาติสยาม ขึ้นโดยทรงรับเข้าอยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ตั้งแต่เริ่มแรก พร้อมทั้งตราข้อบังคับสมาคมฯ และแต่งตั้งสภากรรมการบริหารชุดแรก ประกอบด้วยข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ 7 ท่าน โดยมีพระยาประสิทธิ์ศุภการ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ; ต่อมาโปรดเกล้าฯ เลื่อนบรรดาศักดิ์ขึ้นเป็น เจ้าพระยารามราฆพ) เป็นนายกสภาฯ และพระราชดรุณรักษ์ (เสริญ ปันยารชุน; ต่อมาโปรดเกล้าฯ เลื่อนบรรดาศักดิ์ขึ้นเป็น พระยาปรีชานุสาสน์) เป็นเลขาธิการ ต่อมาราวปลายปีเดียวกัน จึงเริ่มจัดการแข่งขันฟุตบอลถ้วยใหญ่ (ถ้วยพระราชทาน ก) และฟุตบอลถ้วยน้อย (ถ้วยพระราชทาน ข) ขึ้นเป็นครั้งแรก[4]

ทั้งนี้สมาคมฯ เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2468 และสืบเนื่องจากที่รัฐบาล จอมพล แปลก พิบูลสงคราม ประกาศรัฐนิยมเปลี่ยนชื่อประเทศ จากสยามเป็นไทยเมื่อปี พ.ศ. 2482 จึงเปลี่ยนชื่อสมาคมเป็นชื่อปัจจุบัน พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อฟุตบอลทีมชาติเป็น ฟุตบอลทีมชาติไทย โดยสมาคมฯ ส่งฟุตบอลทีมชาติไทย ลงแข่งขันระดับนานาชาติเป็นครั้งแรก ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนครั้งที่ 16 ที่นครเมลเบิร์นของออสเตรเลีย เมื่อปี พ.ศ. 2499 จากนั้นสมาคมฯ เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟซี) เมื่อปี พ.ศ. 2500[4] และเข้าร่วมเป็นสมาชิกก่อตั้ง ของสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย (เอเอฟเอฟ) เมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2527[5]

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2504 สมาคมฯ จัดระบบการแข่งขันฟุตบอลเสียใหม่เป็นระดับชั้น (Divisions) โดยตั้งวัตถุประสงค์เพื่อความเป็นเลิศ ตามรูปแบบของสมาคมฟุตบอลอังกฤษในขณะนั้น โดยนอกจากถ้วยพระราชทาน ประเภท ก (เดิมคือ ฟุตบอลถ้วยใหญ่) และ ข (เดิมคือ ฟุตบอลถ้วยน้อย) แล้วยังเพิ่มถ้วยพระราชทาน ค และ ง เพื่อจัดเป็นระดับชั้นที่ 1-4 ตลอดจนก่อตั้งการแข่งขันระบบแพ้คัดออก (Knock-out) เพื่อชิงถ้วยระดับสโมสรคือ ถ้วยสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย (เริ่มจัดครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2513) รวมถึงระดับทีมนานาชาติ (กล่าวคือทีมชาติประเทศต่างๆ หรือสโมสรฟุตบอลจากนานาชาติ) คือคิงส์คัพ (เริ่มจัดครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2511) และควีนสคัพ (เริ่มจัดครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2513) เป็นต้น นอกจากนี้ ยังจัดการแข่งขันในระดับอื่นเช่น ฟุตบอลนักเรียน, ฟุตบอลอาชีวศึกษา, ฟุตบอลเยาวชนและอนุชน, ฟุตบอลเตรียมอุดมศึกษา, ฟุตบอลอุดมศึกษา รวมทั้งกำกับดูแลในการส่งทีมฟุตบอลต่างๆ เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันระหว่างประเทศอีกด้วย[4]

ระยะต่อมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 สมาคมฯ ปรับปรุงระบบการแข่งขันใหม่อีกครั้ง ภายใต้รูปแบบระดับชั้นตามเดิม โดยกำหนดให้มีลีกฟุตบอลอาชีพ แบ่งเป็นระดับสูงสุดคือ ไทยพรีเมียร์ลีก, ระดับที่สองคือ ไทยลีกดิวิชัน 1 และระดับที่สามคือ ไทยลีกดิวิชัน 2 (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 ปรับปรุงระบบแข่งขันเป็น 5 ลีกย่อย ตามภูมิภาคของประเทศ พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเป็น ลีกภูมิภาค จนถึงปัจจุบัน) จากนั้นจึงเป็นอีก 3 ระดับสมัครเล่น เพื่อชิงถ้วยพระราชทาน ข, ค และ ง ตามลำดับต่อไป ส่วนถ้วยพระราชทาน ก จัดให้เป็นรางวัลแก่สโมสรที่ชนะเลิศ การแข่งขันนัดพิเศษก่อนเปิดฤดูกาล ระหว่างสโมสรที่ชนะเลิศไทยพรีเมียร์ลีก พบกับสโมสรที่ชนะเลิศไทยเอฟเอคัพ (ลักษณะเดียวกับเอฟเอคอมมิวนิตีชีลด์ของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ) สำหรับฟุตบอลชิงถ้วย ของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย มีการจัดแข่งขันบ้าง หยุดพักไปบ้างเป็นระยะ จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2552 จึงเริ่มกลับมาจัดเป็นประจำทุกปีอีกครั้ง โดยเปลี่ยนชื่อเป็น ไทยเอฟเอคัพ จนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ ในปีต่อมา (พ.ศ. 2553) ยังเพิ่มการแข่งขันในชั้นรองคือ ไทยลีกคัพ ขึ้นมาอีกด้วย

รายชื่อนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ[แก้]

ลำดับ รูป รายนาม เริ่มวาระ สิ้นสุดวาระ
1 เจ้าพระยารามราฆพ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ) พ.ศ. 2459 พ.ศ. 2462
2 หม่อมเจ้าชัชวลิต เกษมสันต์ พ.ศ. 2462 พ.ศ. 2465
3 พระยานเรนทรราชา (หม่อมหลวงอุรา คเนจร) พ.ศ. 2465 พ.ศ. 2468
4 พระยาอนิรุทธเทวา (หม่อมหลวงฟื้น พึ่งบุญ) พ.ศ. 2468 พ.ศ. 2471
5 พระเจริญวิศวกรรม (เจริญ เชนะกุล) พ.ศ. 2471 พ.ศ. 2474
6 พระยาวิเศษศุภวัตร (เทศสุนทร กาญจนศัพท์) พ.ศ. 2474 พ.ศ. 2477
7 หม่อมเจ้าสมาคม กิติยากร พ.ศ. 2477 พ.ศ. 2481
8 พลเรือตรี หลวงเจียรกลการ (เจียม เจียรกุล) พ.ศ. 2496 พ.ศ. 2498
9 พลโท เผชิญ นิมิบุตร พ.ศ. 2498 พ.ศ. 2499
10 พลเอก จำเป็น จารุเสถียร พ.ศ. 2503 พ.ศ. 2504
11 พลตำรวจโท ต่อศักดิ์ ยมนาค พ.ศ. 2504 พ.ศ. 2516
12 ประชุม รัตนเพียร พ.ศ. 2519
พ.ศ. 2528
พ.ศ. 2520
พ.ศ. 2531
13 พันเอก อนุ รมยานนท์ พ.ศ. 2518
พ.ศ. 2519
พ.ศ. 2520
พ.ศ. 2528
14 พลตำรวจโท ชลอ เกิดเทศ พ.ศ. 2531 พ.ศ. 2538
15 วิจิตร เกตุแก้ว พ.ศ. 2538 พ.ศ. 2550
16 วรวีร์ มะกูดี พ.ศ. 2550
พ.ศ. 2554
พ.ศ. 2556
พ.ศ. 2553
พ.ศ. 2556
พ.ศ. 2558
17 พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พ.ศ. 2559
พ.ศ. 2563
พ.ศ. 2563
พ.ศ. 2567
18 นวลพรรณ ล่ำซำ พ.ศ. 2567 ปัจจุบัน

การเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ[แก้]

พ.ศ. 2554[แก้]

เนื่องด้วย วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้หมดวาระในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2553 จึงให้มีการจัดการเลือกตั้งเพื่อหาผู้ดำรงตำแหน่งคนใหม่ โดยมีผู้สมัครรับเลือกตั้งทั้งหมด 3 คน คือ วรวีร์ มะกูดี, วิรัช ชาญพานิชย์ และ พิเชฐ มั่นคง

ซึ่งเดิมทีจะจัดการเลือกตั้งในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 แต่ก็ต้องถูกเลื่อนไป เนื่องจากเกิดเหตุการณ์ที่เรียกกันว่า ล้มการเลือกตั้ง จนในที่สุดก็มีการจัดการเลือกตั้งในวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2554 แทน

# ผู้สมัคร คะแนน
1 วรวีร์ มะกูดี 123
2 วิรัช ชาญพานิชย์ 44
3 พิเชฐ มั่นคง 1
ไม่ประสงค์ลงคะแนน 16
รวมคะแนนทั้งสิ้น 184

วรวีร์ชนะเลือกตั้งด้วยคะแนน 123 เสียง ทำให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต่ออีกสมัย[6]

พ.ศ. 2556[แก้]

วันที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง 2 คน คือ วรวีร์ มะกูดี และ วิรัช ชาญพานิชย์[7] โดยก่อนหน้านี้ พินิจ งามพริ้ง จะลงสมัครด้วย แต่ได้ถอนตัวหลังจากเจรจากับวิรัช

วรวีร์ชนะเลือกตั้งด้วยคะแนน 42 ต่อ 28 เสียง บัตรเสีย 1 เสียง และไม่ประสงค์ลงคะแนน 1 เสียง รวมทั้งสิ้น 72 เสียง ทำให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต่ออีกสมัย[8]

พ.ศ. 2559[แก้]

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 มีผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ทั้งหมด 6 คน

# ผู้สมัคร คะแนน
1 ธวัชชัย สัจจกุล 0
2 พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง 62
3 พินิจ สะสินิน 0
4 ชาญวิทย์ ผลชีวิน 4
5 ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ 1
6 พันตำรวจโท ชัยทรัพย์ ธรัช ฤทธิ์เต็ม 0
ไม่ประสงค์ลงคะแนน 1
รวมคะแนนทั้งสิ้น 68

สมยศชนะเลือกตั้งด้วยคะแนน 62 จาก 68 คะแนน จึงได้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ[9]

พ.ศ. 2563[แก้]

เนื่องด้วย พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้หมดวาระลงในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 จึงให้มีการจัดการเลือกตั้งเพื่อหาผู้ดำรงตำแหน่งคนใหม่ ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 มีผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ทั้งหมด 2 คน คือ พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง และ ภิญโญ นิโรจน์

สมยศชนะเลือกตั้งด้วยคะแนน 51 ต่อ 17 เสียง บัตรเสีย 1 เสียง รวมทั้งสิ้น 69 เสียง ทำให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ต่ออีกสมัย[10]

พ.ศ. 2567[แก้]

เนื่องด้วย พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้หมดวาระลงในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 จึงให้มีการจัดการเลือกตั้งเพื่อหาผู้ดำรงตำแหน่งคนใหม่ ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567 มีผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ทั้งหมด 5 คน

ต่อไปนี้เป็นผลการเลือกตั้งนายกสมาคมฯ ดังกล่าว[11]

# ผู้สมัคร คะแนน
1 นวลพรรณ ล่ำซำ 68
2 วรงค์ ทิวทัศน์ 2
3 พยุริน งามพริ้ง 0
4 ธนศักดิ์ สุระประเสริฐ 1
5 คมกฤช นภาลัย 0
บัตรเสีย 1
ไม่ประสงค์ลงคะแนน 1
รวมคะแนนทั้งสิ้น 73

นวลพรรณชนะเลือกตั้งด้วยคะแนน 68 จาก 73 คะแนน ซึ่งเป็นสัดส่วนที่มากที่สุดในการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา จึงได้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จนกระทั่งวันที่ 12 กุมภาพันธ์ คณะกรรมการการเลือกตั้งของสมาคมกีฬาฟุตบอล ได้รับรองผลการเลือกตั้งสภากรรมการชุดใหม่อย่างเป็นทางการ[12] และรองผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย ในฐานะนายทะเบียนสมาคมกีฬาประจำกรุงเทพมหานคร ได้รับจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงสภากรรมการชุดใหม่เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์[13]

คณะกรรมการบริหารชุดปัจจุบัน[แก้]

ที่ทำการ[แก้]

สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เคยใช้ที่ทำการหลักอยู่หลายแห่ง ดังนี้

อาคาร ปัจจุบัน ที่ตั้ง ช่วงเวลา อ้างอิง
โรงเรียนมหาดเล็กหลวง วชิราวุธวิทยาลัย 197 ถนนราชวิถี แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2459 - พ.ศ. 2460 [14]
เรือนเสือป่า และ สนามฟุตบอลเสือป่า สวนดุสิต สำนักพระราชวัง สนามเสือป่า 602 ถนนอู่ทองใน แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2460 - พ.ศ. 2489
บ้านนรสิงห์ ทำเนียบรัฐบาลไทย 1 ถนนนครปฐม แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2489 - พ.ศ. 2494
ใต้ถุนสนามศุภชลาศัย 154 กรีฑาสถานแห่งชาติ ถนนพระรามที่ 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2494 - 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
อาคาร 40 ปี (อาคาร 2) การกีฬาแห่งประเทศไทย (ข้างสนามเทนนิส) 286 การกีฬาแห่งประเทศไทย ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 - 24 เมษายน พ.ศ. 2566 [15]
อาคาร House of Thai Football (ติดกับประตู 5) 25 เมษายน พ.ศ. 2566 - ปัจจุบัน [16]

ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ[แก้]

ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ ก่อตั้งขึ้นจากดำริของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ที่ต้องการให้ทั้ง 11 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีศูนย์ฝึกซ้อมการแข่งขันฟุตบอลระดับชาติ วรวีร์ซึ่งเป็นเลขาธิการสมาคมฯ ในขณะนั้น เสนอบริจาคที่ดินขนาด 20 ไร่ ริมถนนมิตรไมตรี แขวงหนองจอก เขตหนองจอก ให้วิจิตรซึ่งเป็นนายกสมาคมฯ ในขณะนั้น นำไปก่อตั้งโครงการดังกล่าว โดยเสนอของบประมาณจากโครงการโกล (Goal!) ของฟีฟ่า เป็นเงิน 860,000 ดอลลาร์สหรัฐ และเริ่มการก่อสร้างระหว่าง พ.ศ. 2545 - 2549 เป็นเวลา 4 ปี สำหรับค่าใช้จ่ายส่วนเกิน สมาคมฟุตบอลฯ เป็นผู้ชำระเอง[17]

เมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2549 เนื่องในวาระครบรอบ 90 ปีของสมาคมฟุตบอลฯ จึงได้ประกอบพิธีเปิดศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติอย่างเป็นทางการ ซึ่งในระยะแรกมีสำนักงาน 3 อาคาร สนามฟุตบอลขนาดมาตรฐาน ห้องฝึกอบรม และห้องเรียน พร้อมทั้งอุปกรณ์ฝึกซ้อมฟุตบอลอันทันสมัย นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้แก่ 11 ชาติของอาเซียน เข้าใช้ประโยชน์ในศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งนี้ ตามวัตถุประสงค์ของฟีฟ่าด้วย ต่อมา สมาคมฟุตบอลฯ จัดทำสนามฟุตบอลหญ้าเทียมเพิ่มเติม โดยประธานฟีฟ่า เซพพ์ บลัทเทอร์ เดินทางมาเป็นประธานเปิดศูนย์ฝึกแห่งนี้อีกครั้ง เมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2552[17]

แต่ต่อมาในปี พ.ศ. 2561 พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ตรวจสอบพบว่าศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติหนองจอกดังกล่าวไม่มีถนนเข้า-ออกที่ถูกกฎหมาย หมายความว่าไม่มีทางเข้า จึงแถลงข่าวปิดศูนย์ไปในวันที่ 19 ตุลาคม[18] แต่ทั้งนี้สมาคมฟุตบอลฯ ก็ได้สร้างศูนย์พัฒนาศักยภาพกีฬาฟุตบอลภายในมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรีแทน โดยเปิดใช้ในวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560[18]

การแข่งขันที่จัดโดยสมาคมฯ[แก้]

ระบบการแข่งขันที่ใช้ในปัจจุบัน มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นฟุตบอลอาชีพ ซึ่งเริ่มดำเนินการปรับปรุงมาเป็นระยะ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 จนถึงปัจจุบัน

ฟุตบอลชาย[แก้]

ฟุตบอลสโมสรชาย[แก้]

  • ฟุตบอลถ้วย
    • ระดับสูง - ไทยเอฟเอคัพ (ช้าง เอฟเอคัพ/ด้วยเหตุผลด้านการสปอนเซอร์)
    • ระดับรอง - ไทยลีกคัพ (รีโว่ ลีกคัพ/ด้วยเหตุผลด้านการสปอนเซอร์)
    • แชมเปียนส์คัพ (ไดกิ้นแชมเปียนส์คัพ/ด้วยเหตุผลด้านการสปอนเซอร์) - การแข่งขันก่อนเปิดฤดูกาล ระหว่างผู้ชนะเลิศไทยลีก พบกับผู้ชนะเลิศไทยเอฟเอคัพ
    • ควีนสคัพ (ยกเลิก/ถูกแทนที่ด้วยแชมเปียนสคัพ) - การแข่งขันระหว่างสโมสรฟุตบอลของไทยซึ่งเป็นภาคีสมาชิก (ครั้งล่าสุดจัดขึ้นในปี พ.ศ. 2553)
  • ฟุตบอลเยาวชน

ฟุตบอลทีมชาติชาย[แก้]

  • ฟุตบอลถ้วย
    • คิงส์คัพ - การแข่งขันระดับนานาชาติประจำปี โดยมีฟุตบอลทีมชาติไทยกับชาติที่ถูกเชิญอีก3ชาติ

ฟุตบอลหญิง[แก้]

ฟุตบอลสโมสรหญิง[แก้]

ฟุตซอล[แก้]

ฟุตซอลสโมสร[แก้]

อีสปอร์ต[แก้]

อีสปอร์ตสโมสร[แก้]

  • อี-ลีก ไทยแลนด์

ข้อวิพากษ์วิจารณ์[แก้]

สมาคมฯ ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่มีผลงานอื่น นอกเหนือจากผลงานของฟุตบอลทีมชาติไทย ที่ชนะเลิศในกีฬาซีเกมส์หลายสมัย โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า การส่งรายชื่อทีมสโมสร ในการแข่งขันฟุตบอลเอเอฟซีแชมเปียนส์ลีกล่าช้า ทำให้ทีมสโมสรไทยถูกตัดสิทธิการแข่งขันในปีนั้น และส่งผลในปีต่อมา ให้จำนวนทีมไทยเข้าร่วมเพียงหนึ่งทีม จากปกติสองทีม

  • ปลายปี พ.ศ. 2549 ได้มีปัญหาเงินรางวัลในการแข่งขันฟุตบอลดิวิชั่น 1 ที่ไม่สามารถเรียกจ่ายได้และไม่มีคนรับผิดชอบ โดย ชัยยงค์ ขำเปี่ยม ผู้ฝึกสอนสโมสรฟุตบอลตำรวจ ได้เข้าแจ้งและพร้อมที่จะทำการฟ้องหากไม่มีการจ่ายเงินรางวัล [19]
  • ฟุตบอลคิงส์คัพ ได้มีการออกข่าวเปลี่ยนใจลดจำนวนประเทศที่เข้าร่วมเหลือ 4 ประเทศ หลังจากที่มีออกข่าวในเดือนตุลาคม เดือนตุลาคมว่าจะมีทีมที่ร่วมลงแข่ง 7 ประเทศ 8 ทีม (ประเทศไทย 2 ทีม และประเทศอื่นอีก 6 ประเทศ) [20] โดยให้เหตุผลว่าต้องการเตรียมความพร้อม และจะพาทีมชาติไทยไปแข่งฟุตบอลโลก [21]
  • 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 ทีมชาติไทยชุดใหญ่ นำผู้เล่นติดโทษแบน 2 คนเดินทางไปแข่งนัดเจอกับญี่ปุ่นในนัดเยือน (จุดกำเนิดตกรอบปรีโอลิมปิก)
  • 14 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ทีมชาติไทยชุดใหญ่ไม่มีสนามซ้อม ทำให้ต้องวิ่งซ้อมที่พื้นปูนหน้าสนามราชมังคลาฯ ก่อนแข่งกับญี่ปุ่น ในอีก 2 วันถัดไป[22]
  • 11 มกราคม พ.ศ. 2553 - สตง.สั่งสอบสวนทีมชาติไทยชุดซีเกมส์มีการเบิกเบี้ยเลี้ยงเกินจริง (เบิกเบี้ยเลี้ยงเต็มปี แต่จริงๆ แล้วเก็บตัว 3 เดือน แต่หลังจากตกรอบซีเกมส์ เลยออกมาอ้างว่าเก็บตัวแค่วันเดียวเลยโดนสั่งสอบ)[23]
  • 2 มีนาคม พ.ศ. 2553 - สมาคมฟุตบอลไทยฯ ลืมทำวีซ่าเข้าอิหร่านให้นักเตะและสตาฟฟ์โค้ชทำให้เสียเวลา 3 ชม.ที่สนามบินตอนขาเข้าประเทศ
  • 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553 - ทีมชาติไทยชุด U-19 ออกเดินทางไปแข่ง U-19 ชิงแชมป์เอเชียรอบสุดท้ายที่ประเทศจีนในวันที่ 3 ตุลาคม ทำให้นักเตะมีเวลาปรับตัวกับสภาพอากาศเพียง 1 วันก่อนแข่งกับซีเรียและแพ้ไป 0-1
  • 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553 - ทีมชาติไทยชุดเอเชียนเกมส์ต้องเหลือผู้รักษาประตูคนเดียว เพราะ กวิน ผู้รักษาประตูมือ 1 บาดเจ็บ แต่ทีมชาติไทยดันส่งรายชื่อตัวสำรองเป็นผู้เล่นอายุเกิน 23 ทว่าโควตาอายุเกินเต็ม ทำให้ไม่สามารถเรียกมาเสริมได้ จึงต้องเล่นโดยไม่มีผู้รักษาประตูสำรองในนัดที่เหลือ
  • 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 - ทีมฟุตบอลโอลิมปิกทีมชาติไทย ถูกปรับแพ้ปาเลสไตน์ 0-3 เพราะส่งผู้เล่นติดโทษแบนลงสนาม[24][25][26]
  • 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 - นายกสมาคมฯ ล้มการประชุมเพื่อเลือกตั้งนายกสมาคมคนใหม่โดยไม่มีการลงมติจากที่ประชุม (ถือว่าผิดกฎของ กกท.)[27]
  • 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2554 - อดีต เอฟเอ อังกฤษ ออกมาแฉว่า วรวีร์ มะกูดี เป็น 1 ในบอร์ดฟีฟ่า ที่ทำการขายเสียงในการโหวตเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2018 โดยเบื้องหน้าคือให้อังกฤษมาเตะอุ่นเครื่องกับทีมชาติไทย แต่เบื้องหลังคือขอลิขสิทธิ์ในการถ่ายทอดเกมอุ่นเครื่องนัดนี้ไปทั่วโลก แลกกับการโหวตให้ประเทศอังกฤษเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก
  • 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555 - ทำทีมชาติไทยตกรอบฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก โดยนัดสุดท้ายในรอบคัดเลือกทีมชาติไทยมีโอกาสเข้ารอบ 10 ทีมสุดท้ายโซนเอเชีย แต่ทำไม่สำเร็จ ภายหลังการแข่งขัน วินฟรีด เชเฟอร์ ผู้จัดการชาวเยอรมนีของไทย ฟุตบอลไทย ถ้าหากว่า อยากจะประสบความสำเร็จก็คือ การเตรียมทีมและการบริหารจัดการ ก่อนการมาเตะที่โอมาน เราทราบกันดีแล้วว่า เราไม่พร้อมและนักเตะมาซ้อมกันน้อยมาก ผลจึงออกมาเป็นแบบนี้ “มองเห็นศักยภาพอยู่ว่า เราจะก้าวขึ้นไปสุดยอดแห่งเอเชียได้ แต่ต้องแก้ไขที่ระบบการบริหารจัดการทั้งหมด” วินนี่ กล่าว นอกจากนี้ ยังมีการปูดข่าวการทำงานอีกด้วยว่าสมาคมฟุตบอลไม่ได้ส่งชื่อของ สมภพ นิลวงศ์ ให้กับฝ่ายจัดการแข่งขัน ทำให้เดินทางไปฟรี ไม่สามารถที่จะลงช่วยทีมได้[28]
  • 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555 - บริษัทแดอัน21 ได้ฟ้องแพ่งต่อสมาคมฟุตบอลและนายวรวีย์ มะกูดี ในข้อหาฉ้อโกงเงิน 29,760,636.87 บาท โดยเมื่อเดือนเมษายน 2550 นายวรวีย์ได้ทำสัญญามอบการบริหารสิทธิ์ประโยชน์ของสมาคมฟุตบอล ให้กับบริษัทแห่งนี้ ต่อมาบริษัทแห่งนี้ได้โอนเงินให้สมาคมฟุตบอล แต่ก็ไม่ได้สิทธิ์เข้าไปบริหารสิทธิ์ประโยชน์ จึงได้ฟ้องแพ่งเพื่อขอเงินคืน[29]
  • 19 กันยายน พ.ศ. 2555 - นายวรวีร์ มะกูดี ได้แถลงข่าวแก้ข้อกล่าวหา ในเรื่องการยกที่ดินบริเวณพื้นที่หนองจอก ให้สมาคมฟุตบอลทำศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ โดยนำโฉนด 3 ฉบับ มีเนื้อที่ 17 ไร่ 3 งาน 27 ตารางวา มาแสดงว่าได้ยกให้สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยจริง ๆ[30]

ดูเพิ่ม[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. "ASIAN SOCCER FINALS IN SINGAPORE May be used as Olympic series". The Singapore Free Press. 5 October 1954."Singapore to Meet Indonesia in Asian Soccer Tourney". The Straits Times. 14 June 1955. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 31 January 2013. สืบค้นเมื่อ 5 January 2015.
  2. "FA Thailand - ประวัติสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-01-06. สืบค้นเมื่อ 2022-06-07.
  3. "FA Thailand สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์".
  4. 4.0 4.1 4.2 4.3 "ประวัติสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2013-09-18. สืบค้นเมื่อ 2013-07-03.
  5. History of ASEAN Football Federation, www.aseanfootball.org
  6. "ทับซ้อน-ฟ้องร้อง-ฟีฟ่า : เปิดตำนานเลือกตั้ง "นายก ส.บอลไทย" ที่เข้มข้นสุดในประวัติศาสตร์!". www.sanook.com/sport. 2020-02-11.
  7. "สมาคมฟุตบอลประกาศเลือกนายกสมาคมฯ วันที่ 17 ต.ค.นี้". Thai PBS.
  8. "บังยี ชนะ วิรัช ได้นั่งนายกสมาคมฟุตบอลอีกสมัย คะแนน 42:28". kapook.com. 2013-10-17.
  9. "พล.ต.อ.สมยศ นั่งนายกสมาคมฟุตบอลฯคนใหม่ คะแนนท่วมท้น 62 จาก 68 -"ชาญวิทย์" ได้แค่ 4". Thai PBS.
  10. ""สมยศ" ชนะเลือกตั้ง นั่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯต่ออีกสมัย". Thai PBS.
  11. ไม่มีพลิกโผ! มาดามแป้ง ชนะเลือกตั้ง นั่งเก้าอี้นายกบอลไทย คนที่ 18
  12. กกต. รับรองผลเลือกตั้ง “มาดามแป้ง” นั่งแท่นนายกบอลไทย ไร้ข้อกังขา
  13. "กกท. ลงนามรับรอง มาดามแป้ง นั่งนายกสมาคมฟุตบอลฯ อย่างเป็นทางการ". มติชน. 21 กุมภาพันธ์ 2024. สืบค้นเมื่อ 27 กุมภาพันธ์ 2024.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  14. "รอยสตั๊ด : สำนักงานถาวร". กรุงเทพธุรกิจ. 16 มกราคม 2017. สืบค้นเมื่อ 4 ธันวาคม 2023.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  15. "ประธาน AFC ร่วมเปิดบ้านใหม่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ". สนุก.คอม. 19 กุมภาพันธ์ 2017. สืบค้นเมื่อ 4 ธันวาคม 2023.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  16. "สมาคมฟุตบอล ทำบุญเปิดที่ทำการใหม่ HOUSE OF THAI FOOTBALL". พีพีทีวี. 25 เมษายน 2023. สืบค้นเมื่อ 4 ธันวาคม 2023.{{cite news}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  17. 17.0 17.1 "ฟีฟ่า"ขู่สอบนำ25ล้าน ทำสนามบอลที่ตนเอง บังยีเคลียร์แล้วทำถูก, 16 กันยายน 2554, ข่าวหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน.
  18. 18.0 18.1 "ตัดเยื่อใย! สมาคมฟุตบอลฯ แถลงปิดศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ หนองจอก". ทรูไอดี. 2018-10-19. สืบค้นเมื่อ 2021-01-17.{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  19. 9 สโมสรตบเท้า ร้องฟุตบอล ทวงเงิน 9.6 ล้าน ข่าวจากไทยรัฐ
  20. ข่าวคิงส์คัพ 2549 จาก คมชัดลึก
  21. คิงส์คัพลดจำนวนประเทศร่วมแข่งขัน จากแปดทีมเหลือสี่ทีม ข่าวจากคมชัดลึก
  22. "ปีเตอร์ รีด ฉุน ทีมชาติไทยไม่มีสนามซ้อม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-07-12. สืบค้นเมื่อ 2012-03-11.
  23. "สตง.เรียกแข้งซีเกมส์สอบเบี้ยเลี้ยงซ้อม". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-01-02. สืบค้นเมื่อ 2012-03-09.
  24. "ทีมชาติไทย ชุดปรีโอลิมปิก ถูกปรับแพ้ตกรอบ". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2011-05-04. สืบค้นเมื่อ 2021-10-01.
  25. ส่งแข้งติดแบน ปรีอลป.ไทยถูกปรับตกรอบ เก็บถาวร 2011-08-07 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, จากหนังสือพิมพ์ผู้จัดการออนไลน์, ฉบับวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2554, สืบค้นเมื่อ 9 มีนาคม พ.ศ. 2555
  26. ช็อค! แข้งอลป.ไทยส่งนักเตะผิด โดนปรับแพ้ตกรอบเฉย สมาคมโยนความผิดเอเอฟซี จากหนังสือพิมพ์มติชนออนไลน์ ฉบับวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554, สืบค้นเมื่อ 9 มีนาคม พ.ศ. 2555
  27. "บังยี"ซื้อเวลา ล้มเลือกตั้ง!บอลไทย
  28. ""วินนี" จวกทีมประสานงานสะเพร่า". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2012-03-01. สืบค้นเมื่อ 2012-03-09.
  29. เตรียมฟ้องแพ่งต่อ แดอัน 21 ยื่นเรื่อง กมธ.กีฬา เก็บถาวร 2021-05-06 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน, เว็บไซต์หนังสือพิมพ์บ้านเมือง, 31 สิงหาคม 2555.
  30. ยีแถลง!!โต้จำนองที่ดิน ส.บอล ปัดหากำไรจาก บ.ไทยลีก, โกลดอตคอม, 19 กันยายน 2555.

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]