มหาวิหารแซ็ง-เรมี

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
มหาวิหารแม่พระ อารามนักบุญเรมีเดิม และวังโต เมืองแร็งส์ *
  แหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก
อารามนักบุญเรมีแห่งแร็งส์
ประเทศธงของประเทศฝรั่งเศส ฝรั่งเศส
ประเภทมรดกทางวัฒนธรรม
เกณฑ์พิจารณา(i)(ii)(vi)
ประวัติการขึ้นทะเบียน
ขึ้นทะเบียน2534 (คณะกรรมการสมัยที่ 15)
* ชื่อตามที่ได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีแหล่งมรดกโลก
** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก

มหาวิหารนักบุญเรมีแห่งแร็งส์ (ฝรั่งเศส: Basilique Saint-Remi de Reims) เป็นอดีตแอบบีย์ ตั้งอยู่ในเมืองแร็งส์ ประเทศฝรั่งเศส มีก่อตั้งในคริสต์ศตวรรษที่ 6 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1099[1] ที่เก็บเรลิกของนักบุญเรมี บิชอปแห่งแร็งส์ผู้เปลี่ยนพระเจ้าโคลวิสที่ 1 พระมหากษัตริย์แห่งชาวแฟรงก์ให้หันมานับถือศาสนาคริสต์ได้ในวันคริสต์มาสปี ค.ศ. 496 ท่านเสียชีวิตในปี ค.ศ. 553 หลังจากที่ทรงได้รับชัยชนะต่อฝ่ายอาลามานนี (Alamanni) ในยุทธการที่ซึลพิช (Battle of Tolbiac)

บาซิลิกาปัจจุบันเดิมเป็นอารามมาก่อนและได้รับการสถาปนาโดยสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 9 ในปี ค.ศ. 1049 ทางเดินกลางและแขนกางเขนสร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 11 เป็นแบบโรมาเนสก์และเป็นส่วนที่เก่าที่สุด ด้านหน้าทางด้านใต้เป็นส่วนที่สร้างใหม่ที่สุด

มหาวิหารแซ็ง-เรอมีแห่งแร็งส์ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ เมื่อปี ค.ศ. 1840

ประวัติ[แก้]

ประวัติอันคลุมเครือดั้งเดิม[2] ของอารามแร็งส์อยู่ในชาเปลที่สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 6 ที่อุทิศให้แก่นักบุญคริสโตเฟอร์ ความมีชื่อเสียงของอารามเริ่มขึ้นเมื่อได้เรลิกของนักบุญเรมีมาเป็นเจ้าของในปี ค.ศ. 553 ซึ่งทำให้ได้รับเงินบริจาคจากผู้มีศรัทธาเป็นจำนวนมาก เมื่อมาถึงคริสต์ศตวรรษที่ 9 อารามก็เป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ดินราวเจ็ดร้อยแปลงและอาจจะเป็นคริสต์ศาสนสถานที่มั่งคั่งที่สุดแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส อาจจะเป็นได้ว่าบาทหลวงประจำมุขมณฑลเป็นผู้ดูแลเรลิก แต่ต่อมาก็ได้รับการดูแลรักษาโดยนักพรตคณะเบเนดิกติน ระหว่างปี ค.ศ. 780 ถึงปี ค.ศ. 945 อาร์ชบิชอปแห่งแร็งส์เป็นอธิการอารามแห่งนี้ ที่นี่ชาร์เลอมาญทรงต้อนรับสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 3

ในปี ค.ศ. 1005 อธิการอาเวียร์ดก็สร้างอารามใหม่และสร้างติดต่อกันตลอดยี่สิบปีจนกระทั่งเพดานทลายลงมา ซึ่งอาจจะเป็นการสร้างค้ำยันที่ไม่พอเพียงที่จะรับน้ำหนักได้ ต่อมาอธิการเตโอโดริกก่อสร้างบาซิลิกาที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ ที่ได้รับการสถาปนาโดยสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 9 ในปี ค.ศ. 1049 พร้อมกับประทานสิทธิพิเศษหลายอย่างให้แก่โบสถ์ในโอกาสนั้นด้วย ห้องสมุดและสถานศึกษาของอารามมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับกันจนกระทั่งสมเด็จพระสันตะปาปาอเล็กซานเดอร์ที่ 3ถึงกับทรงเขียนจดหมายมาชมอธิการปีแยร์ที่ยังมีให้เห็นกันอยู่จนทุกวันนี้

อารามแซ็ง-เรอมีเป็นที่บรรจุศพหรือพระศพของบุคคลสำคัญๆ หลายคนที่รวมทั้งอาร์ชบิชอปแห่งแร็งส์ เจ้าชายหลายพระองค์ พระอนุชาของชาร์เลอมาญ อ็องรีแห่งออร์เลอ็อง และพระเจ้าหลุยส์ที่ 4 แห่งฝรั่งเศส เป็นต้น

อธิการอารามก็มักจะมาจากบุคคลผู้มาจากตระกูลขุนนางชั้นสูง เช่น อ็องรีแห่งลอร์แรน (ค.ศ. 1622-ค.ศ. 1641) ผู้ที่นำอารามไปสังกัดคณะนักบุญมอร์ ฌัก-นีกอลา กอลแบร์ (ค.ศ. 1665) ต่อมาเป็นอาร์ชบิชอปแห่งรูอ็อง ชาร์ล มอริส เลอ เทลลิเยร์ (ค.ศ. 1680-ค.ศ. 1710); และ Joseph de Rochechouart ผู้ได้รับแต่งตั้งโดยพระมหากษัตริย์ในปี ค.ศ. 1745.

ทรัพย์สมบัติมีค่าของมหาวิหารถูกขโมยไปเป็นจำนวนมากระหว่างการปฏิวัติฝรั่งเศสเหลือแต่เพียงหน้าต่างประดับกระจกสีที่สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 12

มหาวิหารแซ็ง-เรอมี[3] มหาวิหารแร็งส์ และพระราชวังโต ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกเมื่อปี ค.ศ. 1991

อ้างอิง[แก้]

  1. St Remi's relics were kept in the Cathedral of Reims, whence Hincmar had them translated to Epernay during the Viking invasions and thence, in 1099 to the Abbey of Saint-Rémy.
  2. Catholic Encyclopedia, 1911, s.v. "Abbey of Saint Remy"
  3. UNESCO: Former Abbey of Saint-Remi

ดูเพิ่ม[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]

วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อเกี่ยวกับ มหาวิหารแซ็ง-เรอมีเดอแร็งส์

ระเบียงภาพ[แก้]