พอร์ทกัส ดี. เอส

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
พอร์ตกัส ดี. เอส
ตัวละครใน วันพีซ
พอร์ตกัส ดี. เอสที่เกาะบานาโล
ปรากฏครั้งแรกมังงะตอนที่ 154
อนิเมะตอนที่ 91 [1]
ชื่ออังกฤษPortgas D Ace
ชื่อญี่ปุ่นポートガス・D・エース
ข้อมูลตัวละครในเรื่อง
ชื่อเล่นเอส
เผ่าพันธุ์มนุษย์
เพศชาย
ตำแหน่งหัวหน้าหน่วยที่ 2
กลุ่มโจรสลัดหนวดขาว
อาชีพโจรสลัด
ครอบครัวโกล ดี. โรเจอร์ (พ่อ)
พอร์ตกัส ดี. โรจ (แม่)
ญาติปู่บุญธรรม: มังกี้ ดี. การ์ป
น้องร่วมสาบาน: มังกี้ ดี. ลูฟี่
น้องร่วมสาบาน: ซาโบ
แม่เลี้ยง: ดาตัน
กัปตัน: เอ็ดเวิร์ด นิวเกต
อายุ20
ผลปีศาจผลเพลิง (เมระเมระ)
ค่าหัว550 ล้านเบรี
ฉายาหมัดอัคคี หรือ หมัดเพลิง

พอร์ตกัส ดี. เอส[2] (Portgas D Ace) หรือ โพโตกัส ดี. เอส ( ポートガス・D ・ エース ) เมื่ออ่านออกเสียงแบบญี่ปุ่น จากวันพีซ ฉายา “เอสหมัดอัคคี” (Fire Fist Ace) หัวหน้าหน่วยที่สองแห่งกลุ่มโจรสลัดหนวดขาวและทายาทเพียงหนึ่งเดียวของราชาโจรสลัดโกล ดี. โรเจอร์ แม้จะเป็นลูกของโกล ดี. โรเจอร์ แต่เอสก็ไม่ยอมใช้นามสกุลเดียวกัน เขาเกลียดตัวเองที่มีสายเลือดของโรเจอร์จึงเลือกที่จะใช้นามสกุลของแม่ “พอร์ตกัส ดี. โรจ” (Portgas D Rouge) ผู้หญิงเพียงคนเดียวในวันพีซที่เป็นผู้สืบสายเลือดแห่ง D และเพื่อเป็นการตอบแทนที่แม่ใช้ชีวิตตัวเองแลกกับการถือกำเนิดของตนโดยใบหน้าของเอสมีกระเหมือนกับแม่

การปรากฏตัวครั้งแรก[แก้]

เอสปรากฏตัวพร้อมกับการช่วยเหลือลูฟี่จากการตามล่าของสโมคเกอร์ เอสร่วมเดินทางไปกับลูฟี่และขอแยกย้ายเมื่อได้เบาะแสของทีช ซึ่งระหว่างที่ร่วมเดินทางเอสได้เล่าถึงสาเหตุที่ตนเองต้องออกเดินทางเพื่อตามหาทีชและเป้าหมายในการทำให้หนวดขาวขึ้นเป็นราชาโจรสลัด แม้จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันแต่ความสัมพันธ์ระหว่างเอส ซาโบและลูฟี่กลับเหนียวแน่นยิ่งกว่าพี่น้องคลานตามกันมา เอสออกเดินทางเพื่อเป็นโจรสลัดก่อนลูฟี่ 3 ปี และตั้งกลุ่มโจรสลัดของตัวเองขึ้น เอสมีฮาคิแห่งราชันย์และได้รับพลังจากผลไฟ “เมระ เมระ” (Mera Mera no Mi: Flare Fruit) ผลปีศาจสายโรเกียที่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นไฟและใช้ไฟเป็นอาวุธในการโจมตีศัตรูจากระยะไกล

เอสกับกลุ่มโจรสลัดหนวดขาว[แก้]

เอสในวัยหนุ่มต้องการดวลกับหนวดขาวแต่ผู้ที่มารับมือกลับเป็นจินเบ การต่อสู้ของทั้งสองกินเวลาห้าวันห้าคืนและเอสเป็นฝ่ายกำชัยชนะ หลังจากนั้นเอสได้สู้กับหนวดขาวโดยใช้พลังที่เหลือทั้งหมดแต่ไม่สามารถทำอะไรได้ ซ้ำหนวดขาวยังชักชวนให้เอสเข้าร่วมกลุ่มซึ่งเอสไม่ต้องการ เอสได้ขึ้นไปอยู่บนเรือโมบี้ดิกของหนวดขาวและหาทางโจมตีทุกครั้งเมื่อมีโอกาสแต่ไม่เป็นผล เมื่อเอสได้รับฟังถึงเหตุผลที่โจรสลัดมากมายยอมเข้าร่วมกลุ่มหนวดขาวจากมัลโก้ความคิดที่มีก็เริ่มเปลี่ยนไปและสักสัญลักษณ์ของกลุ่มหนวดขาวไว้ที่กลางหลัง จากผลงานและความสามารถของเอสทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าหน่วยที่ 2 ของกลุ่มโจรสลัดหนวดขาว แม้จะรู้ว่าตนมาทีหลังแต่การที่ทีชซึ่งเข้ามาอยู่ในหน่วยก่อนเห็นด้วยที่จะให้เอสเป็นหัวหน้าเขาจึงยอมรับมันโดยดีจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ที่ทีชสังหารซัจ (Thatch) หัวหน้าหน่วยที่ 4 และหลบหนีไปเป็นเหตุให้เอสต้องออกตามล่าทีช เอสได้พบกับทีชพร้อมกับกลุ่มโจรสลัดหนวดดำ การต่อสู้ของทั้งสองเป็นไปอย่างดุเดือดและจบลงด้วยความพ่ายแพ้ของเอส ทีชนำตัวเอสไปส่งให้ทหารเรือและก้าวขึ้นเป็นเจ็ดเทพโจรสลัด เอสถูกขังที่คุกใต้ทะเลร่วมกับจินเบ เอสขอร้องให้จินเบช่วยดูแลลูฟี่หากตัวเองต้องตายแต่จินเบปฏิเสธเพราะจินเบจะยอมช่วยเหลือแต่คนที่เขายอมรับเท่านั้น ที่ลานประหารหน้ามารีนฟอร์ด เอสถูกถามถึงชื่อของพ่อที่แท้จริงของเขาซึ่งคำตอบคือหนวดขาวแต่เซนโงคุได้ประกาศความจริงออกมาว่าเอสคือลูกชายเพียงคนเดียวของราชาโจรสลัดโกล ดี. โรเจอร์ ไม่นานกลุ่มโจรสลัดหนวดขาวก็มาถึงและสงครามก็ได้เริ่มขึ้น เอสได้รับการช่วยเหลือจากลูฟี่จึงรอดจากการถูกประหาร เอสใช้พลังไฟสู้กับทหารเรือและพลเอกอาโอคิยิซึ่งกินกันไม่ลง หนวดขาวที่อาการแย่ลงจากบาดแผลได้ถามเอสว่าที่ผ่านมาเขาเป็นพ่อที่ดีหรือไม่ แน่นอนว่าคำตอบคือใช่ ก่อนที่เอสจะวิ่งหนีไปตามคำสั่งของหนวดขาว อาคาอินุผู้โหดเหี้ยมใช้คำพูดดูถูกเหยียดหยามหนวดขาวให้เอสฟังทำให้เอสโกรธและหันกลับมาสู้ด้วย แต่พลังไฟของเอสไม่สามารถสู้กับแม็กม่าของอาคาอินุได้ ขณะเดียวกันลูฟี่ที่ร่างกายมาถึงขีดจำกัดตกเป็นเป้าของอาคาอินุ ชั่วพริบตาก่อนที่ลูฟี่จะถูกโจมตีเอสใช้ร่างกายตัวเองเข้ามาขวางเอาไว้ทำให้บาดเจ็บสาหัสและจบชีวิตลงต่อหน้าลูฟี่[3]

หลังจากเสียชีวิต[แก้]

สุสานของเอสถูกตั้งไว้คู่กับหนวดขาวที่เกาะแห่งหนึ่งในโลกใหม่ แชงคูสที่เข้าร่วมงานอยู่ด้วย รู้ได้ดีว่าเอสนั้นเหมือนกับโรเจอร์มากเพียงใด การเอาตัวเองเข้าปกป้องชีวิตพวกพ้องคือสิ่งที่เอสและโรเจอร์มีซึ่งแชงคูสไม่เคยลืมเลือน.

อ้างอิง[แก้]

  1. http://onepiece.wikia.com/wiki/Portgas_D._Ace
  2. แจ้งเรื่องการเปลี่ยนแปลงคำแปล และวิธีการสะกดชื่อเฉพาะต่างๆ. เชิงอรรถ เล่ม 84
  3. http://onepiece-club-zone.blogspot.com/2013/03/blog-post_833.html