พระเจ้าชิลเดอแบร์ที่ 1

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ชิลเดอแบต์ที่ 1
รูปปั้นย่อส่วนของชิลเดอแบต์จากแอบบีย์แห่งแซ็งต์-แฌร์แม็ง-เดส์-เปรส์ ในศตวรรษที่ 13 (พิพิธภัณฑ์ลูฟ์)
กษัตริย์แห่งปารีส
ครองราชย์ค.ศ.511–558
ก่อนหน้าโคลวิสที่ 1
ถัดไปโคลธาร์ที่ 1
กษัตริย์แห่ง ออร์ลียงส์
ครองราชย์ค.ศ.524–558
ก่อนหน้าโคลโดแมร์
ถัดไปโคลธาร์ที่ 1
ประสูติค.ศ.496
ไรม์
สวรรคต13 ธันวาคม 558 (อายุ 61–62)
คู่อภิเษกอุลทราโกธ่า
พระราชบุตรโครโดแบฌ์
โคลเดอแซ็งด์
ราชวงศ์เมโรแว็งเฌียง
พระราชบิดาโคลวิสที่ 1
พระราชมารดาโคลทิลด์
ศาสนาศาสนาคริสต์นิกายไนซีน

ชิลเดอแบต์ที่ 1 (ค.ศ.496 - 13 ธันวาคม ค.ศ.558) เป็นกษัตริย์แฟรงก์ของราชวงศ์เมโรแว็งเฌียง เป็นพระโอรสคนที่สามในสี่คนของโคลวิสที่ 1 ที่แบ่งอาณาจักรของชาวแฟรงก์กันหลังการสิ้นพระชนม์ของพระราชบิดาในค.ศ.511 พระองค์เป็นหนึ่งในพระโอรสของนักบุญโคลทิลด์ เสด็จพระราชสมภพที่ไรม์ พระองค์ครองราชย์เป็นกษัตริย์แห่งปารีสตั้งแต่ค.ศ.511 ถึง 558 และออร์ลียงตั้งแต่ค.ศ.524 ถึง 558

ประวัติ[แก้]

การแบ่งดินแดนของเกาล์ให้พระโอรสของโคลวิสที่ 1 หลังการสิ้นพระชนม์ในค.ศ.511

ในการแบ่งส่วนอาณาจักร ชิลเดอแบต์ได้รับส่วนแบ่งเป็นเมืองปารีส ตอนเหนือถึงแม่น้ำซ็อมม์, ตะวันตกถึงช่องแคบอังกฤษ และคาบสมุทรอาร์มอร์แกน (ปัจจุบันคือบริททานี) พี่น้องชายของพระองค์ปกครองในดินแดนที่แตกต่างกันไป: ธูเดอริคที่ 1 ในเมตซ์, โคลโดแมร์ในออร์ลียงส์ และโคลธาร์ที่ 1 ในซอยส์ซงส์

ในค.ศ.523 ชิลเดอแบต์เข้าร่วมกับพี่น้องชายในสงครามกับโกโดมาร์แห่งเบอร์กันดี โคลโดแมร์ตายในสมรภูมิแห่งฟีเซอรงซ์ (ค.ศ.524) หลังจากนั้นด้วยความกังวลว่าพระโอรสสามคนของโคลโดแมร์จะรับช่วงต่ออาณาจักรออร์ลียงส์ โคลธาร์สมคบคิดกับชิลเดอแบต์กำจัดพวกเขาออกไป ทั้งคู่ส่งผู้แทนไปหาพระราชมารดา โคลทิลด์ ที่เป็นพระพันปีหลวง มีอำนาจเป็นหัวหน้าของสายตระกูล ผู้แทนแสดงกรรไกรกับดาบคู่หนึ่ง เสนอทางเลือกให้พระนางตัดผมเด็กชายทั้งสาม ซึ่งจะตัดสิทธิ์พวกเขาจากการไว้ผมยาวที่ถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของพระราชอำนาจ หรือไม่ก็ฆ่าพวกเขาเสีย พระนางตอบกลับด้วยถ้อยคำที่โด่งดังว่า "สำหรับข้าแล้ว ยอมเห็นพวกเขาตายดีกว่าถูกตัดผม หากพวกเขาไม่ได้ให้เติบโตขึ้นเป็นกษัตริย์" หลังการฆาตกรรมพระโอรสสองคนของโคลโดแมร์, พระโอรสคนที่สาม โคลโดลด์ หนีเข้าสู่โลกทางศาสนา, ชิลเดอแบต์ผนวกเมืองชาร์ตส์กับออร์ลียงส์

พระองค์มีส่วนร่วมในการออกเดินทางไปต่อสู้กับอาณาจักรเบอร์กันดีในเวลาต่อมา พระองค์ล้อมโอทังในค.ศ.532 และในค.ศ.534 ก็พิชิตอาณาจักรได้ร่วมกับพระอนุชา โคลธาร์ และพระโอรสของธูเดอริค ธูเดอแบต์ที่ 1 ได้รับส่วนแบ่งในอาณาจักรที่แย่งชิงมาได้เป็นเมืองมาคง, เจเนวา และลียงส์ เมื่อวิทิจส์ กษัตริย์ของชาวออสโทรโกธ ยกโพรว็องซ์ให้ชาวแฟรงก์ในค.ศ.535 การครอบครองอาร์ลส์และมาร์กเซยได้รับการการันตีให้เป็นของชิลเดอแบต์โดยพี่น้องชายของพระองค์ การผนวกมณฑลดังกล่าวสำเร็จลุล่วง ด้วยความร่วมมือของโคลธาร์ ในฤดูหนาวของค.ศ.536-537

ในค.ศ.531 พระองค์ได้รับการวิงวอนจากพระขนิษฐา โครทิลด้า พระชายาของพระเจ้าอามาลาริคของชาววิซิโกธ กษัตริย์ชาวเอเรียนแห่งอิสปาเนีย โครทิลด้าอ้างว่าถูกทารุณกรรมทางร่างกายเพราะเป็นชาวคาทอลิก ชิลเดอแบต์ไปกับกองทัพและปราบกษัตริย์โกธิค อามาลาริคถอยไปบาร์เซโลนา ที่ๆพระองค์ถูกลอบปลงพระชนม์ โครทิลด้าสิ้นพระชนม์ระหว่างการเดินทางกลับไปปารีสอย่างไม่ทราบสาเหตุ

ชิลเดอแบต์ออกเดินทางไปต่อสู้กับชาววิซิโกธอีกครั้ง ในค.ศ.542 พระองค์ได้การครอบครองปัมโปลน่ามาด้วยความช่วยเหลือของพระอนุชา โคลธาร์ และปิดล้อมซาราโกซ่า แต่ถูกบีบให้ถอยทัพ จากการออกเดินทางครั้งนี้ พระองค์นำโบราณวัตถุที่มีค่ากลับมาปารีส เสื้อคลุมทูนิคของนักบุญวินเซนต์ ที่พระองค์สร้างอารามที่มีชื่อเสียง แซงต์-ครัวซ์-เอต์-แซ็งต์-แว็งซ็องต์ ที่ประตูเมืองปารีส ที่ต่อมารู้จักกันในชื่อ แซ็งต์-แฌร์แม็ง-เดส์-เปรส์ ให้เพื่อเป็นเกียรติ

พระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อ 13 ธันวาคม ค.ศ.558 และถูกฝังในแอบบีย์ที่พระองค์ได้ก่อตั้ง ที่ๆหลุมฝังศพของพระองค์ถูกค้นพบ แซ็งต์-แฌร์แม็ง-เดส์-เปรส์กลายเป็นสุสานหลวงของกษัตริย์นูสเตรียจนถึงค.ศ.675 พระองค์ไม่ได้ทิ้งพระโอรสไว้ มีเพียงพระธิดาสองคน โครโดแบฌ์กับโครเดอแซ็งด์ ที่มีกับพระชายา อุลทราโกธ่า ชิลเดอแบต์กษัตริย์ที่โลภมาก พระองค์ขยายดินแดนของตนในการทำสงครามกับชาวต่างแดนมากกว่าพี่น้องชายคนใดๆ ต่อสู้ในเบอร์กันดี (มากกว่าหนึ่งครั้ง), สเปน (มากกว่าหนึ่งครั้ง), โพรว็ฮงซ์ และที่อื่นๆในเกาล์