ตำรารักทะลุจอ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ตำรารักทะลุจอ
กำกับคริสโตเฟอร์ ซุน
เขียนบทหลียู่
อำนวยการสร้างสตีเฟ่น ชิว
นักแสดงนำฮิโร ฮายามา
หลัน เหยียน
ซาโอริ ฮะระ
ชูโอะ ยูกิโกะ
วอนนี่ ลู
กำกับภาพจิมมี่ หว่อง
ผู้จัดจำหน่ายเอ็มพิคเจอร์ส (ในประเทศไทย)
วันฉายฮ่องกง ฮ่องกง:
14 เมษายน พ.ศ. 2554
ไทย ไทย:
9 มิถุนายน พ.ศ. 2554
ความยาว128 นาที
125 นาที (ในประเทศไทย)
ประเทศฮ่องกง
ภาษาจีนกวางตุ้ง
ทุนสร้าง105 ล้านบาท (3.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ก่อนหน้านี้Sex and Zen III (1998)
ข้อมูลจาก IMDb
ข้อมูลจากสยามโซน

ตำรารักทะลุจอ (อังกฤษ: 3D Sex and Zen: Extreme Ecstasy, 3D Sex and Zen, จีนตัวย่อ: 3D肉蒲团之极乐宝鉴; จีนตัวเต็ม: 3D肉蒲團之極樂寶鑑; พินอิน: Sān D Ròupútuán zhi Jílè Bǎojiàn) เป็นภาพยนตร์สัญชาติฮ่องกงในแนวอีโรติกในรูปแบบภาพยนตร์สามมิติ เข้าฉายในกลางปี พ.ศ. 2554

เรื่องย่อ[แก้]

ในยุคราชวงศ์หมิง คุณชายทายาทเพียงหนึ่งเดียวของสกุลเหว่ย เหว่ยหยางเช็ง (ฮิโร ฮายามา) แต่งงานกับ ตี้หยูเซียง (หลัน เหยียน) คุณหนูทายาทเพียงหนึ่งเดียวของสกุลตี้ ทั้งคู่เมื่อแรกพบกันก็ชอบกันทันที แต่ทั้งคู่แม้พยายามมีเพศสัมพันธ์กันตลอด แต่เธอก็ไม่อาจให้ความสุขแก่เขาได้อย่างเต็มที่ วันหนึ่งเหว่ยหยางเช็งติดตามเพื่อนไปยังหอเลิศล้ำ ที่ซึ่ง องค์ชายหนิง (เหอ หัวเฉา) เก็บรักษาสมบัติมีค่าหายากมากมาย ทั้ง ภาพเขียนโบราณ, อักษรภาพแบบโบราณ รวมทั้งเป็นสถานที่ที่ชายหนุ่มอย่างเขามาร่วมรักด้วยท่าทางแปลก ๆ กับหญิงสาวสุดสวยอย่างหลุดโลก อย่าง หลิวซื่อ (ซาโอริ ฮะระ) หรือ ตงเหม่ย (ชูโอะ ยูกิโกะ) นางสนมขององค์ชายหนิง เหว่ยหยางเช็งรู้สึกว่าขนาดขององคชาตตนเองนั้นยาวไม่เพียงพอ จึงขอผ่าตัดเพื่อให้มีขนาดใหญ่ขึ้น โดยที่หารู้ไม่เลยว่า นั่นคือ กับดักที่รอเขาอยู่

เบื้องหลังและการเข้าฉาย[แก้]

3D Sex and Zen: Extreme Ecstasy หรือเรียกสั้น ๆ ว่า 3D Sex and Zen เป็นภาพยนตร์ที่ถือเป็นภาคต่อของภาพยนตร์ในแนวอีโรติกก่อนหน้านั้น 3 ภาค คือ Sex and Zen (ในชื่อภาษาไทย อาบรักกระบี่คม) ในยุคทศวรรษที่ 90 ที่มีชื่อเสียงของฮ่องกง โดยดัดแปลงมาจากบทประพันธ์ในชื่อ The Central Preyer Mat (บัณฑิตหลังเที่ยงคืน) โดย หลียู่

ในภาคนี้เป็นการร่วมทุนสร้างกันระหว่างฮ่องกง, ญี่ปุ่น และจีนแผ่นดินใหญ่ ด้วยทุนกว่า 105 ล้านบาท ด้วยนักแสดงชื่อดังในแบบภาพยนตร์อีโรติกและเอวีของทั้ง 3 ชาติ เช่น ซาโอริ ฮะระ

และถือเป็นภาพยนตร์อีโรติกเรื่องแรกของโลกด้วยที่ฉายในระบบสามมิติ โดยแฝงความคิดด้วยปรัชญาแบบเซนในตอนท้ายเรื่อง เมื่อผู้สร้างประกาศว่าจะสร้างและออกฉาย ปรากฏเป็นข่าวโด่งดังได้รับความสนใจอย่างมาก และเมื่อเข้าฉายแล้ว ปรากฏว่าที่ฮ่องกงสามารถทำรายได้เหนือกว่า Avatar ภาพยนตร์ในแนวไซไฟฟอร์มใหญ่ของฮอลลีวู้ดเสียอีก [1][2]

สำหรับในประเทศไทยในตอนแรกคาดว่าจะไม่ได้ถูกนำเข้ามาฉาย แต่ว่าได้มีการนำเข้ามาฉาย แต่ได้เข้าฉายเพียง 7 วันเท่านั้น[3]แต่เมื่อได้ฉายจริง ผลตอบรับออกมาดีมาก จึงขยายเวลาฉายออกไปอีกและเพิ่มโรงฉาย โดยฉายในโรงแบบธรรมดาด้วย[4] โดยได้รับการจัดเรตเป็น ฉ.20 คือ ห้ามผู้ชมอายุต่ำกว่า 20 ปี และถูกตัดฉากออกไป 3 ฉาก ได้แก่ ฉากที่หลวงจีนมีเพศสัมพันธ์กับหลิวซื่อ หลังจากที่โดนหลิวซื่อลอบมายั่วยวนให้หลวงจีนตบะแตกเพื่อแก้แค้น, ฉากที่องค์ชายหนิงมีเพศสัมพันธ์กับตงเหม่ยจนขาดใจตาย และฉากที่ตี้หยูเซียงโดนองค์ชายหนิงทรมานเพื่อแก้แค้นโดยให้นั่งทับอยู่บนเครื่องทรมานที่ติดอยู่บนหลังม้า รวมเป็นเวลาราว 3 นาที[5]

อ้างอิง[แก้]

แหล่งข้อมูลอื่น[แก้]