ผลต่างระหว่างรุ่นของ "วัดอัมพวัน (จังหวัดลพบุรี)"
Rescuing 1 sources and tagging 1 as dead.) #IABot (v2.0.8.1 |
Dharmadana (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข ป้ายระบุ: ลิงก์แก้ความกำกวม |
||
บรรทัด 1: | บรรทัด 1: | ||
{{รีไรต์}} |
{{รีไรต์}} |
||
{{ชื่ออื่น||วัดอัมพวันแห่งอื่น|วัดอัมพวัน}} |
|||
{{กล่องข้อมูล พุทธศาสนสถาน |
{{กล่องข้อมูล พุทธศาสนสถาน |
||
| full_name = วัดอัมพวัน |
| full_name = วัดอัมพวัน |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 16:05, 21 มกราคม 2565
บทความนี้อาจต้องเขียนใหม่ทั้งหมดเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพของวิกิพีเดีย หรือกำลังดำเนินการอยู่ คุณช่วยเราได้ หน้าอภิปรายอาจมีข้อเสนอแนะ |
วัดอัมพวัน | |
---|---|
ไฟล์:Aumpawan 10S.jpg | |
ที่ตั้ง | หมู่ที่ 1 ตำบลบางขันหมาก อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี รหัสไปรษณีย์ 15000 |
ประเภท | วัดราษฏร์ |
นิกาย | ธรรมยุติกนิกาย |
ความพิเศษ | เป็นวัดเก่าที่ที่มีประวัติเกี่ยวกับชาวมอญ |
จุดสนใจ | มีหอระฆังเก่าที่สร้างโดยชาวมอญ และพระอุโบสถหลังเก่า |
ส่วนหนึ่งของสารานุกรมพระพุทธศาสนา |
วัดอัมพวัน เป็นวัดในตำบลบางขันหมาก อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
ประวัติ
วัดอัมพวัน ตั้งอยู่เลขที่ ๙๑ หมู่ ๑ ตำบลบางขันหมาก อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุตินิกาย สร้างขึ้นในราวพุทธศักราช ๒๔๑๕ ได้รับพระราชทานวิสุง คามสีมาเมื่อปีพุทธศักราช ๒๔๒๐ ตามตำนานกล่าว กันว่ากรมช้างในพระราชวังนารายณ์ราชนิเวศน์ ได้ให้ควาญช้างนำช้าง ไปเลี้ยงยังป่าละเมาะใกล้คลองตาสา หรือวัดกลาง ในปัจจุบัน พื้นที่วัดตั้งอยู่ริมแม่น้ำลพบุรีทางด้านทิศเหนือ และแวดล้อมด้วยหมู่บ้านชาวมอญมาแต่อดีต สันนิษฐานว่าเป็นชาวมอญที่สืบเชื้อสายกันมา ตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา สืบเนื่องจากที่ชาวมอญจากเมืองมอญอพยพตามสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเข้ามา หลังประกาศเอกราช ณ เมืองแครง โดยมีพระมหาเถรคันฉ่องเป็นผู้ช่วยเหลือ ครั้งนั้นสมเด็จพระนเรศวรได้ปูนบำเหน็จแก่ขุนนางและพระสงฆ์มอญขนานใหญ่ ส่วนที่เกี่ยวข้องกับชุมชนมอญบางขันหมาก จังหวัดลพบุรีนั้น น่าจะเห็นเด่นชัดในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ ที่สร้างพระราชวังพระนารายณ์ราชนิเวศน์ที่ลพบุรี คงได้เกณฑ์ชาวมอญส่วนหนึ่งมาก่อเตาเผาอิฐสร้างพระราชวัง และอาราธนาพระสงฆ์มอญมาด้วย และยังสร้างวัด “ตองปุ” ให้พระสงฆ์มอญจำพรรษา นอกจากชื่อวัดอัมพวันแล้ว ยังมีชาวบ้านเรียกขานชื่อวัดไปต่าง ๆ กันอีกหลายชื่อ ได้แก่ “วัดค้างคาว” ด้วยเหตุที่สมัย ก่อนนั้นในเขตวัดอัมพวันมีค้างคาวแม่ไก่มาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ชื่อที่เคยใช้เรียก
วัดสุสาน เคยถูกใช้เรียกวัดอัมพวันอยู่ในสมัยหนึ่ง ด้วยเหตุที่ในยุคหนึ่งวัดอัมพวันปลูกสร้างกุฏิสงฆ์แยกออกเป็น ๒ หลังอย่างชัดเจน เพราะอยู่ห่างไกลกันมีป่ารกทึบคั่นกลาง จึงดูเหมือนแยกกันเป็น ๒ วัด คือ วัดนอก ริมแม่น้ำลพบุรี และ วัดใน อยู่ลึกเข้ามาจากริมแม่น้ำติดป่าช้า เนื่องจากสมัยนั้น วัดอัมพวันปกครองโดยหลวงปู่ทอกรัก เจ้าอาวาส และยังมี อาจารย์แจะ ซึ่งมีพรรษาใกล้เคียงกับหลวงปู่ทอกรัก วิสัยของอาจารย์แจะท่านชอบสันโดษ จึงปลีกวิเวกไปปลูกกุฏิอยู่ข้างป่าช้า ต่อมาภายหลังมีพระสงฆ์ย้ายไปอยู่กับท่านเพิ่มขึ้น
วัดสุด ก็เป็นอีกชื่อหนึ่งที่หมายถึงวัดอัมพวัน ด้วยเหตุที่ชุมชนมอญบางขันหมากมีชาวมอญอาศัยกันอยู่อย่างหนา แน่น ประกอบกับชาวมอญเป็นผู้ที่มีจิตเป็นกุศลยึดมั่นในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า นิยมสร้างวัดไว้ในบวรพุทธศาสนา และใช้เป็นสถานที่ทำพิธีกรรมทางศาสนา เป็นที่ศึกษาเล่าเรียนของบุตรหลานชาวมอญบางขันหมากจึงได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้น ในชุมชนถึง ๔ แห่งด้วยกัน คือ วัดโพธิ์ระหัต วัดกลาง วัดอัพวัน และวัดราษฎร์ศรัทธาธรรม ซึ่งวัดอัมพวันอยู่ใต้สุดของตำบลบางขันหมากใต้ ติดกับตำบลพรหมมาสตร์ ชาวบ้านจึงนิยมเรียกวัดอัมพวันตามสำเนียงมอญว่า “เภี่ยฮะโม” ส่วนในภาษา ไทยเรียกว่า “วัดสุด” ตามภูมิประเทศนั่นเอง
ถาวรวัตถุภายในวัด
พระอุโบสถ
อุโบสถวัดอัมพวันยังคงสภาพเดิมของอุโบสถที่สร้างขึ้นในรุ่นแรกๆ ของวัดมอญในชุมชนมอญบ้านบางขันหมากแห่งนี้ได้ดีที่สุด ลักษณะของอุโบสถวัดอัมพวันเป็นอุโบสถขนาดเล็ก ก่ออิฐถือปูน ฐานยกพื้นสูงจากพื้นดินเล็กน้อยเป็นฐานบัว หน้าบันเป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว กรอบหน้าบันหยักเป็นรูปสามเหลี่ยมฟันปลา ไม่มีลวดลายแบบง่ายๆ ตัวอาคารก่อด้วยผนังทึบทั้ง ๔ ช่อง มีประตูทางเข้าด้านหน้า ๒ ประตู ไม่มีการประดับเช่นกัน แต่มีบันไดนาคปูนปั้นที่ประตูทางขึ้น หลังคาทรงจั่วมีชั้นลด ๒ ชั้นมุงด้วยกระเบื้องเกล็ดประดับด้วยช่อฟ้าใบระกา หางหงส์ มีกำแพงแก้วเตี้ยๆ ส่วนซุ้มประตูทางเข้ากำแพงแก้วด้านข้างคงเป็นซุ้มประตูแบบเดิม คือเป็นซุ้มประตูขนาดเล็กล้อมรอบและมีซุ้มประตูทางเข้าที่ด้านหน้า ๑ ประตู และด้านซ้ายมืออีก ๑ ประตู ซุ้มประตูทางที่กำแพงแก้วด้านหน้าคงจะทำขึ้นใหม่ในคราวหลัง แต่เมื่อได้ทำการบูรณะซ่อมแซมอุโบสถในราวปี พ.ศ. ๒๔๙๓ จึงได้เปลี่ยนใบเสมาไม้เป็นเสมาปูนปั้นตามแบบที่นิยมทั่วไป ปัจจุบันมีเสมาไม้สักของวัดอัมพวันเหลืออยู่เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น
ศาลาการเปรียญ
ศาลาการเปรียญวัดอัมพวันสร้างขึ้นในราวปีพุทธศักราช ๒๔๖๖ รูปทรงคล้ายกับศาลาการเปรียญเครื่องไม้ ที่นิยมสร้างขึ้นตามวัดที่เห็นได้ทั่วไปในภาคกลาง เป็นศาลาการเปรียญเครื่องไม้ขนาด ๑๓ ห้อง เป็นศาลาแบบโล่งไม่มีฝา ยกพื้นสูง หลังคามุงด้วยกระเบื้องเกล็ด เป็นศาลาที่สร้างด้วยเครื่องไม้ทั้งหลังแม้แต่ช่อฟ้า ใบมะกา หางหงษ์ และหน้าบันก็ทำด้วยเครื่องไม้ทั้งสิ้นมีบันไดก่ออิฐถือปูนเป็นทางขึ้นที่ด้านหลังและด้านข้าง
ลำดับเจ้าอาวาสที่ปกครองวัดมีดังนี้
- พระอาจารย์เชียง ชนูปถัมภ์
- พระอาจารย์ทอโหนด ไม่ทราบปีเริ่ม - พ.ศ. ๒๔๔๕
- พระอุปัชฌาย์ทอกรัก สุวณฺณสาโร (ท่อทอง) พ.ศ. ๒๔๔๕-๒๔๘๕
- พระครูอมรสมณคุณ (สว่าง หมอบอก) พ.ศ. ๒๔๘๕-๒๕๒๐
- พระครูอมรสมณคุณ (สมควร รุมรามัญ) พ.ศ. ๒๕๒๐ - ปัจจุบัน
กิจกรรมที่สำคัญ
จัดโครงการสืบสานประเพณีไทยรามัญ บางขันหมาก ภายในงาน มีกิจกรรมชักพระรูปเหมือนหลวงปู่ทอกรัก สุวณณสาโร การแข่งขันเซปักตระกร้อ ประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง การแข่งขันเรือพื้นบ้านและ ประกวดเรือสวยงาม เป็นต้น
ดูเพิ่ม
- ยุวชนไทยรามัญวัดอัมพวัน จังหวัดลพบุรี เก็บถาวร 2020-02-22 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน