ผลต่างระหว่างรุ่นของ "CPO-STV"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Ekapoj yam (คุย | ส่วนร่วม)
หน้าใหม่: {{ระบบการลงคะแนน}} '''การเปรียบเทียบผลลัพธ์คู่ด้วยการถ่ายโอนคะแนนเสียง''' ({{lang-en|Comparison of Pairs of Outcomes by the Single Transferable Vote}}, ย่อ: '''CPO-STV''') คือ ระบบการลงคะแนนแบบจัดลำดับซึ่...
 
Ekapoj yam (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: เพิ่มรายการยาว
บรรทัด 38: บรรทัด 38:


==ตัวอย่าง==
==ตัวอย่าง==
ในการแสดงให้เห็นซึ่งความแตกต่างระหว่างระบบ CPO-STV กับ[[การเลือกตั้งแบบถ่ายโอนคะแนนเสียง|ระบบถ่ายโอนคะแนนเสียง]]แบบเดิมนั้น ในตัวอย่างสถานการณ์ต่อไปนี้แสดงถึงการเลือกตั้งใน[[การเลือกตั้งแบบถ่ายโอนคะแนนเสียง|ระบบถ่ายโอนคะแนนเสียง]] และตามด้วยระบบ CPO-STV ซึ่งในทั้งสองระบบนี้ใช้[[โควตาฮาเกินบัค-บิชช็อฟ]] ซึ่งในสถานการณ์ตัวอย่างนั้นได้ขนาดโควตาที่ 25

===สถานการณ์===
สมมติให้มีการเลือกตั้งหนึ่งซึ่งจะต้องเลือกผู้แทนจำนวนสามคน โดยมีผู้สมัครรวมทั้งสิ้นห้าคน ได้แก่ แอนเดรีย คาร์เตอร์ แบรด สกอตต์ และดีไลลา โดยมีผู้ลงคะแนนจำนวน 100 คน และผลการลงคะแนนตามความชอบเป็นดังนี้


{| border=1
|valign=top|
'''ผู้ลงคะแนน 25 คน'''
# แอนเดรีย
|valign=top|
'''ผู้ลงคะแนน 34 คน'''
# คาร์เตอร์
# แบรด
# ดีไลลา
|valign=top|
'''ผู้ลงคะแนน 7 คน'''
# แบรด
# ดีไลลา
|valign=top|
'''ผู้ลงคะแนน 8 คน'''
# ดีไลลา
# แบรด
|valign=top|
'''ผู้ลงคะแนน 5 คน'''
# ดีไลลา
# สกอตต์
|valign=top|
'''ผู้ลงคะแนน 21 คน'''
# สกอตต์
# ดีไลลา
|}

===การนับในระบบถ่ายโอนคะแนนเสียงแบบปกติ (STV)===

1. ผลการนับคะแนนเป็นดังนี้

*แอนเดรีย: 25
*คาร์เตอร์: 34
*แบรด: 7
*ดีไลลา: 13
*สกอตต์: 21

2. แอนเดรียและคาร์เตอร์ได้รับเลือกทันที และคะแนนส่วนเกินของคาร์เตอร์จะถูกโอนออกและนับคะแนนใหม่ดังนี้

*แบรด: 16
*ดีไลลา: 13
*สกอตต์: 21

3. ดีไลลาได้รับคะแนนรวมน้อยที่สุดจึงตกรอบ คะแนนเสียงของดีไลลาจึงถูกถ่ายโอนออกและนับคะแนนใหม่ดังนี้

*แบรด: 24
*สกอตต์: 26

4. สกอตต์ได้คะแนนถึงโควตาจึงได้รับเลือกตั้งไปเป็นคนสุดท้าย

====ผลลัพธ์====
ผู้สมัครที่ชนะการเลือกตั้งได้แก่ '''แอนเดรีย''' '''คาร์เตอร์''' และ'''สกอตต์'''

===การนับในระบบ CPO-STV===
ผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้สามารถเกิดได้ถึงสิบชุด (หรือ ผู้ชนะจำนวนสิบชุด) ได้แก่

*'''A.''' แอนเดรีย, คาร์เตอร์, ดีไลลา
*'''B.''' แอนเดรีย, คาร์เตอร์, สกอตต์
*'''C.''' แอนเดรีย, คาร์เตอร์, แบรด
*'''D.''' แอนเดรีย, แบรด, ดีไลลา
*'''E.''' แอนเดรีย, แบรด, สกอตต์
*'''F.''' แอนเดรีย, ดีไลลา, สกอตต์
*'''G.''' คาร์เตอร์, แบรด, ดีไลลา
*'''H.''' คาร์เตอร์, แบรด, สกอตต์
*'''I.''' คาร์เตอร์, ดีไลลา, สกอตต์
*'''J.''' แบรด, ดีไลลา, สกอตต์

ในระบบ CPO-STV นั้นยังยึดถึงเกณฑ์ว่าผู้สมัครรายใดที่คะแนนในลำดับแรกมากกว่าโควตานั้นจะได้รับเลือกตั้ง แอนเดรีย และคาร์เตอร์นั้นได้คะแนนถึงโควตา ดังนั้นเพื่อเป็นการไม่ซับซ้อน ในตัวอย่างการนับคะแนนนี้จะแสดงให้เห็นเฉพาะการเปรียบเทียบชุดผลลัพธ์ซึ่งรวมผู้สมัครทั้งสองคนนี้ซึ่งเป็นผู้ชนะทั้งคู่ ดังนั้นรายผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นจะลดลงเหลือเพียงแค่สามชุด ได้แก่

*'''ผลลัพธ์ A:''' แอนเดรีย, คาร์เตอร์, ดีไลลา
*'''ผลลัพธ์ B:''' แอนเดรีย, คาร์เตอร์, สกอตต์
*'''ผลลัพธ์ C:''' แอนเดรีย, คาร์เตอร์, แบรด

ผลลัพธ์ทั้งหมดทีละผลลัพธ์จะนำมาเปรียบเทียบกันกับอีกผลลัพธ์หนึ่งเพื่อที่จะหาผู้ชนะการเลือกตั้ง ดังนั้นจะต้องมีการเปรียบเทียบทั้งหมดสามชุด โดยชุดที่สี่นั้นจะนำมาแสดงด้วย ซึ่งคือระหว่างผลลัพธ์ A และ D ซึ่งตามหลักการแล้วชุด D นั้นไม่สามารถชนะได้ แต่นำมาแสดงเพื่ออธิบายถึงกฎของ CPO-STV ว่าเมื่อใดคะแนนเสียงส่วนเกินนั้นจะไม่ต้องทำการโอน

*'''ผลลัพธ์ D:''' แอนเดรีย, แบรด, ดีไลลา

====การเปรียบเทียบระหว่าง A กับ B====
ผลคะแนนในลำดับแรกของผู้สมัครแต่ละรายเป็นดังนี้

*แอนเดรีย: 25
*คาร์เตอร์: 34
*แบรด: 7
*ดีไลลา: 13
*สกอตต์: 21

แบรดนั้นไม่ปรากฎในทั้งผลลัพธ์ชุด A หรือ B ดังนั้นเขาจึงไม่ถูกรวมในการเปรียบเทียบ โดยคะแนนเสียงของแบรดจะถูกโอนไปยังดีไลลา และนับคะแนนใหม่ดังนี้

*แอนเดรีย: 25
*คาร์เตอร์: 34
*ดีไลลา: 20
*สกอตต์: 21

คาร์เตอร์ได้รับคะแนนเกินจำนวนโควตา และยังปรากฎในทั้งสองชุดผลลัพธ์ ดังนั้นคะแนนส่วนเกินจะถูกถ่ายโอนไปยังดีไลลา และนับคะแนนใหม่ดังนี้

*แอนเดรีย: 25
*คาร์เตอร์: 25
*ดีไลลา: 29
*สกอตต์: 21

ดังนั้นเมื่อนำผลลัพธ์มาเปรียบเทียบกันในแต่ละชุดผลลัพธ์ จะได้ดังนี้
{| border="1" cellpadding="1" cellspacing="0"
|-
| '''ผู้สมัคร'''
| '''ผลลัพธ์ A'''
| '''ผลลัพธ์ B'''
|-
| แอนเดรีย
| 25
| 25
|-
| คาร์เตอร์
| 25
| 25
|-
| ดีไลลา
| 29
| -
|-
| สกอตต์
| -
| 21
|-
| '''รวม'''
| '''79'''
| '''71'''
|}
ดังนั้น ผลลัพธ์ A เอาชนะผลลัพธ์ B

====การเปรียบเทียบระหว่าง B กับ C====
ผู้สมัครที่อยู่ในชุดผลลัพธ์อย่างน้อยหนึ่งชุดได้แก่ แอนเดรีย คาร์เตอร์ แบรด และสกอตต์ ดังนั้นดีไลลาจึงไม่ถูกนำมารวม คะแนนเสียงของดีไลลาจึงถูกถ่ายโอนให้แก่แบรดจำนวนแปดคะแนนและสกอตต์จำนวนห้าคะแนน คะแนนส่วนเกินของคาร์เตอร์นั้นถูกถ่ายโอนให้กับแบรด คะแนนสุดท้ายได้ดังนี้
{| border="1" cellpadding="2" cellspacing="0"
|-
| '''ผู้สมัคร'''
| '''ผลลัพธ์ B'''
| '''ผลลัพธ์ C'''
|-
| แอนเดรีย
| 25
| 25
|-
| คาร์เตอร์
| 25
| 25
|-
| แบรด
| -
| 24
|-
| สกอตต์
| 26
| -
|-
| '''รวม'''
| '''76'''
| '''74'''
|}
ดังนั้น ผลลัพธ์ B เอาชนะผลลัพธ์ C

====การเปรียบเทียบระหว่าง A กับ D====
ผู้สมัครรายที่ปรากฎในชุดผลลัพธ์อย่างน้อยหนึ่งชุดได้แก่ แอนเดรีย คาร์เตอร์ แบรด และดีไลลา เนื่องจากสกอตต์จะไม่ถูกนำมานับ และคะแนนถูกถ่ายโอนให้กับดีไลดาและนับคะแนนใหม่ดังนี้

*แอนเดรีย: 25
*คาร์เตอร์: 34
*แบรด: 7
*ดีไลลา: 34

คาร์เตอร์มีคะแนนเกินโควตา อย่างไรก็ตามในกรณีนี้เขาไม่ได้ปรากฎในทั้งสองชุดผลลัพธ์ดังนั้นคะแนนส่วนเกินจะไม่สามารถถ่ายโอนได้ โดยเมื่อนับคะแนนรวมเป็นดังนี้
{| border="1" cellpadding="2" cellspacing="0"
|-
| '''ผู้สมัคร'''
| '''ผลลัพธ์ A'''
| '''ผลลัพธ์ D'''
|-
| แอนเดรีย
| 25
| 25
|-
| คาร์เตอร์
| 34
| -
|-
| แบรด
| -
| 7
|-
| ดีไลลา
| 34
| 34
|-
| '''รวม'''
| '''93'''
| '''66'''
|}
ดังนั้น ผลลัพธ์ A เอาชนะผลลัพธ์ D


{{clr}}
{{clr}}

รุ่นแก้ไขเมื่อ 21:52, 17 กันยายน 2564

การเปรียบเทียบผลลัพธ์คู่ด้วยการถ่ายโอนคะแนนเสียง (อังกฤษ: Comparison of Pairs of Outcomes by the Single Transferable Vote, ย่อ: CPO-STV) คือ ระบบการลงคะแนนแบบจัดลำดับซึ่งออกแบบมาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของผู้แทนอย่างเป็นสัดส่วน โดยถือเป็นระบบการเลือกตั้งแบบถ่ายโอนคะแนนเสียง (STV) ที่ละเอียดและซับซ้อนขึ้น โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อแก้ข้อบกพร่องต่างๆ ในระบบเดิม โดยการเพิ่มองค์ประกอบของวิธีกงดอร์แซซึ่งใช้ในการลงคะแนนเพื่อเลือกตั้งหาผู้แทนแบบเขตละหนึ่งคนเข้าไปในระบบการเลือกตั้งแบบถ่ายโอนคะแนนเสียง ในระบบการเลือกตั้งนี้ใช้สำหรับการหาผู้ชนะการเลือกตั้งมากกว่าหนึ่งคน และผู้ลงคะแนนจะต้องให้คะแนนตามลำดับความชอบ ในปัจจุบัน ณ เดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2021 ระบบนี้ยังไม่ได้รับมาใช้ในการเลือกตั้งจริง

CPO-STV มีจุดประสงค์เพื่อแก้ปัญหาด้านการลงคะแนนเชิงกลยุทธ์ (tactical voting) ที่อาจเกิดขึ้นได้ในการเลือกตั้งแบบถ่ายโอนคะแนนเสียง ซึ่งผู้สมัครสามารถทำให้ตกรอบแรกได้ถึงแม้ว่าหากผู้สมัครรายนั้นหากได้อยู่แข่งขันต่อจะเป็นผู้ที่ชนะการเลือกตั้ง SPO-STV ใช้การเปรียบเทียบผลลัพธ์การเลือกตั้งที่อาจเกิดขึ้นในหลายรูปแบบเข้าด้วยกัน ซึ่งตามขั้นตอนแล้วใช้เพื่อที่จะกำหนดว่าผลลัพธ์ใดจะเหมาะสมที่สุดตามลำดับความชอบของผู้ลงคะแนน หากเมื่อใช้ในการเลือกตั้งผู้สมัครคนเดียวนั้น CPO-STV จะเทียบเท่ากับวิธีกงดอร์แซ คล้ายคลึงกับการที่ระบบถ่ายโอนคะแนนเสียงนั้นเมื่อใช้หาผู้ชนะการเลือกตั้งรายเดียวจะเทียบเท่ากับการลงคะแนนแบบหลายรอบในทันที ระบบการลงคะแนนนี้ถูกคิดค้นขึ้นโดยนิโกเลาส์ ไทด์แมน

การลงคะแนน

ผู้ลงคะแนนแต่ละรายจะต้องลงคะแนนให้ผู้สมัครตามลำดับความชอบ ตัวอย่างเช่น

  1. แอนเดรีย
  2. คาร์เตอร์
  3. แบรด
  4. ดีไลลา
  5. สกอตต์

ในการเลือกตั้งจะต้องมีกฎของระบบ CPO-STV ว่าผู้ลงคะแนนจะต้องจัดลำดับผู้สมัครทุกรายจนครบหรือไม่ และผู้ลงคะแนนสามารถให้จัดลำดับเดียวกันซ้ำให้กับผู้สมัครมากกว่าหนึ่งรายได้หรือไม่

ขั้นตอน

กำหนดโควตา

ทั้งโควตาแฮร์และดรูปอาจนำมาใช้ในการเลือกตั้งในระบบนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ไทด์แมนได้แนะนำให้ใช้โควตาฮาเกินบัค-บิชช็อฟ ซึ่งโควตานี้เป็นจำนวนตรรกยะซึ่งเท่ากับจำนวนคะแนนดีทั้งหมดหารด้วยจำนวนที่นั่งที่เลือกตั้งทั้งหมดบวกหนึ่ง ซึ่งสูตรคำนวนเป็นดังนี้

การหาผู้ชนะ

CPO-STV ใช้การเปรียบเทียบทุกๆ ผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ในการเลือกตั้งกับอีกผลลัพธ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในการหาชุดของผู้ชนะการเลือกตั้งที่ได้คะแนนเสียงสนับสนุนสูงที่สุด กล่าวคือเป็นแบบหนึ่งของวิธีกงดอร์แซ โดยปกติแล้วจะมีผลลัพธ์หนึ่งที่จะสามารถเอาชนะในทุกการแข่งขันได้ และจะได้รับเลือกเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งโดยปริยาย

เมื่อใช้การเปรียบเทียบสองผลลัพธ์เข้าด้วยกันจะต้องใช้วิธีพิเศษในการให้คะแนนแต่ละผลลัพธ์ และเพื่อจะกำหนดว่าผลลัพธ์ไหนเป็นผู้ชนะ ในการเปรียบเทียบผลลัพธ์ทั้งสองแบบนั้นใช้วิธีการดังนี้

  1. กำจัดผู้สมัครทุกรายที่ไม่อยู่ในผลลัพธ์ในชุดใดเลย ผู้สมัครทั้งหมดที่ไม่ปรากฎอยู่ในผลลัพธ์ชุดใดเลยจะตกรอบและคะแนนเสียงจะถูกถ่ายโอนไป ผู้ลงคะแนนรายใดที่สนับสนุนผู้สมัครที่ตกรอบนั้นคะแนนจะถูกโอนให้แก่ผู้สมัครในลำดับถัดไปที่ปรากฎอยู่ในอย่างน้อยหนึ่งในสองผลลัพธ์
  2. ถ่ายโอนคะแนนเกินของผู้สมัครในทั้งสองผลลัพธ์ เมื่อจำนวนคะแนนเสียงของผู้สมัครนั้นมากกว่าจำนวนโควตา คะแนนส่วนเกินจะถูกโอนออก อย่างไรก็ตามจะนับเฉพาะคะแนนเกินของผู้สมัครที่ปรากฎในผลลัพธ์ทั้งสองนี้เท่านั้น คะแนนส่วนเกินของผู้สมัครรายที่ไม่อยู่ในผลลัพธ์คู่นี้จะไม่ถูกนับ โดยคะแนนเกินจะสามารถถ่ายโอนไปยังผู้สมัครรายที่ปรากฎอยู่ในอย่างน้อยหนึ่งในสองผลลัพธ์เท่านั้น
  3. คำนวนผลรวมคะแนน ภายหลังจากการถ่ายโอนคะแนนสิ้นสุดลง จำนวนคะแนนเสียงทั้งหมดที่จะผู้สมัครแต่ละรายพึงได้รับตามผลลัพธ์ทั้งสองชุดนั้นจะถูกสรุป และผลรวมคะแนนนั้นจะถือเป็นคะแนนของผลลัพธ์ชุดนั้น
  4. ประกาศผู้ชนะ ผลลัพธ์ชุดใดที่มีคะแนนสูงที่สุดจะเป็นผู้ชนะในเปรียบเทียบในคู่นั้นๆ

ในบางโอกาส เมื่อใดที่ทุกๆ ผลลัพธ์ที่อาจเป็นไปได้นั้นได้รับการเปรียบเทียบซึ่งกันและกันแล้ว จะไม่มีผลลัพธ์ชุดใดเลยที่สามารถชนะผลลัพธ์ได้ครบทุกชุด ซึ่งหมายความว่า ไม่มี "ผู้ชนะแบบกงดอร์แซ" ในกรณีนี้จะต้องใช้วิธีการที่ซับซ้อนมากขึ้น เรียกว่า วิธีการทำให้กงดอร์แซสมบูรณ์ โดยนำมาใช้เพื่อการหาชุดของผู้ชนะที่จะได้รับเลือกตั้ง โดยวิธีสมบูรณ์นั้นขึ้นอยู่กับแบบย่อยของวิธีกงดอร์แซที่นำมาใช้ ซึ่งแบบต่างๆ ที่ซับซ้อนและแตกต่างกันนั้นรวมถึง ระบบจัดลำดับคู่ (พัฒนาโดยไทด์แมน) และวิธีชุลท์เซอ

วิธีการโอนคะแนนเกิน

การเลือกตั้งแบบถ่ายโอนคะแนนเสียงแบบดั้งเดิมนั้นแตกต่างกันตามแต่ละวิธีที่ใช้ในการถ่ายโอนคะแนนเสียงส่วนเกิน ในระบบเก่านั้นใช้ระบบการโอนสุ่ม (วิธีของแฮร์) หรือระบบการโอนเศษ (วิธีเกรกอรี) แต่วิธีเหล่านี้นั้นค่อนข้างหยาบ และอาจทำให้เกิดการลงคะแนนเชิงกลยุทธ์ได้

วิธีของวอร์เรน และวิธีของมีกนั้นเป็ระบบการโอนคะแนนที่ซับซ้อนกว่า CPO-STV นั้นสามารถใช้กับวิธีเหล่านี้ได้ทั้งหมด ดังนั้นจึงย่อมขึ้นอยู่กับผู้รับผิดชอบในการตัดสินใจเลือกระบบการลงคะแนนว่าจะใช้วิธีการคำนวนแบบใด

ตัวอย่าง

ในการแสดงให้เห็นซึ่งความแตกต่างระหว่างระบบ CPO-STV กับระบบถ่ายโอนคะแนนเสียงแบบเดิมนั้น ในตัวอย่างสถานการณ์ต่อไปนี้แสดงถึงการเลือกตั้งในระบบถ่ายโอนคะแนนเสียง และตามด้วยระบบ CPO-STV ซึ่งในทั้งสองระบบนี้ใช้โควตาฮาเกินบัค-บิชช็อฟ ซึ่งในสถานการณ์ตัวอย่างนั้นได้ขนาดโควตาที่ 25

สถานการณ์

สมมติให้มีการเลือกตั้งหนึ่งซึ่งจะต้องเลือกผู้แทนจำนวนสามคน โดยมีผู้สมัครรวมทั้งสิ้นห้าคน ได้แก่ แอนเดรีย คาร์เตอร์ แบรด สกอตต์ และดีไลลา โดยมีผู้ลงคะแนนจำนวน 100 คน และผลการลงคะแนนตามความชอบเป็นดังนี้


ผู้ลงคะแนน 25 คน

  1. แอนเดรีย

ผู้ลงคะแนน 34 คน

  1. คาร์เตอร์
  2. แบรด
  3. ดีไลลา

ผู้ลงคะแนน 7 คน

  1. แบรด
  2. ดีไลลา

ผู้ลงคะแนน 8 คน

  1. ดีไลลา
  2. แบรด

ผู้ลงคะแนน 5 คน

  1. ดีไลลา
  2. สกอตต์

ผู้ลงคะแนน 21 คน

  1. สกอตต์
  2. ดีไลลา

การนับในระบบถ่ายโอนคะแนนเสียงแบบปกติ (STV)

1. ผลการนับคะแนนเป็นดังนี้

  • แอนเดรีย: 25
  • คาร์เตอร์: 34
  • แบรด: 7
  • ดีไลลา: 13
  • สกอตต์: 21

2. แอนเดรียและคาร์เตอร์ได้รับเลือกทันที และคะแนนส่วนเกินของคาร์เตอร์จะถูกโอนออกและนับคะแนนใหม่ดังนี้

  • แบรด: 16
  • ดีไลลา: 13
  • สกอตต์: 21

3. ดีไลลาได้รับคะแนนรวมน้อยที่สุดจึงตกรอบ คะแนนเสียงของดีไลลาจึงถูกถ่ายโอนออกและนับคะแนนใหม่ดังนี้

  • แบรด: 24
  • สกอตต์: 26

4. สกอตต์ได้คะแนนถึงโควตาจึงได้รับเลือกตั้งไปเป็นคนสุดท้าย

ผลลัพธ์

ผู้สมัครที่ชนะการเลือกตั้งได้แก่ แอนเดรีย คาร์เตอร์ และสกอตต์

การนับในระบบ CPO-STV

ผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้สามารถเกิดได้ถึงสิบชุด (หรือ ผู้ชนะจำนวนสิบชุด) ได้แก่

  • A. แอนเดรีย, คาร์เตอร์, ดีไลลา
  • B. แอนเดรีย, คาร์เตอร์, สกอตต์
  • C. แอนเดรีย, คาร์เตอร์, แบรด
  • D. แอนเดรีย, แบรด, ดีไลลา
  • E. แอนเดรีย, แบรด, สกอตต์
  • F. แอนเดรีย, ดีไลลา, สกอตต์
  • G. คาร์เตอร์, แบรด, ดีไลลา
  • H. คาร์เตอร์, แบรด, สกอตต์
  • I. คาร์เตอร์, ดีไลลา, สกอตต์
  • J. แบรด, ดีไลลา, สกอตต์

ในระบบ CPO-STV นั้นยังยึดถึงเกณฑ์ว่าผู้สมัครรายใดที่คะแนนในลำดับแรกมากกว่าโควตานั้นจะได้รับเลือกตั้ง แอนเดรีย และคาร์เตอร์นั้นได้คะแนนถึงโควตา ดังนั้นเพื่อเป็นการไม่ซับซ้อน ในตัวอย่างการนับคะแนนนี้จะแสดงให้เห็นเฉพาะการเปรียบเทียบชุดผลลัพธ์ซึ่งรวมผู้สมัครทั้งสองคนนี้ซึ่งเป็นผู้ชนะทั้งคู่ ดังนั้นรายผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นจะลดลงเหลือเพียงแค่สามชุด ได้แก่

  • ผลลัพธ์ A: แอนเดรีย, คาร์เตอร์, ดีไลลา
  • ผลลัพธ์ B: แอนเดรีย, คาร์เตอร์, สกอตต์
  • ผลลัพธ์ C: แอนเดรีย, คาร์เตอร์, แบรด

ผลลัพธ์ทั้งหมดทีละผลลัพธ์จะนำมาเปรียบเทียบกันกับอีกผลลัพธ์หนึ่งเพื่อที่จะหาผู้ชนะการเลือกตั้ง ดังนั้นจะต้องมีการเปรียบเทียบทั้งหมดสามชุด โดยชุดที่สี่นั้นจะนำมาแสดงด้วย ซึ่งคือระหว่างผลลัพธ์ A และ D ซึ่งตามหลักการแล้วชุด D นั้นไม่สามารถชนะได้ แต่นำมาแสดงเพื่ออธิบายถึงกฎของ CPO-STV ว่าเมื่อใดคะแนนเสียงส่วนเกินนั้นจะไม่ต้องทำการโอน

  • ผลลัพธ์ D: แอนเดรีย, แบรด, ดีไลลา

การเปรียบเทียบระหว่าง A กับ B

ผลคะแนนในลำดับแรกของผู้สมัครแต่ละรายเป็นดังนี้

  • แอนเดรีย: 25
  • คาร์เตอร์: 34
  • แบรด: 7
  • ดีไลลา: 13
  • สกอตต์: 21

แบรดนั้นไม่ปรากฎในทั้งผลลัพธ์ชุด A หรือ B ดังนั้นเขาจึงไม่ถูกรวมในการเปรียบเทียบ โดยคะแนนเสียงของแบรดจะถูกโอนไปยังดีไลลา และนับคะแนนใหม่ดังนี้

  • แอนเดรีย: 25
  • คาร์เตอร์: 34
  • ดีไลลา: 20
  • สกอตต์: 21

คาร์เตอร์ได้รับคะแนนเกินจำนวนโควตา และยังปรากฎในทั้งสองชุดผลลัพธ์ ดังนั้นคะแนนส่วนเกินจะถูกถ่ายโอนไปยังดีไลลา และนับคะแนนใหม่ดังนี้

  • แอนเดรีย: 25
  • คาร์เตอร์: 25
  • ดีไลลา: 29
  • สกอตต์: 21

ดังนั้นเมื่อนำผลลัพธ์มาเปรียบเทียบกันในแต่ละชุดผลลัพธ์ จะได้ดังนี้

ผู้สมัคร ผลลัพธ์ A ผลลัพธ์ B
แอนเดรีย 25 25
คาร์เตอร์ 25 25
ดีไลลา 29 -
สกอตต์ - 21
รวม 79 71

ดังนั้น ผลลัพธ์ A เอาชนะผลลัพธ์ B

การเปรียบเทียบระหว่าง B กับ C

ผู้สมัครที่อยู่ในชุดผลลัพธ์อย่างน้อยหนึ่งชุดได้แก่ แอนเดรีย คาร์เตอร์ แบรด และสกอตต์ ดังนั้นดีไลลาจึงไม่ถูกนำมารวม คะแนนเสียงของดีไลลาจึงถูกถ่ายโอนให้แก่แบรดจำนวนแปดคะแนนและสกอตต์จำนวนห้าคะแนน คะแนนส่วนเกินของคาร์เตอร์นั้นถูกถ่ายโอนให้กับแบรด คะแนนสุดท้ายได้ดังนี้

ผู้สมัคร ผลลัพธ์ B ผลลัพธ์ C
แอนเดรีย 25 25
คาร์เตอร์ 25 25
แบรด - 24
สกอตต์ 26 -
รวม 76 74

ดังนั้น ผลลัพธ์ B เอาชนะผลลัพธ์ C

การเปรียบเทียบระหว่าง A กับ D

ผู้สมัครรายที่ปรากฎในชุดผลลัพธ์อย่างน้อยหนึ่งชุดได้แก่ แอนเดรีย คาร์เตอร์ แบรด และดีไลลา เนื่องจากสกอตต์จะไม่ถูกนำมานับ และคะแนนถูกถ่ายโอนให้กับดีไลดาและนับคะแนนใหม่ดังนี้

  • แอนเดรีย: 25
  • คาร์เตอร์: 34
  • แบรด: 7
  • ดีไลลา: 34

คาร์เตอร์มีคะแนนเกินโควตา อย่างไรก็ตามในกรณีนี้เขาไม่ได้ปรากฎในทั้งสองชุดผลลัพธ์ดังนั้นคะแนนส่วนเกินจะไม่สามารถถ่ายโอนได้ โดยเมื่อนับคะแนนรวมเป็นดังนี้

ผู้สมัคร ผลลัพธ์ A ผลลัพธ์ D
แอนเดรีย 25 25
คาร์เตอร์ 34 -
แบรด - 7
ดีไลลา 34 34
รวม 93 66

ดังนั้น ผลลัพธ์ A เอาชนะผลลัพธ์ D

อ้างอิง