ผลต่างระหว่างรุ่นของ "รัฐเคาะลีฟะฮ์กุรฏุบะ"
พุทธามาตย์ (คุย | ส่วนร่วม) ไม่มีความย่อการแก้ไข |
ลไม่มีความย่อการแก้ไข |
||
| บรรทัด 6: | บรรทัด 6: | ||
| capital = [[กอร์โดบา (ประเทศสเปน)|กุรฏุบะ]] |
| capital = [[กอร์โดบา (ประเทศสเปน)|กุรฏุบะ]] |
||
| status = [[รัฐเคาะลีฟะฮ์]] |
| status = [[รัฐเคาะลีฟะฮ์]] |
||
| continent = ยุโรป |
|||
| region = ไอบีเรีย |
|||
| government_type = [[ราชาธิปไตย]], [[เทวาธิปไตย]] |
| government_type = [[ราชาธิปไตย]], [[เทวาธิปไตย]] |
||
| year_start = ค.ศ. 929 |
| year_start = ค.ศ. 929 |
||
| บรรทัด 13: | บรรทัด 11: | ||
| event_start = [[อับดุรเราะห์มานที่ 1]] ประกาศตนเป็น ''เอมีร์'' แห่งกุรฏุบะ |
| event_start = [[อับดุรเราะห์มานที่ 1]] ประกาศตนเป็น ''เอมีร์'' แห่งกุรฏุบะ |
||
| event_end = สลายตัวไปเป็นรัฐเล็ก ๆ (taifa) |
| event_end = สลายตัวไปเป็นรัฐเล็ก ๆ (taifa) |
||
| event1 = [[อับดุรเราะห์มานที่ 3]] ประกาศตนเป็น ''เคาะลีฟะฮ์'' แห่งกุรฏุบะ |
| event1 = [[อับดุรเราะห์มานที่ 3]] ประกาศตนเป็น ''เคาะลีฟะฮ์'' แห่งกุรฏุบะ <ref>{{cite book |last=Azizur Rahman |first=Syed |title=The Story of Islamic Spain |url=https://books.google.com/books?id=iRAsAQAAIAAJ&q=oath+of+allegiance |format=snippet view |access-date=5 September 2010 |year=2001 |publisher=Goodword Books |location=New Delhi |isbn=978-81-87570-57-8 |page=129 |quote=[Emir Abdullah died on] 16 Oct., 912 after 26 years of inglorious rule leaving his fragmented and bankrupt kingdom to his grandson ‘Abd ar-Rahman. The following day, the new sultan received the oath of allegiance at a ceremony held in the "Perfect salon" (al-majils al-kamil) of the Alcazar.}}</ref> |
||
| date_event1 = ค.ศ. 929 |
| date_event1 = ค.ศ. 929 |
||
| p1 = [[รัฐเคาะลีฟะฮ์อุมัยยะฮ์]] |
| p1 = [[รัฐเคาะลีฟะฮ์อุมัยยะฮ์]] |
||
รุ่นแก้ไขเมื่อ 18:16, 23 สิงหาคม 2564
รัฐเคาะลีฟะฮ์กุรฏุบะ خلافة قرطبة | |||||||||||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| ค.ศ. 929–ค.ศ. 1031 | |||||||||||
 รัฐเคาะลีฟะฮ์แห่งกอร์โดบา (เขียว) ราว ค.ศ. 1000 | |||||||||||
| สถานะ | รัฐเคาะลีฟะฮ์ | ||||||||||
| เมืองหลวง | กุรฏุบะ | ||||||||||
| ภาษาทั่วไป | อาหรับ, โมซาราบิกและภาษาฮีบรู | ||||||||||
| การปกครอง | ราชาธิปไตย, เทวาธิปไตย | ||||||||||
| ประวัติศาสตร์ | |||||||||||
• อับดุรเราะห์มานที่ 1 ประกาศตนเป็น เอมีร์ แห่งกุรฏุบะ | ค.ศ. 929 | ||||||||||
• อับดุรเราะห์มานที่ 3 ประกาศตนเป็น เคาะลีฟะฮ์ แห่งกุรฏุบะ [1] | ค.ศ. 929 | ||||||||||
• สลายตัวไปเป็นรัฐเล็ก ๆ (taifa) | ค.ศ. 1031 | ||||||||||
| |||||||||||
รัฐเคาะลีฟะฮ์กุรฏุบะ (อาหรับ: خلافة قرطبة , Khilāfat Qurṭuba) ปกครองคาบสมุทรไอบีเรียและแอฟริกาเหนือจากเมืองกุรฏุบะ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 929 จนถึงปี ค.ศ. 1031 สมัยนี้เป็นสมัยของความรุ่งเรืองทางการค้าขายและทางวัฒนธรรม สถาปัตยกรรมอิสลามชิ้นเอกหลายชิ้นของไอบีเรียสร้างขึ้นในสมัยนี้ รวมทั้งมัสยิดแห่งกอร์โดบา (Great Mosque of Córdoba)
ในเดือนมกราคม ค.ศ. 929 อับดุรเราะห์มานที่ 3 (Abd-ar-Rahman III) ประกาศตนเป็น “เคาะลีฟะฮ์” (Arabic: خليفة) แห่งกอร์โดบา[2] แทนตำแหน่ง “เอมีร์แห่งกอร์โดบา” (Emir of Córdoba) เดิม (Arabic: أمير قرطبة 'Amīr Qurṭuba) อับดุรเราะห์มานที่ 3 มาจากราชวงศ์อุมัยยะฮ์ราชวงศ์ที่มีตำแหน่งเป็นเอมีร์แห่งกอร์โดบามาตั้งแต่ ค.ศ. 756 การปกครองในฐานะกาหลิบถือกันว่าเป็นสมัยที่รุ่งเรืองที่สุดของมุสลิมในคาบสมุทรไอบีเรีย อาณาจักรสลายตัวไปแทบทั้งหมดในสงครามกลางเมืองระหว่างผู้สืบเชื้อสายจากกาหลิบฮิชัมที่ 2 (Hisham II) และผู้สืบการปกครองจากนายกรัฐมนตรี (hayib) อัลมันซูร์ อาบี อามีร์ (Al-Mansur Abi Aamir) ส่วนที่เหลืออยู่บ้างก็อยู่มาจนถึงปี ค.ศ. 1031 เมื่อหลังจากการต่อสู้กันภายในต่อเนื่องกันอยู่หลายปีก็แตกแยกออกไปเป็นไตฟา (Taifa) หรือรัฐย่อย ๆ[3]
อ้างอิง
- ↑ Azizur Rahman, Syed (2001). The Story of Islamic Spain (snippet view). New Delhi: Goodword Books. p. 129. ISBN 978-81-87570-57-8. สืบค้นเมื่อ 5 September 2010.
[Emir Abdullah died on] 16 Oct., 912 after 26 years of inglorious rule leaving his fragmented and bankrupt kingdom to his grandson ‘Abd ar-Rahman. The following day, the new sultan received the oath of allegiance at a ceremony held in the "Perfect salon" (al-majils al-kamil) of the Alcazar.
- ↑ Simon Barton, A History of Spain (New York: Palgrave MacMillan, 2004), 38.
- ↑ Anwar G. Chejne, Muslim Spain: Its History and Culture (Minneapolis: The University of Minnesota Press, 1974), 43-49.
 | บทความประวัติศาสตร์นี้ยังเป็นโครง คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียได้โดยการเพิ่มเติมข้อมูล |