ผลต่างระหว่างรุ่นของ "กรมสรรพากร"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 90: บรรทัด 90:
| เอกสารหลัก_6=
| เอกสารหลัก_6=
| เว็บไซต์ = http://www.rd.go.th
| เว็บไซต์ = http://www.rd.go.th
| หมายเหตุ = กรมสรรพากรนอกและกรมสรรพากรในเข้าเป็นกรมเดียวกัน ให้เรียกว่า กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2458<ref>[http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2458/A/191.PDF พระบรมราชโองการ กรมสรรพากร] </ref>
| หมายเหตุ = กรมสรรพากรนอกและกรมสรรพากรในเข้าเป็นกรมเดียวกัน ให้เรียกว่า กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2458<ref>[http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2458/A/191.PDF พระบรมราชโองการ ประกาศยกกรมสรรพากรนอกมาขึ้นกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ แล รวมกับกรมสรรพากรในเปลี่ยนนามเปนกรมสรรพากร] </ref>
| แผนที่ =
| แผนที่ =
| แผนที่_กว้าง =
| แผนที่_กว้าง =

รุ่นแก้ไขเมื่อ 11:13, 15 สิงหาคม 2564

กรมสรรพากร
The Revenue Department
ตรากรมสรรพากร
ภาพรวมหน่วยงาน
ก่อตั้ง7 ตุลาคม 2433
เขตอำนาจทั่วราชอาณาจักร
สำนักงานใหญ่90 ซอยพหลโยธิน 7 (อารีย์) ถนนพหลโยธิน แขวงพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร 10400
งบประมาณประจำปี9,627.1293 ล้านบาท (พ.ศ. 2559)[1]
ฝ่ายบริหารหน่วยงาน
  • ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ[2], อธิบดี
  • สมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ, รองอธิบดี
  • เกรียงศักดิ์ ประสงค์สุกาญจน์, รองอธิบดี
  • รองอธิบดี
  • รองอธิบดี
เว็บไซต์http://www.rd.go.th
เชิงอรรถ
กรมสรรพากรนอกและกรมสรรพากรในเข้าเป็นกรมเดียวกัน ให้เรียกว่า กรมสรรพากร ตั้งแต่วันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2458[3]

กรมสรรพากร (อังกฤษ: The Revenue Department) เป็นส่วนราชการระดับกรม สังกัดกระทรวงการคลัง[5] ที่ก่อตั้งในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2433

กรมสรรพากร มีหน้าที่ในการจัดเก็บภาษีจากฐานรายได้และฐานการบริโภคภายในประเทศ ตามประมวลรัษฎากร และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อเป็นรายได้ให้รัฐบาล เพื่อนำมาใช้พัฒนาประเทศได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ภาษีมูลค่าเพิ่ม อากรแสตมป์ จากหน้าที่ดังกล่าวเมื่อมีเหตุจลาจล กรมสรรพกรจึงมักถูกวางเพลิงเสมอ อาทิเหตุการณ์ 14 ตุลา พฤษภาทมิฬ จนเป็นหน่วยงานของรัฐที่ถูกวางเพลิงมากที่สุดหน่วยงานหนึ่ง

นอกจากนั้นยังพิจารณาปรับปรุงตัวบทกฎหมาย และระบบการบริหารจัดเก็บภาษีเพื่อส่งเสริมการออม การลงทุนและการแข่งขันในการผลิตและการส่งออกกับนานาประเทศ ตลอดจนสร้างความเป็นธรรมในการกระจายรายได้ และเสริมสร้างความสมัครใจในการเสียภาษี และยังทำความตกลงระหว่างประเทศเพื่อขจัดการเก็บภาษีซ้ำซ้อนระหว่างกัน เพื่อสนับสนุนการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ โดยในปัจจุบันกรมสรรพากรแบ่งการบริหารเป็น 15 กอง และ 1 สำนักเลขานุการกรม[6]

เขตพื้นที่สรรพากร

กรมสรรพากร ได้แบ่งพื้นที่การบริการออกเป็นภูมิภาคต่างๆ รวม 12 ภาค เรียกว่า "เขตพื้นที่สรรพากร" ทั่วประเทศ[7]

อ้างอิง

ดูเพิ่ม

แหล่งข้อมูลอื่น