ผลต่างระหว่างรุ่นของ "คตินิยมนักวิชาการ"
เพิ่มลงในหมวดหมู่แล้ว ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ |
Rescuing 1 sources and tagging 0 as dead.) #IABot (v2.0.8 |
||
บรรทัด 3: | บรรทัด 3: | ||
คำว่า "คตินิยมนักวิชาการ" นี้ เดิมทีใช้เรียกการใช้[[ระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์]]ในการแก้ไขปัญหาสังคม ซึ่งต่างไปจากการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีทาง[[เศรษฐกิจ]] [[การเมือง]]หรือ[[ปรัชญา]]แบบเก่า ตามผู้เสนอมโนทัศน์นี้ บทบาทของเงินและคุณค่าทางเศรษฐกิจ ความเห็นทางการเมืองและกลไลการควบคุมซึ่งยึดมั่นในศีลธรรมจะถูกตัดทิ้งไปทั้งหมด หากเมื่อรูปแบบการควบคุมทางสังคมนี้ได้ถูกนำไปใช้ในพื้นที่แห่งทวีป ซึ่งมีทรัพยากรธรรมชาติเพียงพอ บุคลากรซึ่งถูกฝึกทางเทคนิค และสินค้าอุตสาหกรรมที่ติดตั้งแล้ว เพื่อที่จะเปิดให้การผลิตและการแจกจ่ายสินค้าและบริการทางภายภาพแก่พลเมืองแห่งทวีปทั้งหมดในปริมาณที่เกินความสามารถทางกายของปัจเจกบุคคลจะบริโภคได้<ref name="BEW8">{{cite web|url=http://www.hubbertpeak.com/hubbert/Technocracy1943.pdf|title=Questioning of M. King Hubbert, Division of Supply and Resources, before the Board of Economic Warfare|date=1943-04-14|format=PDF|accessdate=2008-05-04}}p.35 (p.44 of PDF), p.35</ref> ในการจัดเตรียมเช่นนัน ความกังวลจะเป็นเรื่องความยั่งยืนภายในฐานทรัพยากร แทนที่จะเป็นการได้ประโยชน์ทางการเงิน เพื่อที่จะรับประกันให้หน้าที่ทางสังคม-อุตสาหกรรมทั้งหมดดำเนินต่อไปในอนาคตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด<ref name="BEW8">{{cite web|url=http://www.hubbertpeak.com/hubbert/Technocracy1943.pdf|title=Questioning of M. King Hubbert, Division of Supply and Resources, before the Board of Economic Warfare|date=1943-04-14|format=PDF|accessdate=2008-05-04}}p.35 (p.44 of PDF), p.35</ref> ทักษะทางเทคนิคและความเป็นผู้นำจะถูกเลือกบนพื้นฐานของความรู้และสมรรถนะทางวิชาการ มากกว่าการเลือกตั้งแบบ[[ประชาธิปไตย]] โดยผู้ไม่มีความรู้หรือทักษะเช่นนั้นซึ่งถือว่าเป็นสิ่งจำเป็น |
คำว่า "คตินิยมนักวิชาการ" นี้ เดิมทีใช้เรียกการใช้[[ระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์]]ในการแก้ไขปัญหาสังคม ซึ่งต่างไปจากการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีทาง[[เศรษฐกิจ]] [[การเมือง]]หรือ[[ปรัชญา]]แบบเก่า ตามผู้เสนอมโนทัศน์นี้ บทบาทของเงินและคุณค่าทางเศรษฐกิจ ความเห็นทางการเมืองและกลไลการควบคุมซึ่งยึดมั่นในศีลธรรมจะถูกตัดทิ้งไปทั้งหมด หากเมื่อรูปแบบการควบคุมทางสังคมนี้ได้ถูกนำไปใช้ในพื้นที่แห่งทวีป ซึ่งมีทรัพยากรธรรมชาติเพียงพอ บุคลากรซึ่งถูกฝึกทางเทคนิค และสินค้าอุตสาหกรรมที่ติดตั้งแล้ว เพื่อที่จะเปิดให้การผลิตและการแจกจ่ายสินค้าและบริการทางภายภาพแก่พลเมืองแห่งทวีปทั้งหมดในปริมาณที่เกินความสามารถทางกายของปัจเจกบุคคลจะบริโภคได้<ref name="BEW8">{{cite web|url=http://www.hubbertpeak.com/hubbert/Technocracy1943.pdf|title=Questioning of M. King Hubbert, Division of Supply and Resources, before the Board of Economic Warfare|date=1943-04-14|format=PDF|accessdate=2008-05-04}}p.35 (p.44 of PDF), p.35</ref> ในการจัดเตรียมเช่นนัน ความกังวลจะเป็นเรื่องความยั่งยืนภายในฐานทรัพยากร แทนที่จะเป็นการได้ประโยชน์ทางการเงิน เพื่อที่จะรับประกันให้หน้าที่ทางสังคม-อุตสาหกรรมทั้งหมดดำเนินต่อไปในอนาคตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด<ref name="BEW8">{{cite web|url=http://www.hubbertpeak.com/hubbert/Technocracy1943.pdf|title=Questioning of M. King Hubbert, Division of Supply and Resources, before the Board of Economic Warfare|date=1943-04-14|format=PDF|accessdate=2008-05-04}}p.35 (p.44 of PDF), p.35</ref> ทักษะทางเทคนิคและความเป็นผู้นำจะถูกเลือกบนพื้นฐานของความรู้และสมรรถนะทางวิชาการ มากกว่าการเลือกตั้งแบบ[[ประชาธิปไตย]] โดยผู้ไม่มีความรู้หรือทักษะเช่นนั้นซึ่งถือว่าเป็นสิ่งจำเป็น |
||
บางคนใช้คำว่า คตินิยมนักวิชาการ หมายถึงรูปแบบหนึ่งของ[[คุณธรรมนิยม]] (meritocracy) ซึ่งเป็นระบบที่ "ผู้มีคุณวุฒิสูงสุด" และผู้ซึ่งตัดสินความสมบูรณ์ของคุณสมบัตินั้นคือคน ๆ เดียวกัน การนำไปใช้อื่นได้ถูกอธิบายว่าไม่เป็นกลุ่มผู้ควบคุมที่เป็นมนุษย์แบบ[[คณาธิปไตย]] (oligarchy) แต่เป็นเหมือนการบริหารจัดการโดยวิทยาศาสตร์เฉพาะสาขา อย่างเห็นได้ชัดโดยปราศจากอิทธิพลของกลุ่มผลประโยชน์พิเศษ<ref> |
บางคนใช้คำว่า คตินิยมนักวิชาการ หมายถึงรูปแบบหนึ่งของ[[คุณธรรมนิยม]] (meritocracy) ซึ่งเป็นระบบที่ "ผู้มีคุณวุฒิสูงสุด" และผู้ซึ่งตัดสินความสมบูรณ์ของคุณสมบัตินั้นคือคน ๆ เดียวกัน การนำไปใช้อื่นได้ถูกอธิบายว่าไม่เป็นกลุ่มผู้ควบคุมที่เป็นมนุษย์แบบ[[คณาธิปไตย]] (oligarchy) แต่เป็นเหมือนการบริหารจัดการโดยวิทยาศาสตร์เฉพาะสาขา อย่างเห็นได้ชัดโดยปราศจากอิทธิพลของกลุ่มผลประโยชน์พิเศษ<ref>{{Cite web |url=http://www.technocracy.org/Archives/History%20%26%20Purpose-r.htm |title=History and Purpose of Technocracy by Howard Scott |access-date=2021-08-14 |archive-date=2009-04-22 |archive-url=https://web.archive.org/web/20090422182206/http://www.technocracy.org/Archives/History%20%26%20Purpose-r.htm |url-status=dead }}</ref> ปัจจุบัน ความหมายของคำว่า คตินิยมนักวิชาการ ได้ขยายไปบ่งชี้การจัดการหรือการบริหารทุกประเภทโดยผู้เชี่ยวชาญทางวิชาการ ("[[นักวิชาการ]]") ในสาขาใด ๆ ไม่เพียงแต่[[วิทยาศาสตร์กายภาพ]]เท่านั้น และมีการใช้อธิบายรัฐบาลที่รวมผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ได้ถูกเลือกตั้งขึ้นที่ระดับ[[รัฐมนตรี]]<ref name=who>{{cite news |title=Who, what, why: what can technocrats achieve that politicians can't? |author= |author2= |url=http://www.bbc.co.uk/news/magazine-15720438 |newspaper=BBC News |date=14 November 2011 |accessdate=19 February 2012}}</ref><ref name=minds>{{cite news |title=Technocrats—Minds like machines: Government by experts sounds tempting, especially in a crisis. It can work. But brief stints have the best chances. |author= |author2= |url=http://www.economist.com/node/21538698 |newspaper=The Economist |date=19 November 2011 |accessdate=21 February 2012}}</ref> |
||
== อ้างอิง == |
== อ้างอิง == |
รุ่นแก้ไขเมื่อ 08:09, 14 สิงหาคม 2564
คตินิยมนักวิชาการ (อังกฤษ: technocracy) เป็นระบอบการปกครองซึ่งวิทยาศาสตร์จะมีอยู่ในการควบคุมการตัดสินใจทั้งหมด นักวิทยาศาสตร์ วิศวกรและนักเทคโนโลยีผู้มีความรู้ ความชำนาญหรือทักษะจะก่อตัวเป็นองค์การปกครอง แทนนักการเมือง นักธุรกิจและนักเศรษฐศาสตร์[1] ในคตินิยมนักวิชาการ ผู้ตัดสินใจจะถูกเลือกโดยดูจากความรู้และทักษะที่พวกเขามีในสาขาของตน
คำว่า "คตินิยมนักวิชาการ" นี้ เดิมทีใช้เรียกการใช้ระเบียบวิธีทางวิทยาศาสตร์ในการแก้ไขปัญหาสังคม ซึ่งต่างไปจากการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีทางเศรษฐกิจ การเมืองหรือปรัชญาแบบเก่า ตามผู้เสนอมโนทัศน์นี้ บทบาทของเงินและคุณค่าทางเศรษฐกิจ ความเห็นทางการเมืองและกลไลการควบคุมซึ่งยึดมั่นในศีลธรรมจะถูกตัดทิ้งไปทั้งหมด หากเมื่อรูปแบบการควบคุมทางสังคมนี้ได้ถูกนำไปใช้ในพื้นที่แห่งทวีป ซึ่งมีทรัพยากรธรรมชาติเพียงพอ บุคลากรซึ่งถูกฝึกทางเทคนิค และสินค้าอุตสาหกรรมที่ติดตั้งแล้ว เพื่อที่จะเปิดให้การผลิตและการแจกจ่ายสินค้าและบริการทางภายภาพแก่พลเมืองแห่งทวีปทั้งหมดในปริมาณที่เกินความสามารถทางกายของปัจเจกบุคคลจะบริโภคได้[2] ในการจัดเตรียมเช่นนัน ความกังวลจะเป็นเรื่องความยั่งยืนภายในฐานทรัพยากร แทนที่จะเป็นการได้ประโยชน์ทางการเงิน เพื่อที่จะรับประกันให้หน้าที่ทางสังคม-อุตสาหกรรมทั้งหมดดำเนินต่อไปในอนาคตอย่างไม่มีที่สิ้นสุด[2] ทักษะทางเทคนิคและความเป็นผู้นำจะถูกเลือกบนพื้นฐานของความรู้และสมรรถนะทางวิชาการ มากกว่าการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตย โดยผู้ไม่มีความรู้หรือทักษะเช่นนั้นซึ่งถือว่าเป็นสิ่งจำเป็น
บางคนใช้คำว่า คตินิยมนักวิชาการ หมายถึงรูปแบบหนึ่งของคุณธรรมนิยม (meritocracy) ซึ่งเป็นระบบที่ "ผู้มีคุณวุฒิสูงสุด" และผู้ซึ่งตัดสินความสมบูรณ์ของคุณสมบัตินั้นคือคน ๆ เดียวกัน การนำไปใช้อื่นได้ถูกอธิบายว่าไม่เป็นกลุ่มผู้ควบคุมที่เป็นมนุษย์แบบคณาธิปไตย (oligarchy) แต่เป็นเหมือนการบริหารจัดการโดยวิทยาศาสตร์เฉพาะสาขา อย่างเห็นได้ชัดโดยปราศจากอิทธิพลของกลุ่มผลประโยชน์พิเศษ[3] ปัจจุบัน ความหมายของคำว่า คตินิยมนักวิชาการ ได้ขยายไปบ่งชี้การจัดการหรือการบริหารทุกประเภทโดยผู้เชี่ยวชาญทางวิชาการ ("นักวิชาการ") ในสาขาใด ๆ ไม่เพียงแต่วิทยาศาสตร์กายภาพเท่านั้น และมีการใช้อธิบายรัฐบาลที่รวมผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ได้ถูกเลือกตั้งขึ้นที่ระดับรัฐมนตรี[4][5]
อ้างอิง
- ↑ Ernst R. Berndt, (1982).“From Technocracy To Net Energy Analysis: Engineers, Economists And Recurring Energy Theories Of Value”, Studies in Energy and the American Economy, Discussion Paper No. 11, Massachusetts Institute of Technology, Revised September 1982
- ↑ 2.0 2.1 "Questioning of M. King Hubbert, Division of Supply and Resources, before the Board of Economic Warfare" (PDF). 1943-04-14. สืบค้นเมื่อ 2008-05-04.p.35 (p.44 of PDF), p.35
- ↑ "History and Purpose of Technocracy by Howard Scott". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2009-04-22. สืบค้นเมื่อ 2021-08-14.
- ↑ "Who, what, why: what can technocrats achieve that politicians can't?". BBC News. 14 November 2011. สืบค้นเมื่อ 19 February 2012.
- ↑ "Technocrats—Minds like machines: Government by experts sounds tempting, especially in a crisis. It can work. But brief stints have the best chances". The Economist. 19 November 2011. สืบค้นเมื่อ 21 February 2012.