ผลต่างระหว่างรุ่นของ "การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศไทย"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
Waniosa Amedestir (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขขั้นสูงด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 23: บรรทัด 23:
| ดินแดน =[[ทั่วราชอาณาจักรไทย]]
| ดินแดน =[[ทั่วราชอาณาจักรไทย]]
|ประเภท=[[โรคระบาดแบบเชื้อไวรัส]]|สายพันธ์ุไวรัส=โควิด 19}}
|ประเภท=[[โรคระบาดแบบเชื้อไวรัส]]|สายพันธ์ุไวรัส=โควิด 19}}
[[การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศไทย]] ดำเนินอยู่ใน[[ประเทศไทย]]ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2563 และเป็นส่วนหนึ่งของ[[การระบาดทั่วของโควิด-19|การระบาดทั่วโลกของโควิด-19]] โดยประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ผบผู้ป่วยยืนยัน[[โควิด-19]] รายแรกนอก[[ประเทศจีน]]<ref name="scmp-13jan">{{cite web|url=https://www.scmp.com/news/hong-kong/health-environment/article/3045902/wuhan-pneumonia-thailand-confirms-first-case|title=Thailand confirms first case of Wuhan virus outside China|last=Cheung|first=Elizabeth|work=South China Morning Post|date=13 January 2020|accessdate=13 January 2020|archiveurl=https://web.archive.org/web/20200113130102/https://www.scmp.com/news/hong-kong/health-environment/article/3045902/wuhan-pneumonia-thailand-confirms-first-case|archivedate=13 January 2020}}</ref> การคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศพบผู้ป่วยประปรายตลอดเดือน ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากหรือเป็นผู้พำนักอยู่ในประเทศจีนแทบทั้งสิ้น จนเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2563 ถึงมีรายงานว่าพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อจากการแพร่เชื้อในประเทศเป็นครั้งแรก<ref name="thairath-31jan">{{cite web|url=https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1761053|title=สธ.แถลง พบคนขับแท็กซี่ ติดไวรัสโคโรน่า เป็นคนไทยรายแรก ไม่มีประวัติไปจีน|trans-title=MOPH announces taxi driver infected with coronavirus; first Thai case with no records of travelling to China|work=Thairath Online|accessdate=31 January 2020|language=th|date=31 January 2020|archive-url=https://web.archive.org/web/20200131122334/https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1761053|archive-date=31 January 2020}}</ref> จำนวนผู้ป่วยยังมีน้อยตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2563 โดยมีผู้ป่วยยืนยัน 40 รายเมื่อสิ้นเดือน แต่จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากในกลางเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งมีการระบุสาเหตุจากกลุ่มการแพร่เชื้อจากหลายกลุ่ม ซึ่งกลุ่มใหญ่สุดเกิดขึ้นในการแข่งขันชกมวยไทย ณ [[สนามมวยเวทีลุมพินี]] เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2563<ref name="bangkokbiz-20mar">{{cite web|title=ผู้ป่วยโควิด-19 ในไทย ปะทุจากผับกทม.4 ย่านดัง- สนามมวยแพร่ไป 9 จ.|trans-title=COVID-19 cases in Thailand surge; spreads from four major Bangkok-area entertainment districts – boxing stadiums to 9 provinces|url=https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/871604|website=Krungthep Turakij|accessdate=29 March 2020|language=th|date=20 March 2020}}</ref> ผู้ป่วยยืนยันแล้วเพิ่มเกิน 100 คนต่อวัน ในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา
[[การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศไทย]] ดำเนินอยู่ใน[[ประเทศไทย]]ตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2563 และเป็นส่วนหนึ่งของ[[การระบาดทั่วของโควิด-19|การระบาดทั่วโลกของโควิด-19]] โดยประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่พบผู้ป่วยยืนยัน[[โควิด-19]] รายแรกนอก[[ประเทศจีน]]<ref name="scmp-13jan">{{cite web|url=https://www.scmp.com/news/hong-kong/health-environment/article/3045902/wuhan-pneumonia-thailand-confirms-first-case|title=Thailand confirms first case of Wuhan virus outside China|last=Cheung|first=Elizabeth|work=South China Morning Post|date=13 January 2020|accessdate=13 January 2020|archiveurl=https://web.archive.org/web/20200113130102/https://www.scmp.com/news/hong-kong/health-environment/article/3045902/wuhan-pneumonia-thailand-confirms-first-case|archivedate=13 January 2020}}</ref> การคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศพบผู้ป่วยประปรายตลอดเดือน ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากหรือเป็นผู้พำนักอยู่ในประเทศจีนแทบทั้งสิ้น จนเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2563 ถึงมีรายงานว่าพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อจากการแพร่เชื้อในประเทศเป็นครั้งแรก<ref name="thairath-31jan">{{cite web|url=https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1761053|title=สธ.แถลง พบคนขับแท็กซี่ ติดไวรัสโคโรน่า เป็นคนไทยรายแรก ไม่มีประวัติไปจีน|trans-title=MOPH announces taxi driver infected with coronavirus; first Thai case with no records of travelling to China|work=Thairath Online|accessdate=31 January 2020|language=th|date=31 January 2020|archive-url=https://web.archive.org/web/20200131122334/https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/1761053|archive-date=31 January 2020}}</ref> จำนวนผู้ป่วยยังมีน้อยตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2563 โดยมีผู้ป่วยยืนยัน 40 รายเมื่อสิ้นเดือน แต่จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากในกลางเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งมีการระบุสาเหตุจากกลุ่มการแพร่เชื้อจากหลายกลุ่ม ซึ่งกลุ่มใหญ่สุดเกิดขึ้นในการแข่งขันชกมวยไทย ณ [[สนามมวยเวทีลุมพินี]] เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2563<ref name="bangkokbiz-20mar">{{cite web|title=ผู้ป่วยโควิด-19 ในไทย ปะทุจากผับกทม.4 ย่านดัง- สนามมวยแพร่ไป 9 จ.|trans-title=COVID-19 cases in Thailand surge; spreads from four major Bangkok-area entertainment districts – boxing stadiums to 9 provinces|url=https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/871604|website=Krungthep Turakij|accessdate=29 March 2020|language=th|date=20 March 2020}}</ref> ผู้ป่วยยืนยันแล้วเพิ่มเกิน 100 คนต่อวัน ในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา


การตอบสนองของรัฐบาลต่อการระบาดเริ่มจากการคัดกรองและการติดตามการสัมผัส มีการคัดกรองโควิดตามท่าอากาศยานนานาชาติ ตลอดจนที่โรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยที่มีประวัติเดินทางหรือสัมผัส<ref name="moph-1feb">{{cite web|url=https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/04/138013|title=รายงานข่าวกรณีโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (Novel Coronavirus;2019-nCoV) ประจำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563|trans-title=Report of Novel Coronavirus (2019-nCoV) situation in Thailand, 1 February 2020|language=th|via=[[Ministry of Public Health (Thailand)|Ministry of Public Health, Thailand]]|date=1 February 2020|accessdate=2 February 2020}}</ref> มีการสอบสวนโรคกรณีที่เกิด[[Disease cluster|กลุ่มการระบาด]] กระทรวงศึกษาธิการเน้นการเฝ้าระวังตนเอง การรักษาความสะอาดโดยเฉพาะการล้างมือ และ[[การเว้นระยะห่างทางสังคม|การเลี่ยงฝูงชน]] (หรือใส่[[หน้ากากอนามัย]]แทน)<ref name="bangkokinsight-31jan">{{cite web|title=สธ.ยกระดับควบคุมป้องกันโรค ประกาศคำเตือนระดับ 3 หลีกเลี่ยงเดินทางไปพื้นที่ระบาด|trans-title=MOPH ramps up disease control measures; issues level 3 warning to avoid areas with ongoing transmission|url=https://www.thebangkokinsight.com/282702/|website=The Bangkok Insight|accessdate=29 March 2020|language=th|date=31 January 2020}}</ref> แม้บุคคลที่เดินทางมาจากประเทศเสี่ยงสูงจะได้รับคำแนะนำให้[[การกักด่าน|กักตนเอง]] แต่ยังไม่มีคำสั่งจำกัดการเดินทางจนวันที่ 5 มีนาคม 2563<ref name="thaipbs-9mar">{{cite web|title=4 ประเทศกลุ่มเสี่ยงเข้าไทยต้องมี "ใบรับรองแพทย์"|trans-title=Arrivals from 4 high-risk coutries required to present "medical certificates"|url=https://news.thaipbs.or.th/content/289635|website=Thai PBS|accessdate=29 March 2020|language=th|date=9 March 2020}}</ref> และวันที่ 19 มีนาคม 2563 มีประกาศเพิ่มเติมให้ต้องมีเอกสารการแพทย์รับรองการเดินทางระหว่างประเทศและคนต่างด้าวต้องมีประกันสุขภาพ<ref name="thairath-19mar">{{cite web|title=ประกาศสกัดโควิด-19 ต่างชาติเข้าไทยต้องมีใบรับรองแพทย์-ประกันภัยแสนเหรียญ|trans-title=To curb COVID-19, foreigners arriving in Thailand now required to possess medical certificate – 100,000 USD health insurance|url=https://www.thairath.co.th/news/business/1799234|website=Thairath Online|accessdate=29 March 2020|language=th|date=19 March 2020}}</ref><ref>{{cite web|title=Covid-19: Thailand's strict new entry requirements take effect|url=https://www.nst.com.my/world/world/2020/03/576922/covid-19-thailands-strict-new-entry-requirements-take-effect|website=New Straits Times|accessdate=29 March 2020|date=22 March 2020}}</ref> ปลายเดือนมีนาคม 2563 สถานที่สาธารณะและธุรกิจห้างร้านได้รับคำสั่งให้ปิดในกรุงเทพมหานคร และอีกหลายจังหวัด<ref name="thairath-22mar">{{cite web|title=กทม.และ 5 จังหวัด ประกาศปิดห้างกับ 25 สถานที่ (คลิป)|trans-title=Bangkok and five other provinces close malls and 25 other locations (with clip)|url=https://www.thairath.co.th/news/society/1800853|website=Thairath Online|accessdate=29 March 2020|language=th|date=22 March 2020}}</ref> นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา [[พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548|ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน]] มีผลวันที่ 26 มีนาคม<ref name="thestandard-24mar">{{cite web|author1=The Standard Team|title=นายกฯ ประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน คุมโควิด-19 มีผล 26 มี.ค. ย้ำยังไม่ประกาศเคอร์ฟิวห้ามออกนอกบ้าน|trans-title=PM declares state of emergency effective 26 March in response to COVID-19; maintains there is no curfew yet|url=https://thestandard.co/promulgating-the-emergency-decree/|website=The Standard|accessdate=29 March 2020|language=th|date=24 March 2020}}</ref> และมีประกาศห้ามออกนอกเคหะสถานยามวิกาล ตั้งแต่คืนวันที่ 3 เมษายน 2563<ref>{{cite news |title=Curfew starts today |url=https://www.bangkokpost.com/thailand/general/1891910/curfew-starts-today |newspaper=Bangkok Post |date=3 April 2020|accessdate=3 April 2020}}</ref> พระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินยังสั่งงดจำหน่ายสุราชั่วคราวและให้ประชาชนชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด ซึ่งยกเลิกเป็นส่วนใหญ่ในเดือนกรกฎาคมและเปิดสถานศึกษาในเดือนสิงหาคม 2563 อย่างไรก็ดี รัฐบาลยังไม่ยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน ต่อมาพบการระบาดของโรครอบใหม่ในจังหวัดสมุทรสาครประมาณกลางเดือนธันวาคม 2563 ซึ่งสงสัยว่ามาจากแรงงานต่างด้าวที่มีการลักลอบพาเข้าประเทศ ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 20 เดือนเมษายน 2564 พบการระบาดใหม่โดยมีคลัสเตอร์ที่ย่านทองหล่อและนราธิวาส
การตอบสนองของรัฐบาลต่อการระบาดเริ่มจากการคัดกรองและการติดตามการสัมผัส มีการคัดกรองโควิดตามท่าอากาศยานนานาชาติ ตลอดจนที่โรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยที่มีประวัติเดินทางหรือสัมผัส<ref name="moph-1feb">{{cite web|url=https://pr.moph.go.th/?url=pr/detail/2/04/138013|title=รายงานข่าวกรณีโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (Novel Coronavirus;2019-nCoV) ประจำวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563|trans-title=Report of Novel Coronavirus (2019-nCoV) situation in Thailand, 1 February 2020|language=th|via=[[Ministry of Public Health (Thailand)|Ministry of Public Health, Thailand]]|date=1 February 2020|accessdate=2 February 2020}}</ref> มีการสอบสวนโรคกรณีที่เกิด[[Disease cluster|กลุ่มการระบาด]] กระทรวงศึกษาธิการเน้นการเฝ้าระวังตนเอง การรักษาความสะอาดโดยเฉพาะการล้างมือ และ[[การเว้นระยะห่างทางสังคม|การเลี่ยงฝูงชน]] (หรือใส่[[หน้ากากอนามัย]]แทน)<ref name="bangkokinsight-31jan">{{cite web|title=สธ.ยกระดับควบคุมป้องกันโรค ประกาศคำเตือนระดับ 3 หลีกเลี่ยงเดินทางไปพื้นที่ระบาด|trans-title=MOPH ramps up disease control measures; issues level 3 warning to avoid areas with ongoing transmission|url=https://www.thebangkokinsight.com/282702/|website=The Bangkok Insight|accessdate=29 March 2020|language=th|date=31 January 2020}}</ref> แม้บุคคลที่เดินทางมาจากประเทศเสี่ยงสูงจะได้รับคำแนะนำให้[[การกักด่าน|กักตนเอง]] แต่ยังไม่มีคำสั่งจำกัดการเดินทางจนวันที่ 5 มีนาคม 2563<ref name="thaipbs-9mar">{{cite web|title=4 ประเทศกลุ่มเสี่ยงเข้าไทยต้องมี "ใบรับรองแพทย์"|trans-title=Arrivals from 4 high-risk coutries required to present "medical certificates"|url=https://news.thaipbs.or.th/content/289635|website=Thai PBS|accessdate=29 March 2020|language=th|date=9 March 2020}}</ref> และวันที่ 19 มีนาคม 2563 มีประกาศเพิ่มเติมให้ต้องมีเอกสารการแพทย์รับรองการเดินทางระหว่างประเทศและคนต่างด้าวต้องมีประกันสุขภาพ<ref name="thairath-19mar">{{cite web|title=ประกาศสกัดโควิด-19 ต่างชาติเข้าไทยต้องมีใบรับรองแพทย์-ประกันภัยแสนเหรียญ|trans-title=To curb COVID-19, foreigners arriving in Thailand now required to possess medical certificate – 100,000 USD health insurance|url=https://www.thairath.co.th/news/business/1799234|website=Thairath Online|accessdate=29 March 2020|language=th|date=19 March 2020}}</ref><ref>{{cite web|title=Covid-19: Thailand's strict new entry requirements take effect|url=https://www.nst.com.my/world/world/2020/03/576922/covid-19-thailands-strict-new-entry-requirements-take-effect|website=New Straits Times|accessdate=29 March 2020|date=22 March 2020}}</ref> ปลายเดือนมีนาคม 2563 สถานที่สาธารณะและธุรกิจห้างร้านได้รับคำสั่งให้ปิดในกรุงเทพมหานคร และอีกหลายจังหวัด<ref name="thairath-22mar">{{cite web|title=กทม.และ 5 จังหวัด ประกาศปิดห้างกับ 25 สถานที่ (คลิป)|trans-title=Bangkok and five other provinces close malls and 25 other locations (with clip)|url=https://www.thairath.co.th/news/society/1800853|website=Thairath Online|accessdate=29 March 2020|language=th|date=22 March 2020}}</ref> นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา [[พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548|ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน]] มีผลวันที่ 26 มีนาคม<ref name="thestandard-24mar">{{cite web|author1=The Standard Team|title=นายกฯ ประกาศใช้ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน คุมโควิด-19 มีผล 26 มี.ค. ย้ำยังไม่ประกาศเคอร์ฟิวห้ามออกนอกบ้าน|trans-title=PM declares state of emergency effective 26 March in response to COVID-19; maintains there is no curfew yet|url=https://thestandard.co/promulgating-the-emergency-decree/|website=The Standard|accessdate=29 March 2020|language=th|date=24 March 2020}}</ref> และมีประกาศห้ามออกนอกเคหะสถานยามวิกาล ตั้งแต่คืนวันที่ 3 เมษายน 2563<ref>{{cite news |title=Curfew starts today |url=https://www.bangkokpost.com/thailand/general/1891910/curfew-starts-today |newspaper=Bangkok Post |date=3 April 2020|accessdate=3 April 2020}}</ref> พระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินยังสั่งงดจำหน่ายสุราชั่วคราวและให้ประชาชนชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด ซึ่งยกเลิกเป็นส่วนใหญ่ในเดือนกรกฎาคมและเปิดสถานศึกษาในเดือนสิงหาคม 2563 อย่างไรก็ดี รัฐบาลยังไม่ยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน ต่อมาพบการระบาดของโรครอบใหม่ในจังหวัดสมุทรสาครประมาณกลางเดือนธันวาคม 2563 ซึ่งสงสัยว่ามาจากแรงงานต่างด้าวที่มีการลักลอบพาเข้าประเทศ ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 20 เดือนเมษายน 2564 พบการระบาดใหม่โดยมีคลัสเตอร์ที่ย่านทองหล่อและนราธิวาส

รุ่นแก้ไขเมื่อ 21:31, 22 กรกฎาคม 2564

การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศไทย
จำนวนผู้ป่วยยืนยันแล้วเรียงตามจังหวัด
  10–99
  100–499
  500–999
  1,000–9,999
  ≥10,000
โรคโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
สายพันธุ์ไวรัสโควิด 19
สถานที่ประเทศไทย
การระบาดครั้งแรกอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน
ผู้ป่วยต้นปัญหาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ
วันแรกมาถึง13 มกราคม 2563 (4 ปี 3 เดือน 11 วัน)
ประเภทโรคระบาดแบบเชื้อไวรัส
ผู้ป่วยยืนยันสะสม453,132 คน[1]
อาการร้ายแรง3,856 คน
หาย312,377 คน[1]
เสียชีวิต3,697 คน[1]
ดินแดนทั่วราชอาณาจักรไทย
ddc.moph.go.th/viralpneumonia

การระบาดทั่วของโควิด-19 ในประเทศไทย ดำเนินอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2563 และเป็นส่วนหนึ่งของการระบาดทั่วโลกของโควิด-19 โดยประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่พบผู้ป่วยยืนยันโควิด-19 รายแรกนอกประเทศจีน[2] การคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศพบผู้ป่วยประปรายตลอดเดือน ซึ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากหรือเป็นผู้พำนักอยู่ในประเทศจีนแทบทั้งสิ้น จนเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2563 ถึงมีรายงานว่าพบผู้ป่วยที่ติดเชื้อจากการแพร่เชื้อในประเทศเป็นครั้งแรก[3] จำนวนผู้ป่วยยังมีน้อยตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2563 โดยมีผู้ป่วยยืนยัน 40 รายเมื่อสิ้นเดือน แต่จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากในกลางเดือนมีนาคม 2563 ซึ่งมีการระบุสาเหตุจากกลุ่มการแพร่เชื้อจากหลายกลุ่ม ซึ่งกลุ่มใหญ่สุดเกิดขึ้นในการแข่งขันชกมวยไทย ณ สนามมวยเวทีลุมพินี เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2563[4] ผู้ป่วยยืนยันแล้วเพิ่มเกิน 100 คนต่อวัน ในอีก 1 สัปดาห์ต่อมา

การตอบสนองของรัฐบาลต่อการระบาดเริ่มจากการคัดกรองและการติดตามการสัมผัส มีการคัดกรองโควิดตามท่าอากาศยานนานาชาติ ตลอดจนที่โรงพยาบาลสำหรับผู้ป่วยที่มีประวัติเดินทางหรือสัมผัส[5] มีการสอบสวนโรคกรณีที่เกิดกลุ่มการระบาด กระทรวงศึกษาธิการเน้นการเฝ้าระวังตนเอง การรักษาความสะอาดโดยเฉพาะการล้างมือ และการเลี่ยงฝูงชน (หรือใส่หน้ากากอนามัยแทน)[6] แม้บุคคลที่เดินทางมาจากประเทศเสี่ยงสูงจะได้รับคำแนะนำให้กักตนเอง แต่ยังไม่มีคำสั่งจำกัดการเดินทางจนวันที่ 5 มีนาคม 2563[7] และวันที่ 19 มีนาคม 2563 มีประกาศเพิ่มเติมให้ต้องมีเอกสารการแพทย์รับรองการเดินทางระหว่างประเทศและคนต่างด้าวต้องมีประกันสุขภาพ[8][9] ปลายเดือนมีนาคม 2563 สถานที่สาธารณะและธุรกิจห้างร้านได้รับคำสั่งให้ปิดในกรุงเทพมหานคร และอีกหลายจังหวัด[10] นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน มีผลวันที่ 26 มีนาคม[11] และมีประกาศห้ามออกนอกเคหะสถานยามวิกาล ตั้งแต่คืนวันที่ 3 เมษายน 2563[12] พระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินยังสั่งงดจำหน่ายสุราชั่วคราวและให้ประชาชนชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด ซึ่งยกเลิกเป็นส่วนใหญ่ในเดือนกรกฎาคมและเปิดสถานศึกษาในเดือนสิงหาคม 2563 อย่างไรก็ดี รัฐบาลยังไม่ยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉิน ต่อมาพบการระบาดของโรครอบใหม่ในจังหวัดสมุทรสาครประมาณกลางเดือนธันวาคม 2563 ซึ่งสงสัยว่ามาจากแรงงานต่างด้าวที่มีการลักลอบพาเข้าประเทศ ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างน้อยร้อยละ 20 เดือนเมษายน 2564 พบการระบาดใหม่โดยมีคลัสเตอร์ที่ย่านทองหล่อและนราธิวาส

รัฐบาลถูกวิจารณ์อย่างหนักจากการรับมือวิกฤตการณ์ในหลายด้าน ในต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2563 หลังเกิดความกังวลต่อการกักตุนและโก่งราคาขายหน้ากากอนามัย รัฐบาลเข้าควบคุมราคาและแทรกแซงการจัดจำหน่าย[13] แต่ยังไม่สามารถป้องกันการขาดแคลนตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ได้ และเกิดกรณีอื้อฉาวจากกรณีที่ประชาชนสงสัยว่ามีการฉ้อราษฎร์บังหลวงและการลักเอาจากคลัง[14][15][16] นอกจากนี้ รัฐบาลยังถูกวิจารณ์เกี่ยวกับนโยบายข้อกำหนดการเดินทางระหว่างประเทศและการกักโรค ลงมือไม่เด็ดขาดและล่าช้า และการสื่อสารแบบกลับไปกลับมา[17][18] การสั่งปิดธุรกิจห้างร้านในกรุงเทพมหานครโดยพลัน ทำให้คนงานหลายหมื่นคนเดินทางกลับภูมิลำเนา ยิ่งทำให้เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อเข้าไปอีก สะท้อนภาพความล้มเหลวของการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ[19] อีกด้านหนึ่ง ประเทศไทยค่อนข้างประสบความสำเร็จในการควบคุมโรคระบาด โดยมีปัจจัยเกื้อหนุนได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขที่ทนทาน[20][21] ในการระบาดระลอกหลัง ไม่มีมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศแต่ใช้วิธีกำหนดมาตรการตามพื้นที่เสี่ยง พร้อมกับมีมาตรการช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจลดลงมาก

แผนการกระจายวัคซีนในประเทศเน้นการนำเข้าวัคซีนซิโนแวคและใช้วัคซีนแอสตราเซเนกาที่ผลิตในประเทศเป็นหลัก ทางการสั่งซื้อวัคซีนในเดือนพฤศจิกายน 2563 แต่ถูกตั้งข้อสังเกตเรื่องราคา การห้ามเอกชนนำเข้าวัคซีนและความเกี่ยวข้องกับพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวและเครือเจริญโภคภัณฑ์[22][23][24] นอกจากนี้ การกระจายวัคซีนโดยไม่คำนึงถึงลำดับความเร่งด่วนรวมถึงการเลือกปฏิบัติ การกระจายวัคซีนล่าช้า ความแคลงใจต่อประสิทธิภาพ ผลข้างเคียงของวัคซีนซิโนแวค และการสั่งห้ามนำเข้าวัคซีนยี่ห้ออื่นทำให้เกิดเสียงวิจารณ์อย่างมาก จนมาถึงเดือนมิถุนายน 2564 จึงเริ่มมีการอนุญาตให้นำเข้าวัคซีนยี่ห้ออื่นผ่านหน่วยงานของรัฐ ส่วนจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยมหิดลกำลังวิจัยวัคซีนในประเทศ ปัจจุบันยังมีคำสั่งซื้อวัซีนอีกหลายยี่ห้อแต่จะเข้าประเทศในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564

โรคระบาดทำให้เศรษฐกิจของประเทศได้รับผลกระทบหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคการท่องเที่ยวที่มีความสำคัญ กองทุนการเงินระหว่างประเทศทำนายว่าจีดีพีของไทยจะหดตัวลงร้อยละ 6.7[25] ในปี 2563 ปรับลดจากเดิมขยายตัวร้อยละ 2.5 รัฐบาลประกาศมาตรการช่วยเหลือหลายอย่าง รวมทั้งการกู้เงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 1.9 ล้านล้านบาท แต่มีผู้ได้รับการช่วยเหลือจำนวนน้อย[26]

เส้นเวลา

มกราคมถึงมีนาคม 2563

ผู้ป่วย โควิด-19 ใน ประเทศไทย  ()
     เสียชีวิต        รักษาหาย        ่ป่วยกำลังรักษา
202020202021202120222022
ม.ค.ม.ค.ก.พ.ก.พ.มี.ค.มี.ค.เม.ย.เม.ย.พ.ค.พ.ค.มิ.ย.มิ.ย.ก.ค.ก.ค.ส.ค.ส.ค.ก.ย.ก.ย.ต.ค.ต.ค.พ.ย.พ.ย.ธ.ค.ธ.ค.
ม.ค.ม.ค.ก.พ.ก.พ.มี.ค.มี.ค.เม.ย.เม.ย.พ.ค.พ.ค.มิ.ย.มิ.ย.ก.ค.ก.ค.ส.ค.ส.ค.ก.ย.ก.ย.ต.ค.ต.ค.พ.ย.พ.ย.ธ.ค.ธ.ค.
ม.ค.ม.ค.ก.พ.ก.พ.มี.ค.มี.ค.เม.ย.เม.ย.พ.ค.พ.ค.มิ.ย.มิ.ย.ก.ค.ก.ค.ส.ค.ส.ค.ก.ย.ก.ย.ต.ค.ต.ค.
15 วันล่าสุด15 วันล่าสุด
วันที่
# ผู้ป่วย
# เสียชีวิต
2020-01-13 1(n.a.)
1(=)
2020-01-17 2(+100%)
2(=)
2020-01-22 4(+100%)
2020-01-23 4(=)
2020-01-24 5(+25%)
2020-01-25 6(+20%)
2020-01-26 8(+33%)
2020-01-27 8(=)
2020-01-28 14(+75%)
2020-01-29 14(=)
2020-01-30 14(=)
2020-01-31 19(+36%)
2020-02-01 19(=)
2020-02-02 19(=)
2020-02-03 19(=)
2020-02-04 19(=)
2020-02-05 25(+32%)
25(=)
2020-02-09 32(+28%)
2020-02-10 32(=)
2020-02-11 33(+3.1%)
2020-02-12 33(=)
2020-02-13 33(=)
33(=)
2020-02-16 34(+3%)
2020-02-17 35(+2.9%)
35(=)
2020-02-20 35(=)
2020-02-21 35(=)
2020-02-22 35(=)
2020-02-23 35(=)
2020-02-24 35(=)
2020-02-25 37(+5.7%)
2020-02-26 40(+8.1%)
2020-02-27 40(=)
2020-02-28 40(=)
2020-02-29 40(=)
2020-03-01 42(+5%) 1(n.a.)
2020-03-02 43(+2.4%) 1(=)
43(=) 1(=)
2020-03-05 47(+9.3%) 1(=)
2020-03-06 48(+2.1%) 1(=)
2020-03-07 50(+4.2%) 1(=)
2020-03-08 50(=) 1(=)
2020-03-09 50(=) 1(=)
2020-03-10 53(+6%) 1(=)
2020-03-11 59(+11%) 1(=)
2020-03-12 70(+19%) 1(=)
2020-03-13 75(+7.1%) 1(=)
2020-03-14 82(+9.3%) 1(=)
2020-03-15 114(+39%) 1(=)
2020-03-16
147(+29%) 1(=)
2020-03-17
177(+20%) 1(=)
2020-03-18
212(+20%) 1(=)
2020-03-19
272(+28%) 1(=)
2020-03-20
322(+18%) 1(=)
2020-03-21
411(+28%) 1(=)
2020-03-22
599(+46%) 1(=)
2020-03-23
721(+20%) 1(=)
2020-03-24
827(+15%) 4(+300%)
2020-03-25
934(+13%) 4(=)
2020-03-26
1,045(+12%) 4(=)
2020-03-27
1,136(+8.7%) 5(+25%)
2020-03-28
1,245(+9.6%) 6(+20%)
2020-03-29
1,388(+11%) 7(+17%)
2020-03-30
1,524(+9.8%) 9(+29%)
2020-03-31
1,651(+8.3%) 10(+11%)
2020-04-01
1,771(+7.3%) 12(+20%)
2020-04-02
1,875(+5.9%) 15(+25%)
2020-04-03
1,978(+5.5%) 19(+27%)
2020-04-04
2,067(+4.5%) 20(+5.3%)
2020-04-05
2,169(+4.9%) 23(+15%)
2020-04-06
2,220(+2.4%) 26(+13%)
2020-04-07
2,258(+1.7%) 27(+3.8%)
2020-04-08
2,369(+4.9%) 30(+11%)
2020-04-09
2,423(+2.3%) 32(+6.7%)
2020-04-10
2,473(+2.1%) 33(+3.1%)
2020-04-11
2,518(+1.8%) 35(+6.1%)
2020-04-12
2,551(+1.3%) 38(+8.6%)
2020-04-13
2,579(+1.1%) 40(+5.3%)
2020-04-14
2,613(+1.3%) 41(+2.5%)
2020-04-15
2,643(+1.1%) 43(+4.9%)
2020-04-16
2,672(+1.1%) 46(+7%)
2020-04-17
2,700(+1%) 47(+2.2%)
2020-04-18
2,733(+1.2%) 47(=)
2020-04-19
2,765(+1.2%) 47(=)
2020-04-20
2,792(+0.98%) 47(=)
2020-04-21
2,811(+0.68%) 48(+2.1%)
2020-04-22
2,826(+0.53%) 49(+2.1%)
2020-04-23
2,839(+0.46%) 50(+2%)
2020-04-24
2,854(+0.53%) 50(=)
2020-04-25
2,907(+1.9%) 51(+2%)
2020-04-26
2,922(+0.52%) 51(=)
2020-04-27
2,931(+0.31%) 52(+2%)
2020-04-28
2,938(+0.24%) 54(+3.8%)
2020-04-29
2,947(+0.31%) 54(=)
2020-04-30
2,954(+0.24%) 54(=)
2020-05-01
2,960(+0.2%) 54(=)
2020-05-02
2,966(+0.2%) 54(=)
2020-05-03
2,969(+0.1%) 54(=)
2020-05-04
2,987(+0.61%) 54(=)
2020-05-05
2,988(+0.03%) 54(=)
2020-05-06
2,989(+0.03%) 55(+1.9%)
2020-05-07
2,992(+0.1%) 55(=)
2020-05-08
3,000(+0.27%) 55(=)
2020-05-09
3,004(+0.13%) 56(+1.8%)
2020-05-10
3,009(+0.17%) 56(=)
2020-05-11
3,015(+0.2%) 56(=)
2020-05-12
3,017(+0.07%) 56(=)
2020-05-13
3,017(=) 56(=)
2020-05-14
3,018(+0.03%) 56(=)
2020-05-15
3,025(+0.23%) 56(=)
2020-05-16
3,025(=) 56(=)
2020-05-17
3,028(+0.1%) 56(=)
2020-05-18
3,031(+0.1%) 56(=)
2020-05-19
3,033(+0.07%) 56(=)
2020-05-20
3,034(+0.03%) 56(=)
2020-05-21
3,037(+0.1%) 56(=)
2020-05-22
3,037(=) 56(=)
2020-05-23
3,040(+0.1%) 56(=)
2020-05-24
3,040(=) 56(=)
2020-05-25
3,042(+0.07%) 57(+1.8%)
2020-05-26
3,045(+0.1%) 57(=)
2020-05-27
3,054(+0.3%) 57(=)
2020-05-28
3,065(+0.36%) 57(=)
2020-05-29
3,076(+0.36%) 57(=)
2020-05-30
3,077(+0.03%) 57(=)
2020-05-31
3,081(+0.13%) 57(=)
2020-06-01
3,082(+0.03%) 57(=)
2020-06-02
3,083(+0.03%) 58(+1.8%)
2020-06-03
3,084(+0.03%) 58(=)
2020-06-04
3,101(+0.55%) 58(=)
2020-06-05
3,102(+0.03%) 58(=)
2020-06-06
3,104(+0.06%) 58(=)
2020-06-07
3,112(+0.26%) 58(=)
2020-06-08
3,119(+0.22%) 58(=)
2020-06-09
3,121(+0.06%) 58(=)
2020-06-10
3,125(+0.13%) 58(=)
2020-06-11
3,125(=) 58(=)
2020-06-12
3,129(+0.13%) 58(=)
2020-06-13
3,134(+0.16%) 58(=)
2020-06-14
3,135(+0.03%) 58(=)
2020-06-15
3,135(=) 58(=)
2020-06-16
3,135(=) 58(=)
2020-06-17
3,135(=) 58(=)
2020-06-18
3,141(+0.19%) 58(=)
2020-06-19
3,146(+0.16%) 58(=)
2020-06-20
3,147(+0.03%) 58(=)
2020-06-21
3,148(+0.03%) 58(=)
2020-06-22
3,151(+0.1%) 58(=)
2020-06-23
3,156(+0.16%) 58(=)
2020-06-24
3,157(+0.03%) 58(=)
2020-06-25
3,158(+0.03%) 58(=)
2020-06-26
3,162(+0.13%) 58(=)
2020-06-27
3,162(=) 58(=)
2020-06-28
3,162(=) 58(=)
2020-06-29
3,169(+0.22%) 58(=)
2020-06-30
3,171(+0.06%) 58(=)
2020-07-01
3,173(+0.06%) 58(=)
2020-07-02
3,179(+0.19%) 58(=)
2020-07-03
3,180(+0.03%) 58(=)
2020-07-04
3,185(+0.16%) 58(=)
2020-07-05
3,190(+0.16%) 58(=)
2020-07-06
3,195(+0.16%) 58(=)
2020-07-07
3,195(=) 58(=)
2020-07-08
3,197(+0.06%) 58(=)
2020-07-09
3,202(+0.16%) 58(=)
2020-07-10
3,202(=) 58(=)
2020-07-11
3,216(+0.44%) 58(=)
2020-07-12
3,217(+0.03%) 58(=)
2020-07-13
3,220(+0.09%) 58(=)
2020-07-14
3,227(+0.22%) 58(=)
2020-07-15
3,232(+0.15%) 58(=)
2020-07-16
3,236(+0.12%) 58(=)
2020-07-17
3,239(+0.09%) 58(=)
2020-07-18
3,246(+0.22%) 58(=)
2020-07-19
3,249(+0.09%) 58(=)
2020-07-20
3,250(+0.03%) 58(=)
2020-07-21
3,255(+0.15%) 58(=)
2020-07-22
3,261(+0.18%) 58(=)
2020-07-23
3,269(+0.25%) 58(=)
2020-07-24
3,279(+0.31%) 58(=)
2020-07-25
3,282(+0.09%) 58(=)
2020-07-26
3,291(+0.27%) 58(=)
2020-07-27
3,295(+0.12%) 58(=)
2020-07-28
3,297(+0.06%) 58(=)
2020-07-29
3,298(+0.03%) 58(=)
2020-07-30
3,304(+0.18%) 58(=)
2020-07-31
3,310(+0.18%) 58(=)
2020-08-01
3,312(+0.06%) 58(=)
2020-08-02
3,317(+0.15%) 58(=)
2020-08-03
3,320(+0.09%) 58(=)
2020-08-04
3,321(+0.03%) 58(=)
2020-08-05
3,328(+0.21%) 58(=)
2020-08-06
3,330(+0.06%) 58(=)
2020-08-07
3,345(+0.45%) 58(=)
2020-08-08
3,348(+0.09%) 58(=)
2020-08-09
3,351(+0.09%) 58(=)
2020-08-10
3,351(=) 58(=)
2020-08-11
3,351(=) 58(=)
2020-08-12
3,356(+0.15%) 58(=)
2020-08-13
3,359(+0.09%) 58(=)
2020-08-14
3,376(+0.51%) 58(=)
2020-08-15
3,376(=) 58(=)
2020-08-16
3,377(+0.03%) 58(=)
2020-08-17
3,378(+0.03%) 58(=)
2020-08-18
3,381(+0.09%) 58(=)
2020-08-19
3,382(+0.03%) 58(=)
2020-08-20
3,389(+0.21%) 58(=)
2020-08-21
3,390(+0.03%) 58(=)
2020-08-22
3,390(=) 58(=)
2020-08-23
3,395(+0.15%) 58(=)
2020-08-24
3,397(+0.06%) 58(=)
2020-08-25
3,402(+0.15%) 58(=)
2020-08-26
3,403(+0.03%) 58(=)
2020-08-27
3,404(+0.03%) 58(=)
2020-08-28
3,410(+0.18%) 58(=)
2020-08-29
3,411(+0.03%) 58(=)
2020-08-30
3,411(=) 58(=)
2020-08-31
3,412(+0.03%) 58(=)
2020-09-01
3,417(+0.15%) 58(=)
2020-09-02
3,425(+0.23%) 58(=)
2020-09-03
3,427(+0.06%) 58(=)
2020-09-04
3,431(+0.12%) 58(=)
2020-09-05
3,438(+0.2%) 58(=)
2020-09-06
3,444(+0.17%) 58(=)
2020-09-07
3,445(+0.03%) 58(=)
2020-09-08
3,446(+0.03%) 58(=)
2020-09-09
3,447(+0.03%) 58(=)
2020-09-10
3,454(+0.2%) 58(=)
2020-09-11
3,461(+0.2%) 58(=)
2020-09-12
3,466(+0.14%) 58(=)
2020-09-13
3,473(+0.2%) 58(=)
2020-09-14
3,475(+0.06%) 58(=)
2020-09-15
3,480(+0.14%) 58(=)
2020-09-16
3,490(+0.29%) 58(=)
2020-09-17
3,490(=) 58(=)
2020-09-18
3,497(+0.2%) 58(=)
2020-09-19
3,500(+0.09%) 59(+1.7%)
2020-09-20
3,506(+0.17%) 59(=)
2020-09-21
3,506(=) 59(=)
2020-09-22
3,511(+0.14%) 59(=)
2020-09-23
3,514(+0.09%) 59(=)
2020-09-24
3,516(+0.06%) 59(=)
2020-09-25
3,519(+0.09%) 59(=)
2020-09-26
3,522(+0.09%) 59(=)
2020-09-27
3,523(+0.03%) 59(=)
2020-09-28
3,545(+0.62%) 59(=)
2020-09-29
3,559(+0.39%) 59(=)
2020-09-30
3,564(+0.14%) 59(=)
2020-10-01
3,569(+0.14%) 59(=)
2020-10-02
3,575(+0.17%) 59(=)
2020-10-03
3,583(+0.22%) 59(=)
2020-10-04
3,585(+0.06%) 59(=)
2020-10-05
3,590(+0.14%) 59(=)
2020-10-06
3,600(+0.28%) 59(=)
2020-10-07
3,615(+0.42%) 59(=)
2020-10-08
3,622(+0.19%) 59(=)
2020-10-09
3,628(+0.17%) 59(=)
2020-10-10
3,634(+0.17%) 59(=)
2020-10-11
3,636(+0.06%) 59(=)
2020-10-12
3,641(+0.14%) 59(=)
2020-10-13
3,643(+0.05%) 59(=)
2020-10-14
3,652(+0.25%) 59(=)
2020-10-15
3,665(+0.36%) 59(=)
2020-10-16
3,669(+0.11%) 59(=)
2020-10-17
3,679(+0.27%) 59(=)
2020-10-18
3,686(+0.19%) 59(=)
2020-10-19
3,691(+0.14%) 59(=)
2020-10-20
3,700(+0.24%) 59(=)
2020-10-21
3,709(+0.24%) 59(=)
2020-10-22
3,719(+0.27%) 59(=)
2020-10-23
3,727(+0.22%) 59(=)
2020-10-24
3,731(+0.11%) 59(=)
2020-10-25
3,736(+0.13%) 59(=)
2020-10-26
3,743(+0.19%) 59(=)
2020-10-27
3,746(+0.08%) 59(=)
2020-10-28
3,759(+0.35%) 59(=)
2020-10-29
3,763(+0.11%) 59(=)
2020-10-30
3,775(+0.32%) 59(=)
2020-10-31
3,780(+0.13%) 59(=)
2020-11-01
3,784(+0.11%) 59(=)
2020-11-02
3,787(+0.08%) 59(=)
2020-11-03
3,797(+0.26%) 59(=)
2020-11-04
3,804(+0.18%) 59(=)
2020-11-05
3,810(+0.16%) 59(=)
2020-11-06
3,818(+0.21%) 60(+1.7%)
2020-11-07
3,830(+0.31%) 60(=)
2020-11-08
3,837(+0.18%) 60(=)
2020-11-09
3,840(+0.08%) 60(=)
2020-11-10
3,844(+0.1%) 60(=)
2020-11-11
3,847(+0.08%) 60(=)
2020-11-12
3,852(+0.13%) 60(=)
2020-11-13
3,861(+0.23%) 60(=)
2020-11-14
3,866(+0.13%) 60(=)
2020-11-15
3,874(+0.21%) 60(=)
2020-11-16
3,875(+0.03%) 60(=)
2020-11-17
3,878(+0.08%) 60(=)
2020-11-18
3,880(+0.05%) 60(=)
2020-11-19
3,888(+0.21%) 60(=)
2020-11-20
3,892(+0.1%) 60(=)
2020-11-21
3,902(+0.26%) 60(=)
2020-11-22
3,913(+0.28%) 60(=)
2020-11-23
3,920(+0.18%) 60(=)
2020-11-24
3,922(+0.05%) 60(=)
2020-11-25
3,926(+0.1%) 60(=)
2020-11-26
3,942(+0.41%) 60(=)
2020-11-27
3,961(+0.48%) 60(=)
2020-11-28
3,966(+0.13%) 60(=)
2020-11-29
3,977(+0.28%) 60(=)
2020-11-30
3,998(+0.53%) 60(=)
2020-12-01
4,008(+0.25%) 60(=)
2020-12-02
4,026(+0.45%) 60(=)
2020-12-03
4,039(+0.32%) 60(=)
2020-12-04
4,053(+0.35%) 60(=)
2020-12-05
4,072(+0.47%) 60(=)
2020-12-06
4,086(+0.34%) 60(=)
2020-12-07
4,107(+0.51%) 60(=)
2020-12-08
4,126(+0.46%) 60(=)
2020-12-09
4,151(+0.61%) 60(=)
2020-12-10
4,169(+0.43%) 60(=)
2020-12-11
4,180(+0.26%) 60(=)
2020-12-12
4,192(+0.29%) 60(=)
2020-12-13
4,209(+0.41%) 60(=)
2020-12-14
4,237(+0.67%) 60(=)
2020-12-15
4,246(+0.21%) 60(=)
2020-12-16
4,261(+0.35%) 60(=)
2020-12-17
4,281(+0.47%) 60(=)
2020-12-18
4,297(+0.37%) 60(=)
2020-12-19
4,331(+0.79%) 60(=)
2020-12-20
4,907(+13%) 60(=)
2020-12-21
5,289(+7.8%) 60(=)
2020-12-22
5,716(+8.1%) 60(=)
2020-12-23
5,762(+0.8%) 60(=)
2020-12-24
5,829(+1.2%) 60(=)
2020-12-25
5,910(+1.4%) 60(=)
2020-12-26
6,020(+1.9%) 60(=)
2020-12-27
6,141(+2%) 60(=)
2020-12-28
6,285(+2.3%) 60(=)
2020-12-29
6,440(+2.5%) 61(+1.7%)
2020-12-30
6,690(+3.9%) 61(=)
2020-12-31
6,884(+2.9%) 61(=)
2021-01-01
7,163(+4.1%) 63(+3.3%)
2021-01-02
7,379(+3%) 64(+1.6%)
2021-01-03
7,694(+4.3%) 64(=)
2021-01-04
8,439(+9.7%) 65(+1.6%)
2021-01-05
8,966(+6.2%) 65(=)
2021-01-06
9,331(+4.1%) 66(+1.5%)
2021-01-07
9,636(+3.3%) 67(+1.5%)
2021-01-08
9,841(+2.1%) 67(=)
2021-01-09
10,053(+2.2%) 67(=)
2021-01-10
10,298(+2.4%) 67(=)
2021-01-11
10,547(+2.4%) 67(=)
2021-01-12
10,834(+2.7%) 67(=)
2021-01-13
10,991(+1.4%) 67(=)
2021-01-14
11,262(+2.5%) 69(+3%)
2021-01-15
11,450(+1.7%) 69(=)
2021-01-16
11,680(+2%) 70(+1.4%)
2021-01-17
12,054(+3.2%) 70(=)
2021-01-18
12,423(+3.1%) 70(=)
2021-01-19
12,594(+1.4%) 70(=)
2021-01-20
12,653(+0.47%) 71(+1.4%)
2021-01-21
12,795(+1.1%) 71(=)
2021-01-22
13,104(+2.4%) 71(=)
2021-01-23
13,302(+1.5%) 72(+1.4%)
2021-01-24
13,500(+1.5%) 73(+1.4%)
2021-01-25
13,687(+1.4%) 75(+2.7%)
2021-01-26
14,646(+7%) 75(=)
2021-01-27
15,465(+5.6%) 76(+1.3%)
2021-01-28
16,221(+4.9%) 76(=)
2021-01-29
17,023(+4.9%) 76(=)
2021-01-30
17,953(+5.5%) 77(+1.3%)
2021-01-31
18,782(+4.6%) 77(=)
2021-02-01
19,618(+4.5%) 77(=)
2021-02-02
20,454(+4.3%) 79(+2.6%)
2021-02-03
21,249(+3.9%) 79(=)
2021-02-04
22,058(+3.8%) 79(=)
2021-02-05
22,644(+2.7%) 79(=)
2021-02-06
23,134(+2.2%) 79(=)
2021-02-07
23,371(+1%) 79(=)
2021-02-08
23,557(+0.8%) 79(=)
2021-02-09
23,746(+0.8%) 79(=)
2021-02-10
23,903(+0.66%) 80(+1.3%)
2021-02-11
24,104(+0.84%) 80(=)
2021-02-12
24,279(+0.73%) 80(=)
2021-02-13
24,405(+0.52%) 80(=)
2021-02-14
24,571(+0.68%) 80(=)
2021-02-15
24,714(+0.58%) 82(+2.5%)
2021-02-16
24,786(+0.29%) 82(=)
2021-02-17
24,961(+0.71%) 82(=)
2021-02-18
25,111(+0.6%) 82(=)
2021-02-19
25,241(+0.52%) 83(+1.2%)
2021-02-20
25,323(+0.32%) 83(=)
2021-02-21
25,415(+0.36%) 83(=)
2021-02-22
25,504(+0.35%) 83(=)
2021-02-23
25,599(+0.37%) 83(=)
2021-02-24
25,692(+0.36%) 83(=)
2021-02-25
25,764(+0.28%) 83(=)
2021-02-26
25,809(+0.17%) 83(=)
2021-02-27
25,881(+0.28%) 83(=)
2021-02-28
25,951(+0.27%) 83(=)
2021-03-01
26,031(+0.31%) 83(=)
2021-03-02
26,073(+0.16%) 84(+1.2%)
2021-03-03
26,108(+0.13%) 84(=)
2021-03-04
26,162(+0.21%) 85(+1.2%)
2021-03-05
26,241(+0.3%) 85(=)
2021-03-06
26,305(+0.24%) 85(=)
2021-03-07
26,370(+0.25%) 85(=)
2021-03-08
26,441(+0.27%) 85(=)
2021-03-09
26,501(+0.23%) 85(=)
2021-03-10
26,540(+0.15%) 85(=)
2021-03-11
26,598(+0.22%) 85(=)
2021-03-12
26,679(+0.3%) 85(=)
2021-03-13
26,757(+0.29%) 86(+1.2%)
2021-03-14
26,927(+0.64%) 86(=)
2021-03-15
27,005(+0.29%) 87(+1.2%)
2021-03-16
27,154(+0.55%) 87(=)
2021-03-17
27,402(+0.91%) 88(+1.1%)
2021-03-18
27,494(+0.34%) 89(+1.1%)
2021-03-19
27,594(+0.36%) 90(+1.1%)
2021-03-20
27,713(+0.43%) 90(=)
2021-03-21
27,803(+0.32%) 90(=)
2021-03-22
27,876(+0.26%) 91(+1.1%)
2021-03-23
28,277(+1.4%) 92(+1.1%)
2021-03-24
28,346(+0.24%) 92(=)
2021-03-25
28,443(+0.34%) 92(=)
2021-03-26
28,577(+0.47%) 92(=)
2021-03-27
28,657(+0.28%) 93(+1.1%)
2021-03-28
28,734(+0.27%) 94(+1.1%)
2021-03-29
28,773(+0.14%) 94(=)
2021-03-30
28,821(+0.17%) 94(=)
2021-03-31
28,863(+0.15%) 94(=)
2021-04-01
28,889(+0.09%) 94(=)
2021-04-02
28,947(+0.2%) 94(=)
2021-04-03
29,031(+0.29%) 95(+1.1%)
2021-04-04
29,127(+0.33%) 95(=)
2021-04-05
29,321(+0.67%) 95(=)
2021-04-06
29,571(+0.85%) 95(=)
2021-04-07
29,905(+1.1%) 95(=)
2021-04-08
30,310(+1.4%) 95(=)
2021-04-09
30,869(+1.8%) 96(+1.1%)
2021-04-10
31,658(+2.6%) 97(+1%)
2021-04-11
32,625(+3.1%) 97(=)
2021-04-12
33,610(+3%) 97(=)
2021-04-13
34,575(+2.9%) 97(=)
2021-04-14
35,910(+3.9%) 97(=)
2021-04-15
37,453(+4.3%) 97(=)
2021-04-16
39,038(+4.2%) 97(=)
2021-04-17
40,585(+4%) 99(+2.1%)
2021-04-18
42,352(+4.4%) 101(+2%)
2021-04-19
43,742(+3.3%) 104(+3%)
2021-04-20
45,185(+3.3%) 108(+3.8%)
2021-04-21
46,643(+3.2%) 110(+1.9%)
2021-04-22
48,113(+3.2%) 117(+6.4%)
2021-04-23
50,183(+4.3%) 121(+3.4%)
2021-04-24
53,022(+5.7%) 129(+6.6%)
2021-04-25
55,460(+4.6%) 140(+8.5%)
2021-04-26
57,508(+3.7%) 148(+5.7%)
2021-04-27
59,687(+3.8%) 163(+10%)
2021-04-28
61,699(+3.4%) 178(+9.2%)
2021-04-29
63,570(+3%) 188(+5.6%)
2021-04-30
65,153(+2.5%) 203(+8%)
2021-05-01
67,044(+2.9%) 224(+10%)
2021-05-02
68,984(+2.9%) 245(+9.4%)
2021-05-03
71,025(+3%) 276(+13%)
2021-05-04
72,788(+2.5%) 303(+9.8%)
2021-05-05
74,900(+2.9%) 318(+5%)
2021-05-06
76,811(+2.6%) 336(+5.7%)
2021-05-07
78,855(+2.7%) 363(+8%)
2021-05-08
81,274(+3.1%) 382(+5.2%)
2021-05-09
83,375(+2.6%) 399(+4.5%)
2021-05-10
85,005(+2%) 421(+5.5%)
2021-05-11
86,924(+2.3%) 452(+7.4%)
2021-05-12
88,907(+2.3%) 486(+7.5%)
2021-05-13
93,794(+5.5%) 518(+6.6%)
2021-05-14
96,050(+2.4%) 548(+5.8%)
2021-05-15
99,145(+3.2%) 565(+3.1%)
2021-05-16
101,447(+2.3%) 589(+4.2%)
2021-05-17
111,082(+9.5%) 614(+4.2%)
2021-05-18
113,555(+2.2%) 649(+5.7%)
2021-05-19
116,949(+3%) 678(+4.5%)
2021-05-20
119,585(+2.3%) 703(+3.7%)
2021-05-21
123,066(+2.9%) 735(+4.6%)
2021-05-22
126,118(+2.5%) 759(+3.3%)
2021-05-23
129,500(+2.7%) 776(+2.2%)
2021-05-24
132,213(+2.1%) 806(+3.9%)
2021-05-25
135,439(+2.4%) 832(+3.2%)
2021-05-26
137,894(+1.8%) 873(+4.9%)
2021-05-27
141,217(+2.4%) 920(+5.4%)
2021-05-28
144,976(+2.7%) 954(+3.7%)
2021-05-29
149,779(+3.3%) 988(+3.6%)
2021-05-30
154,307(+3%) 1,012(+2.4%)
2021-05-31
159,792(+3.6%) 1,031(+1.9%)
2021-06-01
162,022(+1.4%) 1,069(+3.7%)
2021-06-02
165,462(+2.1%) 1,107(+3.6%)
2021-06-03
169,348(+2.3%) 1,146(+3.5%)
2021-06-04
171,979(+1.6%) 1,177(+2.7%)
2021-06-05
174,796(+1.6%) 1,213(+3.1%)
2021-06-06
177,467(+1.5%) 1,236(+1.9%)
2021-06-07
179,886(+1.4%) 1,269(+2.7%)
2021-06-08
182,548(+1.5%) 1,297(+2.2%)
2021-06-09
185,228(+1.5%) 1,322(+1.9%)
2021-06-10
187,538(+1.2%) 1,375(+4%)
2021-06-11
189,828(+1.2%) 1,402(+2%)
2021-06-12
193,105(+1.7%) 1,431(+2.1%)
2021-06-13
195,909(+1.5%) 1,449(+1.3%)
2021-06-14
199,264(+1.7%) 1,466(+1.2%)
2021-06-15
202,264(+1.5%) 1,485(+1.3%)
2021-06-16
204,595(+1.2%) 1,525(+2.7%)
2021-06-17
207,724(+1.5%) 1,555(+2%)
2021-06-18
210,782(+1.5%) 1,577(+1.4%)
2021-06-19
214,449(+1.7%) 1,609(+2%)
2021-06-20
218,131(+1.7%) 1,629(+1.2%)
2021-06-21
221,306(+1.5%) 1,658(+1.8%)
2021-06-22
225,365(+1.8%) 1,693(+2.1%)
2021-06-23
228,539(+1.4%) 1,744(+3%)
2021-06-24
232,647(+1.8%) 1,775(+1.8%)
2021-06-25
236,291(+1.6%) 1,819(+2.5%)
2021-06-26
240,452(+1.8%) 1,870(+2.8%)
2021-06-27
244,447(+1.7%) 1,912(+2.2%)
2021-06-28
249,853(+2.2%) 1,934(+1.2%)
2021-06-29
254,515(+1.9%) 1,970(+1.9%)
2021-06-30
259,301(+1.9%) 2,023(+2.7%)
2021-07-01
264,834(+2.1%) 2,080(+2.8%)
2021-07-02
270,921(+2.3%) 2,141(+2.9%)
2021-07-03
277,151(+2.3%) 2,182(+1.9%)
2021-07-04
283,067(+2.1%) 2,226(+2%)
2021-07-05
289,233(+2.2%) 2,276(+2.2%)
2021-07-06
294,653(+1.9%) 2,333(+2.5%)
2021-07-07
301,172(+2.2%) 2,387(+2.3%)
2021-07-08
308,230(+2.3%) 2,462(+3.1%)
2021-07-09
317,506(+3%) 2,534(+2.9%)
2021-07-10
326,832(+2.9%) 2,625(+3.6%)
2021-07-11
336,371(+2.9%) 2,711(+3.3%)
2021-07-12
345,027(+2.6%) 2,791(+3%)
2021-07-13
353,712(+2.5%) 2,847(+2%)
2021-07-14
363,029(+2.6%) 2,934(+3.1%)
2021-07-15
372,215(+2.5%) 3,032(+3.3%)
2021-07-16
381,907(+2.6%) 3,099(+2.2%)
2021-07-17
391,989(+2.6%) 3,240(+4.5%)
2021-07-18
403,386(+2.9%) 3,341(+3.1%)
2021-07-19
415,170(+2.9%) 3,422(+2.4%)
2021-07-20
426,475(+2.7%) 3,502(+2.3%)
2021-07-21
439,477(+3%) 3,610(+3.1%)
2021-07-22
453,132(+3.1%) 3,697(+2.4%)
2021-07-23
467,707(+3.2%) 3,811(+3.1%)
2021-07-24
481,967(+3%) 3,930(+3.1%)
2021-07-25
497,302(+3.2%) 4,059(+3.3%)
2021-07-26
512,678(+3.1%) 4,146(+2.1%)
2021-07-27
526,828(+2.8%) 4,264(+2.8%)
2021-07-28
543,361(+3.1%) 4,397(+3.1%)
2021-07-29
561,030(+3.3%) 4,562(+3.8%)
2021-07-30
578,375(+3.1%) 4,679(+2.6%)
2021-07-31
597,287(+3.3%) 4,857(+3.8%)
2021-08-01
615,314(+3%) 4,990(+2.7%)
2021-08-02
633,284(+2.9%) 5,168(+3.6%)
2021-08-03
652,185(+3%) 5,315(+2.8%)
2021-08-04
672,385(+3.1%) 5,503(+3.5%)
2021-08-05
693,305(+3.1%) 5,663(+2.9%)
2021-08-06
714,684(+3.1%) 5,854(+3.4%)
2021-08-07
736,522(+3.1%) 6,066(+3.6%)
2021-08-08
756,505(+2.7%) 6,204(+2.3%)
2021-08-09
776,108(+2.6%) 6,353(+2.4%)
2021-08-10
795,951(+2.6%) 6,588(+3.7%)
2021-08-11
816,989(+2.6%) 6,795(+3.1%)
2021-08-12
839,771(+2.8%) 6,942(+2.2%)
2021-08-13
863,189(+2.8%) 7,126(+2.7%)
2021-08-14
885,275(+2.6%) 7,343(+3%)
2021-08-15
907,157(+2.5%) 7,552(+2.8%)
2021-08-16
928,314(+2.3%) 7,734(+2.4%)
2021-08-17
948,442(+2.2%) 7,973(+3.1%)
2021-08-18
968,957(+2.2%) 8,285(+3.9%)
2021-08-19
989,859(+2.2%) 8,586(+3.6%)
2021-08-20
1,009,710(+2%) 8,826(+2.8%)
2021-08-21
1,030,281(+2%) 9,087(+3%)
2021-08-22
1,049,295(+1.8%) 9,320(+2.6%)
2021-08-23
1,066,786(+1.7%) 9,562(+2.6%)
2021-08-24
1,083,951(+1.6%) 9,788(+2.4%)
2021-08-25
1,102,368(+1.7%) 10,085(+3%)
2021-08-26
1,120,869(+1.7%) 10,314(+2.3%)
2021-08-27
1,139,571(+1.7%) 10,587(+2.6%)
2021-08-28
1,157,555(+1.6%) 10,879(+2.8%)
2021-08-29
1,174,091(+1.4%) 11,143(+2.4%)
2021-08-30
1,190,063(+1.4%) 11,399(+2.3%)
2021-08-31
1,204,729(+1.2%) 11,589(+1.7%)
2021-09-01
1,219,531(+1.2%) 11,841(+2.2%)
2021-09-02
1,234,487(+1.2%) 12,103(+2.2%)
2021-09-03
1,249,140(+1.2%) 12,374(+2.2%)
2021-09-04
1,265,082(+1.3%) 12,631(+2.1%)
2021-09-05
1,280,534(+1.2%) 12,855(+1.8%)
2021-09-06
1,294,522(+1.1%) 13,042(+1.5%)
2021-09-07
1,308,343(+1.1%) 13,283(+1.8%)
2021-09-08
1,322,519(+1.1%) 13,511(+1.7%)
2021-09-09
1,338,550(+1.2%) 13,731(+1.6%)
2021-09-10
1,352,953(+1.1%) 13,920(+1.4%)
2021-09-11
1,368,144(+1.1%) 14,173(+1.8%)
2021-09-12
1,382,173(+1%) 14,353(+1.3%)
2021-09-13
1,394,756(+0.91%) 14,485(+0.92%)
2021-09-14
1,406,542(+0.85%) 14,621(+0.94%)
2021-09-15
1,420,340(+0.98%) 14,765(+0.98%)
2021-09-16
1,434,237(+0.98%) 14,953(+1.3%)
2021-09-17
1,448,792(+1%) 15,124(+1.1%)
2021-09-18
1,462,901(+0.97%) 15,246(+0.81%)
2021-09-19
1,476,477(+0.93%) 15,363(+0.77%)
2021-09-20
1,489,186(+0.86%) 15,469(+0.69%)
2021-09-21
1,500,105(+0.73%) 15,612(+0.92%)
2021-09-22
1,511,357(+0.75%) 15,753(+0.9%)
2021-09-23
1,524,613(+0.88%) 15,884(+0.83%)
2021-09-24
1,537,310(+0.83%) 16,015(+0.82%)
2021-09-25
1,549,285(+0.78%) 16,142(+0.79%)
2021-09-26
1,561,638(+0.8%) 16,267(+0.77%)
2021-09-27
1,571,926(+0.66%) 16,368(+0.62%)
2021-09-28
1,581,415(+0.6%) 16,497(+0.79%)
2021-09-29
1,591,829(+0.66%) 16,626(+0.78%)
2021-09-30
1,603,475(+0.73%) 16,733(+0.64%)
2021-10-01
1,615,229(+0.73%) 16,840(+0.64%)
2021-10-02
1,626,604(+0.7%) 16,943(+0.61%)
2021-10-03
1,637,432(+0.67%) 17,020(+0.45%)
2021-10-04
1,647,362(+0.61%) 17,117(+0.57%)
2021-10-05
1,657,231(+0.6%) 17,209(+0.54%)
2021-10-06
1,667,097(+0.6%) 17,311(+0.59%)
2021-10-07
1,678,297(+0.67%) 17,424(+0.65%)
2021-10-08
1,689,437(+0.66%) 17,537(+0.65%)
2021-10-09
1,700,067(+0.63%) 17,610(+0.42%)
2021-10-10
1,710,884(+0.64%) 17,683(+0.41%)
2021-10-11
1,720,919(+0.59%) 17,743(+0.34%)
2021-10-12
1,730,364(+0.55%) 17,827(+0.47%)
2021-10-13
1,740,428(+0.58%) 17,909(+0.46%)
2021-10-14
1,751,704(+0.65%) 18,029(+0.67%)
2021-10-15
1,762,190(+0.6%) 18,123(+0.52%)
2021-10-16
1,772,838(+0.6%) 18,205(+0.45%)
2021-10-17
1,783,701(+0.61%) 18,273(+0.37%)
2021-10-18
1,793,812(+0.57%) 18,336(+0.34%)
2021-10-19
1,802,934(+0.51%) 18,407(+0.39%)
2021-10-20
1,811,852(+0.49%) 18,486(+0.43%)
2021-10-21
1,821,579(+0.54%) 18,559(+0.39%)
2021-10-22
1,831,389(+0.54%) 18,625(+0.36%)
2021-10-23
1,841,131(+0.53%) 18,699(+0.4%)
2021-10-24
1,850,482(+0.51%) 18,755(+0.3%)
2021-10-25
1,859,157(+0.47%) 18,811(+0.3%)
2021-10-26
1,866,863(+0.41%) 18,865(+0.29%)
2021-10-27
1,875,315(+0.45%) 18,922(+0.3%)
2021-10-28
1,884,973(+0.52%) 19,006(+0.44%)
2021-10-29
1,893,941(+0.48%) 19,070(+0.34%)
2021-10-30
1,903,165(+0.49%) 19,158(+0.46%)
2021-10-31
1,912,024(+0.47%) 19,205(+0.25%)
2021-11-01
1,920,189(+0.43%) 19,260(+0.29%)
2021-11-02
1,927,763(+0.39%) 19,338(+0.4%)
2021-11-03
1,935,442(+0.4%) 19,394(+0.29%)
2021-11-04
1,943,424(+0.41%) 19,462(+0.35%)
2021-11-05
1,951,572(+0.42%) 19,542(+0.41%)
2021-11-06
1,960,039(+0.43%) 19,611(+0.35%)
2021-11-07
1,967,999(+0.41%) 19,664(+0.27%)
2021-11-08
1,975,591(+0.39%) 19,703(+0.2%)
2021-11-09
1,982,495(+0.35%) 19,764(+0.31%)
2021-11-10
1,989,473(+0.35%) 19,826(+0.31%)
2021-11-11
1,996,969(+0.38%) 19,883(+0.29%)
2021-11-12
2,004,274(+0.37%) 19,934(+0.26%)
2021-11-13
2,011,331(+0.35%) 19,989(+0.28%)
2021-11-14
2,018,410(+0.35%) 20,036(+0.24%)
2021-11-15
2,024,753(+0.31%) 20,081(+0.22%)
2021-11-16
2,030,700(+0.29%) 20,143(+0.31%)
2021-11-17
2,037,224(+0.32%) 20,199(+0.28%)
2021-11-18
2,044,125(+0.34%) 20,254(+0.27%)
2021-11-19
2,050,980(+0.34%) 20,305(+0.25%)
2021-11-20
2,057,575(+0.32%) 20,358(+0.26%)
2021-11-21
2,064,581(+0.34%) 20,387(+0.14%)
2021-11-22
2,071,009(+0.31%) 20,436(+0.24%)
2021-11-23
2,076,135(+0.25%) 20,489(+0.26%)
2021-11-24
2,081,922(+0.28%) 20,544(+0.27%)
2021-11-25
2,088,327(+0.31%) 20,581(+0.18%)
2021-11-26
2,094,886(+0.31%) 20,645(+0.31%)
2021-11-27
2,100,959(+0.29%) 20,677(+0.16%)
2021-11-28
2,106,813(+0.28%) 20,707(+0.15%)
2021-11-29
2,111,566(+0.23%) 20,734(+0.13%)
2021-11-30
2,115,872(+0.2%) 20,771(+0.18%)
2021-12-01
2,120,758(+0.23%) 20,814(+0.21%)
2021-12-02
2,125,729(+0.23%) 20,847(+0.16%)
2021-12-03
2,130,641(+0.23%) 20,880(+0.16%)
2021-12-04
2,136,537(+0.28%) 20,917(+0.18%)
2021-12-05
2,141,241(+0.22%) 20,944(+0.13%)
2021-12-06
2,145,241(+0.19%) 20,966(+0.11%)
2021-12-07
2,148,766(+0.16%) 20,997(+0.15%)
2021-12-08
2,152,384(+0.17%) 21,035(+0.18%)
2021-12-09
2,156,587(+0.2%) 21,084(+0.23%)
2021-12-10
2,160,780(+0.19%) 21,112(+0.13%)
2021-12-11
2,164,859(+0.19%) 21,151(+0.18%)
2021-12-12
2,168,646(+0.17%) 21,171(+0.09%)
2021-12-13
2,172,044(+0.16%) 21,194(+0.11%)
2021-12-14
2,174,906(+0.13%) 21,231(+0.17%)
2021-12-15
2,178,276(+0.15%) 21,260(+0.14%)
2021-12-16
2,181,960(+0.17%) 21,286(+0.12%)
2021-12-17
2,185,497(+0.16%) 21,327(+0.19%)
2021-12-18
2,188,629(+0.14%) 21,355(+0.13%)
2021-12-19
2,191,528(+0.13%) 21,377(+0.1%)
2021-12-20
2,194,053(+0.12%) 21,408(+0.15%)
2021-12-21
2,196,529(+0.11%) 21,440(+0.15%)
2021-12-22
2,199,061(+0.12%) 21,471(+0.14%)
2021-12-23
2,202,001(+0.13%) 21,501(+0.14%)
2021-12-24
2,204,672(+0.12%) 21,528(+0.13%)
2021-12-25
2,207,438(+0.13%) 21,558(+0.14%)
2021-12-26
2,209,970(+0.11%) 21,580(+0.1%)
2021-12-27
2,212,407(+0.11%) 21,598(+0.08%)
2021-12-28
2,214,712(+0.1%) 21,630(+0.15%)
2021-12-29
2,217,287(+0.12%) 21,647(+0.08%)
2021-12-30
2,220,324(+0.14%) 21,672(+0.12%)
2021-12-31
2,223,435(+0.14%) 21,698(+0.12%)
2022-01-01
2,226,446(+0.14%) 21,708(+0.05%)
2022-01-02
2,229,558(+0.14%) 21,720(+0.06%)
2022-01-03
2,232,485(+0.13%) 21,738(+0.08%)
2022-01-04
2,235,576(+0.14%) 21,750(+0.06%)
2022-01-05
2,239,475(+0.17%) 21,769(+0.09%)
2022-01-06
2,245,250(+0.26%) 21,780(+0.05%)
2022-01-07
2,252,776(+0.34%) 21,799(+0.09%)
2022-01-08
2,261,039(+0.37%) 21,813(+0.06%)
2022-01-09
2,269,550(+0.38%) 21,825(+0.06%)
2022-01-10
2,277,476(+0.35%) 21,838(+0.06%)
2022-01-11
2,284,609(+0.31%) 21,850(+0.05%)
2022-01-12
2,292,290(+0.34%) 21,869(+0.09%)
2022-01-13
2,300,457(+0.36%) 21,883(+0.06%)
2022-01-14
2,308,615(+0.35%) 21,898(+0.07%)
2022-01-15
2,316,408(+0.34%) 21,916(+0.08%)
2022-01-16
2,324,485(+0.35%) 21,925(+0.04%)
2022-01-17
2,331,414(+0.3%) 21,938(+0.06%)
2022-01-18
2,337,811(+0.27%) 21,956(+0.08%)
2022-01-19
2,344,933(+0.3%) 21,968(+0.05%)
2022-01-20
2,353,062(+0.35%) 21,987(+0.09%)
2022-01-21
2,361,702(+0.37%) 22,000(+0.06%)
2022-01-22
2,369,814(+0.34%) 22,019(+0.09%)
2022-01-23
2,377,500(+0.32%) 22,032(+0.06%)
2022-01-24
2,384,639(+0.3%) 22,045(+0.06%)
2022-01-25
2,391,357(+0.28%) 22,057(+0.05%)
2022-01-26
2,398,944(+0.32%) 22,076(+0.09%)
2022-01-27
2,407,022(+0.34%) 22,098(+0.1%)
2022-01-28
2,415,472(+0.35%) 22,126(+0.13%)
2022-01-29
2,424,090(+0.36%) 22,145(+0.09%)
2022-01-30
2,432,534(+0.35%) 22,157(+0.05%)
2022-01-31
2,440,542(+0.33%) 22,173(+0.07%)
2022-02-01
2,447,964(+0.3%) 22,185(+0.05%)
2022-02-02
2,456,551(+0.35%) 22,207(+0.1%)
2022-02-03
2,465,723(+0.37%) 22,228(+0.09%)
2022-02-04
2,475,632(+0.4%) 22,250(+0.1%)
2022-02-05
2,486,122(+0.42%) 22,271(+0.09%)
2022-02-06
2,497,001(+0.44%) 22,291(+0.09%)
2022-02-07
2,507,471(+0.42%) 22,303(+0.05%)
2022-02-08
2,517,869(+0.41%) 22,320(+0.08%)
2022-02-09
2,531,051(+0.52%) 22,344(+0.11%)
2022-02-10
2,545,873(+0.59%) 22,364(+0.09%)
2022-02-11
2,561,115(+0.6%) 22,387(+0.1%)
2022-02-12
2,577,445(+0.64%) 22,412(+0.11%)
2022-02-13
2,593,327(+0.62%) 22,436(+0.11%)
2022-02-14
2,608,227(+0.57%) 22,462(+0.12%)
2022-02-15
2,622,600(+0.55%) 22,489(+0.12%)
2022-02-16
2,639,062(+0.63%) 22,516(+0.12%)
2022-02-17
2,656,411(+0.66%) 22,538(+0.1%)
2022-02-18
2,674,477(+0.68%) 22,565(+0.12%)
2022-02-19
2,693,362(+0.71%) 22,594(+0.13%)
2022-02-20
2,712,315(+0.7%) 22,624(+0.13%)
2022-02-21
2,731,198(+0.7%) 22,656(+0.14%)
2022-02-22
2,749,561(+0.67%) 22,691(+0.15%)
2022-02-23
2,770,793(+0.77%) 22,730(+0.17%)
2022-02-24
2,794,350(+0.85%) 22,768(+0.17%)
2022-02-25
2,819,282(+0.89%) 22,809(+0.18%)
2022-02-26
2,844,897(+0.91%) 22,849(+0.18%)
2022-02-27
2,869,616(+0.87%) 22,891(+0.18%)
2022-02-28
2,891,927(+0.78%) 22,933(+0.18%)
2022-03-01
2,912,347(+0.71%) 22,976(+0.19%)
2022-03-02
2,934,544(+0.76%) 23,021(+0.2%)
2022-03-03
2,958,162(+0.8%) 23,070(+0.21%)
2022-03-04
2,981,996(+0.81%) 23,124(+0.23%)
2022-03-05
3,004,814(+0.77%) 23,176(+0.22%)
2022-03-06
3,026,695(+0.73%) 23,235(+0.25%)
2022-03-07
3,047,857(+0.7%) 23,300(+0.28%)
2022-03-08
3,066,800(+0.62%) 23,369(+0.3%)
2022-03-09
3,088,873(+0.72%) 23,438(+0.3%)
2022-03-10
3,111,857(+0.74%) 23,512(+0.32%)
2022-03-11
3,136,649(+0.8%) 23,575(+0.27%)
2022-03-12
3,161,241(+0.78%) 23,643(+0.29%)
2022-03-13
3,184,825(+0.75%) 23,709(+0.28%)
2022-03-14
3,206,955(+0.69%) 23,778(+0.29%)
2022-03-15
3,226,697(+0.62%) 23,848(+0.29%)
2022-03-16
3,250,642(+0.74%) 23,918(+0.29%)
2022-03-17
3,276,098(+0.78%) 23,995(+0.32%)
2022-03-18
3,303,169(+0.83%) 24,075(+0.33%)
2022-03-19
3,328,973(+0.78%) 24,162(+0.36%)
2022-03-20
3,353,969(+0.75%) 24,246(+0.35%)
2022-03-21
3,377,410(+0.7%) 24,334(+0.36%)
2022-03-22
3,398,792(+0.63%) 24,417(+0.34%)
2022-03-23
3,423,956(+0.74%) 24,497(+0.33%)
2022-03-24
3,450,980(+0.79%) 24,579(+0.33%)
2022-03-25
3,477,030(+0.75%) 24,648(+0.28%)
2022-03-26
3,503,264(+0.75%) 24,715(+0.27%)
2022-03-27
3,529,085(+0.74%) 24,799(+0.34%)
2022-03-28
3,553,720(+0.7%) 24,880(+0.33%)
2022-03-29
3,575,398(+0.61%) 24,961(+0.33%)
2022-03-30
3,600,787(+0.71%) 25,045(+0.34%)
2022-03-31
3,628,347(+0.77%) 25,130(+0.34%)
2022-04-01
3,656,726(+0.78%) 25,222(+0.37%)
2022-04-02
3,684,755(+0.77%) 25,318(+0.38%)
2022-04-03
3,711,595(+0.73%) 25,415(+0.38%)
2022-04-04
3,736,487(+0.67%) 25,512(+0.38%)
2022-04-05
3,757,575(+0.56%) 25,603(+0.36%)
2022-04-06
3,781,827(+0.65%) 25,697(+0.37%)
2022-04-07
3,807,908(+0.69%) 25,788(+0.35%)
2022-04-08
3,833,048(+0.66%) 25,877(+0.35%)
2022-04-09
3,858,346(+0.66%) 25,975(+0.38%)
2022-04-10
3,883,485(+0.65%) 26,083(+0.42%)
2022-04-11
3,905,872(+0.58%) 26,188(+0.4%)
2022-04-12
3,925,854(+0.51%) 26,289(+0.39%)
2022-04-13
3,948,869(+0.59%) 26,395(+0.4%)
2022-04-14
3,973,003(+0.61%) 26,510(+0.44%)
2022-04-15
3,993,292(+0.51%) 26,629(+0.45%)
2022-04-16
4,012,184(+0.47%) 26,754(+0.47%)
2022-04-17
4,029,959(+0.44%) 26,882(+0.48%)
2022-04-18
4,046,953(+0.42%) 27,006(+0.46%)
2022-04-19
4,063,844(+0.42%) 27,135(+0.48%)
2022-04-20
4,084,299(+0.5%) 27,263(+0.47%)
2022-04-21
4,106,230(+0.54%) 27,392(+0.47%)
2022-04-22
4,128,038(+0.53%) 27,520(+0.47%)
2022-04-23
4,148,090(+0.49%) 27,649(+0.47%)
2022-04-24
4,165,874(+0.43%) 27,775(+0.46%)
2022-04-25
4,180,868(+0.36%) 27,899(+0.45%)
2022-04-26
4,194,684(+0.33%) 28,019(+0.43%)
2022-04-27
4,209,571(+0.35%) 28,144(+0.45%)
2022-04-28
4,224,008(+0.34%) 28,271(+0.45%)
2022-04-29
4,238,061(+0.33%) 28,400(+0.46%)
2022-04-30
4,250,949(+0.3%) 28,526(+0.44%)
2022-05-01
4,262,484(+0.27%) 28,617(+0.32%)
2022-05-02
4,271,815(+0.22%) 28,701(+0.29%)
2022-05-03
4,281,536(+0.23%) 28,778(+0.27%)
2022-05-04
4,290,824(+0.22%) 28,860(+0.28%)
2022-05-05
4,300,614(+0.23%) 28,914(+0.19%)
2022-05-06
4,308,319(+0.18%) 28,976(+0.21%)
2022-05-07
4,316,769(+0.2%) 29,034(+0.2%)
2022-05-08
4,324,850(+0.19%) 29,088(+0.19%)
2022-05-09
4,331,338(+0.15%) 29,143(+0.19%)
2022-05-10
4,337,568(+0.14%) 29,196(+0.18%)
2022-05-11
4,345,218(+0.18%) 29,252(+0.19%)
2022-05-12
4,353,237(+0.18%) 29,311(+0.2%)
2022-05-13
4,361,016(+0.18%) 29,367(+0.19%)
2022-05-14
4,367,752(+0.15%) 29,421(+0.18%)
2022-05-15
4,373,846(+0.14%) 29,472(+0.17%)
2022-05-16
4,379,084(+0.12%) 29,512(+0.14%)
2022-05-17
4,382,977(+0.09%) 29,550(+0.13%)
2022-05-18
4,388,610(+0.13%) 29,595(+0.15%)
2022-05-19
4,394,915(+0.14%) 29,637(+0.14%)
2022-05-20
4,401,378(+0.15%) 29,678(+0.14%)
2022-05-21
4,406,755(+0.12%) 29,715(+0.12%)
2022-05-22
4,411,494(+0.11%) 29,746(+0.1%)
2022-05-23
4,415,593(+0.09%) 29,775(+0.1%)
2022-05-24
4,419,737(+0.09%) 29,811(+0.12%)
2022-05-25
4,424,750(+0.11%) 29,844(+0.11%)
2022-05-26
4,429,674(+0.11%) 29,881(+0.12%)
2022-05-27
4,434,511(+0.11%) 29,910(+0.1%)
2022-05-28
4,438,999(+0.1%) 29,948(+0.13%)
2022-05-29
4,442,648(+0.08%) 29,972(+0.08%)
2022-05-30
4,446,502(+0.09%) 29,998(+0.09%)
2022-05-31
4,450,457(+0.09%) 30,019(+0.07%)
2022-06-01
4,455,020(+0.1%) 30,047(+0.09%)
2022-06-02
4,457,580(+0.06%) 30,081(+0.11%)
2022-06-03
4,460,556(+0.07%) 30,113(+0.11%)
2022-06-04
4,463,557(+0.07%) 30,143(+0.1%)
2022-06-05
4,466,793(+0.07%) 30,171(+0.09%)
2022-06-06
4,468,955(+0.05%) 30,198(+0.09%)
2022-06-07
4,471,179(+0.05%) 30,218(+0.07%)
2022-06-08
4,473,867(+0.06%) 30,239(+0.07%)
2022-06-09
4,477,052(+0.07%) 30,262(+0.08%)
2022-06-10
4,479,888(+0.06%) 30,286(+0.08%)
2022-06-11
4,482,389(+0.06%) 30,314(+0.09%)
2022-06-12
4,484,863(+0.06%) 30,334(+0.07%)
2022-06-13
4,486,664(+0.04%) 30,349(+0.05%)
2022-06-14
4,488,497(+0.04%) 30,368(+0.06%)
2022-06-15
4,490,760(+0.05%) 30,386(+0.06%)
2022-06-16
4,492,913(+0.05%) 30,403(+0.06%)
2022-06-17
4,494,880(+0.04%) 30,422(+0.06%)
2022-06-18
4,497,152(+0.05%) 30,445(+0.08%)
2022-06-19
4,499,044(+0.04%) 30,467(+0.07%)
2022-06-20
4,500,828(+0.04%) 30,485(+0.06%)
2022-06-21
4,502,542(+0.04%) 30,506(+0.07%)
2022-06-22
4,504,929(+0.05%) 30,525(+0.06%)
2022-06-23
4,507,228(+0.05%) 30,543(+0.06%)
2022-06-24
4,509,541(+0.05%) 30,559(+0.05%)
2022-06-25
4,511,777(+0.05%) 30,575(+0.05%)
2022-06-26
4,514,155(+0.05%) 30,592(+0.06%)
2022-06-27
4,515,890(+0.04%) 30,607(+0.05%)
2022-06-28
4,517,651(+0.04%) 30,620(+0.04%)
2022-06-29
4,520,220(+0.06%) 30,634(+0.05%)
2022-06-30
4,522,915(+0.06%) 30,648(+0.05%)
2022-07-01
4,525,269(+0.05%) 30,664(+0.05%)
2022-07-02
4,527,777(+0.06%) 30,681(+0.06%)
2022-07-03
4,530,105(+0.05%) 30,700(+0.06%)
2022-07-04
4,532,100(+0.04%) 30,718(+0.06%)
2022-07-05
4,534,017(+0.04%) 30,736(+0.06%)
2022-07-06
4,536,445(+0.05%) 30,758(+0.07%)
2022-07-07
4,538,811(+0.05%) 30,778(+0.07%)
2022-07-08
4,540,955(+0.05%) 30,798(+0.06%)
2022-07-09
4,543,039(+0.05%) 30,813(+0.05%)
2022-07-10
4,545,043(+0.04%) 30,835(+0.07%)
2022-07-11
4,546,854(+0.04%) 30,859(+0.08%)
2022-07-12
4,548,533(+0.04%) 30,882(+0.07%)
2022-07-13
4,550,924(+0.05%) 30,907(+0.08%)
2022-07-14
4,553,181(+0.05%) 30,935(+0.09%)
2022-07-15
4,554,976(+0.04%) 30,958(+0.07%)
2022-07-16
4,557,001(+0.04%) 30,978(+0.06%)
2022-07-17
4,559,029(+0.04%) 30,996(+0.06%)
2022-07-18
4,560,843(+0.04%) 31,013(+0.05%)
2022-07-19
4,562,968(+0.05%) 31,031(+0.06%)
2022-07-20
4,565,854(+0.06%) 31,050(+0.06%)
2022-07-21
4,568,461(+0.06%) 31,073(+0.07%)
2022-07-22
4,570,885(+0.05%) 31,098(+0.08%)
2022-07-23
4,573,463(+0.06%) 31,127(+0.09%)
2022-07-24
4,575,853(+0.05%) 31,157(+0.1%)
2022-07-25
4,577,593(+0.04%) 31,189(+0.1%)
2022-07-26
4,579,421(+0.04%) 31,224(+0.11%)
2022-07-27
4,582,168(+0.06%) 31,258(+0.11%)
2022-07-28
4,584,070(+0.04%) 31,290(+0.1%)
2022-07-29
4,586,550(+0.05%) 31,327(+0.12%)
2022-07-30
4,588,512(+0.04%) 31,359(+0.1%)
2022-07-31
4,590,176(+0.04%) 31,385(+0.08%)
2022-08-01
4,592,284(+0.05%) 31,404(+0.06%)
2022-08-02
4,594,127(+0.04%) 31,431(+0.09%)
2022-08-03
4,596,559(+0.05%) 31,463(+0.1%)
2022-08-04
4,598,725(+0.05%) 31,492(+0.09%)
2022-08-05
4,600,978(+0.05%) 31,526(+0.11%)
2022-08-06
4,603,359(+0.05%) 31,561(+0.11%)
2022-08-07
4,605,609(+0.05%) 31,596(+0.11%)
2022-08-08
4,607,451(+0.04%) 31,630(+0.11%)
2022-08-09
4,609,406(+0.04%) 31,663(+0.1%)
2022-08-10
4,611,741(+0.05%) 31,695(+0.1%)
2022-08-11
4,614,057(+0.05%) 31,727(+0.1%)
2022-08-12
4,616,512(+0.05%) 31,763(+0.11%)
2022-08-13
4,618,652(+0.05%) 31,798(+0.11%)
2022-08-14
4,620,425(+0.04%) 31,828(+0.09%)
2022-08-15
4,622,088(+0.04%) 31,858(+0.09%)
2022-08-16
4,623,596(+0.03%) 31,887(+0.09%)
2022-08-17
4,626,057(+0.05%) 31,915(+0.09%)
2022-08-18
4,628,200(+0.05%) 31,944(+0.09%)
2022-08-19
4,630,310(+0.05%) 31,971(+0.08%)
2022-08-20
4,632,212(+0.04%) 32,000(+0.09%)
2022-08-21
4,634,180(+0.04%) 32,027(+0.08%)
2022-08-22
4,635,711(+0.03%) 32,055(+0.09%)
2022-08-23
4,637,199(+0.03%) 32,081(+0.08%)
2022-08-24
4,639,261(+0.04%) 32,109(+0.09%)
2022-08-25
4,641,263(+0.04%) 32,138(+0.09%)
2022-08-26
4,643,012(+0.04%) 32,166(+0.09%)
2022-08-27
4,644,643(+0.04%) 32,195(+0.09%)
2022-08-28
4,646,412(+0.04%) 32,222(+0.08%)
2022-08-29
4,647,685(+0.03%) 32,248(+0.08%)
2022-08-30
4,648,679(+0.02%) 32,275(+0.08%)
2022-08-31
4,650,919(+0.05%) 32,303(+0.09%)
2022-09-01
4,652,923(+0.04%) 32,328(+0.08%)
2022-09-02
4,654,969(+0.04%) 32,352(+0.07%)
2022-09-03
4,656,911(+0.04%) 32,375(+0.07%)
2022-09-04
4,658,542(+0.04%) 32,400(+0.08%)
2022-09-05
4,659,902(+0.03%) 32,422(+0.07%)
2022-09-06
4,660,964(+0.02%) 32,444(+0.07%)
2022-09-07
4,662,569(+0.03%) 32,464(+0.06%)
2022-09-08
4,664,156(+0.03%) 32,483(+0.06%)
2022-09-09
4,665,347(+0.03%) 32,503(+0.06%)
2022-09-10
4,666,453(+0.02%) 32,520(+0.05%)
2022-09-11
4,667,546(+0.02%) 32,539(+0.06%)
2022-09-12
4,668,244(+0.01%) 32,554(+0.05%)
2022-09-13
4,668,863(+0.01%) 32,564(+0.03%)
2022-09-14
4,670,184(+0.03%) 32,578(+0.04%)
2022-09-15
4,671,309(+0.02%) 32,591(+0.04%)
2022-09-16
4,672,146(+0.02%) 32,603(+0.04%)
2022-09-17
4,672,910(+0.02%) 32,617(+0.04%)
2022-09-18
4,673,387(+0.01%) 32,629(+0.04%)
2022-09-19
4,673,629(+0.01%) 32,640(+0.03%)
2022-09-20
4,674,403(+0.02%) 32,655(+0.05%)
2022-09-21
4,675,532(+0.02%) 32,668(+0.04%)
2022-09-22
4,676,338(+0.02%) 32,683(+0.05%)
2022-09-23
4,677,090(+0.02%) 32,692(+0.03%)
2022-09-24
4,677,697(+0.01%) 32,706(+0.04%)
2022-09-25
4,678,352(+0.01%) 32,718(+0.04%)
2022-09-26
4,678,671(+0.01%) 32,726(+0.02%)
2022-09-27
4,679,022(+0.01%) 32,736(+0.03%)
2022-09-28
4,679,833(+0.02%) 32,745(+0.03%)
2022-09-29
4,680,470(+0.01%) 32,755(+0.03%)
2022-09-30
4,681,309(+0.02%) 32,764(+0.03%)
2022-10-01
4,682,132(+0.02%) 32,771(+0.02%)
2022-10-02
4,682,517(+0.01%) 32,779(+0.02%)
แหล่งข้อมูล:
  • "รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019". ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค. กระทรวงสาธารณสุข.
ใบประกาศแจ้งเตือนผู้ป่วยที่กลับจากประเทศจีนและมีอาการ ที่ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพฯ

วันที่ 13 มกราคม 2563 พบผู้ป่วยโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันรายแรก ซึ่งนับเป็นผู้ป่วยรายแรกที่พบนอกประเทศจีน โดยเป็นหญิงจีนที่เดินทางมากับกลุ่มทัวร์จากนครอู่ฮั่นมายังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 8 มกราคม[27][28][29] ระหว่างวันที่ 17–31 มกราคม 2563 พบผู้ป่วยโควิด-19 ยืนยันแล้วอีกรวมเป็น 19 คน ในกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน โดยพบที่จังหวัดเชียงใหม่ นครปฐม ประจวบคีรีขันธ์และกรุงเทพมหานคร[30][31][32][33] [34][35][36][37][38] โดยพบผู้ป่วยชาวไทยที่ไม่มีประวัติเดินทางไปประเทศจีนคนแรกในวันที่ 31 มกราคม โดยเป็นคนขับแท็กซี่ซึ่งคาดว่าสัมผัสกับนักท่องเที่ยวจีน[39]

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ รัฐบาลส่งเครื่องบินไปรับพลเมือง 138 คน ที่ติดอยู่ในนครอู่ฮั่นจากมาตรการปิดเมือง[40]

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ มีการพบหญิงชาวไทยคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ป่วยรายที่ 35 ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง โดยเป็นกรณีแรกที่ผู้ป่วยเป็นบุคลากรด้านสาธารณสุขในประเทศไทย จากการสอบสวนพบว่า บุคคลนี้มิได้มีการสวมหน้ากากอนามัยและชุดป้องกันขณะให้การรักษาผู้ป่วย[41] ทั้งนี้มีรายงานหลายแห่งออกมากล่าวว่าบุคคลนี้ทำงานอยู่ที่สถาบันบำราศนราดูร ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริง และภายหลังมีการชี้แจงโดยกระทรวงสาธารณสุข[42]

มาตรการป้องกันการติดเชื้อโดยการเว้นระยะห่างกับสังคม (Social distancing) โดยห้ามนั่งเก้าอี้ติดกัน ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

วันที่ 1 มีนาคม กระทรวงสาธารณสุขรายงานพบผู้เสียชีวิตรายแรกของประเทศ เป็นชายไทย อายุ 35 ปี ซึ่งป่วยเป็นไข้เด็งกีมาก่อนหน้านี้เมื่อปลายเดือนมกราคม ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ต่อมาผู้ป่วยเสียชีวิตด้วยกลุ่มอาการการทำหน้าที่ผิดปกติของหลายอวัยวะ ในวันที่ 29 กุมภาพันธ์[43]

วันที่ 6 มีนาคม พบว่าสนามมวยลุมพินีเป็นคลัสเตอร์ระบาดหลัก ต่อมาวันที่ 17 มีนาคม รัฐบาลมีนโยบายให้ปิดสถานที่มีคนมารวมตัวกันเป็นกิจวัตร ซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อได้ง่าย โดยสถาบันการศึกษา สถาบันกวดวิชา ร้านนวด ผับ สถานบันเทิง สถานบริการ นวดแผนโบราณ และโรงมหรสพ ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ให้ปิดตั้งแต่ 18–31 มีนาคม ขณะที่สนามมวย สนามกีฬา สนามม้า ให้ปิดทันทีจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย และให้งดการจัดกิจกรรมรวมคนจำนวนมากที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่ระบาดของโรค และให้ทุกหน่วยงานพิจารณามาตรการเหลื่อมเวลาทำงาน และการทำงานที่บ้าน[44] วันที่ 23 มีนาคม ประชาชนในกรุงเทพมหานครทยอยเดินทางกลับต่างจังหวัด[45]

วันที่ 25 มีนาคม รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม – 30 เมษายน โดยมีระบุสิ่งที่ห้ามทำและให้ทำ เช่น ห้ามเข้าพื้นที่เขตกำหนดตามคำสั่งผู้ว่าฯ ห้ามคนทั้งหลายเดินทางเข้าราชอาณาจักรไทย (มีข้อยกเว้นสำหรับบุคคลต่าง ๆ) ห้ามชุมนุมมั่วสุม ห้ามแพร่ข่าวเท็จ เป็นต้น[46] นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้ง "ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019" (ศบค.)[47]เป็นหน่วยงานพิเศษเพื่อปฏิบัติหน้าที่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการ[48]

เมษายนถึงมิถุนายน 2563

3 เมษายน รัฐบาลประกาศห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานในยามวิกาล (เคอร์ฟิว) ทั่วประเทศ ระหว่างเวลา 22.00–04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น[49]

วันที่ 9 เมษายน อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงว่ามีการค้นหาโรคเชิงรุก (Active case finding) และกำลังเฝ้าติดตามคนไทยที่เดินทางมาจากต่างประเทศ นอกจากนี้ยังระบุว่าได้ชี้เป้าหมายให้จังหวัดภูเก็ตดำเนินการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรค หลังพบผู้ป่วยในจังหวัดภูเก็ต 158 รายตั้งแต่กลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทางจังหวัดมีมาตรการปิดสถานบันเทิง ร้านนวดขยายทั้งจังหวัด และปิดช่องทางเข้าออกจังหวัด[50] 17 เมษายน พลตำรวจเอก อัศวิน ขวัญเมือง แถลงว่าจากการลงพื้นที่ตรวจหาเชื้อ SARS-CoV-2 เชิงรุกในพื้นที่กรุงเทพมหานครร่วมกับเพจ หมอแล็บแพนด้า ทำให้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 5 ราย[51]

รายงานการศึกษาพฤติกรรมคนไทยในช่วงล็อกดาวน์จัดทำโดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม และคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พบว่า คนในเขตเมืองปฏิบัติตามคำแนะนำของรัฐค่อนข้างดีมากกว่า 75% ทุกมาตรการ แต่คนยากจนในเขตเมืองและคนชนบทยังปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมได้น้อย เนื่องจากเลี่ยงพื้นที่แออัดไม่ได้ และคนชนบทยังมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันอยู่ งานวิจัยพบว่า 89% ของกิจกรรมเกิดขึ้นในบ้านพักตนเองหรือญาติ ประชาชนติดตามข่าวสารน้อยลงและมีความตั้งใจปฏิบัติตามมาตรการต่าง ๆ ลดลงมากหลังจากล็อกดาวน์ 2 สัปดาห์ และพบว่าหากมีการล็อกดาวน์ต่อ ความตั้งใจในการปฏิบัติตามอาจไม่กลับสู่ค่าเดิมในช่วงแรกของการล็อกดาวน์ได้อีก[52]

แถวประชาชนที่รอรับแจกอาหาร ถ่ายที่เกาะสมุย

วันที่ 20 และ 22 เมษายน เกิดเหตุการณ์เจ้าหน้าที่จับผู้แจกอาหารให้แก่ผู้มารอรับบริจาคทั้งที่จังหวัดนครปฐมและจังหวัดภูเก็ตตามลำดับ[53] ด้านกรุงเทพมหานครมีข้อกำหนดสำหรับการแจกอาหาร เช่น ให้เจ้าหน้าที่ช่วยแจก แจกในที่ที่ราชการกำหนด หรือใช้เว็บไซต์เป็นช่องทางในการประสานงานกับเจ้าหน้าที่[54] 25 เมษายน มีข่าวว่าราชการอำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท ไม่รับประสานการแจกของบริจาคช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยมีคำพูดว่า "จะแจกเพื่ออะไร อยากได้หน้า หรือหาเสียง"[55]

24 เมษายน ฝ่ายค้านเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกพระราชกำหนดฯ สถานการณ์ฉุกเฉิน และให้เปิดสมัยประชุมวิสามัญเพื่ออภิปรายปัญหาโควิด-19[56]

25 เมษายน ศบค. เปิดเผยว่ามีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 42 รายจากการตรวจหาเชื้อในแรงงานข้ามชาติ ณ ศูนย์กักขังที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อ. สะเตา จ. สงขลา[57]

เจ้าหน้าที่ประจำห้างค้าส่งแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ให้ลูกค้าสแกนไทยชนะ ก่อนเข้าภายในอาคาร

3 พฤษภาคม ได้เริ่มบังคับใช้มาตรการผ่อนปรนระยะที่ 1 ใน 6 กลุ่มกิจกรรมในโซนสีขาว ให้กลับมาดำเนินการได้ปกติ ได้แก่ ตลาด ร้านจำหน่ายอาหาร กิจการค้าปลีก-ส่ง กีฬาสันทนาการ ร้านตัดผมและเสริมสวยและร้านตัดผมและฝากเลี้ยงสัตว์ ของ ศบค. มีผล[58] วันเดียวกัน จังหวัดยะลาพบจำนวนผู้ป่วยจากการตรวจหาผู้ป่วยใหม่เชิงรุกจำนวน 23 คน ด้านโฆษก ศบค. แถลงว่า จากกระแสข่าวที่ตรวจพบผู้ป่วยใหม่ 40 รายก่อนหน้านี้นั้นเป็นตัวเลขสัดส่วนที่มากผิดปกติ จึงสั่งให้มีการทบทวนใหม่ก่อน และยืนยันว่าจะไม่มีการปกปิดข้อมูล[59]

4 พฤษภาคม พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 18 รายที่ศูนย์กักคนเข้าเมือง อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา[60] วันเดียวกัน ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยอยู่ในระดับที่ควบคุมได้และมีจังหวัดเกินครึ่งหนึ่งของประเทศที่ไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ในช่วง 4 สัปดาห์หลัง แต่จะยังเฝ้าระวังการระบาดระลอกที่สองต่อไป[61]

13 พฤษภาคม ศบค. แถลงว่าประเทศไทยไม่พบผู้ป่วยรายใหม่เป็นวันแรก และเป็นวันที่ 17 ที่จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อต่ำกว่าวันละ 10 คน นอกจากนี้ ภายใน 28 วันที่ผ่านมามี 50 จังหวัดที่ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม โดยจำนวนผู้ป่วยสะสมยังคงมากในกรุงเทพมหานครและภาคใต้[62]

17 พฤษภาคม ได้เริ่มบังคับใช้มาตรการผ่อนปรนในระยะที่ 2 ตามประกาศของ ศบค. มีผลบังคับโดย อนุญาตให้เปิดห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า สถานออกกำลังกายบางส่วน[63] ในปลายเดือน คณะรัฐมนตรีมีมติต่อ พรก. ฉุกเฉินต่อ[64] รวมทั้งการผ่อนปรนระยะที่ 3 และลดระยะเวลาเคอร์ฟิวเป็น 23.00–3.00 น.[65]

ในเดือนมิถุนายน 2563 ศบค. ผ่อนปรนมาตรการเป็นลำดับ โดยเปิดให้ประชาชนเดินทางข้ามจังหวัดได้ในต้นเดือนมิถุนายน[66] กลางเดือน ยกเลิกการห้ามออกนอกเคหสถาน และสามารถใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียน หรือสถานศึกษา สถาบันกวดวิชา และสามารถเปิดโรงเแรม โรงมหรสพ ห้องประชุม ศูนย์ประชุม ศูนย์แสดงสินค้า โรงภาพยนตร์ ร้านอาหาร และเครื่องดื่มทั่วไป อนุญาตให้มีการดื่มสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ได้ ยกเว้น สถานบริการ สถานประกอบการที่มีลักษณะคล้ายสถานบริการประเภทผับ บาร์ คาราโอเกะ สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานดูแลผู้สูงอายุ สถานที่พำนักอาศัย สามารถเปิดได้แต่ต้องมีมาตรการ ยกเว้นสถานบันเทิง สถานแข่งขัน[67] และปลายเดือน ศบค. ประกาศผ่อนปรนระยะที่ 5 ซึ่งรวมถึงธุรกิจผับ บาร์ คาราโอเกะ โรงอาบน้ำ โรงน้ำชา ร้านเกมและอินเทอร์เน็ต[68] แต่คณะรัฐมนตรียังต่ออายุ พรก. ฉุกเฉินต่อ พร้อมมีคำสั่งห้ามชุมนุม ห้ามกักตุนสินค้า และห้ามเสนอข่าวเท็จ[69]

กรกฎาคมถึงกันยายน 2563

8 กรกฎาคม พบกรณีทหารอียิปต์จากเครื่องบินทหารพบติดโควิด-19 แต่ไม่ได้กักตัว และ 10 กรกฎาคม พบผู้ป่วยเด็กครอบครัวของอุปทูตซูดานติดโควิด-19 แต่ไม่ได้กักตัวที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ[70] 14 กรกฎาคม ศบค. ชี้แจงว่า กรณีทหารอียิปต์ใช้เพียงวิธีระบบติดตามตัวเท่านั้น[71] มีคำสั่งกักตัวผู้ใกล้ชิดจากการบินไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ[72][73] นอกจากนี้ คณะรัฐมนตรีมีคำสั่งย้ายผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง[74]

ในวันที่ 19 สิงหาคม มีรายงานพบผู้ป่วยที่อาจเป็นการติดเชื้อรายแรกในประเทศในรอบ 86 วัน แต่ขณะนี้กำลังรอผลตรวจ[75] วันที่ 21 สิงหาคม โฆษก ศบค. ประกาศว่าที่ประชุมมีมติขยายเวลาสถานการณ์ฉุกเฉินไปอีก 1 เดือน จนหมดเขตวันที่ 30 กันยายน โดยอ้างว่าเพื่อควบคุมการเดินทางเข้าประเทศของคนต่างด้าวหลายเส้นทาง พร้อมกับให้เหตุผลว่า ประชาชนไม่ได้รับผลกระทบจาก พรก. ฉุกเฉิน และที่ประชุม ศบค. ได้ผ่อนปรนการบังคับใช้กฎหมายมากแล้ว เช่น เปิดให้มีการเรียนการสอนในสถานศึกษา[76]

วันที่ 3 กันยายน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข แถลงว่า ประเทศไทยพบผู้ติดเชื้อรายแรกในประเทศในรอบ 100 วัน โดยเป็นผู้ต้องขังชายที่ต้องโทษในคดียาเสพติด และก่อนหน้านั้นทำงานเป็นดีเจ โดยมีการตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 2 กันยายน หลังจากพบอาการมีเสมหะเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม[77]

ตุลาคมถึงธันวาคม 2563

วันที่ 20 ตุลาคม นักท่องเที่ยวจีนจำนวน 41 คนจากเซี่ยงไฮ้เดินทางถึงประเทศ โดยเข้ากักตัว 14 วัน[78]

วันที่ 18 พฤศจิกายน ศบค. ขยายประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินอีก 45 วัน ตั้งแต่ 1 ธ.ค. 2563–15 ม.ค. 2564 และถอนข้อเสนอลดเวลาการกักตัวเหลือ 10 วัน ของกระทรวงสาธารณสุข[79]

วันที่ 19 ธันวาคม พบการระบาดคลัสเตอร์ใหม่ในจังหวัดสมุทรสาคร[80] ซึ่งเหล่านี้เป็นแรงงานเข้าเมืองจากประเทศพม่าเป็นหลักซึ่งเป็นแรงงานสำคัญในอุตสาหกรรมประมงของประเทศ[81][82] มีผู้ติดเชื้อกว่า 1,300 คนใน 27 จังหวัดที่เชื่อมโยงจากคลัสเตอร์นี้[83] วันที่ 20 ธันวาคม พบผู้ติดเชื้อใหม่ 576 คน ซึ่งนับเป็นยอดผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดนับแต่มีการบันทึก[84] และเมื่อปลายเดือนธันวาคม พบคลัสเตอร์การระบาดอีกแห่งหนึ่งที่จังหวัดระยองซึ่งเชื่อมโยงกับบ่อนการพนัน และคนงานบ่อนดังกล่าวเสียชีวิตเมือ่วันที่ 28 ธันวาคม ซึ่งนับเป็นผู้เสียชีวิตจากโรครายแรกในรอบเกือบสองเดือน[85][86]

มกราคมถึงมีนาคม 2564

วันที่ 4 มกราคม ศบค. สั่งห้ามเข้าออกพื้นที่ 5 จังหวัด ประกอบด้วย สมุทรสาคร, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี และ ตราด ยกเว้นเหตุจำเป็นหรือเหตุฉุกเฉิน[87] ในเดือนเดียวกัน พบว่า เตชินท์ พลอยเพชร (ดีเจมะตูม) เป็นซูเปอร์สเปรเดอร์หลังไม่กักตัวและจัดปาร์ตี้ตามปกติ โดยพบผู้ติดเชื้อจากเขา 19 ราย[88] วันที่ 25 มกราคม 2564 เป็นวันที่ยอดผู้ติดเชื้อใหม่สูงสุดตั้งแต่เริ่มระบาด โดยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 959 ราย[89]

วันที่ 24 กุมภาพันธ์ วัคซีนชุดแรกได้นำส่งมาถึงประเทศไทย เป็นวัคซีนของซิโนแว็กชื่อ โคโรนาแว็ก (CoronaVac) จำนวน 200,000 โดส และของแอสตราเซเนกา (AZD1222) จำนวน 117,000 โดส รวมทั้งหมด 317,000 โดส วัคซีนล็อตแรกของซิโนแว็กจะถูกกระจายไปใน 13 จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด (สมุทรสาคร), พื้นที่ควบคุม (เช่น กทม. ฝั่งตะวันตก, ปทุมธานี, อ.แม่สอด จ.ตาก) และพื้นที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม (เช่น ภูเก็ต, เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี, เชียงใหม่)[90]

วันที่ 24 มีนาคม กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า มียอดผู้ฉีดวัคซีนแล้ว 96,188 ราย เป็นผู้ที่ได้รับเข็มที่ 2 จำนวน 5,862 ราย[91]

เมษายนถึงมิถุนายน 2564

แผนที่ยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายจังหวัดในการระบาดระลอกสาม (ซึ่งเริ่มในเดือนเมษายน 2564)
ป้ายติดหน้ารั้วของสวนลุมพินีในกรุงเทพมหานครซึ่งถูกสั่งปิดจากการระบาดของไวรัส

ต้นเดือนเมษายน พบคลัสเตอร์การระบาดใหม่จากคริสตัลคลับ[92] สถานบันเทิงย่านทองหล่อ–เอกมัย กรุงเทพมหานคร พบมีนักการเมืองและศิลปิน-ดาราหลายคนเป็นกลุ่มเสี่ยงและขอกักตัว[93] นอกจากนี้ยังพบคลัสเตอร์อีกแห่งหนึ่งที่เรือนจำนราธิวาส[94] แต่จะไม่มีคำสั่งควบคุมการเดินทางข้ามจังหวัดในช่วงสงกรานต์[95] ต่อมามีการเปิดเผยว่าโควิด-19 ระลอกนี้เป็นสายพันธุ์กลายพันธุ์ในประเทศอังกฤษ (B117) ซึ่งระบาดเร็วขึ้น 1.7 เท่าเมื่อเทียบกับสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ (ได้แก่ สายพันธุ์ S และ GS)[96] จนถึงวันที่ 6 เมษายน มีรายงานว่ามีผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 1 จำนวน 274,354 ราย และผู้ได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 ครบตามเกณฑ์มีทั้งหมด 49,635 ราย เท่ากับว่ามีการกระจายวัคซีนฉีดให้ประชาชนครบ 2 เข็มไปแล้วรวม 99,270 โดส คิดเป็นร้อยละ 10.45 ของวัคซีนที่จัดสรรทั้งหมด[97] ด้านกองทัพบกประกาศจะไม่ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร แม้ว่าพบมีผู้ป่วยโควิด-19 ไปร่วมจับสลาก[98] ในช่วงเดียวกัน มีข่าวว่าโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งเลิกรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แต่อธิบดีกรมการแพทย์ย้ำว่าเตียงของโรงพยาบาลเอกชนยังมีเพียงพอ[99] ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเปรียบเทียบการระบาดรอบนี้ว่าเหมือน "ปลวกแตกรัง" อาจมีผู้ติดเชื้อหลักหมื่นคน และอาจต้องใช้เวลาคุมโรค 2 เดือน[100] ที่จังหวัดเชียงใหม่ พบร้านวอร์มอัพและกราวด์ (GROUND) เป็นแหล่งระบาด[101] ขณะที่ในจังหวัดนครราชสีมา พบมีร้านหมูกระทะชื่อ "น้ำหวานหมูกระทะ" เป็นคลัสเตอร์[102]

วันที่ 14 เมษายน 2564 เป็นวันที่ยอดผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นจากวันก่อนเกิน 1,000 รายเป็นวันแรก[103] วันที่ 17 เมษายน นักวิชาการจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเปิดเผยว่า อัตราขยายเชื้อ (Reproductive rate) ของโควิด-19 ในประเทศไทยสูงสุดในโลกที่ 2.27 (เฉลี่ยผู้ติดเชื้อ 1 รายจะแพร่เชื้อต่อให้ผู้อื่น 2.27 ราย)[104] วันที่ 23 เมษายน เป็นวันแรกที่ยอดผู้ติดเชื้อใหม่เกิน 2,000 คนต่อวัน[105] ช่วงปลายเดือนเมษายน เกิดกระแสในโลกออนไลน์เมื่ออาคม ปรีดากุล (ค่อม ชวนชื่น) ดาราตลก ได้รับการประสานย้ายโรงพยาบาลไปยังโรงพยาบาลรามาธิบดี หลังมีคนใกล้ตัวออกมาโพสต์แสดงความเห็นใจและต้องการเปลี่ยนแพทย์ ทำให้เกิดข้อครหาเรื่องการเลือกปฏิบัติและอภิสิทธิ์ของผู้มีชื่อเสียง[106] ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับกรณีที่มีผู้สูงอายุติดโควิด-19 ทั้งบ้าน แต่เสียชีวิตขณะรอรับรักษาในโรงพยาบาล[107] วันที่ 24 เมษายน พบผู้ป่วยเป็นผู้เดินทางเข้าประเทศจากอินเดีย ทำให้เกิดความกังวลว่าอาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เบงกอล (B 1618) ที่มีความรุนแรงหรือแพร่กระจายสูงด้วย รวมทั้งทำให้เกิดกระแสวิจารณ์ว่าไทยไม่พร้อมรับรักษาผู้ป่วยที่จะเดินทางเข้าประเทศมาเพื่อรักษาโควิด-19[108] วันที่ 25 เมษายน พบเพจโรงพยาบาลของรัฐหลายแห่งโพสต์ข้อความให้กำลังใจอนุทิน ชาญวีรกุลด้วยแฮชแท็ก #ทองแท้ไม่กลัวไฟ ท่ามกลางกระแสวิจารณ์เขา[109] วันที่ 27 เมษายน มีการโฆษณาว่า บริษัทไฟเซอร์เคยเสนอขายวัคซีนโควิด-19 ให้แก่รัฐบาลไทย 4 ครั้ง จำนวน 13 ล้านโดส ในเดือนมกราคม 2564 แต่อนุทินปฏิเสธทุกครั้ง[110] วันที่ 28 เมษายน หอการค้าไทยโพสต์ระบุว่า จากการประชุมกับรัฐบาลได้ความว่าเอกชนจะไม่มีการนำเข้าวัคซีนทางเลือก[111] หลังค่อม ชวนชื่นเสียชีวิต ทำให้เกิดการกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นวงกว้างถึงการบริหารจัดการนำเข้าวัคซีนของภาครัฐว่าเป็นไปอย่างล่าช้าและไม่มีทางเลือกให้กับประชาชน รวมถึงการคัดเลือกยี่ห้อวัคซีนที่ไม่มีประสิทธิภาพ[112][113]

กรมราชทัณฑ์เปิดเผยเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม ว่า พบผู้ติดเชื้อในทัณฑสถานหญิงกลาง และเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ รวม 2,935 คน[114] วันที่ 13 พฤษภาคม มีการเปิดเผยว่า มีส่วนเอกชนให้ความร่วมมือกับราชการฉีดวัคซีนแก่บุคลากรการแพทย์และกลุ่มอาชีพเสี่ยง รวม 25 จุด โดยคาดว่าจะมีขีดความสามารถฉีดวัคซีนได้สูงสุด 50,000 คนต่อวัน[115] วันที่ 14 พฤษภาคม อนุทินยังระบุว่าโรงพยาบาลเอกชนสามารถติดต่อจัดซื้อวัคซีนจากเอกชนได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านองค์การเภสัชกรรม ด้านรองนายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชนระบุว่าขณะนี้ยังไม่มีบริษัทตัวแทนวัคซีนโมเดอร์นาจำหน่ายให้[116] ต่อมาอนุทินระบุว่ามีกำหนดฉีดวัคซีนโควิด-19 แบบวอล์คอินเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน[117] วันที่ 16 พฤษภาคม รายงานว่า ผู้ป่วยโควิด-19 ยืนยันในประเทศไทยมีจำนวนถึง 1 แสนคนแล้ว[118] วันที่ 17 พฤษภาคม ผู้ป่วยรายใหม่ 9,635 ราย ซึ่งรวมตัวเลขผู้ติดเชื้อในเรือนจำหรือที่ต้องขัง 6,835 คน นับเป็นยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวันสูงสุดนับแต่มีการระบาดในประเทศไทย[119] ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมสั่งเร่งตรวจโควิด-19 เชิงรุกในเรือนจำทุกแห่ง อธิบดีกรมราชทัณฑ์โทษว่าการควบคุมคนเข้า-ออกไม่ได้ และการมีจำนวนนักโทษเพิ่มขึ้นเป็นสาเหตุที่ทำให้โควิด-19 เกิดระบาดในเรือนจำขึ้น ทั้งนี้อดีตนักโทษและผู้ต้องขังยืนยันว่าในเรือนจำมีสภาพแออัดอย่างมาก[120] ในวันที่ 18 พฤษภาคม มีผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งในจังหวัดแพร่เสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมงหลังได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19[121] วันที่ 26 พฤษภาคม พบผู้เสียชีวิตจากโรคใหม่ 41 ราย นับเป็นสถิติสูงสุดรายวันนับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดในประเทศ[122] หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยว่า ภาครัฐมีการตกแต่งตัวเลขผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ต่ำกว่าจริง เช่น ระบุว่าเสียชีวิตจากปอดอักเสบติดเชื้อแบคทีเรียแทน และอ้างว่ามีภาคการเมืองเข้าแทรกแซง[123] วันที่ 30 พฤษภาคม ไทยมียอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เกิน 1,000 รายแล้ว สูงเป็นอันดับที่ 83 ของโลก[124]

วันที่ 7 มิถุนายน 2564 เป็นวันแรกที่เริ่มปูพรมฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั่วประเทศ ใช้เวลาเพียงครึ่งวันพบฉีดไปได้แล้วกว่า 140,000 ราย อย่างไรก็ดี บีบีซีไทยรายงานว่ามีข้อขัดข้องเรื่องจำนวนวัคซีน ทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเลยยกเลิกใบนัดหมายฉีดวัคซีนก่อนหน้านี้ ก่อนกลับมาชี้แจงว่าได้รับจัดสรรวัคซีนเพิ่มแล้ว[125] ในวันเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขแถลงว่าในบรรดาตัวอย่างไวรัสในการระบาดรอบนี้ 3,595 ตัวอย่าง พบว่า 235 ตัวอย่างเป็นโควิดสายพันธุ์อินเดีย ซึ่งแพร่ขยายเร็ว[126] วันที่ 17 มิถุนายน มีคำสั่งปลัดกระทรวงมหาดไทยให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดจัดหาวัคซีนให้พนักงานไทยเบฟเวอเรจและครอบครัว 7.1 หมื่นคนทั่วประเทศ[127] ประมาณปลายเดือนมิถุนายน พบผู้ติดเชื้อเป็นบุคลากรสาธารณสุขในโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ แม้ฉีดวัคซีนซิโนแวคแล้ว 2 เข็ม จำนวนหลายสิบราย[128] ทำให้ยง ภู่วรวรรณเสนอให้ฉีดวัคซีนซิโนแวคเป็นเข็มที่ 3 เชื่อว่าจะมีประสิทธิภาพพอ ๆ กับวัคซีนไฟเซอร์ 2 เข็ม[129] วันที่ 23 มิถุนายน 2564 ประเทศไทยมีผู้เสียชีวิตเกิน 50 รายเป็นวันแรก[130] ในช่วงนี้ โรงพยาบาลหลายแห่งแจ้งว่ามีภาระเกินตัว ทำให้ต้องงดตรวจหาเชื้อ และบางแห่งงดตรวจผู้ป่วยนอก[131][132] ปลายเดือนมิถุนายน ยังมีการตั้งข้อสงสัยว่าทำไมสมาชิกวุฒิสภากับดาราจึงหาเตียงในโรงพยาบาลได้เร็ว[133][134] นอกจากนี้ คำสั่งล็อกดาวน์กรุงเทพมหานครและปริมณฑลในช่วงปลายเดือนยังทำให้คนงานก่อสร้างกระจายกลับภูมิลำเนารวมทั้งประเทศ[135] และมีการนำแรงงานไปทิ้งไว้ตามสถานที่ต่าง ๆ[136][137] ข้อมูล ณ วันที่ 28 มิถุนายน 2564 พบว่ามีผู้ติดเชื้อใหม่ตั้งแต่เดือนเมษายนแล้วกว่า 220,000 คน เสียชีวิต 1,840 คน[138]

กรกฎาคม 2564

วันที่ 1 กรกฎาคม มีข่าวว่ากองทัพบกขอโควตาวัคซีนไปฉีดให้กำลังพล ครอบครัวและบริวารรวม 60,000 โดส และเปิดเผยว่าในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 มีทหารและผู้เกี่ยวข้องต้องกักตัวแล้วกว่า 29,000 คน และติดเชื้อแล้วกว่า 1,100 คน[139] วันที่ 2 กรกฎาคม มียอดผู้เสียชีวิตรายวันสูงเกิน 60 ราย เป็นวันแรก[140] ข้อมูล ณ วันที่ 2 กรกฎาคม พบว่าการระบาดจากคลัสเตอร์แคมป์คนงานก่อสร้างเมื่อปลายเดือนมิถุนายนนี้ได้ลามไป 73 จังหวัดทั่วประเทศแล้ว และในกรุงเทพมหานครมีคลัสเตอร์ระบาด 113 คลัสเตอร์[141]

วันที่ 17 กรกฎาคม​ พ.ศ. 2564 เป็นวันแรกที่ประเทศไทย​ มียอดผู้ติดเชื้อรายวันเกิน 10000​ ราย และมีผู้เสียชีวิต​เกิน 140 ​รายเป็นวันแรก

วันที่ 18 กรกฎาคม​ ถึง วันที่ 20 กรกฎาคม ​ประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อเกิน 11,300 ต่อเนื่องกันทั้งสามวัน และ มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 79 รายต่อวันตลอดสามวันดังกล่าว

วันที่ 21 กรกฎาคม​ ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 13,000 รายเป็นวันแรก เสียชีวิต 108 ราย ( เสียชีวิตมากกว่า100​เป็นวันที่สาม )​

ในวันที่ 22 กรกฎาคม​ ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อเกิน 13,650 รายเป็นวันแรก

ผู้เสียชีวิต​รายวันตลอด 31 วัน ในเดือนกรกฎาคมในประเทศไทย มากกว่า 40 รายต่อวันโดยต่ำสุดในวันที่ 3 กรกฎาคม 2564 ​ที่ 41 ราย สูงสุด 141 ราย


มาตรการรับมือ

มาตรการต่อผู้เดินทางเข้าประเทศ

a ground of a tourist attraction in Bangkok with no people
พระบรมมหาราชวังในกรุงเทพมหานคร สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ (มิถุนายน 2563)
a Chinatown street with almost no car and people
เช่นเดียวกันกับเยาวราช ถนนคนเดินที่มักพลุกพล่านด้วยผู้คนและนักท่องเที่ยวต่างชาติ (พฤษภาคม 2563)

เริ่มมีการคัดกรองผู้โดยสารขาเข้าจากประเทศจีนในท่าอากาศยาน 6 แห่ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ, ท่าอากาศยานดอนเมือง, ท่าอากาศยานภูเก็ต, ท่าอากาศยานเชียงใหม่, ท่าอากาศยานกระบี่ และท่าอากาศยานเชียงราย (เริ่ม 24 มกราคม) พบผู้ป่วยต้องสงสัยจำนวนหนึ่งที่มีภาวะทางเดินหายใจที่พบทั่วไปโรคอื่น[142][143][5]

วันที่ 11 กุมภาพันธ์ เอ็มเอส เวสเตอร์ดัม ถูกปฏิเสธเข้าเทียบท่า ณ ท่าเรือแหลมฉบัง[144] หลังถูกปฏิเสธจากฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และกวม มาแล้วก่อนหน้านี้[145] วันที่ 13 กุมภาพันธ์ เรือ เอ็มวี ซีบอร์นโอเวชัน และเรือ ควอนตัมออฟเดอะซีส์ ได้รับอนุญาตให้เทียบท่า ทั้งนี้ เพราะเรือทั้งสองมีกำหนดขึ้นฝั่งที่ประเทศไทยอยู่แล้ว ผู้โดยสารบนเรือได้รับการตรวจคัดกรองก่อนได้รับอนุญาตให้ขึ้นฝั่ง[146][147]

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ การคัดกรองโควิด-19 ขยายรวมไปถึงผู้เดินทางเข้าประเทศจากประเทศญี่ปุ่นและสิงคโปร์ กระทรวงสาธารณสุขยังเพิ่มมาตรการต่อโควิด-19 เป็นระดับ 3 เพื่อเตรียมรับการแพร่เชื้อที่เพิ่มขึ้น ทุกจังหวัดต้องมีโรงพยาบาลที่มีศักยภาพทดสอบโควิด-19 ได้อย่างน้อย 1 แห่ง[148] วันที่ 21 กุมภาพันธ์ กระทรวงสาธารณสุขประกาศเกณฑ์คัดรองใหม่ โดยเพิ่มการตรวจเพิ่มเติมสำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศจากฮ่องกง มาเก๊า เกาหลีใต้ และไต้หวัน ผู้ป่วยที่มีอาการปอดบวมไม่ทราบสาเหตุ และอาศัยอยู่ในพื้นที่ 8 จังหวัดที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมเดินทางมา ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ เชียงราย ชลบุรี กระบี่ ภูเก็ต ประจวบคีรีขันธ์ และสมุทรปราการ จะถือว่าเป็นผู้ป่วยต้องสงสัยโควิด-19 อัตโนมัติ[149]

วันที่ 6 เมษายน สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยออกประกาศขยายเวลาห้ามเที่ยวบินขาเข้าประเทศ จนถึงวันที่ 18 เมษายน[150]

หลังเริ่มมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 รัฐบาลประกาศมาตรการผ่อนปรนแก่ผู้ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ โดยตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 จะลดเวลากักตัวเหลือ 7 วัน จนเดือนมกราคม 2565 ถ้ามีใบรับรองฉีดวัคซีนครบจะไม่ต้องกักตัว[151]

ข้อจำกัดสำหรับผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงติดโรค

เมื่อวันที่ 6 มีนาคม กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดพื้นที่เสี่ยงแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ เขตติดโรคติดต่ออันตราย[152] และพื้นที่ที่มีการระบาดต่อเนื่อง[153]

เขตติดโรคติดต่ออันตราย

ผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศ จีน (รวมฮ่องกง และ มาเก๊า), เกาหลีใต้, อิตาลี และ อิหร่าน จะได้รับการกักตัวในพื้นที่ที่รัฐกำหนดเป็นเวลา 14 วัน

ต่อมาเมื่อวันที่ 21 เมษายน ได้มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดเขตติดโรคติดต่ออันตราย เพิ่มเติมจากประกาศฉบับแรกอีก 5 ประเทศ[154] รวมเป็นทั้งหมด 9 ประเทศ

ในวันที่ 15 พฤษภาคม มีประกาศกระทรวงสาธารณสุขยกเลิกท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดต่อโรคอันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยยกเลิกประเทศ จีน (รวมฮ่องกง และ มาเก๊า) และ เกาหลีใต้ ออกจากเขตติดต่อโรคอันตราย[155]

พื้นที่ที่มีการระบาดต่อเนื่อง

ผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศดังกล่าว ต้องแยกตัวจากผู้อื่นและไม่ควรออกจากบ้านเป็นเวลา 14 วัน และจะมีเจ้าหน้าที่ติดตามใกล้ชิด

การตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019

หน่วยงานที่กำกับดูแลการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย คือศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) โดยเป็นหน่วยงานที่จัดตั้งขึ้นเป็นพิเศษ เพื่อปฏิบัติหน้าที่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่าง ๆ เป็นกรรมการ[48] นายแพทย์ ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน เป็นโฆษก[156] และแพทย์หญิง พรรณประภา ยงค์ตระกูล และ แพทย์หญิง อภิสมัย ศรีรังสรรค์ เป็นผู้ช่วยโฆษก[157] สำหรับการแถลงข่าวจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และสื่อสารต่อประชาชนเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในทุก ๆ วัน

วันที่ 27 เมษายน 2564 มีข่าวว่า คณะรัฐมนตรีโอนอำนาจเกี่ยวกับการรับมือโควิด-19 ให้แก่นายกรัฐมนตรี[158] ในเดือนมิถุนายน 2564 อนุทิน ชาญวีรกุลยืนยันว่าปัญหาบางโรงพยาบาลได้รับจัดสรรวัคซีนไม่เพียงพอนั้น ไม่เกี่ยวกับกระทรวงสาธารณสุข แต่ขึ้นอยู่กับ ศบค.[159]

มาตรการจำกัดการระบาดในประเทศและสาธารณสุข

ทหารในพระบรมมหาราชวังสวมหน้ากากอนามัย

วันที่ 25 มีนาคม 2563 รัฐบาลประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (พรก. ฉุกเฉิน) ทั่วประเทศเพื่อสกัดการแพร่ของโควิด-19 โดยมีระยะเวลาตั้งแต่ วันที่ 26 มีนาคม – 30 เมษายน มีใจความสำคัญเกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ห้ามบุคคลเข้าไปในเขตที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งห้าม รวมทั้งห้ามชุมนุมและเผยแพร่ข่าวปลอม[160] วันที่ 3 เมษายน รัฐบาลประกาศห้ามประชาชนออกนอกเคหะสถาน ตั้งแต่เวลา 22.00 น. – 4.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ยกเว้นบางอาชีพ เป็นมาตรการรับมือโควิด-19 วันที่ 17 เมษายน ตำรวจรายงานว่าจับกุมผู้ฝ่าฝืนคำสั่งได้ 7,000 คน[161] วันที่ 7 เมษายน คณะรัฐมนตรีสั่งเลื่อนวันเปิดภาคเรียนภาคเรียนที่ 1/2563 เป็นวันที่ 1 กรกฎาคม วันที่ 8 เมษายน กระทรวงวัฒนธรรมสั่งห้ามจัดงานสงกรานต์ทุกระดับ[45] วันที่ 9 เมษายน 14 จังหวัดและองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นประกาศห้ามเข้าออก ได้แก่ เชียงราย ตาก น่าน แพร่ ตราด บึงกาฬ ภูเก็ต สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา นราธิวาส เมืองพัทยา และระนอง[162] วันที่ 11 เมษายน 47 จังหวัดมีคำสั่งงดจำหน่ายสุราชั่วคราว[163] หลังราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่คำสั่งอนุญาตให้จำหน่ายสุราได้แต่ห้ามนั่งดื่มที่ร้าน ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรีและพิษณุโลกสั่งห้ามจำหน่ายสุราต่อไปถึงวันที่ 31 พฤษภาคม และสั่งปิดท่าอากาศยานพิษณุโลกสำหรับให้อากาศยานใช้ขึ้นลงด้วย[164]

งานวิจัยของวิโรจน์ ณ ระนองระบุว่า หลังจากรัฐบาลใช้มาตรการเด็ดขาดในการระบาดรอบแรก หากมีข่าวที่ตื่นตระหนกก็จะเกิดวิกฤตความเชื่อมั่น และมีผลกระทบทางเศรษฐกิจวงกว้าง อีกทั้งเสนอให้รัฐบาลต้องขยายมาตรการช่วยเหลือกลุ่มที่เปราะบางทางเศรษฐกิจในช่วงที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว[165]

มาตรการที่ให้ลงทะเบียนก่อนเข้าสถานที่นั้นก่อให้เกิดคำถามเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว เนื่องจากมีการนำข้อมูลส่วนตัวไปใช้ในทางที่ผิด[166]

จากเหตุการณ์พบทหารอียิปต์ติดโตวิด-19 จำนวน 1 นายในวันที่ 8 กรกฎาคม มีคำสั่งปิดโรงเรียนในจังหวัดระยอง 274 แห่ง[167] และมีการปิดห้างจำนวน 2 แห่ง ผู้ที่อยู่ในห้างในช่วงดังกล่าวจำนวนเกือบ 800 คนได้รับคำแนะนำให้ตรวจหาเชื้อไวรัส[168]

วันที่ 2 มกราคม 2564 หลังมีการระบาดรอบใหม่ในเดือนธันวาคม 2563 ศบค. ได้แบ่งพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศตามความเสี่ยง แต่รอบนี้ไม่สั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศ โดยโฆษก ศบค. ชี้แจงว่าที่ไม่สั่งล็อกดาวน์เพราะจะมีผลกระทบต่อผู้ประกอบสัมมาชีพ แต่สาเหตุส่วนใหญ่มาจากผู้ที่ฝ่าฝืน เช่น ผู้ลักลอบเล่นการพนัน ฝ่าฝืนเคอร์ฟิว เป็นต้น[169] กรุงเทพมหานครสั่งปิดโรงเรียนและสถานรับเลี้ยงเด็กระหว่างวันที่ 4–17 มกราคม 2564[170] และต่อมาไม่นาน กระทรวงศึกษาธิการสั่งปิดโรงเรียนทุกแห่งในเดือนมกราคม[171]

การขยายระยะเวลาสถานการณ์ฉุกเฉินตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 ทำให้เกิดการตั้งคำถามว่านำกฎหมายดังกล่าวมาใช้เพื่อควบคุมโรคหรือจำกัดการชุมนุมทางการเมือง ทั้งนี้ พบว่ามักมีการดำเนินคดีตาม พรก. ฉุกเฉิน คู่กับพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558[172] ระหว่างเดือนมีนาคม 2563 ถึงมีนาคม 2564 พบมีผู้ถูกดำเนินคดีตาม พรก. ฉุกเฉินอย่างน้อย 444 คน[173] ช่วงเดือนมีนาคม 2563 องค์การฮิวแมนไรต์วอชออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลยุติการคุกคามผู้วิจารณ์มาตรการรับมือโควิด-19 ของรัฐบาล[174]

ร้านเซเว่นอีเลฟเว่นซึ่งปกติเปิด 24 ชั่วโมง ปิดทำการ เนื่องจากมาตรการจำกัดการระบาด

การปกปิดไทม์ไลน์การเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ถือเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 มีโทษทั้งจำทั้งปรับ[175] ปรากฏว่าบุคคลที่ถูกต้นสังกัดลงโทษเนื่องจากปกปิดไทม์ไลน์มีหลายสาขาอาชีพ เช่น พนักงานบริษัท ข้าราชการศาล[176] แต่จากกรณีของบุคคลบางคน เช่น ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ที่ปกปิดไทม์ไลน์นั้น ทำให้สื่อตั้งคำถาม[177]

ในช่วงที่มีโควิด-19 ระบาดแต่ละครั้งมักมีคำสั่งให้เปลี่ยนรูปแบบการเรียนการสอนเป็นแบบออนไลน์ ซึ่งประสบปัญหาต่าง ๆ ทั้งด้านความพร้อมของบุคลากรและอุปกรณ์ วิธีการของกระทรวงศึกษาธิการที่ผลักภาระไปให้โรงเรียนต่าง ๆ รับผิดชอบกันเองทำให้ประสิทธิภาพการศึกษาลดลงมาก อีกทั้งไม่คำนึงถึงความพร้อมในการเรียนออนไลน์ในพื้นที่ห่างไกลและยากจน ด้านเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานระบุว่ากำลังทดลองให้การศึกษาผ่านวิทยุ ส่วนเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชนได้ร่วมมือกับบริษัทเอกชนหลายแห่งเพื่อเป็นแพลตฟอร์มการศึกษาออนไลน์[178] ในเดือนพฤษภาคม 2564 กระทรวงศึกษาธิการเตรียมจัดการเรียนการสอนผ่าน "ครูพร้อม" ซึ่งเป็นเว็บพอร์ทัลซึ่งรวบรวมสื่อในสังกัดของกระทรวง[179]

ในเดือนเมษายน 2564 จังหวัดเชียงใหม่เปิดโรงพยาบาลสนามจำนวน 280 เตียงเพื่อรองรับจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ 148 รายในช่วงนั้น[180] แต่ขาดเครื่องอุปโภคบริโภคอย่างหนัก และขอรับบริจาค[181] ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายออกประกาศขอความร่วมมืองดออกบ้านถ้าไม่จำเป็น 14 วัน[182] กระทรวงสาธารณสุขถูกวิจารณ์หลังโพสต์วัคซีนสร้างภูมิคุ้มกันทางใจ 4 เข็มว่าเป็น "วัคซีนทิพย์"[183] วันที่ 9 เมษายน 2564 มีข่าวว่านายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นแถลงจะส่งมอบงบ 600 ล้านเยนเพื่อช่วยเหลือประเทศไทยในการสร้างระบบเครือข่ายขนส่งอุณหภูมิเย็นเพื่อจัดเก็บวัคซีนโควิด-19[184] วันที่ 22 เมษายน 2564 กระทรวงสาธารณสุขส่งฟ้าทะลายโจรแคปซูล 600,000 แคปซูลให้โรงพยาบาลทั่วประเทศ หลังมีงานวิจัยระบุว่าฟ้าทะลายโจรลดโอกาสเกิดอาการป่วยโควิด-19 รุนแรง[185] หลายจังหวัดออกประกาศคำสั่งสวมหน้ากากอนามัยนอกเคหะสถาน ซึ่งถ้าฝ่าฝืนจะมีโทษปรับตามกฎหมาย[186] ทางการไทยสั่งให้ผู้ที่ตรวจพบเชื้อทุกคนต้องรับรักษาในโรงพยาบาลไม่ว่ามีหรือไม่มีอาการ ทำให้เกิดการขาดแคลนเตียงอย่างหนัก แม้มีการตั้งโรงพยาบาลสนามในหลายจังหวัดแล้ว โดยในเดือนพฤษภาคม มียอดผู้ป่วยโควิด- 19 นอนโรงพยาบาลรวมเกือบ 30,000 ราย[187]

ปลายเดือนมิถุนายน 2564 หลังพบมีคลัสเตอร์ระบาดในค่ายคนงานก่อสร้างในกรุงเทพมหานคร ทำให้มีคำสั่งล็อกดาวน์จังหวัดในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และ 4 จังหวัดภาคใต้ออกมาในเวลา 1.00 น. ทำให้ได้รับเสียงวิจารณ์มาก เพราะไม่มีการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเพียงพอ[188] ในช่วงเดียวกัน ยังมีข่าวออกมาต่าง ๆ ว่า หลายโรงพยาบาลขาดแคลนบุคลากรการแพทย์อย่างหนัก และมีการส่งหนังสือถึงปลัดกระทรวงสาธารณสุขเพื่อขอสนับสนุนบุคลากร[189] บุคลากรด่านหน้ามีภาระงานล้นมือ และมีปัญหาเตียงโรงพยาบาลไม่เพียงพอด้วย[190] เสียงวิจารณ์รัฐบาลที่ไม่เห็นใจประชาชน ไม่สามารถคุมสถานการณ์ผู้ติดเชื้อและไม่ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายจากมาตรการต่าง ๆ ทำให้กระแส #รัฐบาลฆาตกร ติดเทรนด์ทวิตเตอร์[191]

มาตรการทางเศรษฐกิจ

""รัฐบาลได้ช่วยทุกอย่าง ช่วยทั้งร้านอาหาร ช่วยทั้งหมด ช่วยทั้งคน ทั้งกรรมการทั้งหมด คนทำงานทั้งหมด ทุกส่วน รัฐบาลออกมาช่วยไหม รัฐบาลช่วย 50% ช่วยทั้งหมดแล้ว จะเอาอะไรอีก โว๊ะ""
ประวิตร วงษ์สุวรรณ[192]

วันที่ 17 เมษายน ประยุทธ์แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ ว่าจะส่งจดหมายเปิดผนึกถึงมหาเศรษฐีไทย 20 อันดับแรก เพื่อขอให้ร่วมมือกับรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาโควิด-19[193] วันที่ 19 เมษายน ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชกำหนดกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รวม 3 ฉบับ วงเงินรวม 1.9 ล้านล้านบาท[194]

วันที่ 21 เมษายน สำนักงานประกันสังคมเปิดเผยว่ามีผู้ประกันตนยื่นขอรับประโยชน์ทดแทนแล้วกว่า 1.2 ล้านราย พร้อมยืนยันว่าสำนักงานฯ มีเงินลงทุนกรณีว่างงานกว่า 160,000 ล้านบาท ไม่กระทบต่อเสถียรภาพของสำนักงานฯ[195]

วันที่ 24 เมษายน ศบค. ออกมาเปิดเผยว่าค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยโควิด-19 คิดเป็นประมาณ 1 ล้านบาทต่อคน[196]

ระหว่างเดือนมิถุนายนถึง 13 กรกฎาคม ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานว่าได้อนุมัติเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีแล้ว 63,342 ราย คิดเป็นมูลค่า 103,750 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 20 ของวงเงิน อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการอีกกว่า 2.4 ล้านราย (ร้อยละ 83 ของผู้ประกอบการทั้งหมด) ไม่มีสิทธิในเงินกู้ดังกล่าว[197]

สำหรับมาตรการกลุ่มโอนเงินโดยตรง ประกอบด้วย โครงการเราไม่ทิ้งกัน ซึ่งกระทรวงการคลังแถลงว่าจะมีผู้ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท ครบ 11 ล้านคนจนถึงวันที่ 8 พฤษภาคม 2563[198], มาตรการ "คนละครึ่ง" ซึ่งเป็นการโอนเงินเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้จ่ายวงเงิน 3,500 บาท โดยกระทรวงการคลังเปิดเผยในเดือนมีนาคม 2564 ว่ามีผู้ใช้สิทธิ 14.7 ล้านคน[199] และโครงการ "เรารักกัน" ซึ่งเป็นการชดเชยแก่ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ของพระราชบัญญัติประกันสังคม พ.ศ. 2533 ของกระทรวงแรงงาน หัวละ 4,000 บาท คาดใช้วงเงิน 37,100 ล้านบาท[200] เวิร์กพอยต์ทูเดย์ สรุปข้อมูลงบประมาณเพื่อรับมือโควิด-19 ณ วันที่ 22 มีนาคม 2564 พบว่า งบทางสาธารณสุข 45,000 ล้านบาท อนุมัติแล้ว 20,498 ล้านบาท แต่เบิกจ่ายจริงเพียงร้อยละ 24.7 และงบฟื้นฟูเศรษฐกิจ 355,000 ล้านบาท อนุมัติแล้ว 133,115 ล้านบาท แต่เบิกจ่ายจริงร้อยละ 47.5[201] วันที่ 23 เมษายน 2564 นายกรัฐมนตรีออกคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 85/2564 ซึ่งมอบหมายงบประมาณ 45,000 ล้านบาทให้แก่รัฐมนตรีไปพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ ทำให้พรรคก้าวไกลและประชาธิปัตย์ออกมาคัดค้าน โดยมองว่าเป็นการหาเสียง[202][203] ต่อมา มีข่าวว่าแอพเป๋าตังกำหนดให้ยินยอมแบ่งข้อมูลส่วนบุคคลให้บริษัทพันธมิตรของธนาคาร[204]

ในโอกาสครบรอบ 1 ปีหลังเงินกู้ภาครัฐเกือบ 2 ล้านล้านบาท นักการเมืองพรรคเพื่อไทยออกมาเปิดเผยว่ามียอดเบิกจ่ายเพียงร้อยละ 34 แต่วิจารณ์รัฐบาลว่าไม่สามารถพยุงภาคธุรกิจ ไม่สามารถกระตุ้นการจ้างงานและไม่มีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างได้ผล[205] ด้านนักการเมืองพรรคก้าวไกลวิจารณ์ว่ารัฐบาลจัดสรรงบประมาณเพื่ออุดหนุนประชาชนลดลงสวนทางกับสถานการณ์การระบาดที่รุนแรงขึ้น นอกจากนี้ยังบังคับจ่ายผ่านแอปพลิเคชัน ทำให้ประชาชนที่ไม่มีสมาร์ตโฟนไม่สามารถเข้าถึงได้ นอกจากนี้ ยังมีความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงบริการทางสาธารณสุข[206]

วันที่ 25 พฤษภาคม 2564 คณะรัฐมนตรีออกพระราชกำหนดกู้เงินเพิ่มอีก 500,000 ล้านบาท[207] ทำให้มีการคาดการณ์ว่า สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีอาจแตะร้อยละ 60 ในปีงบประมาณ 2565[208] ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่ออภิปรายร่างงบประมาณแผ่นดิน พ.ศ. 2565 ส.ส. ฝ่ายค้านวิจารณ์การตัดลดงบกระทรวงสาธารณสุข แต่ยังปรับเพิ่มงบจัดซื้ออาวุธ[209]

วันที่ 16 มิถุนายน 2564 นายกรัฐมนตรีประกาศตั้งเป้าเปิดประเทศภายใน 120 วัน[210] ในเดือนเดียวกัน มีการเปิดโปงว่ารัฐบาลใช้เงินจากกองทุนประกันสังคมเพื่อนำไปเยียวยาซึ่งผิดวัตถุประสงค์ไปแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท[211] วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 เริ่มเปิด "ภูเก็ต แซนบ็อกซ์" เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างด้าวที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบแล้วเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องกักตัว[212] แต่นักท่องเที่ยวจำนวนมากยกเลิกตั๋วเครื่องบินเพราะระบบราชการอนุมัติเอกสารล่าช้า[213]

วัคซีน

"วิเคราะห์แล้วว่า[จำนวนและกรอบระยะเวลาการฉีดวัคซีน]มีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในประเทศไทย ซึ่งไม่ได้มีการระบาดรุนแรง และไม่มีผู้ป่วย หรือ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เช่นในบางประเทศ ซึ่งมีความจำเป็นต้องเร่งฉีดวัคซีนโดยด่วน"
อนุทิน ชาญวีรกุล[214]

ในเดือนพฤศจิกายน 2563 ทางการสั่งซื้อวัคซีนจากบริษัทแอสตราเซเนกา จำนวน 26 ล้านโดส[215] ทั้งนี้ บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ซึ่งเป็นบริษัทในพระปรมาภิไธยได้รับถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต ซึ่งประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า "เมื่อรับวัคซีนมาแล้ว จะต้องดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งอันนี้ก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานให้บริษัทสยามไบโอไซเอนส์"[216] นอกจากนี้ยังแผนนำเข้าวัคซีนจากบริษัทซีโนแว็ก สัญชาติจีน 2 ล้านโดส ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายน 2564[217] ซึ่งบริษัทซีโนแว็กเป็นบริษัทที่เครือเจริญโภคภัณฑ์เข้าร่วมทุนด้วยจำนวน 1.5 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถือหุ้น 15%[24]

ในเดือนมกราคม 2564 ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถูกรัฐบาลแจ้งความฐานความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ หลังตั้งคำถามถึงบริษัทผลิตวัคซีนที่พระมหากษัตริย์เป็นเจ้าของ[23] ต่อมา อนุทิน ชาญวีรกุล โพสต์ตอบคำถามของธนาธร โดยตอนหนึ่งระบุว่า จำนวนและกรอบเวลาการสั่งซื้อวัคซีนนั้นเป็นไปตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ[214] ในเดือนเดียวกัน มีการวิจารณ์ว่าการผูกขาดดังกล่าวเป็นการหาความชอบให้แก่พระมหากษัตริย์[22][218]

วัคซีนลอตแรกถึงไทยเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2564 และเริ่มฉีดให้แก่บุคลากรทางการแพทย์[219] แผนกระจายวัคซีนลอต 2 จำนวน 8 แสนโดส โดยแบ่งเป็นกลุ่มพื้นที่เสี่ยงและพื้นที่ท่องเที่ยว[220] วันที่ 26 พฤษภาคม มีข่าวว่านักการเมืองฝ่ายรัฐบาลส่วนหนึ่งวิ่งเต้นเพื่อให้ท้องถิ่นของตนได้รับจัดสรรวัคซีนมากที่สุด[221] ในวันเดียวกัน ศบค. ประกาศชะลอการลงทะเบียนจองวัคซีนผ่านแอปพลิเคชันหมอพร้อม เนื่องจากจะมีการจัดสรรวัคซีนใหม่โดยเปลี่ยนจากโควต้าจองมาเป็นการจัดสรรให้กับพื้นที่ระบาดก่อน ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขระบุว่ามียอดผู้จองวัคซีนผ่านแอปพลิเคชันดังกล่าวแล้ว 7.9 ล้านราย[222] ข้อมูลในวันเดียวกันพบว่า ไทยมีวัคซีนซิโนแวค 6 ล้านโดส และแอสตราเซเนกา 117,000 โดส และกำลังนำเข้าวัคซีนซิโนแวคเพิ่มเติมในเดือนมิถุนายน ขณะที่วัคซีนแอสตราเซเนกาที่ผลิตในประเทศจะทยอยส่งมอบจนครบ 61 ล้านโดส[223] สส. พรรคก้าวไกลวิจารณ์การวางแผนวัคซีนของรัฐบาลว่า ทำให้ต้องจ่ายค่าตรวจหาเชื้อ ค่ายาต้านไวรัสและค่านอนโรงพยาบาลที่แพงกว่าวัคซีนมาก นอกจากนี้แทนที่จะยอมจัดสรรงบซื้อวัคซีนเพียงไม่ถึง 1 แสนล้านบาท แต่กลับต้องใช้งบเพื่อเยียวยาถึง 7 แสนล้านบาท[224]

จนถึงเดือนมิถุนายน 2564 วัคซีนที่ขึ้นทะเบียนกับ อย. แล้ว ประกอบด้วย ซิโนแวค แอสตราเซเนกา วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน[225] โมเดอร์นา[226] ซิโนฟาร์ม[227] และไฟเซอร์[228]

ระหว่างวันที่ 7–19 มิถุนายน 2564 มีการจัดสรรวัคซีนโควิด-19 (ซิโนแวคและแอสตราเซเนกา) จำนวน 3.5 ล้านโดสใน 13 เขตสุขภาพ[229] วันที่ 7 มิถุนายน 2564 นายกรัฐมนตรีลงนามนำเข้าวัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน 25 ล้านโดสและซิโนแวค 8 ล้านโดส[230] สมาคมโรงพยาบาลเอกชนเปิดเผยราคาวัคซีนโมเดอร์นา 2 เข็มอยู่ที่ 3,800 บาท และจะสั่งซื้อ 10 ล้านโดส[231] วันที่ 8 มิถุนายน ศบค. ออกคำสั่งอนุญาตให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นและเอกชนซื้อวัคซีนได้[232] ก่อนหน้านี้ เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ออกประกาศว่าตนมีอำนาจนำเข้ายาและวัคซีนเพื่อใช้รักษาโควิด-19 ได้[233] อีกทั้งไม่ต้องรับผิดทางคดีทั้งปวง[234] วันที 15 มิถุนายน 2564 ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊กว่า พบปัญหาบุคคลที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคและแอสตราเซเนกาสองเข็มแล้วยังมีภูมิคุ้มกันไม่เพียงพอ อาจต้องฉีดวัคซีนเพิ่มเป็นเข็มที่สาม[235] วัคซีนซิโนฟาร์มลอตแรกมาถึงในวันที่ 20 มิถุนายน 2564[236] วันที่ 2 กรกฎาคม 2564 ผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งกล่าวว่า มีแผนนำเข้าวัคซีนทางเลือกมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 แต่ติดขัดที่รัฐบาลไม่ยอมลงนาม[237] วันที่ 6 กรกฎาคม 2564 ครม. มีมติจัดหาวัคซีนไฟเซอร์ โดยให้กรมควบคุมโรคลงนามในสัญญากับผู้ผลิต เบื้องต้นมีจำนวน 20 ล้านโดส และเห็นชอบความตกลงกับสหรัฐเพื่อรับมอบบริจาคอีกจำนวนหนึ่ง และเห็นชอบให้องค์การเภสัชกรรม (เป็นตัวกลาง) ลงนามในการจัดหาวัคซีนโมเดอร์นา กับบริษัทซิลลิค ฟาร์มา ผู้จัดจำหน่าย[238]

ความเชื่อมั่นต่อวัคซีน

วันที่ 21 เมษายน 2564 กระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดระยองจำนวน 6 รายมีอาการคล้ายโรคหลอดเลือดสมองภายใน 10 นาทีหลังฉีดวัคซีนโคโรนาแวค[239] วันที่ 5 พฤษภาคม 2564 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเสนอเกณฑ์จ่ายเงินชดเชยกรณีได้รับความเสียหายจากวัคซีน รายละ 1–4 แสนบาท[240] ในวันที่ 8 พฤษภาคม แพทย์จุฬาคนหนึ่งโพสต์เฟซบุ๊กบรรยายภาวะที่เกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ในประเทศไทย โดยเฉพาะวัคซีนโคโรนาแว็ก[241] โดยตั้งชื่อว่า กลุ่มอาการทางระบบประสาทเฉพาะที่ที่สัมพันธ์กับการรับวัคซีน (immunization-related focal neurological syndrome, IRFN)[242][a] ผู้ป่วยมักมีอาการทางระบบรับสัมผัส เช่น รู้สึกชาด้านใดด้านหนึ่งของร่างกาย เช่น ปลายมือ มุมปาก และแก้ม มักพบเป็นข้างเดียวกันกับที่ฉีดวัคซีน นอกจากนี้อาจพบอาการตาบอดครึ่งซีก (hemianopia) ชั่วคราว และอาการอ่อนแรงชั่วคราวได้ด้วย และอาจพบร่วมกับอาการปวดศีรษะและอาเจียน[243] มักพบในผู้รับวัคซีนที่เป็นเพศหญิงอายุ 20-50 ปี[243] ข้อมูลจนถึงวันที่ 25 พฤษภาคม 2564 พบว่ามีผู้เสียชีวิตหลังจากฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วจำนวน 9 คน แต่ทางการระบุสาเหตุการเสียชีวิตว่าเกิดจากโรคประจำตัวและปัจจัยอื่นทั้งหมด[244] ในเดือนมิถุนายน 2564 อย. สั่งงดฉีดซิโนแวคบางล็อตเนื่องจากพบเป็นเจล[245]

วัคซีนในประเทศ

ในเดือนมีนาคม 2564 เริ่มการทดลองวัคซีน NDV-HXP-S ที่มหาวิทยาลัยมหิดล[246][247][248] ส่วนในเดือนเมษายน 2564 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยประกาศรับสมัครอาสาสมัครวัคซีน ChulaCov19 ระยะที่ 1 และ 2[249] ในขณะที่วัคซีนที่ผลิตด้วยใบยาสูบของบริษัทใบยาไฟโตฟาร์มร่วมกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยังอยู่ในระยะก่อนการทดลองในมนุษย์ โดยคาดว่าจะเข้าสู่ระยะการทดลองในมนุษย์ในเดือนสิงหาคม 2564[250] จนถึงเดือนเมษายน 2564 ขั้นตอนการผลิตวัคซีนของบริษัทสยามไบโอไซแอนซ์อยู่ในขั้นส่งตรวจคุณภาพวัคซีน และนายกรัฐมนตรียืนยันว่าเป็นไปตามกำหนดส่งมอบในเดือนมิถุนายน 2564[251][252]

ผลกระทบ

เศรษฐกิจ

การคาดคะเนอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศปี 2020 โดยธนาคารพัฒนาเอเชีย
(ร้อยละ)

อ้างอิง: ธนาคารพัฒนาเอเชีย[253]

ในเดือนเมษายน 2564 ประธานหอการค้าไทยเปิดเผยว่า คนไทยอาจสูญเสียงานแล้วกว่า 7 ล้านตำแหน่ง และอาจเพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านตำแหน่งหากการระบาดยังยืดเยื้อต่อไปอีก 2–3 เดือน[254] สายการบินพาณิชย์ที่ดำเนินการในประเทศไทย 8 แห่งยื่นหนังสือทวงถามกระทรวงการคลังถึงมาตรการให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำวงเงิน 25,000 ล้านบาทที่ร้องขอไปก่อนหน้านี้[255] ด้านสายการบินแห่งชาติของไทย การบินไทย ได้รับผลกระทบต่อผลประกอบการอย่างหนัก แม้ว่ากระทรวงการคลังจะออกเงินกู้วงเงิน 50,000 ล้านบาทเมื่อวันที่ 29 เมษายน แต่จำนวนดังกล่าวน่าจะทำให้บริษัทคงสภาพคล่องไปได้ถึงสิ้นปี 2563 เท่านั้น[256] สุดท้ายการบินไทยพ้นสภาพรัฐวิสาหกิจและต้องเข้ารับการฟื้นฟูกิจการ

การสำรวจขององค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติในเดือนมิถุนายน 2563 พบว่า อุตสาหกรรมกว่าร้อยละ 90 คาดว่าจะเสียรายได้กว่าร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับปีกลาย[257]: 1  มาตรการของรัฐทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์มีดัชนีสมรรถนะการผลิต (MPI) ในเดือนเมษายน 2563 ลดลงปีต่อปีร้อยละ 82 นับเป็นการผลิตที่ต่ำสุดตั้งแต่ปี 2530 อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบหนักรองลงมา ได้แก่ ปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์, มอลต์และเครื่องดื่มมอลต์ ระบบเครื่องปรับอากาศและน้ำตาล[257]: 2  ส่วนอุตสาหกรรมที่มี MPI เพิ่มขึ้นในเดือนเมษายน 2563 ได้แก่ คอนกรีตและซีเมนต์ การแพทย์ แผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ อาหารทะเลแช่แข็ง และอาหารสัตว์ โดยเพิ่มขึ้นปีต่อปีตั้งแต่ร้อยละ 10 ถึง 40[257]: 2 

ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคม เกิดการประท้วงเนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจ และมาตรการตอบสนองของรัฐบาลที่ล้มเหลว ในเดือนสิงหาคม มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ของปี 2563 พบว่าเศรษฐกิจไทยหดตัวร้อยละ 12.2 อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 1.95 หรือประมาณ 8 แสนคน ด้านมหาวิทยายลัยหอการค้าไทยเปิดเผยว่า หากสถานการณ์เศรษฐกิจไม่ดีขึ้นใน 6 เดือนจะมีการปลดคนงานเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้านคน[258] ด้านนายกรัฐมนตรีกล่าวโทษการประท้วงว่าทำให้เศรษฐกิจทรุดหนักเข้าไปอีก รายงานของธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะหดตัวลงร้อยละ 8.9 ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในบรรดา 9 ประเทศที่จัดอันดับ[259]

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่าการระบาดระลอก 3 ในรอบเดือนเมษายน 2564 อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยเป็นมูลค่า 60,000–100,000 ล้านบาท โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ ซึ่งคาดว่าคิดเป็นมูลค่าความเสียหาย 1–2 แสนล้านบาท[260]

ในเดือนพฤษภาคม 2564 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเปิดเผยว่าดัชนีอุตสาหกรรมกำลังฟื้นตัว โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่นเดียวกับการผลิตเบียร์[261]

ข้อมูลในเดือนมิถุนายน 2564 พบว่าใน 1 ปีที่ผ่านมา หนี้สินครัวเรือนไทยเพิ่มขึ้น 5 แสนล้านบาท เป็น 14 ล้านล้านบาท และต้นปี 2564 มีคนตกงาน เสี่ยงตกงานและเสมือนว่างงานกว่า 4.7 ล้านคน[138]

สังคม

เกิดกรณีการแจ้งผลการตรวจที่ผิดพลาดทำให้ได้รับผลกระทบ มีรายหนึ่งที่ถูกสังคมตั้งข้อรังเกียจ[262][263]

ในเดือนพฤษภาคม 2564 สวนดุสิตโพลเปิดเผยผลการสำรวจสภาพจิตใจของคนไทย โดยมีกลุ่มตัวอย่าง 1,713 คน เกี่ยวกับความรู้สึกต่อสถานการณ์ พบว่า ผู้ตอบร้อยละ 75.35 รู้สึกเครียดและวิตกกังวล ร้อยละ 72.95 รู้สึกสิ้นหวัง สำหรับสาเหตุ ร้อยละ 88.33 ระบุว่าเกิดจากสถานการณ์การระบาดที่ยังรุนแรง และร้อยละ 60.52 เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจ[264]

ผลของคำสั่งล็อกดาวน์บางส่วนโดยไม่มีการเยียวยาทำให้มีการรวมตัวกันขัดขืนมาตรการของรัฐ เช่น แคมเปญออนไลน์ #กูจะเปิดมึงจะทำไม ของผู้ประกอบการร้านอาหาร[192] ในรอบเดือนมิถุนายน 2564 พบมีผู้ก่อเหตุชิงทรัพย์ร้านทองแล้วกว่า 10 ครั้ง[265]

การแพร่กระจายไปยังประเทศอื่น ๆ

  •  เกาหลีใต้ – เมื่อ 4 กุมภาพันธ์ 2563 หญิงชาวเกาหลีใต้กลับจากการเดินท่องเที่ยวประเทศไทย พบว่าผลเป็นบวก และยืนยันการติดเชื้อเป็นกรณีที่ 16 ของประเทศ[266]
  •  เยอรมนี – เมื่อ 4 มีนาคม 2563 เมืองโคโลญยืนยันผู้ป่วย 5 กรณี ซึ่งรวมถึงหญิงที่กลับจากการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทย และคาดว่าติดเชื้อที่นั่น[267]
  •  ออสเตรเลีย – เมื่อ 5 มีนาคม 2563 รัฐควีนส์แลนด์ยืนยันว่า ชายวัย 81 ปี ที่เพิ่งเดินทางกลับจากประเทศไทยได้ทำการทดสอบโรค พบว่าผลเป็นบวก และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยซันไชน์โคสต์[268]
  •  อินเดีย – เมื่อ 6 มีนาคม 2563 อินเดียรายงานยืนยันกรณีที่ 31 ผู้ป่วยเป็นชาวอินเดียที่มีประวัติการเดินทางจากประเทศไทยและมาเลเซีย[269]
  •  ลาว – เมื่อ 22 เมษายน 2564 มีคำสั่งล็อกดาวน์นครหลวงเวียงจันทน์ หลังคณะเฉพาะกิจควบคุมโควิด-19 แถลงข่าวการตรวจพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น โดยพบในเวียงจันทน์ 26 ราย ในคลัสเตอร์เดียวกัน ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากผู้ป่วยลำดับที่ 59 ที่ติดเชื้อจากเพื่อนคนไทยที่ลักลอบนั่งเรือข้ามแม่น้ำโขงไปเที่ยวในเวียงจันทน์ เมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์[270]
  •  อียิปต์ – ในเดือนพฤษภาคม 2564 มีข่าวว่าสหราชอาณาจักรพบผู้ป่วยโควิด-19 (สายพันธุ์ C.36.3 ที่พบครั้งแรกในนักบินผู้ช่วยในประเทศไทย) จำนวนหนึ่งเดินทางเข้าสหราชอาณาจักรจากประเทศอียิปต์ ซึ่งทางการไทยแถลงว่าผู้ติดเชื้อเดินทางเข้ามาในไทยจากอียิปต์เมื่อ 26 มกราคม โดยตรวจพบเชื้อดังกล่าวและพักอยู่ในสถานที่กักตัวของรัฐ เมื่อหายป่วยตรวจไม่พบเชื้อแล้วได้เดินทางกลับอียิปต์ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ จึงไม่ควรเรียกว่าเป็นสายพันธุ์ไทย[271][272]
  •  กัมพูชา – วันที่ 19 มิถุนายน 2564 รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขกัมพูชา แถลงว่าตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา (ฺB.1.617.2) ในประเทศเป็นครั้งแรกโดยเป็นแรงงานชาวกัมพูชาที่เดินทางกลับจากประเทศไทยระหว่างวันที่ 5–8 มิถุนายน ผ่านทางด่านพรมแดนโดยมาจากกรุงเทพฯ 5 คน และจากจังหวัดชลบุรี 2 คน[273]

เชิงอรรถ

  1. ระวังสับสนกับการตอบสนองที่เกี่ยวข้องกับความเครียดจากการก่อภูมิคุ้มกัน (immunization stress-related response, ISRR) ซึ่งมีบรรยายในวรรณกรรมขององค์การอนามัยโลก

อ้างอิง

แม่แบบ:รายการอ้างอิง

แหล่งข้อมูลอื่น

แม่แบบ:วิกิซอร์ซ แม่แบบ:คอมมอนส์-หมวดหมู่