ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ชูวงศ์ ฉายะจินดา"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Savekmaner (คุย | ส่วนร่วม)
เพิ่มชื่อเรื่อง
ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
Savekmaner (คุย | ส่วนร่วม)
เพิ่มชื่อเรื่อง
ป้ายระบุ: การแก้ไขแบบเห็นภาพ แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 118: บรรทัด 118:
ชูวงศ์ ฉายะจินดา กล่าวว่า การที่กลับมาเขียนนวนิยายอีกครั้ง ด้วยเหตุผลเดียวคือ เกิดมาเป็นคนไทย นับถือศาสนาพุทธและอายุสูงปูนนี้ จึงขเอฝากข้อคิดบางประการเพื่อให้คนรุ่นใหม่ในสังคมจะได้ไม่ลืมหลักธรรมเก่า ๆ โดยใช้นวนิยายที่ให้ทั้งความบันเทิงและข้อคิดเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดประสบการณ์และบอกเล่าเรื่องราวต่า ๆ ผ่านมุมมองของผู้หญิงที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาคนหนึ่ง
ชูวงศ์ ฉายะจินดา กล่าวว่า การที่กลับมาเขียนนวนิยายอีกครั้ง ด้วยเหตุผลเดียวคือ เกิดมาเป็นคนไทย นับถือศาสนาพุทธและอายุสูงปูนนี้ จึงขเอฝากข้อคิดบางประการเพื่อให้คนรุ่นใหม่ในสังคมจะได้ไม่ลืมหลักธรรมเก่า ๆ โดยใช้นวนิยายที่ให้ทั้งความบันเทิงและข้อคิดเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดประสบการณ์และบอกเล่าเรื่องราวต่า ๆ ผ่านมุมมองของผู้หญิงที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาคนหนึ่ง



'''รายชื่อผลงานนวนิยาย'''
[[หมวดหมู่:นักเขียนชาวไทย]]
[[หมวดหมู่:นักเขียนชาวไทย]]
[[หมวดหมู่:ครูชาวไทย]]
[[หมวดหมู่:ครูชาวไทย]]
[[หมวดหมู่:นิสิตเก่าคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]]
[[หมวดหมู่:นิสิตเก่าคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย]]
[[หมวดหมู่:ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จ.ภ.]]
[[หมวดหมู่:ผู้ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ จ.ภ.]]
'''รายชื่อผลงานนวนิยาย'''

เกสรหน่ายแมลง
เกสรหน่ายแมลง


ซากุระสีชมพู
ซากุระสีชมพู


บุหลันดั้นเมฆ
บุหลันอาเพศ (ดอนโขมด)


ปีกเปล่า
ปีกเปล่า
บรรทัด 198: บรรทัด 198:
ทัณฑ์กามเทพ
ทัณฑ์กามเทพ


มณีมรณะ
มณีมรณะ (โป่งมฤตยู)


รักเล่ห์
รักเล่ห์

รุ่นแก้ไขเมื่อ 05:56, 7 พฤษภาคม 2564

ชูวงศ์ ฉายะจินดา เป็นทั้งชื่อ - นามสกุลจริง และเป็นนามปากกาซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีและใช้ในการเขียนนวนิยายจนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีนามปากกาอื่น ๆ อีก คือ เทิดพงษ์ ใช้เมื่อเขียนเรื่องสั้นในช่วงแรก ๆ และนวนิยายเรื่องแรก คือ ตำรับรัก กล้วยไม้ ณ วังไพร , แก้วเจียระไน , กรทอง และทวิชาทั้ง 4 นามปากกาใช้ในการเขียนนวนิยายลงตีพิมพ์ในหน้านิตยสารต่าง ๆ

ชูวงศ์ ฉายะจินดา เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พุทธศักราช 2473 เป็นบุตรคนสุดท้องในพี่น้องร่วมมารดาทั้งหมดห้าคนของพระชาญบรรณกิจ (ถวิล ฉายะจินดา) อดีตรองอธิบดีกรมบัญชีกลางกระทรวงการคลังและนางชาญบรรณากิจ (ช่วง ฉายะจินดา) ชูวงศ์ ฉายะจินดา หยุดเขียนนวนิยายไปยาวนาน นับตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2521 เมื่อเดินทางย้ายไปพำนักอยู่ที่ประเทศออสเตรเลีย ทิ้งผลงานให้ผู้อ่านตามรอยไว้เกือบ 70 เล่ม จนกระทั่งปีพุทธศักราช 2540 จึงกลับเข้าสู่วงวรรณกรรมอีกครั้ง ซึ่งนับเป็นเวลาที่ห่างหายไปจากงานเขียนเป็นเวลา 20 ปี ปัจจุบัน ชูวงศ์ ฉายะจินดา อาศัยอยู่ ณ นครเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลียมากว่า 40 ปี ชูวงศ์ สมรสกับปรานอม ฉายะจินดา มีบุตรชายหนึ่งคน คือ นายโชติรส ฉายะจินดา (เสียชีวิตแล้ว)

การศึกษา

ชูวงศ์ ฉายะจินดา ได้รับการศึกษาขั้นต้นจากโรงเรียนเล็ก ๆ ใกล้บ้านชื่อ ‘โรงเรียนสนิทราษฏร์บริบูรณ์’จากนั้นเข้ารับการศึกษาต่อที่โรงเรียนราชินี ถนนมหาราช จนเมื่อศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพาขึ้น บิดาคือพระชาญบรรณกิจ จึงได้อพยบครอบครัวไปหลบภัยที่ตำบลวัดแจ้งร้อน จึงได้เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนวิสุทธิ์กษัตริย์ พระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ชั่วคราวในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา

ต่อมาเมื่อโรงเรียนราชินีอพยบไปเปิดสอนที่ตำบลผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ชูวงศ์ ฉายะจินดา จึงกลับไปเรียนต่อที่โรงเรียนราชินีตามเดิม ปีพุทธศักราช 2488 สงครามมหาเอเชียบูรพาสงบลง โรงเรียนราชินีจึงย้ายกลับกรุงเทมหานคร ชูวงศ์ ฉายะจินดา เรียนจบชั้นมัธยมบริบูรณ์ (เตรียมอักษรศาสตร์) ปีที่ 2 เมื่อปีพุทธศักราช 2490 ร่วมรุ่นกับเดียวกับ สุกัญญา ชลศึกษ์ (กฤษณา อโศกสิน) และปราศรัย รัชไชยบุญ (นิดา)

จากนั้นเข้าศึกษาที่ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับปริญญาอักษรศาสตร์บัณฑิต รางวัลเหรียญเงินในวิชาสันสกฤต เมื่อปีพุทธศักราช 2494 ปีพุทธศักราช 2500 ได้รับทุนจากรัฐบาลออสเตรเลีย ภายใต้แผนการโคลัมโบ ไปศึกษาต่อที่ UNIVERSITY OF MELBOURNE ณ นครเมลเบริร์น ประเทศออสเตรเลีย ในสาขาวิชาวาทศิลป์ (RHETORIC)

การทำงาน

ปีพุทธศักราช 2495 เข้ารับราชการครูวิชาภาษาไทย ที่โรงเรียนศิริศาสตร์ สี่พระยา (โรงเรียนศิริทรัพย์ในปัจจุบัน) เป็นเวลา 1 ปี แต่เนื่องจากสุขภาพไม่ดี จึงลาออก

ต่อมาเข้ารับราชการครูที่โรงเรียนราชินี สอนอยู่ได้ไม่นานก็ป่วยเป็นโรคหลอดลมอักเสบจึงตัดสินใจลาออกจากอาชีพครูที่รักเข้ารับราชการที่กรมชลประทาน ในแผนกสารบรรณ นาน 3 ปี และเริ่มเขียนเรื่องสั้นส่งให้กับนิตยสาร ‘ศรีสัปดาห์’

ปีพุทธศักราช 2500 ได้เข้ากลับรับราชการครูซึ่งเป็นอาชีพที่ตนเองรักอีกครั้งที่โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ และเริ่มเขียนนวนิยายขนาดยาวเรื่องแรก คือ ‘ตำรับรัก’ ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆในนิตยสาร ‘ศรีสัปดาห์’

ปีพุทธศักราช 2503 ได้เข้ารับราชการที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ในตำแหน่งอาจารย์ภาควิชาภาษาไทย ที่นี่งานเขียนของ ชูวงศ์ ฉายะจินดา ได้ปรากฏสู่สายตาผู้อ่านซึ่งเป็นเพื่อนอาจารย์และนักเรียนด้วยกัน โดยตีพิมพ์เรื่องสั้นในหนังสือที่ระลึกของโรงเรียนพร้อม ๆ กับเขียนนวนิยายลงตีพิมพ์ในนิตยสารหลายฉบับ

ต่อมาได้ลาออกจากราชการมาประกอบอาชีพนักเขียนเพียงอย่างเดียว ได้เริ่มเขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ดาวสยาม และได้ทำงานอื่น ๆ เสริม เช่น บริหารโรงเรียนสอนตัดผมและตัดเสื้อดาวรุ่ง เป็นต้น

งานเขียน

จากการที่ ชูวงศ์ ฉายะจินดา ได้เข้าศึกษาที่ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งได้รับการฝึกฝนด้านภาษาและการเขียนภาษาไทย ประกอบกับอุปนิสัยรักการอ่านและการขีดเขียน ทำให้ ชูวงศ์ ฉายะจินดา สนใจในการประพันธ์ งานประพันธ์ของนักเขียนที่มีส่วนช่วยผลักดันด้วยคือ ‘ดอกไม้สด’ (หม่อมหลวงบุปผา นิมมานเหมินท์)

เมื่อเรียนชั้นมัธยมบริบูรณ์ (เตรียมอักษรศาสตร์) ปีที่ 1 ที่โรงเรียนราชินี เพื่อน ๆ ร่วมชั้นได้จัดทำหนังสือวารสารรายสะดวกขึ้นหนึ่งเล่มมี ประภาศรี นาคะนาท (ภา พรสวรรค์) นักประพันธ์ที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นน้องสาวของ ประหยัด ศ. นาคะนาท เป็นหัวหน้าจัดทำ ในหนังสือเล่มนั้นมีเรื่องสั้นพร้อมรูปประกอบเรื่องหนึ่งชื่อ ‘กลางละอองทอง’ แต่งโดย ประภาศรี นาคะนาท ทำให้ ชูวงศ์ ฉายะจินดา อ่านอย่างประทับใจจนใฝ่ฝันจะเขียนเช่นนั้นบ้าง

ต่อมาเมื่อเข้าศึกษาที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กุลทรัพย์ รุ่งฤดี (คุณหญิงกุลทรัพย์ เกษแม่นกิจ) ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นได้ริเริ่มจัดทำวารสารอีก ชูวงศ์ ฉายะจินดา จึงรับหน้าที่เขียนคอลัมน์แบบเสื้อ

ปีพุทธศักราช 2495 เมื่อเข้ารับราชการครูที่โรงเรียนศิริศาสตร์ ทางโรงเรียนจัดทำหนังสือที่ระลึกแจกในงานประจำปี ให้ครูทุกคนเขียนเรื่องมาลง ชูวงศ์ ฉายะจินดา จึงเขียนเรื่องแบบจดหมายเทศนาโวหารพ่อสั่งสอนลูกชาย ถือได้ว่าเป็นงานเขียนชิ้นแรก ต่อมาได้เขียนเรื่องทำนองนี้อีกลงในหนังสือที่ระลึกโรงเรียนราชินี

ปีพุทธศักราช 2500 ขณะเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์ ได้เขียนเรื่องสั้นส่งไปให้นิตยสาร ‘ศรีสัปดาห์’ ได้ลงพิมพ์ในเวลาต่อมา เรื่องสั้นนั้นชื่อเรื่อง ‘หนึ่งในห้าร้อยจำพวก’ และเริ่มเขียนนวนิยายขนาดยาวเรื่องแรกคือ ‘ตำรับรัก’ ขนาด 55 ตอน โดยใช้นามปากกาว่า ‘เทิดพงษ์’

นับแต่นั้นมา ชูวงศ์ ฉายะจินดา ก็ได้กลายเป็นนักเขียนอย่างเต็มตัวจนถึงปัจจุบันมีผลงานนวนิยาย เรื่องยาว เรื่องสั้น นับร้อยเรื่อง โดยมีหลักในการเขียนหนังสือว่า เขียนเพื่อเสริมพุทธวัจนะ ‘ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว’ และในฐานะนักเขียน อยากจะทำงานที่สามารถสร้างความกลมเกลียวให้แก่คนในชาติได้อย่างจริงจัง หวังว่าตัวหนังสือที่ตัวอักษรจะช่วยสร้างความเห็นอกเห็นใจระหว่างคนในสังคม มิใช่ใจแคบคิดถึงแต่ตัวเอง

งานเขียนของ ชูวงศ์ ฉายะจินดา จำนวนมากได้ถูกสร้างเป็นละครวิทยุ ละคร และภาพยนตร์

ผลงานเรื่องสั้น

ตั้งแต่ชั้นมัธยมต้น ชูวงศ์ ฉายะจินดา สนใจวิชาเกี่ยวกับภาษาไทย โดยเฉพาะวิชาการเขียนเป็นพิเศษ ในช่วงแรกเริ่มจากการหัดเขียนเรียงความ ต่อมาจึงฝึกเขียนเรื่องสั้นไว้อ่านกันเองเฉพาะกลุ่ม เรื่องสั้นเรื่องแรกที่เขียนและได้ลงตีพิมพ์ในนิตยสาร ‘ศรีสัปดาห์’ คือ ‘หนึ่งในห้าร้อยจำพวก’

จากนั้นจึงมีเรื่องสั้นตามมาอีกว่า 58 เรื่อง ซึ่งเรื่องสั้นทุกเรื่องได้ลงตีพิมพ์ในนิตยสาร ‘ศรีสัปดาห์’ ในระหว่างปีพุทธศักราช 2495 - 2500

ปีพุทธศักราช 2545 ได้เขียนเรื่องสั้นชื่อ ‘เหตุเกิดเมื่อวันแม่’ ตีพิมพ์ลงในหนังสือรวมเรื่องสั้นนักเขียนนวนิยายปากกาทอง ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ‘เพชรสีน้ำเงิน’ ชุด 1

ปีพุทธศักราช 2550 ได้เขียนเรื่องสั้นชื่อ กรรมใดใครก่อ , ป้าเกลือปากพระร่วง , มือที่สาม เจ้าขุนทองน้องเบริ์ท , คู่กัด , รักโกลาหลคนโลกาภิวัฒน์ , อันความกรุณาปราณี , ติดอ่าง-ตกทอง และ เสน่าปลายจวัก

งานแปล

นอกจากเขียนเรื่องของเธอแล้ว ชูวงศ์ ฉายะจินดา ยังชอบอ่านวรรณกรรมต่างประเทศ เธอจึงได้รับแรงบันดาลใจจากการอ่านวรรณกรรมของ O . HENRY เรื่อง THE DIAMOND OF KALI เธอจึงแปลและเรียบเรียงขึ้นโดยใช้ชื่อว่า ‘เพชรของเจ้าแม่กาลี’

WILLIAM HOPE HODGESON เรื่อง THE VOKE IN THE NIGHT แปลและเรียบเรียงขึ้นโดยใช้ชื่อว่า ‘เห็ดมฤตยู’

ผลงานสารคดีเชิงท่องเที่ยว

ชูวงศ์ ฉายะจินดา มักจะเดินทางท่องเที่ยวอยู่บ่อยครั้ง จึงเกิดแรงบันดาลใจให้เขียนสารคดีเชิงท่องเที่ยวบอกเล่าเรื่องราวออกมาเป็นตัวอักษรในสิ่งที่พบเห็นระหว่างเดินทาง ได้แก่

ฉันรักสแกนดิเนเวีย เป็นสารคดีเชิงท่องเที่ยวเรื่องแรกเมื่อได้รับเชิญเป็นตัวแทนนักเขียนสตรีไปร่วมศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่ประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย ได้แก่ เดนมาร์ก นอร์เวย์ สวีเดน และฟินแลนด์

ลาก่อนเมลเบิร์น เป็นสารคดีเชิงท่องเที่ยวเมื่อครั้งเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศออสเตรเลีย บอกเล่าเรื่องราวของชีวิตนักศึกษาและสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ

ดินแดนแห่งความสงบยามเช้า เมื่อครั้งได้รับเชิญเป็นตัวแทนนักเขียนสตรีไปร่วมศึกษาดูงานที่ประเทศเกาหลี ร่วมกับเพื่อนนักเขียน คือ สุภัทร สวัสดิรักษ์, อมราวดี (ลัดดา ถนัดหัตถกรรม) ,สุภาว์ เทวกุล ฯ และสุวรรณี สุคนธา

ตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ประมาณปีพุทธศักราช 2513 ได้รับรางวัลชมเชยในการประกวดหนังสือในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ประจำปีพุทธศักราช 2515 จากคณะกรรมการหนังสือแห่งชาติ และกระทรวงการต่างประเทศเกาหลี โดยสถานเอกอัครราชทูตยกย่องให้เป็นวรรณกรรมเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างไทย - เกาหลี พร้อมจัดซื้อหนังสือจำนวนหนึ่งมอบแก่ห้องสมุดมหาวิทยาลัยเกาหลีที่สอนภาษาไทย

โรมันรัญจวน เป็นสารคดีเชิงท่องเที่ยว โดยเขียนร่วมกับเพื่อนนักเขียน คือ สุภัทร สวัสดิรักษ์ , อมราวดี (ลัดดา ถนัดหัตถกรรม) , สุภาว์ เทวกุล ฯ , ทมยันตี , เพ็ญแข วงศ์สง่า , บุษปะเกศ , ‘เศก ดุสิต’ , ถาวร สุวรรณ และณรงค์ จันทร์เรือง ตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ประมาณปีพุทธศักราช 2514 - 2515

ผลงานนวนิยาย

ชูวงศ์ ฉายะจินดา เริ่มเขียนนวนิยายเมื่ออายุประมาณ 30 เมื่อนิตยสาร ‘ศรีสัปดาห์’ ได้เปิดสนามให้นักเขียนใหม่ได้ประลองฝีมือโดยได้รับการสนับสนุนจาก หม่อมหลวงจิตติ นพวงศ์ บรรณาธิการนิตยสาร ‘ศรีสัปดาห์’

นวนิยายเรื่องแรกซึ่งเกิดจากแรงบันดาลใจจากการอ่านงานประพันธ์ของ ‘ดอกไม้สด’ คือ ‘ตำรับรัก’ (LOVE LESSON) ขนาดยาว 55 ตอน เมื่อประมาณปีพุทธศักราช 2500 ทำให้ชื่อของ ชูวงศ์ ฉายะจินดา เป็นที่รู้จักของนักอ่านโดยทั่วไป

เรื่องต่อมา คือ ‘ม่านบังใจ’ ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘ศรีสัปดาห์’ เมื่อประมาณปีพุทธศักราช 2502 - 2504

จากเวทีนิตยสาร ‘ศรีสัปดาห์’ ชูวงศ์ ฉายะจินดา ก้าวไปสู่นิตยสารอื่น ๆ อีก

สกุลไทย รายสัปดาห์ เช่น กำแพงเงินตรา (ระหว่างปีพุทธศักราช 2511 - 2512) , จันทร์ไร้แสง (ระหว่างปีพุทธศักราช 2512 - 2513) , พระเอกในความมืด (ระหว่างปีพุทธศักราช 2516 - 2517) , ชีวิตผวา (ระหว่างปีพุทธศักราช 2520 - 2521) เป็นต้น

เดลิเมล์วันจันทร์ เช่น จำเลยรัก (ระหว่างปีพุทธศักราช 2504 - 2405) , ผู้หญิงมือสอง ,ไพรพิศวาส (ระหว่างปีพุทธศักราช 2521 - 2522) สุดสายป่าน (ระหว่างปีพุทธศักราช 2521 - 2522) หลังจากได้รับการตอบรับอย่างสูงจากผู้อ่านเรื่อง ‘ม่านบังใจ’ จนทำให้มีภาคสมบูรณ์ของเรื่องคือ ‘หัวใจรัก’ (ระหว่างปีพุทธศักราช 2504 - 2505) เป็นต้น

สตรีสาร ได้แก่ เสี้ยนชีวิต (ในปีพุทธศักราช 2514)

แม่ศรีเรือน ได้แก่ ในมือมาร (ในปีพุทธศักราช 2504) , อสรพิษดำ (แรงอาถรรพ์) (ในปีพุทธศักราช 2516) เป็นต้น

นอกจากนี้ยังเขียนให้กับนิตยสารอื่น ๆ เช่น ลลนา , ขวัญดาว , ศรีสยาม เป็นต้น

มีผลงานเป็นที่นิยมแพร่หลายมากมาย เช่น ‘จำเลยรัก’ ที่โด่งดัง (ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ 2 ครั้ง ละคร 5 ครั้ง) , ‘สุดสายป่าน’ (ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ 1 ครั้ง ละคร 3 ครั้ง) , ‘ตำรับรัก’ (ถูกสร้างเป็นละคร 4 ครั้ง) , ‘พระเอกในความมืด’ (ถูกสร้างเป็นละคร 3 ครั้ง) , ‘เงาอโศก’ (ถูกสร้างเป็นละคร 3 ครั้ง) , ‘ฝันเฟื่อง’ (ถูกสร้างเป็นละคร 3 ครั้ง) , กำแพงเงินตรา (ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ 1 ครั้ง) , ‘เงาใจ’ (ถูกสร้างเป็นละคร 2 ครั้ง) ฯลฯ

จากนั้นมาชื่อของ ชูวงศ์ ฉายะจินดา โด่งดังก้องฟ้าในยุควรรณกรรม ‘พาฝัน’ มีผู้อ่านติดนวนิยายของเธอมากมายในฐานะ ‘ราชินีนวนิยายพาฝัน’ ตลอดมาจนถึงปัจจุบัน

ชูวงศ์ ฉายะจินดา หยุดเขียนนวนิยายไปยาวนาน นับตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2521 เมื่อเดินทางไปพำนัก ณ นครเมลเบริร์น ประเทศออสเตรเลีย ทิ้งผลงานให้ผู้อ่านตามรอยไว้เกือบ 70 เล่ม ซึ่งนับเวลาเธอหายไปจากงานเขียนเป็นเวลา 20 ปี จนกระทั่งปีพุทธศักราช 2540 เธอได้กลับเข้าสู่วงวรรณกรรมอีกครั้งตามคำชักชวนของสุภัทร สวัสดิ์รักษ์ อดีตบรรณาธิการอาวุโสนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ เริ่มเขียนนวนิยายดังนี้

  • เกษรหน่ายแมลง ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2541 - 2542
  • ฆาตกรกามเทพ ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ในปีพุทธศักราช 2543
  • พี. อาร์. หมายเลขหนึ่ง ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ในปีพุทธศักราช 2543
  • ก็ว่าจะไม่รัก พิมพ์ร่วมเล่มโดยสำนักพิมพ์ดับเบิ้ลนายน์ ในปีพุทธศักราช 2544
  • ฟ้ามีตะวัน หัวใจฉันมีเธอ ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2544 - 2545
  • ปล. ด้วยรักและเข้าใจ ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘ชีวิตจริง’ ระหว่างปีพุทธศักราช 2544 - 2545
  • สวรรค์ชั้นนี้มีแต่รัก ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘เรื่องผู้หญิง’ ระหว่างปีพุทธศักราช 2544 - 2545
  • ชีวิตนี้มีไว้ให้เธอ ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2545 - 2546
  • เหมือนเราจะรักกันไม่ได้ (TRAGEDY MOST LIKELY) ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2546 - 2547
  • เสี่ยงลวง เสี่ยงรัก ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2547 - 2548
  • สร้อยเสน่ห์ เล่ห์พิศวาส ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘พลอยแกมเพชร’ รายปักษ์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2546 - 2547
  • ดอกรักกลางพงหนาม ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘ที. วี อินไซด์’ ระหว่างปีพุทธศักราช 2546 - 2547
  • บุพเพสลับรัก ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘หญิงไทย’ รายปักษ์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2547 - 2549
  • ปีกเปล่า ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ในปีพุทธศักราช 2549
  • เล่ห์มยุรา ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘หญิงไทย’ รายปักษ์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2549 - 2550
  • ลมหวนในสวนรัก ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ในปีพุทธศักราช 2550
  • ผีเสื้อสลับราย ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘หญิงไทย’ รายปักษ์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2550 - 2551
  • เหมือนจะรู้อยู่ในเล่ห์เสน่หา เขียนขึ้นในปีพุทธศักราช 2550
  • ดั่งด้ายสร้างสม ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2551 - 2552
  • เพียงมีรักในใจเธอ ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘หญิงไทย’ รายปักษ์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2551 - 2553
  • เรือนลำภู ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘สกุลไทย’ รายสัปดาห์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2552 - 2553
  • หนึ่งรักนิรันดร ลงตีพิมพ์เป็นตอน ๆ ในนิตยสาร ‘หญิงไทย’ รายปักษ์ ระหว่างปีพุทธศักราช 2553 - 2555
  • ร่วมผลงานนวนิยายเรื่องสั้นประมาณ 58 เรื่อง เรื่องแปลประมาณ 2 เรื่อง สารคดีประมาณ 4 เรื่อง นวนิยายประมาณ 91 เรื่อง

ชูวงศ์ ฉายะจินดา กล่าวว่า การที่กลับมาเขียนนวนิยายอีกครั้ง ด้วยเหตุผลเดียวคือ เกิดมาเป็นคนไทย นับถือศาสนาพุทธและอายุสูงปูนนี้ จึงขเอฝากข้อคิดบางประการเพื่อให้คนรุ่นใหม่ในสังคมจะได้ไม่ลืมหลักธรรมเก่า ๆ โดยใช้นวนิยายที่ให้ทั้งความบันเทิงและข้อคิดเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดประสบการณ์และบอกเล่าเรื่องราวต่า ๆ ผ่านมุมมองของผู้หญิงที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาคนหนึ่ง


รายชื่อผลงานนวนิยาย เกสรหน่ายแมลง

ซากุระสีชมพู

บุหลันอาเพศ (ดอนโขมด)

ปีกเปล่า

เงาอโศก

ม่านบังใจ

จำเลยรัก

สุดสายป่าน

ตำรับรัก

กำแพงเงินตรา

พระเอกในความมืด

หัวใจรัก

เสี้ยนชีวิต

แรงอาถรรพ์ (อสรพิษดำ)

ฆาตกรกามเทพ

พีอาร์หมายเลขหนึ่ง

ก็ว่าจะไม่รัก

ฟ้ามีตะวัน หัวใจฉันมีเทอ

ปล ด้วยรักและเข้าใจ

สวรรค์ชั้นนี้มีแต่รัก

ชีวิตนี้มีไว้ให้เทอ

เหมือนเราจะรักกันไว้ได้

เสี่ยงลวง เสี่ยงรัก

สร้อยเสน่ห์ เล่ห์พิศวาส

ดอกรักกลางพงนาม

บุพเพสลักรัก

เล่ห์มยุรา

ลมหวนในสวนรัก

ผีเสื้อสลับราย

เหมือนจะรู้อยู่ในเล่ห์เสน่หา

ดั่งด้ายสร้างสม

เพียงมีรักในใจเทอ

เงาใจ

หนึ่งรักนิรันดร

พระจันทร์แดง

พริกกับเกลือ

ทัณฑ์กามเทพ

มณีมรณะ (โป่งมฤตยู)

รักเล่ห์

เพชรร้าว

ฟ้าพยับ

เถาวัลย์พันรัก

กามเทพหลงทาง

รักระแวง

เจ้าสาวเรือพ่วง

ดาวประดับใจ

ไฟปรารภนา

วิมานทราย

พรหมพยศ

มรดกมืด

เกิดเป็นหงส์

บัวกลางบึง

รักแสลง

เทพบุตรในฝัน

แม่จอมขวัญ

มาลัยร้อยชีวิต