ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ลิลิธ"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
คามิลา กลายเป็น กาลี
บรรทัด 8: บรรทัด 8:
[[ไฟล์:Burney Relief Babylon -1800-1750.JPG|thumb|รูปปั้นยุคบาบิโลเนียน ซึ่งหลายคนระบุว่าเป็นลิลิธ แต่ในขณะเดียวกันมีการระบุว่าเป็น[[อิชตาร]]]]
[[ไฟล์:Burney Relief Babylon -1800-1750.JPG|thumb|รูปปั้นยุคบาบิโลเนียน ซึ่งหลายคนระบุว่าเป็นลิลิธ แต่ในขณะเดียวกันมีการระบุว่าเป็น[[อิชตาร]]]]


ลิลิธ เป็นผู้หญิงที่พระเจ้าสร้างขึ้นก่อนหน้า 'อีฟ' (EVE) ซึ่งไม่ปรากฏเนื้อหาเกี่ยวกับเธอในพระคัมภีร์[[ไบเบิล]]ฉบับ [[พันธสัญญาเดิม]]ของชาว[[ยิว]]มากนัก พบว่ามีชื่อเธอปรากฏอยู่แค่ครั้งเดียวใน พระธรรมอิสยาห์ บทที่ 34 ข้อที่ 14 แต่กลับพบชื่อและเรื่องราวของเธออยู่มากมายในคัมภีร์อรรถกถา[[ทัลมุด]]แทน ทั้งจากในบท Erubin 18b และ Erubin 100b และ Nidda 24b และ Shab. 151b และ Baba Bathra 73a–b ซึ่งกล่าวในทำนอง[[ปกรณัม]]ว่า ลิลิธ คือผู้หญิงคนแรกของโลกจากการทรงสร้างของพระผู้เป็นเจ้า โดยถูกสร้างขึ้นด้วยดินเช่นเดียวกับอาดัม และเป็นภรรยาคนแรกของ[[อาดัม]] ผู้ชายคนแรกก่อนหน้าที่พระเจ้าจะสร้างอีฟ เธอถือว่าตนเองมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับอาดัมและเรียกร้องความเสมอภาคเท่าเทียมกับเขา เธอจึงไม่ยอมสนองความต้องการของและอยู่ภายใต้คำสั่งของอาดัมซึ่งเธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนเกรี้ยวกราดและชอบใช้อำนาจ เมื่อเขาบอกให้เธอนอนลงเบื้องล่างเขาในการร่วมเพศท่ามิชชันนารี ลิลิธจึงปฏิเสธพร้อมทั้งสาปแช่งอาดัมและได้ทิ้งอาดัมและสวนอีเดนไปอยู่ที่ริมทะเลแดง (Red Sea) เธอได้กลายเป็นคนรักของจอมปีศาจและผลิตลูกวันละ 100 คน ในวงการนักเทววิทยาว่ากันว่าทะเลแดงของลิลิธ ([[Lilith's Red Sea]]) นั้นสามารถเปรียบเทียบได้กับมหาสมุทรเลือดของกาลี ([[Kali Ma]]'s [[Ocean of Blood]]) อันเป็นจุดกำเนิดของสรรพสิ่ง แต่ต้องแลกมาด้วยการสังเวยชีวิต
ลิลิธ เป็นผู้หญิงที่พระเจ้าสร้างขึ้นก่อนหน้า 'อีฟ' หรือ 'อีวา' ซึ่งไม่ปรากฏเนื้อหาเกี่ยวกับเธอในพระคัมภีร์[[ไบเบิล]]ฉบับ [[พันธสัญญาเดิม]]ของชาว[[ยิว]]มากนัก พบว่ามีชื่อเธอปรากฏอยู่แค่ครั้งเดียวใน พระธรรมอิสยาห์ บทที่ 34 ข้อที่ 14 แต่กลับพบชื่อและเรื่องราวของเธออยู่มากมายในคัมภีร์อรรถกถา[[ทัลมุด]]แทน ทั้งจากในบท Erubin 18b และ Erubin 100b และ Nidda 24b และ Shab. 151b และ Baba Bathra 73a–b ซึ่งกล่าวในทำนอง[[ปกรณัม]]ว่า ลิลิธ คือผู้หญิงคนแรกของโลกจากการทรงสร้างของพระผู้เป็นเจ้า โดยถูกสร้างขึ้นด้วยดินเช่นเดียวกับอาดัม และเป็นภรรยาคนแรกของ[[อาดัม]] ผู้ชายคนแรกก่อนหน้าที่พระเจ้าจะสร้างอีฟ เธอถือว่าตนเองมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับอาดัมและเรียกร้องความเสมอภาคเท่าเทียมกับเขา เธอจึงไม่ยอมสนองความต้องการของและอยู่ภายใต้คำสั่งของอาดัมซึ่งเธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนเกรี้ยวกราดและชอบใช้อำนาจ เมื่อเขาบอกให้เธอนอนลงเบื้องล่างเขาในการร่วมเพศท่ามิชชันนารี ลิลิธจึงปฏิเสธพร้อมทั้งสาปแช่งอาดัมและได้ทิ้งอาดัมและสวนอีเดนไปอยู่ที่ริมทะเลแดง (Red Sea) เธอได้กลายเป็นคนรักของจอมปีศาจและผลิตลูกวันละ 100 คน ในวงการนักเทววิทยาว่ากันว่าทะเลแดงของลิลิธ ([[Lilith's Red Sea]]) นั้นสามารถเปรียบเทียบได้กับมหาสมุทรเลือดของกาลี ([[Kali Ma]]'s [[Ocean of Blood]]) อันเป็นจุดกำเนิดของสรรพสิ่ง แต่ต้องแลกมาด้วยการสังเวยชีวิต


อาดัมโกรธลิลิธมากจึงนำเรื่องไปฟ้องพระเจ้า พระเจ้าจึงได้ส่งเทวทูต 3 องค์ (Sanvi, Sansanvi and Semangelaf) ให้ไปตามลิลิธกลับมายังสวนอีเดน แต่ลิลิธปฏิเสธพร้อมทั้งสาปส่งเทวทูตทั้ง 3 องค์นั้น เทวทูตแจ้งสารจากพระเจ้าถึงลิลิธว่าถ้าเธอไม่ยอมกลับสวนอีเดน พระเจ้าจะพรากลูก ๆทั้งหมดของเธอไป แต่ลิลิธก็ไม่ยอมกลับ พระเจ้าจึงได้ทำตามคำขู่นั้นโดยการสังหารลูก ๆ ทั้ง 100 คนของเธอในทุก ๆ วัน และได้สร้างภรรยาใหม่ให้แก่อาดัม ซึ่งก็คืออีฟ ขึ้นมาจากกระดูกซี่โครงของอาดัม เพื่อที่เธอจะได้ยอมสยบอยู่ภายใต้อำนาจของเขา
อาดัมโกรธลิลิธมากจึงนำเรื่องไปฟ้องพระเจ้า พระเจ้าจึงได้ส่งเทวทูต 3 องค์ (Sanvi, Sansanvi and Semangelaf) ให้ไปตามลิลิธกลับมายังสวนอีเดน แต่ลิลิธปฏิเสธพร้อมทั้งสาปส่งเทวทูตทั้ง 3 องค์นั้น เทวทูตแจ้งสารจากพระเจ้าถึงลิลิธว่าถ้าเธอไม่ยอมกลับสวนอีเดน พระเจ้าจะพรากลูก ๆทั้งหมดของเธอไป แต่ลิลิธก็ไม่ยอมกลับ พระเจ้าจึงได้ทำตามคำขู่นั้นโดยการสังหารลูก ๆ ทั้ง 100 คนของเธอในทุก ๆ วัน และได้สร้างภรรยาใหม่ให้แก่อาดัม ซึ่งก็คืออีฟ ขึ้นมาจากกระดูกซี่โครงของอาดัม เพื่อที่เธอจะได้ยอมสยบอยู่ภายใต้อำนาจของเขา

รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:48, 9 เมษายน 2564

'Lilith' (ลิลิธ) ลิลิธ เป็นผู้หญิงที่พระเจ้าสร้างให้ 'อดัม' ก่อนจะสร้าง 'อีฟ' (ฮีบรู: לילית; lilit เป็นชื่อในภาษาฮิบรูสำหรับรูปลักษณ์ในเทพปกรณัมยิว มีการกล่าวถึงในหลายตำนาน โดยมีการบันทึกกล่าวถึงแรกสุดใน ทัลมุดบาบิโลเนียน ซึ่งกล่าวในลักษณะของปีศาจสาว Līlīṯu ในข้อความของชาวเมโสโปเตเมีย

หลักฐานอื่นที่ปรากฏในเอกสารของชาวยิว ซึ่งเกี่ยวโยงกับปีศาจสาวลิลิธแห่งอาณาจักรอัคกาด ในขณะเดียวกันนักวิชาการได้ตั้งมีการแย้งว่าลิลิธที่ปรากฏในบาบิโลเนียน และลิลิธที่ปราฏในอัคกาเดียนเป็นคนละตนกัน[1]

เรื่องราวของลิลิธในตำนานต่าง ๆ

ลิลิธ (1892) ปรากฏในภาพวาดของ จอห์น คอลลีเออร์
รูปปั้นยุคบาบิโลเนียน ซึ่งหลายคนระบุว่าเป็นลิลิธ แต่ในขณะเดียวกันมีการระบุว่าเป็นอิชตาร

ลิลิธ เป็นผู้หญิงที่พระเจ้าสร้างขึ้นก่อนหน้า 'อีฟ' หรือ 'อีวา' ซึ่งไม่ปรากฏเนื้อหาเกี่ยวกับเธอในพระคัมภีร์ไบเบิลฉบับ พันธสัญญาเดิมของชาวยิวมากนัก พบว่ามีชื่อเธอปรากฏอยู่แค่ครั้งเดียวใน พระธรรมอิสยาห์ บทที่ 34 ข้อที่ 14 แต่กลับพบชื่อและเรื่องราวของเธออยู่มากมายในคัมภีร์อรรถกถาทัลมุดแทน ทั้งจากในบท Erubin 18b และ Erubin 100b และ Nidda 24b และ Shab. 151b และ Baba Bathra 73a–b ซึ่งกล่าวในทำนองปกรณัมว่า ลิลิธ คือผู้หญิงคนแรกของโลกจากการทรงสร้างของพระผู้เป็นเจ้า โดยถูกสร้างขึ้นด้วยดินเช่นเดียวกับอาดัม และเป็นภรรยาคนแรกของอาดัม ผู้ชายคนแรกก่อนหน้าที่พระเจ้าจะสร้างอีฟ เธอถือว่าตนเองมีศักดิ์ศรีเท่าเทียมกับอาดัมและเรียกร้องความเสมอภาคเท่าเทียมกับเขา เธอจึงไม่ยอมสนองความต้องการของและอยู่ภายใต้คำสั่งของอาดัมซึ่งเธอรู้สึกว่าเขาเป็นคนเกรี้ยวกราดและชอบใช้อำนาจ เมื่อเขาบอกให้เธอนอนลงเบื้องล่างเขาในการร่วมเพศท่ามิชชันนารี ลิลิธจึงปฏิเสธพร้อมทั้งสาปแช่งอาดัมและได้ทิ้งอาดัมและสวนอีเดนไปอยู่ที่ริมทะเลแดง (Red Sea) เธอได้กลายเป็นคนรักของจอมปีศาจและผลิตลูกวันละ 100 คน ในวงการนักเทววิทยาว่ากันว่าทะเลแดงของลิลิธ (Lilith's Red Sea) นั้นสามารถเปรียบเทียบได้กับมหาสมุทรเลือดของกาลี (Kali Ma's Ocean of Blood) อันเป็นจุดกำเนิดของสรรพสิ่ง แต่ต้องแลกมาด้วยการสังเวยชีวิต

อาดัมโกรธลิลิธมากจึงนำเรื่องไปฟ้องพระเจ้า พระเจ้าจึงได้ส่งเทวทูต 3 องค์ (Sanvi, Sansanvi and Semangelaf) ให้ไปตามลิลิธกลับมายังสวนอีเดน แต่ลิลิธปฏิเสธพร้อมทั้งสาปส่งเทวทูตทั้ง 3 องค์นั้น เทวทูตแจ้งสารจากพระเจ้าถึงลิลิธว่าถ้าเธอไม่ยอมกลับสวนอีเดน พระเจ้าจะพรากลูก ๆทั้งหมดของเธอไป แต่ลิลิธก็ไม่ยอมกลับ พระเจ้าจึงได้ทำตามคำขู่นั้นโดยการสังหารลูก ๆ ทั้ง 100 คนของเธอในทุก ๆ วัน และได้สร้างภรรยาใหม่ให้แก่อาดัม ซึ่งก็คืออีฟ ขึ้นมาจากกระดูกซี่โครงของอาดัม เพื่อที่เธอจะได้ยอมสยบอยู่ภายใต้อำนาจของเขา

เพื่อตอบโต้การกระทำของพระเจ้า ลิลิธได้กลายเป็นปีศาจ เธอจะใช้ปีกของเธอบินออกไปลักพาตัวเด็ก ๆ ในยามค่ำคืน รวมทั้งล่อลวงเหล่ามนุษย์เพศชายเพื่อที่จะผลิตลูก ๆ ขึ้นมาใหม่ สิ่งนี้เองจึงได้เป็นจุดกำเนิดของตำนานเรื่อง Succubus มารดาของเหล่า Succubi

บรรดารับไบในศาสนายิวและพระในศาสนาคริสต์ต่างคัดค้านโดยการอ้างว่า คำเรียกลิลิธไม่ได้มีความหมายบ่งชี้ถึงหญิงคนหนึ่งคนใด แต่อุปมา เป็นคนซึ่งไม่เป็นที่ปรารถนาและพวกนอกรีต เช่นเดียวกับที่พวกคริสเตียนเชื่อว่า ลิลิธมิใช่คนหากแต่เป็นเครื่องล่อลวงใจมนุษย์ของจอมปิศาจ

ลิลิธคงจะเป็นตำนานอันเก่าแก่เกินไปของบรรดาชาวยิว และคริสเตียน ในขณะที่เรื่องราวของเธอปรากฏมากมายและโดดเด่น ตลอดระยะเวลาในตำนานโบราณหลากหลายฉบับ เช่น ในความเชื่อของอารยธรรมซูมาเรียน และบาบิโลเนียน ราว 3,500 ปีก่อนคริสตกาล เธอปรากฏในตำนานฐานะจอมปิศาจ ลามาซตู (Lamashtu) ผู้ถูกเนรเทศออกจากสรวงสวรรค์ เนื่องจากเพราะความร้ายกาจของตนเอง

ส่วนในตำนานอื่น ๆ ของซูมาเรียน เธอมีชื่อหลายอย่าง อาร์ดัท ลิลิ่ (Ardat Lili) หรือ ลีลีตู (Lilitu) เทพยดาผู้เป็นคู่ครองของจอมปิศาจ ลีลู (Lilu) สำหรับตำนานบทนี้เธอถูกวาดภาพเป็นหญิงปราศจากศีลธรรม เต็มไปด้วย ตัณหาราคะ คือหญิงสวยยั่วใจในเรื่องเพศ เธอจะใช้มารยาล่อลวง ชายขณะหลับใหล ทั้งยังชอบสังหารเด็ก ๆ

การตีค่าว่าการเรียกร้องสิทธิแบบสตรีนิยมคือความชั่วร้ายและมารยา ซึ่งแสดงออกเป็นนามธรรมในภาพของปีศาจสาวที่ใช้เสน่ห์ยั่วยวนล่อลวงผู้ชาย ชี้ให้เห็นถึงนัยยะทางด้านสังคมและการเมืองของยุคสมัยนั้น ปัจจุบันถึงแม้ลิลิธจะกลายเป็นสัญลักษณ์ของความดื้อรั้นขัดขืน แต่ในอีกแง่มุมหนึ่ง เธอก็ยังเป็นสัญลักษณ์ของอิสรภาพ ความเท่าเทียมทางเพศ และการยืนหยัดที่จะเลือกเส้นทางชีวิตด้วยตนเอง

อ้างอิง

  1. Freedman, David Noel, ed., Anchor Bible Dictionary, (New York: Doubleday) 1997, 1992. "Very little information has been found relating to the Akkadian and Babylonian view of these demons. Two sources of information previously used to define Lilith are both suspect."

แหล่งข้อมูลอื่น