ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน)"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
Narutzy (คุย | ส่วนร่วม)
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขขั้นสูงด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่
บรรทัด 5: บรรทัด 5:
| name = พระยาพหลพลพยุหเสนา <br >(พจน์ พหลโยธิน)
| name = พระยาพหลพลพยุหเสนา <br >(พจน์ พหลโยธิน)
| honorific-suffix =<br>[[ปฐมจุลจอมเกล้า|ป.จ.]], [[มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก|ม.ป.ช.]], [[ตริตาภรณ์มงกุฎไทย|ต.ม.]]
| honorific-suffix =<br>[[ปฐมจุลจอมเกล้า|ป.จ.]], [[มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก|ม.ป.ช.]], [[ตริตาภรณ์มงกุฎไทย|ต.ม.]]
| caption = พระยาพหลพลพยุหเสนาในปี 2483
| caption = พระยาพหลพลพยุหเสนาในปี 2455
| image = Phraya Pahol.jpg
| image = พจน์ พหล อายุ 15 ปี.jpg
| order = [[นายกรัฐมนตรีไทย]] คนที่ 2
| order = [[นายกรัฐมนตรีไทย]] คนที่ 2
| term_start = 21 มิถุนายน พ.ศ. 2476
| term_start = 21 มิถุนายน พ.ศ. 2476

รุ่นแก้ไขเมื่อ 17:29, 15 มีนาคม 2564

พระยาพหลพลพยุหเสนา
(พจน์ พหลโยธิน)
พระยาพหลพลพยุหเสนาในปี 2455
นายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 2
ดำรงตำแหน่ง
21 มิถุนายน พ.ศ. 2476 – 16 ธันวาคม พ.ศ. 2481
กษัตริย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระอัฐมรามาธิบดินทร
ก่อนหน้าพระยามโนปกรณ์นิติธาดา
ถัดไปหลวงพิบูลสงคราม
ผู้บัญชาการทหารบก
ดำรงตำแหน่ง
6 กรกฎาคม พ.ศ. 2475 – 4 มกราคม พ.ศ. 2481
ก่อนหน้ากรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร
ถัดไปหลวงพิบูลสงคราม
ดำรงตำแหน่ง
25 สิงหาคม พ.ศ. 2487 – 29 มีนาคม พ.ศ. 2489
ก่อนหน้าหลวงเกรียงศักดิ์พิชิต
ถัดไปอดุล อดุลเดชจรัส
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ดำรงตำแหน่ง
16 ธันวาคม พ.ศ. 2476 – 29 มีนาคม พ.ศ. 2477
นายกรัฐมนตรีตนเอง
ก่อนหน้าพระยาอุดมพงศ์เพ็ญสวัสดิ์
ถัดไปหลวงประดิษฐ์มนูธรรม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ดำรงตำแหน่ง
1 เมษายน พ.ศ. 2477 – 22 กันยายน พ.ศ. 2477
นายกรัฐมนตรีตนเอง
ก่อนหน้าพระยาประเสริฐสงคราม
ถัดไปหลวงพิบูลสงคราม
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ดำรงตำแหน่ง
22 กันยายน พ.ศ. 2477 – 1 สิงหาคม พ.ศ. 2478
นายกรัฐมนตรีตนเอง
ก่อนหน้าพระยาอภิบาลราชไมตรี
ถัดไปพระยาศรีเสนา
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
ดำรงตำแหน่ง
1 สิงหาคม พ.ศ. 2478 – 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2479
นายกรัฐมนตรีตนเอง
ก่อนหน้าพระยามานวราชเสวี
ถัดไปพระยาไชยยศสมบัติ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ
ดำรงตำแหน่ง
9 สิงหาคม พ.ศ. 2480 – 21 ธันวาคม พ.ศ. 2480
นายกรัฐมนตรีตนเอง
ก่อนหน้าพระยาฤทธิอัคเนย์
ถัดไปพระยาฤทธิอัคเนย์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมการ
ดำรงตำแหน่ง
29 มีนาคม พ.ศ. 2476 – 16 ธันวาคม พ.ศ. 2476
นายกรัฐมนตรีตนเอง
ก่อนหน้าเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี
ถัดไปพระสารสาสน์ประพันธ์
ข้อมูลส่วนบุคคล
เกิด29 มีนาคม พ.ศ. 2430
จังหวัดพระนคร ราชอาณาจักร​สยาม
เสียชีวิต14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2490 (59 ปี)
จังหวัดพระนคร ประเทศไทย[1]
คู่สมรสคุณหญิงพิจ พลพยุหเสนา (หย่า)
ท่านผู้หญิงบุญหลง พลพยุหเสนา
ลายมือชื่อไฟล์:ลายเซ็นพระยาพหลพลพยุหเสนา.png
ยศที่ได้รับการแต่งตั้ง
รับใช้ราชอาณาจักรปรัสเซีย ราชอาณาจักรปรัสเซีย
ประเทศสยาม
ไทย ประเทศไทย
สังกัด กองทัพปรัสเซีย
กองทัพบกไทย
กองทัพไทย
ประจำการพ.ศ. 2453–2455 (ปรัสเซีย)[ต้องการอ้างอิง]
พ.ศ. 2454-2490 (ไทย)
ยศ พลเอก
พลเรือเอก
พลอากาศเอก
บังคับบัญชากองทัพบกไทย
ผ่านศึกสงครามโลกครั้งที่ 2[2]

พลเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา นามเดิม พจน์ พหลโยธิน เป็นนายทหารปืนใหญ่ รัฐบุรุษ และนายกรัฐมนตรีไทยคนที่สอง เป็นหนึ่งในสี่ทหารเสือผู้ก่อการปฏิวัติสยามใน พ.ศ. 2475 เพื่อเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ และเป็นผู้นำรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลพระยามโนปกรณนิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) ที่ใช้อำนาจเผด็จการปิดรัฐสภาและเป็นปรปักษ์กับระบอบใหม่

พระยาพหลพลพยุหเสนาขึ้นชื่อว่าเป็นบุคคลที่มีชีวิตเรียบง่าย ไม่ยึดติดกับตำแหน่ง เขาเป็นนายกรัฐมนตรีสามสมัย และลาออกจากตำแหน่งเมื่อรัฐบาลแพ้เสียงในสภา เป็นผู้นำคณะราษฎรที่เป็นที่ยอมรับของทุกสายช่วยประสานงานระหว่างฝ่ายพลเรือนและทหาร และมือสะอาด แม้มีโอกาสมากมายที่สามารถแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตัวแต่ก็ไม่เคยฉกฉวยโอกาสเหล่านั้น ยามที่เขาถึงแก่อสัญกรรมพบว่าครอบครัวเขาไม่มีเงินพอจัดพิธีศพ และได้รับสมญานามว่า เชษฐบุรุษประชาธิปไตย[3]

ปฐมวัย

พจน์ พหลโยธิน ณ ประเทศเยอรมนี พ.ศ. 2448

พจน์ พหลโยธิน เกิดที่จังหวัดพระนคร (ปัจจุบันคือกรุงเทพมหานคร) เป็นบุตรพระยาพหลพลพยุหเสนา (กิ่ม พหลโยธิน) ชาวไทยเชื้อสายจีนแต้จิ๋ว [4] มหาดเล็กในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มารดาเป็นชาวไทยเชื้อสายมอญ ชื่อว่านางจับ ซึ่งเป็นภรรยาคนที่ห้าของนายกิ่ม ภายหลังบิดาถึงแก่อนิจกรรม ท่านก็อยู่ภายใต้การอุปการะของพี่ชายต่างมารดาที่ชื่อนพ (ต่อมาได้บรรดาศักดิ์เป็นพระยาพหลโยธินรามนิทราภักดี)

เมื่ออายุราวแปดขวบ บิดาพาไปฝากเรียนกับขุนอนุกิจวัตร ครูใหญ่โรงเรียนวัดจักรวรรดิราชาวาสวรมหาวิหาร และย้ายไปศึกษาต่อที่โรงเรียนสุขุมาลลัย (ปัจจุบันคือโรงเรียนวัดพิชัยญาติ) ต่อมาในพ.ศ. 2444 พี่ชายที่เป็นทหารได้ฝากเข้าเรียนที่โรงเรียนนายร้อยทหารบก[5][3] พจน์สอบได้อับดับหนึ่งในชั้นห้า จึงได้รับเลือกศึกษาวิชาทหารที่จักรวรรดิเยอรมันในปีพ.ศ. 2447 พจน์เข้าเรียนที่โรงเรียนเตรียมนายร้อยในเมืองพ็อทซ์ดัมเป็นเวลาหนึ่งปี และเข้าเรียนที่โรงเรียนนายร้อยปรัสเซียในกรุงเบอร์ลินอีกสองปี[6] ซึ่งที่นี่ พจน์และนักเรียนไทยหลายคนได้เป็นเพื่อนร่วมชั้นกับแฮร์มัน เกอริง กับฮิเดกิ โทโจ[7]

ราชการทหาร

เมื่อจบการศึกษาในพ.ศ. 2453 พจน์เข้ารับราชการทหารนายสิบในกรมทหารปืนใหญ่ที่ 4 ของกองทัพเยอรมัน

ระหว่างนี้ได้รับยศร้อยตรีของสยามในวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2454 และต่อมาในปีพ.ศ. 2455 พจน์เดินทางจากเยอรมนีไปศึกษาวิชาช่างแสงทหาร ณ วิทยาลัยวิศวกรรมศาสตร์กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก แต่กลับถูกเรียกตัวกลับก่อนเรียนจบ เนื่องจากนักเรียนทหารในเดนมาร์กเรียกร้องขึ้นเบี้ยหวัดจากกระทรวงกลาโหมสยาม กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถทรงกริ้วและเรียกตัวนักเรียนทั้งหมดกลับ[5]

เมื่อกลับมาถึงสยามในกลางปี พ.ศ. 2457 พจน์ได้เลื่อนเป็นร้อยโทและเข้าประจำกรมทหารปืนใหญ่ที่ 4 จังหวัดราชบุรี ราวปี พ.ศ. 2459 ได้เป็นผู้บังคับการกองร้อยที่ 2 กรมทหารปืนใหญ่บางซื่อ ในปีถัดมาได้เป็นผู้บังคับการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 9 จังหวัดฉะเชิงเทรา[8] (ยศร้อยเอก) ปีถัดมาได้บรรดาศักดิ์เป็น หลวงสรายุทธ์สรสิทธิ์ ตำแหน่งผู้บังคับการทหารบกปืนใหญ่ที่ 2 จังหวัดพระนคร[9] และในปีพ.ศ. 2462 ได้สังกัดกรมทหารปืนใหญ่ทหารบก กระทรวงกลาโหม และได้รับมอบหมายให้เดินทางไปตรวจรับปืนใหญ่และดูกิจการทหารในจักรวรรดิญี่ปุ่น ปรากฏว่าพจน์ปฏิบัติงานได้ดีเยี่ยมจนได้รับพระราชทานตราตั้งจากจักรพรรดิไทโชเป็นเกียรติยศสำหรับตนเองและประเทศชาติ เมื่อกลับมาสยามได้เลื่อนเป็นพันตรี และเจริญก้าวหน้าทางตำแหน่งขึ้นตามลำดับ

พ.ศ. 2473 เขาเป็นตำแหน่งจเรทหารปืนใหญ่ในยศพันเอก มีหน้าที่ตรวจการและให้ความรู้แก่เหล่าทหารปืนใหญ่ในกรมกอง ในช่วงนี้เขาเห็นว่าบรรดาเสนาบดีและทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นเจ้านั้นต่างยึดความคิดตนเองเป็นใหญ่ ไม่คิดจะฟังความคิดเห็นของทหารสามัญชน[10] เขาได้คัดค้านการปืนสโตร๊กบันของฝรั่งเศสเพราะเห็นว่าเป็นปืนเก่าล้าสมัย แต่นายทหารชั้นผู้ใหญ่ที่เป็นเจ้ากลับดีเห็นงามกับการซื้อปืนชนิดนี้[10]

การปฏิวัติสยาม

พันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนาเป็นหนึ่งในสี่ทหารเสือร่วมกับพระยาทรงสุรเดช (เทพ พันธุมเสน), พระยาฤทธิอัคเนย์ (สละ เอมะศิริ) และพระประศาสน์พิทยายุทธ (วัน ชูถิ่น) อย่างไรก็ตาม ในขั้นตอนของการวางแผนที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองนั้น พระยาพหลฯ รู้ดีว่าตัวเองไม่ได้ฉลาดที่สุดในกลุ่ม จึงให้พระยาทรงสุรเดชเป็นผู้อำนวยการฝ่ายทหาร รับผิดชอบวางแผนก่อการทั้งหมด ส่วนตัวเขาจะขอเป็นเพียงผู้นำไปปฏิบัติ

ก่อนก่อการ พระยาพหลพลพยุหเสนาได้กล่าวกับภรรยาไว้ว่า "...การที่คิดเปลี่ยนแปลงการปกครองครั้งนี้ ก็มิได้แน่ใจว่าจะทำสำเร็จดอก มองเห็นข้างศีรษะจะหลุดจากบ่านั้นมากกว่า แต่ที่เห็นแน่ตระหนักในใจก็คือ ถ้าไม่เร่งรัดจัดเปลี่ยนระบอบการปกครองเสียในเวลานี้แล้ว ต่อไปภายหน้าบ้านเมืองก็คงจะประสบแต่ความหายนะถึงล่มจมลงไปเป็นแน่..."[10] แล้วจึงออกจากบ้านไปพร้อมกับพระประศาสน์พิทยายุทธที่ขับรถมารับ มุ่งหน้าไปยังตำบลนัดพบ คือ บริเวณทางรถไฟสายเหนือตัดกับถนนประดิพัทธ์ ในเวลา 05.00 น. เพื่อสมทบกับกลุ่มของพระยาทรงสุรเดช พร้อมกับเหน็บปืนพกโคลต์รีวอลเวอร์ที่เอวเป็นอาวุธข้างกาย ก่อนที่จะเดินทางไปที่กรมทหารม้าที่ 1 เกียกกาย เพื่อลวงเอากำลังทหารและยุทโธปกรณ์มาใช้ในการปฏิวัติตามแผนของพระยาทรงสุรเดช ซึ่งที่คลังแสงภายในกรมทหารแห่งนี้ พระยาพหลฯ เป็นผู้ใช้คีมตัดเหล็กทำการตัดโซ่ที่คล้องประตูคลังแสง เพื่อขนกระสุนและปืนออกมา[11] ระหว่างนี้ พระประศาสน์ฯ ตรงไปเอารถเกราะออกจากโรงรถทหารอย่างเร่งรีบ[12]

เมื่อทหารทุกหน่วยมาพร้อมที่ลานพระบรมรูปแล้ว เวลาเจ็ดนาฬิกาเศษ พระยาพหลฯ เชิญนายทหารสัญญาบัตรมารายล้อม ในมือถือกระดาษแผ่นหนึ่งที่มีข้อความภาษาเยอรมัน แต่อ่านออกมาเป็นภาษาไทยด้วยน้ำเสียงแตกพร่าว่า[13] "บัดนี้คณะราษฎรอันประกอบด้วยทหารบก ทหารเรือ และพลเรือน ได้พร้อมใจกันเข้ายึดอำนาจการปกครองไว้แล้วโดยเด็ดขาด เพื่อทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นระบอบประชาธิปไตยเยี่ยงนานาอารยประเทศทั้งหลาย..."[12] จากนั้นจึงนำกำลังเข้ายึดพระที่นั่งอนันตสมาคมเป็นกองบัญชาการ การปฏิวัติสำเร็จลงด้วยความเรียบร้อยในเวลาราวเที่ยงวัน

บทบาททางการเมือง

เมื่อท่านต้องรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นคนที่ 2 ของประเทศ แทนที่พระยามโนปกรณนิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) ที่ถูกรัฐประหารไปเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2476 การทำหน้าที่ของท่านไม่ราบรื่น เนื่องด้วยประสบกับปัญหาหลายด้าน ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง รวมทั้งการสงคราม ที่กำลังจะเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ขึ้น ทำให้ท่านต้องดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีติดต่อกันถึง 3 สมัย จากนั้นก็ลงจากตำแหน่ง แล้วเข้ามาเป็นรัฐมนตรีอีก 3 กระทรวง คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในปี พ.ศ. 2477 รัฐมนตรีว่ากระทรวงการต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในปี พ.ศ. 2478 จากนั้นเมื่อมีเหตุการณ์ผันผวนทางการเมือง ท่านก็กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นสมัยที่ 4 โดยนั่งควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ หลังจากนั้น ก่อนจะเข้าดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 5 วันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2480 และลาออกจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2481 และยุติบทบาททางการเมืองไป ซึ่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อมาก็คือหลวงพิบูลสงคราม นายทหารรุ่นน้องที่ท่านไว้ใจนั่นเอง

พระยาพหลพลพยุหเสนาได้รับพระราชทานวังปารุสกวัน จากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ให้เป็นที่พำนัก แม้ถึงตอนที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว ซึ่งท่านได้ใช้ที่นี่เป็นที่พำนักพักอาศัยตราบจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต[1]

พระยาพหลพลพยุหเสนา มีคติประจำใจว่า "ชาติเสือต้องไว้ลาย ชาติชาย ต้องไว้ชื่อ" ชีวิตของท่านไม่มีทรัพย์สินเงินทองมากมายเลยแม้จะผ่านตำแหน่งสำคัญ ๆ มามากก็ตาม[1] ใน พ.ศ. 2487 ระหว่างปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ในรัฐบาลพันตรีควง อภัยวงศ์ ที่ขึ้นมาแทนที่รัฐบาลของจอมพลแปลก ที่ได้ลาออกไปก่อนหน้านั้น เมื่อรัฐบาลมีมติปลด จอมพลแปลก ออกจากตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ (ปัจจุบันคือ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด) ก็ได้ขอให้ท่านรับตำแหน่งนี้เอาไว้ ทั้งที่ท่านประกาศไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีกแล้ว ประกอบกับร่างกายที่เป็นอัมพาตจากอาการเส้นโลหิตในสมองแตก แต่ท่านก็รับไว้ในที่สุด แม้จะปรารภว่าจะให้เป็นท่านเป็นแม่ทัพกล้วยปิ้งหรืออย่างไร อีกทั้งระหว่างการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพันตรีควง ในช่วงนี้ เป็นที่หวาดวิตกว่า อาจมีรัฐประหาร ด้วยกำลังทหารจากจังหวัดลพบุรี ที่ยังให้การสนับสนุนจอมพลแปลกอยู่ เพื่อยุติภาวะอันนี้ พันตรีควง จึงตัดสินใจเดินทางไปพบจอมพลแปลกด้วยตัวเองถึงที่บ้านพักส่วนตัว ภายในศูนย์การทหารปืนใหญ่ จังหวัดลพบุรี หลังจากเจรจากันแล้ว จอมพลแปลกได้ยืนยันว่า ไม่มีความคิดเช่นนั้นเลย อีกทั้งยังมีความรักใคร่ พันตรีควง เสมือนเป็นน้องชายตนเอง ในการครั้งนี้ ด้วยความเป็นห่วงพันตรีควง พระยาพหลพลพยุหเสนาได้โทรศัพท์ไปสอบถามถึงบ้านพักของพันตรีควงถึง 2 ครั้ง เมื่อไม่ได้ความ ก็เดินทางออกจากวังปารุสกวันไปที่หลักสี่เพื่อรอคอยการกลับมาของพันตรีควงด้วยตนเอง ทั้งที่สภาพร่างกายไม่เอื้ออำนวย [2]

พระยาพหลพลพยุหเสนา ได้ล้มป่วยลงด้วยโรคอัมพาตเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2488 เนื่องจากเส้นเลือดในสมองแตก แต่ด้วยความสามารถของนายแพทย์และด้วยกำลังใจอันเข้มแข็ง ท่านได้ต่อสู้โรคร้ายมาตลอดราว 2 ปีเศษ จนเมื่อเวลา 21.40 น. ของคืนวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2490 ได้เกิดอาการหายใจลึกและสะท้อน ชีพจรอ่อน พูดไม่ได้ มีเสมหะในลำคอมาก ม่านตาไม่ขยาย อาการทรุดลงตามลำดับ จนถึงเวลา 3.05 น. ของวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2490 ก็ได้ถึงแก่อสัญกรรม ด้วยวัย 59 ปี 322 วัน นายแพทย์พร้อมกันลงความเห็นว่าเส้นโลหิตในสมองได้แตกอีกเป็นครั้งที่ 2 จึงเป็นเหตุให้ถึงแก่อสัญกรรม[14] ซึ่งงานศพของท่านทางครอบครัวไม่มีเงินเพียงพอที่จะจัดพิธีพระราชทานเพลิงศพ จนทางรัฐบาลหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ ต้องเข้ามารับอุปถัมภ์ จัดการงานพระราชทานเพลิงให้ท่านแทน[1] ศพของพระยาพหลฯ ได้ถูกอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ วังปารุสกวันและพระราชทานเพลิงศพที่วัดเบญจมบพิตร เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2490 ซึ่งเป็นวัดที่ท่านอยู่จำศีลภาวนาเมื่อคราวอุปสมบท

อนุสรณ์

ภายหลังการอสัญกรรม ได้มีการเปลี่ยนชื่อถนนตามนามสกุลของท่าน คือ ถนนพหลโยธิน และมีการสร้างโรงพยาบาลและใช้ชื่อเป็นการระลึกถึงท่าน คือ โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา ที่จังหวัดกาญจนบุรีซึ่งจังหวัดกาญจนบุรีได้รับการการถือจากท่านว่าเป็นภูมิลำเนาแห่งหนึ่งของท่าน นอกจากนี้ยังมีสะพานพหลพลพยุหเสนา ในเทศบาลเมืองกาญจนบุรีและปัจจุบัน มีการสร้างพิพิธภัณฑ์พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา อยู่ภายในศูนย์การทหารปืนใหญ่ ค่ายพหลโยธิน หมู่ที่ 7 ตำบลเขาพระงาม อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ซึ่งเคยเป็นที่พำนักของท่านมาก่อนในขณะเป็นผู้บังคับบัญชา ภายในรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ รูปปั้น ชุดเครื่องแบบ ตลอดจนรูปถ่าย จดหมายลายมือของท่าน และบัตรประจำตัว เพื่อเป็นแหล่งศึกษาชีวประวัติและเชิดชูเกียรติของท่าน ซึ่งถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของจังหวัด[15]

ครอบครัว

พระยาพหลพลพยุหเสนา สมรสครั้งแรกกับ คุณหญิงพิศ แต่ไม่มีบุตร-ธิดาด้วยกัน ต่อมาได้สมรสครั้งที่สองกับบุญหลง ธนะโสภณ มีบุตร-ธิดา รวม 7 คน คือ

  1. นางสาวภาพร พลพยุหเสนา
  2. นางพรจันทร์ ศรีพจนารถ
  3. พลตรี ชัยจุมพล พลพยุหเสนา
  4. พันตรี พุทธินาถ พลพยุหเสนา
  5. นางพจี พหลโยธิน สุทธินาค
  6. นางพวงแก้ว สาตรปรุง
  7. พันตำรวจโท พรหมธรมหัชชัย พลพยุหเสนา

เกียรติยศ

ยศทหาร

  • 23 มกราคม พ.ศ. 2454: นายร้อยตรี[16]
  • 11 สิงหาคม พ.ศ. 2457: นายร้อยโท[17]
  • 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2459: นายร้อยเอก[18]
  • 21 เมษายน พ.ศ. 2462: นายพันตรี[19]
  • 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2466: นายพันโท[20]
  • 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2471: นายพันเอก[21]
  • 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2480: นาวาเอก นาวาอากาศเอก[22]
  • 1 เมษายน พ.ศ. 2482: พลตรี พลเรือตรี พลอากาศตรี
  • 19 กันยายน พ.ศ. 2484: พลโท
  • 21 ธันวาคม พ.ศ. 2485: พลเอก[23]
  • 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2486: พลเรือเอก พลอากาศเอก[24]

บรรดาศักดิ์

  • 20 เมษายน พ.ศ. 2461: หลวงสรายุทธ์สรสิทธิ์[25]
  • 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2467: พระสรายุทธ์สรสิทธิ์[26]
  • 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2474: พระยาพหลพลพยุหเสนา[27]
  • 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2485: ประกาศยกเลิกบรรดาศักดิ์[28]
  • 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488: คืนบรรดาศักดิ์ พระยาพหลพลพยุหเสนา

เครื่องอิสริยาภรณ์

เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
ตำแหน่งทางวิชาการ

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. 1.0 1.1 1.2 1.3 ส.พลายน้อย. พระยาพหลฯ นายกรัฐมนตรีผู้ซื่อสัตย์. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน, 2555. 137 หน้า. ISBN 9740208754
  2. 2.0 2.1 จรี เปรมศรีรัตน์. กำเนิดพรรคประชาธิปัตย์ 6 เมษายน พ.ศ. 2489 : 61 ปีประชาธิปัตย์ยังอยู่ยั้งยืนยง. นนทบุรี : ใจกาย, 2552. 323 หน้า. ISBN 9789747046724
  3. 3.0 3.1 “เชษฐบุรุษ” พลเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) พ.ศ. 2430-90 ศิลปวัฒนธรรม. 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563
  4. ประวัติรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
  5. 5.0 5.1 นเรศ นโรปกรณ์, 100 ปี พระยาพหลฯกรุงเทพฯ: โอเดียนสโตร์, 2531), 17.
  6. ย้อนราก “3 ทหารเสือ” คณะราษฎร ผลผลิตจากโรงเรียนนายร้อยเยอรมนี ศิลปะวัฒนธรรม. 25 มีนาคม พ.ศ. 2563
  7. Judith A. Stowe: Siam Becomes Thailand. A Story of Intrigue. C. Hurst & Co., London 1991, ISBN 0-82481-393-6, S. 370.
  8. แจ้งความกระทรวงกลาโหม เรื่อง เลื่อนย้ายนายทหารรับราชการกับออกจากประจำการ (หน้า ๑๓๐๐) ราชกิจจานุเบกษา
  9. แจ้งความกระทรวงกลาโหม เรื่อง ย้ายนายทหารรับราชการ (หน้า ๓๖๓๘) ราชกิจจานุเบกษา
  10. 10.0 10.1 10.2 กุหลาบ สายประดิษฐ์, เบื้องหลังการปฏิวัติ 2475กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์บูรพาแดง, 2518)
  11. 24 มิถุนายน (6) จากเดลินิวส์ โดย นรนิติ เศรษฐบุตร รศ.
  12. 12.0 12.1 หลอกทหารมาปฏิวัติ 2475 แผนการลวงของพระยาทรงสุรเดช ศิลปวัฒนธรรม. 26 สิงหาคม พ.ศ. 2563
  13. นายหนหวย. ทหารเรือปฏิวัติ. กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์มติชน, พฤศจิกายน 2555 (พิมพ์ครั้งที่ 3). 124 หน้า. ISBN 9789740210252
  14. หนังสือ 111ปี ฯพณฯ พลเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา เชษฐบุรุษ พิมพ์ครั้งที่1 กันยายน 2552 หน้าที่ 90-91
  15. พิพิธภัณฑ์พลเอกพระยาพหลพลพยุหเสนา
  16. พระราชทานยศทหารบก ราชกิจจานุเบกษา
  17. ตั้งตำแหน่งยศทหารบก ราชกิจจานุเบกษา
  18. พระราชทานยศนายทหารบก ราชกิจจานุเบกษา. 4 มิถุนายน 2459
  19. พระราชทานยศทหารบก ราชกิจจานุเบกษา. 27 เมษายน 2462
  20. พระราชทานยศทหารและข้าราชการในกระทรวงกลาโหม ราชกิจจานุเบกษา. 20 พฤษภาคม 2466
  21. พระราชทานยศ
  22. ประกาศกระทรวงกลาโหม เรื่อง พระราชทานยศทหาร
  23. พระราชทานยศทหาร ราชกิจจานุเบกษา. 1 มกราคม 2486
  24. พระราชทานยศทหาร ราชกิจจานุเบกษา. 23 พฤศจิกายน 2486
  25. "พระราชทานตั้งเลื่อนบรรดาศักดิ์" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 35: 208. 28 เมษายน 2461. สืบค้นเมื่อ 18 มิถุนายน 2563. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  26. "พระราชทานบรรดาศักดิ์" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 41 (ง): 1244. 20 กรกฎาคม 2467. สืบค้นเมื่อ 21 ตุลาคม 2559. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  27. "พระราชทานสัญญาบัตรบรรดาศักดิ์" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 48 (ง): 3011. 15 พฤศจิกายน 2474. สืบค้นเมื่อ 21 ตุลาคม 2559. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  28. "พระบรมราชโองการ ประกาศเรื่อง การยกเลิกบรรดาศักดิ์" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 48 (33ก): 1089. 15 พฤษภาคม 2485. สืบค้นเมื่อ 18 มิถุนายน 2563. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  29. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์
  30. "แจ้งความสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. เล่ม 54 (ตอน 0ง): หน้า 2212. 13 ธันวาคม 2480. สืบค้นเมื่อ 2 สิงหาคม 2563. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= (help)
  31. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความ พระราชทานเหรียญพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เล่ม 51, 30 กันยายน 2477, หน้า 2079.
  32. ราชกิจจานุเบกษา, แจ้งความ เรื่อง พระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา เข็มราชการแผ่นดิน, เล่ม ๕๑, ตอน ๐ ง, ๑๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๗, หน้า ๓๑๕๖
  33. http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2482/D/809.PDF
ก่อนหน้า พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) ถัดไป
พระยามโนปกรณ์นิติธาดา (ก้อน หุตะสิงห์) ไฟล์:Seal Prime Minister of Thailand.png
นายกรัฐมนตรีไทย
(21 มิถุนายน พ.ศ. 2476 – 11 กันยายน พ.ศ. 2481)
หลวงพิบูลสงคราม
พระยาอุดมพงศ์เพ็ญสวัสดิ์ (หม่อมราชวงศ์ประยูร อิศรศักดิ์) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
(16 ธันวาคม พ.ศ. 2476 – 29 มีนาคม พ.ศ. 2477)
หลวงประดิษฐ์มนูธรรม
พลตรี พระยาประเสริฐสงคราม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
(1 เมษายน พ.ศ. 2477 – 22 กันยายน พ.ศ. 2477)
พลตรี หลวงพิบูลสงคราม
พระยาอภิบาลราชไมตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
(22 กันยายน พ.ศ. 2477 – 1 สิงหาคม พ.ศ. 2478)
พระยาศรีเสนา
พระยามานวราชเสวี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
(1 สิงหาคม พ.ศ. 2478 – 12 กุมภาพัน พ.ศ. 2479)
พระยาไชยยศสมบัติ
พระยาฤทธิอัคเนย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตราธิการ
(9 สิงหาคม พ.ศ. 2480 – 21 ธันวาคม พ.ศ. 2480)
พระยาฤทธิอัคเนย์
เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมการ
(16 ธันวาคม พ.ศ. 2476 – 29 มีนาคม พ.ศ. 2476)
พระสารสาสน์ประพันธ์
พลเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ
กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร
ผู้บัญชาการทหารบก (สมัยแรก)
(6 สิงหาคม พ.ศ. 2475 - 4 มกราคม พ.ศ. 2481)
พันเอก หลวงพิบูลสงคราม
พลโท หลวงเกรียงศักดิ์พิชิต ผู้บัญชาการทหารบก (สมัยสอง)
(25 สิงหาคม พ.ศ. 2487 - 29 มีนาคม พ.ศ. 2489)
พลเอก อดุล อดุลเดชจรัส