ผลต่างระหว่างรุ่นของ "พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร)"

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
เนื้อหาที่ลบ เนื้อหาที่เพิ่ม
ไม่มีความย่อการแก้ไข
ป้ายระบุ: แก้ไขจากอุปกรณ์เคลื่อนที่ แก้ไขจากเว็บสำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่
ไม่มีความย่อการแก้ไข
บรรทัด 16: บรรทัด 16:
}}
}}


เสวกโท '''พระเจนดุริยางค์ (ปีติ วาทยะกร)''' (มักเขียนเป็น "ปิติ") ชื่อเดิม '''ปิเตอร์ ไฟท์''' (Peter Feit) หรือ '''ปิเตอร์ ไฟท์ วาทยะกร'''<ref>{{cite journal|journal=ราชกิจจานุเบกษา|volume= 43 |issue= 0 ง |pages= 454 |title= ส่งเครื่องราชอิศริยาภรณ์ไปพระราชทาน |url= http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2469/D/438.PDF |date= 2 พฤษภาคม 2469 |language=ไทย}}</ref> (13 กรกฎาคม พ.ศ. 2426 - 25 ธันวาคม พ.ศ. 2511) บุคคลสำคัญในวงการดนตรีของ[[ประเทศไทย]] ผู้ริเริ่มการบันทึก[[เพลงไทยเดิม]]ด้วยโน้ตสากลโดยเทียบเสียงให้ตรงกับเครื่องดนตรีไทยทุกชิ้น เรียกว่า '''เพลงไทยประสานเสียง''' (Thai Music Harmony) ของ [[กรมศิลปากร]]
เสวกโท '''พระเจนดุริยางค์ (ปีติ วาทยะกร)''' (มักเขียนเป็น "ปิติ") ชื่อเดิม '''ปิเตอร์ ไฟท์''' (Peter Feit) หรือ '''ปิเตอร์ ไฟท์ วาทยะกร'''<ref>{{cite journal|journal=ราชกิจจานุเบกษา|volume= 43 |issue= 0 ง |pages= 454 |title= ส่งเครื่องราชอิศริยาภรณ์ไปพระราชทาน |url= http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2469/D/438.PDF |date= 2 พฤษภาคม 2469}}</ref> (13 กรกฎาคม พ.ศ. 2426 - 25 ธันวาคม พ.ศ. 2511) บุคคลสำคัญในวงการดนตรีของ[[ประเทศไทย]] ผู้ริเริ่มการบันทึก[[เพลงไทยเดิม]]ด้วยโน้ตสากลโดยเทียบเสียงให้ตรงกับเครื่องดนตรีไทยทุกชิ้น เรียกว่า '''เพลงไทยประสานเสียง''' (Thai Music Harmony) ของ [[กรมศิลปากร]]


เป็นอาจารย์วิชาดนตรีผู้ทุ่มเทสนับสนุนศิษย์เอก [[ครูเอื้อ สุนทรสนาน]] และครู[[ชลหมู่ ชลานุเคราะห์]] (นักเชลโล่ ,ผู้เรียบเรียงและอำนวยเพลงวงดุริยางค์สากลกรมศิลปากร) ครู[[ประสาน สุทัศน์ ณ อยุธยา]] (นัก Cello, Double Bass และผู้เรียบเรียงเสียงประสานแห่งวงดุริยางค์สากลกรมศิลปากร) รวมทั้งเป็นผู้วางรากฐาน[[วงดุริยางค์ทหารอากาศ]] และ[[วงดุริยางค์ตำรวจ]]
เป็นอาจารย์วิชาดนตรีผู้ทุ่มเทสนับสนุนศิษย์เอก [[ครูเอื้อ สุนทรสนาน]] และครู[[ชลหมู่ ชลานุเคราะห์]] (นักเชลโล่ ,ผู้เรียบเรียงและอำนวยเพลงวงดุริยางค์สากลกรมศิลปากร) ครู[[ประสาน สุทัศน์ ณ อยุธยา]] (นัก Cello, Double Bass และผู้เรียบเรียงเสียงประสานแห่งวงดุริยางค์สากลกรมศิลปากร) รวมทั้งเป็นผู้วางรากฐาน[[วงดุริยางค์ทหารอากาศ]] และ[[วงดุริยางค์ตำรวจ]]
บรรทัด 22: บรรทัด 22:
== ประวัติ ==
== ประวัติ ==
===วัยต้น===
===วัยต้น===
เกิดที่[[ตำบลบ้านทะวาย]] [[อำเภอบ้านทะวาย]] [[จังหวัดพระนคร]] เป็นบุตรของนายจาคอบ ไฟท์ (Jacob Feit หรือ Veit) [[ชาวอเมริกันเชื้อสายเยอรมัน]]<ref>{{Cite newspaper |author=Mandy Radics |url=http://www.volksfreund.de/nachrichten/region/trier/Heute-in-der-Trierer-Zeitung-Der-Auswanderer-Sohn-und-die-Hymne;art754,2144158 |title=Der Auswanderer-Sohn und die Hymne |newspaper=Trierischer Volksfreund |date=18 July 2009 |language=German}}</ref> กับนางทองอยู่ [[ชาวไทยเชื้อสายมอญ]]<ref>{{Cite web |author=Gustaf Dietrich |title=Die thailändische Nationalhymne – ihre Wurzeln reichen nach Trier |url=http://www.thai-schick.de/InfoCenter/ThaiDeutscheBeziehungen/ThailaendischeNationalhymneInhalt.htm |language=German |accessdate=12 December 2016 |archive-url=https://web.archive.org/web/20141012102747/http://www.thai-schick.de/InfoCenter/ThaiDeutscheBeziehungen/ThailaendischeNationalhymneInhalt.htm |archive-date=12 October 2014 |url-status=dead }}</ref> มีภรรยาสามคนคือ นางเบอร์ธา, นางบัวคำ และนางลิ้ม มีบุตรธิดารวมทั้งสิ้น 10 คน
เกิดที่[[ตำบลบ้านทะวาย]] [[อำเภอบ้านทะวาย]] [[จังหวัดพระนคร]] เป็นบุตรของนายจาคอบ ไฟท์ (Jacob Feit หรือ Veit) [[ชาวอเมริกันเชื้อสายเยอรมัน]]<ref>{{Cite newspaper |author=Mandy Radics |url=http://www.volksfreund.de/nachrichten/region/trier/Heute-in-der-Trierer-Zeitung-Der-Auswanderer-Sohn-und-die-Hymne;art754,2144158 |title=Der Auswanderer-Sohn und die Hymne |newspaper=Trierischer Volksfreund |date=18 July 2009 |language=de}}</ref> กับนางทองอยู่ [[ชาวไทยเชื้อสายมอญ]]<ref>{{Cite web |author=Gustaf Dietrich |title=Die thailändische Nationalhymne – ihre Wurzeln reichen nach Trier |url=http://www.thai-schick.de/InfoCenter/ThaiDeutscheBeziehungen/ThailaendischeNationalhymneInhalt.htm |language=de|accessdate=12 December 2016 |archive-url=https://web.archive.org/web/20141012102747/http://www.thai-schick.de/InfoCenter/ThaiDeutscheBeziehungen/ThailaendischeNationalhymneInhalt.htm |archive-date=12 October 2014 |url-status=dead }}</ref> มีภรรยาสามคนคือ นางเบอร์ธา, นางบัวคำ และนางลิ้ม มีบุตรธิดารวมทั้งสิ้น 10 คน


เริ่มเข้าเรียนหนังสือที่[[โรงเรียนอัสสัมชัญ]] [[บางรัก]] เมื่อ พ.ศ. 2433 จบการศึกษาหลักสูตรภาษา[[ฝรั่งเศส]]และภาษา[[อังกฤษ]]เมื่อ [[พ.ศ. 2433]]
เริ่มเข้าเรียนหนังสือที่[[โรงเรียนอัสสัมชัญ]] [[บางรัก]] เมื่อ พ.ศ. 2433 จบการศึกษาหลักสูตรภาษา[[ฝรั่งเศส]]และภาษา[[อังกฤษ]]เมื่อ [[พ.ศ. 2433]]
บรรทัด 38: บรรทัด 38:
โอนสังกัดไปสอนใน[[วงดุริยางค์ทหารอากาศ]]เมื่อ พ.ศ. 2483 เมื่ออายุได้ 57 ปี จนเกษียณอายุราชการ หลังเกษียณแล้วได้รับเชิญเป็นอาจารย์ใน[[มหาวิทยาลัยศิลปากร]]
โอนสังกัดไปสอนใน[[วงดุริยางค์ทหารอากาศ]]เมื่อ พ.ศ. 2483 เมื่ออายุได้ 57 ปี จนเกษียณอายุราชการ หลังเกษียณแล้วได้รับเชิญเป็นอาจารย์ใน[[มหาวิทยาลัยศิลปากร]]


ต่อมาวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 ได้รับพระบรมราชานุญาตให้กลับคืนมีบรรดาศักดิ์ดังเดิม<ref>{{cite journal|journal=ราชกิจจานุเบกษา|volume=62|issue=11 ง|pages=127|title=ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ข้าราชการกลับคืนมีบรรดาศักดิ์|url=http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2488/D/011/225.PDF|date=13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488|accessdate=10 ธันวาคม 2561|language=ไทย}}</ref>
ต่อมาวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 ได้รับพระบรมราชานุญาตให้กลับคืนมีบรรดาศักดิ์ดังเดิม<ref>{{cite journal|journal=ราชกิจจานุเบกษา|volume=62|issue=11 ง|pages=127|title=ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ข้าราชการกลับคืนมีบรรดาศักดิ์|url=http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2488/D/011/225.PDF|date=13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488|accessdate=10 ธันวาคม 2561}}</ref>


ปี พ.ศ. 2493 กรมตำรวจได้ขอยืมตัวให้ไปช่วยก่อตั้ง[[วงดุริยางค์สากลกรมตำรวจ]]และทำงานด้านดนตรี จนถึงแก่อนิจกรรมเมื่ออายุได้ 85 ปี 5 เดือน
ปี พ.ศ. 2493 กรมตำรวจได้ขอยืมตัวให้ไปช่วยก่อตั้ง[[วงดุริยางค์สากลกรมตำรวจ]]และทำงานด้านดนตรี จนถึงแก่อนิจกรรมเมื่ออายุได้ 85 ปี 5 เดือน

รุ่นแก้ไขเมื่อ 15:38, 30 พฤศจิกายน 2563

พระเจนดุริยางค์ (ปิติ วาทยะกร)
ไฟล์:ปิติ วาทยากร.jpg
เกิด13 กรกฎาคม พ.ศ. 2426
อำเภอบ้านทะวาย กรุงเทพมหานคร ประเทศสยาม
เสียชีวิต25 ธันวาคม พ.ศ. 2511 (85 ปี 165 วัน)
กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย
บุตร10 คน
บิดามารดา
  • นายจาคอบ ไฟท์ (บิดา)
  • นางทองอยู่ (มารดา)

เสวกโท พระเจนดุริยางค์ (ปีติ วาทยะกร) (มักเขียนเป็น "ปิติ") ชื่อเดิม ปิเตอร์ ไฟท์ (Peter Feit) หรือ ปิเตอร์ ไฟท์ วาทยะกร[1] (13 กรกฎาคม พ.ศ. 2426 - 25 ธันวาคม พ.ศ. 2511) บุคคลสำคัญในวงการดนตรีของประเทศไทย ผู้ริเริ่มการบันทึกเพลงไทยเดิมด้วยโน้ตสากลโดยเทียบเสียงให้ตรงกับเครื่องดนตรีไทยทุกชิ้น เรียกว่า เพลงไทยประสานเสียง (Thai Music Harmony) ของ กรมศิลปากร

เป็นอาจารย์วิชาดนตรีผู้ทุ่มเทสนับสนุนศิษย์เอก ครูเอื้อ สุนทรสนาน และครูชลหมู่ ชลานุเคราะห์ (นักเชลโล่ ,ผู้เรียบเรียงและอำนวยเพลงวงดุริยางค์สากลกรมศิลปากร) ครูประสาน สุทัศน์ ณ อยุธยา (นัก Cello, Double Bass และผู้เรียบเรียงเสียงประสานแห่งวงดุริยางค์สากลกรมศิลปากร) รวมทั้งเป็นผู้วางรากฐานวงดุริยางค์ทหารอากาศ และวงดุริยางค์ตำรวจ

ประวัติ

วัยต้น

เกิดที่ตำบลบ้านทะวาย อำเภอบ้านทะวาย จังหวัดพระนคร เป็นบุตรของนายจาคอบ ไฟท์ (Jacob Feit หรือ Veit) ชาวอเมริกันเชื้อสายเยอรมัน[2] กับนางทองอยู่ ชาวไทยเชื้อสายมอญ[3] มีภรรยาสามคนคือ นางเบอร์ธา, นางบัวคำ และนางลิ้ม มีบุตรธิดารวมทั้งสิ้น 10 คน

เริ่มเข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก เมื่อ พ.ศ. 2433 จบการศึกษาหลักสูตรภาษาฝรั่งเศสและภาษาอังกฤษเมื่อ พ.ศ. 2433

เริ่มเรียนดนตรีกับบิดาเมื่ออายุ 10 ขวบ ต่อจากนั้นได้ศึกษาดนตรีด้วยตนเองมาโดยตลอดจนมีความรู้และความชำนาญอย่างแตกฉาน และได้เดินทางไปศึกษาต่อมหาวิทยาลัยดนตรีเฟรเดริก ชอแป็ง ที่กรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์

วัยหนุ่ม

สมัครเข้าเป็นครูโรงเรียนอัสสัมชัญขณะอายุได้ 18 ปี เมื่อ พ.ศ. 2444 หลังจากนั้นอีกสองปีจึงเข้ารับราชการในกรมรถไฟหลวง กระทั่งได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น ขุนเจนรถรัฐ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2456

วันที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2460 พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้โอนมาเป็นผู้ช่วยปลัดกรมเครื่องสายฝรั่ง กรมมหรสพพร้อมกับรับพระราชทานยศชั้นหุ้มแพรต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น หลวงเจนดุริยางค์ เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2460 ในตำแหน่งครูวงเครื่องสายฝรั่งหลวง และทำหน้าที่ผู้สอนวิชาดนตรีสากลให้สามัคยาจารยสมาคมและผลักดันให้วิชาขับร้อง (ด้วยโน้ต) เป็นวิชาเลือกในการสอบเลื่อนวิทยฐานะทั้งชุดของครูประถมและครูมัธยม

ต่อมาได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น พระเจนดุริยางค์ ถือศักดินา ๖๐๐ เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2465

วัยปลาย

โอนสังกัดไปสอนในวงดุริยางค์ทหารอากาศเมื่อ พ.ศ. 2483 เมื่ออายุได้ 57 ปี จนเกษียณอายุราชการ หลังเกษียณแล้วได้รับเชิญเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยศิลปากร

ต่อมาวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488 ได้รับพระบรมราชานุญาตให้กลับคืนมีบรรดาศักดิ์ดังเดิม[4]

ปี พ.ศ. 2493 กรมตำรวจได้ขอยืมตัวให้ไปช่วยก่อตั้งวงดุริยางค์สากลกรมตำรวจและทำงานด้านดนตรี จนถึงแก่อนิจกรรมเมื่ออายุได้ 85 ปี 5 เดือน

ผลงาน

บรรดาศักดิ์

  • 30 มีนาคม พ.ศ. 2456 ขุนเจนรถรัฐ ถือศักดินา ๔๐๐[6]
  • 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2460 หลวงเจนดุริยางค์[7]
  • 30 ธันวาคม พ.ศ. 2465 พระเจนดุริยางค์ ถือศักดินา ๖๐๐[8]

ยศและตำแหน่ง

  • รองอำมาตย์เอก
  • 24 สิงหาคม พ.ศ. 2460 ผู้ช่วยปลัดกรมเครื่องสายฝรั่ง กรมมหรสพ[9]
  • 24 สิงหาคม พ.ศ. 2460 หุ้มแพร[10]
  • 4 มกราคม พ.ศ. 2462 จ่า[11]
  • นายหมวดเอก
  • รองหัวหมื่น

เกียรติยศ

อ้างอิง

  • พระเจนดุริยางค์ ประมวลประวัติครู คุรุสภาจัดพิมพ์ร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี กระทรวงศึกษาธิการ. กรุงเทพฯ โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2535. หน้า 95
  1. "ส่งเครื่องราชอิศริยาภรณ์ไปพระราชทาน" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 43 (0 ง): 454. 2 พฤษภาคม 2469.
  2. Mandy Radics (18 July 2009). "Der Auswanderer-Sohn und die Hymne". Trierischer Volksfreund (ภาษาเยอรมัน).
  3. Gustaf Dietrich. "Die thailändische Nationalhymne – ihre Wurzeln reichen nach Trier" (ภาษาเยอรมัน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 12 October 2014. สืบค้นเมื่อ 12 December 2016.
  4. "ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง พระราชทานพระบรมราชานุญาตให้ข้าราชการกลับคืนมีบรรดาศักดิ์" (PDF). ราชกิจจานุเบกษา. 62 (11 ง): 127. 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488. สืบค้นเมื่อ 10 ธันวาคม 2561. {{cite journal}}: ตรวจสอบค่าวันที่ใน: |accessdate= และ |date= (help)
  5. เพลงชาติไทย เนื้อร้อง ประวัติที่มาจากอดีตสู่ปัจจุบัน
  6. ตั้งและเลื่อนบรรดาศักดิ์ (หน้า ๕๗)
  7. พระราชทานบรรดาศักดิ์
  8. พระราชทานบรรดาศักดิ์ (หน้า ๒๘๘๙)
  9. แจ้งความกรมมหาดเล็ก
  10. แจ้งความกรมมหาดเล็ก
  11. พระราชทานยศ (หน้า ๓๐๒๒)
  12. พระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (หน้า ๓๐๘๐)
  13. พระราชทานเหรียญดุษฎีมาลา
  14. พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์ (หน้า ๓๓๒๑)
  15. พระราชทานเหรียญรัตนาภรณ์